ความคิดเห็นที่ 2 |
อย่าพยายามทำเลยครับ เสียเวลาหากระดาษชนิดต่างๆมาทดลอง แล้วอาจไม่ได้ผลในที่สุด หรือได้ผลแต่ไม่ดีเท่าของเดิม
ทำให้ถุงเดิมใช้ได้หลายๆครั้งโดยไม่ต้องโยนทิ้งเมื่อฝุ่นเต็มถุงดีกว่าครับ
ที่เราต้องทิ้งถุงเมื่อฝุ่นเต็มก็เพราะถ้าไม่ทิ้ง ก็ต้องเอาฝุ่นออกทางปากถุงให้หมด จะใช้คีมใช้ตะเกียบหรือใช้อะไรก็แล้วแต่ถนัดดึงฝุ่นที่เป็นชิ้นๆออกให้หมด หมดแล้วก็ต้องเคาะๆให้ฝุ่นที่ติดอยู่ตามผนังด้านในถุงร่วงออกให้มากที่สุด เป็นที่ทุลักทุเลยิ่งนัก ทิ้งทั้งถุงดีกว่า ง่ายดี ทิ้งไปสักปีครึ่งปี เอ๊ะ ค่าถุงใหม่จะเกินค่าตัวเครื่องแล้วนี่ (หว่า) เหมือนค่าเปลี่ยนหมึกเครื่องพริ้นเตอร์เลย
ถ้าไม่เอาฝุ่นออกทางปากถุง ก็ต้องเอาออกทางก้นถุง จะเอาออกทางก้นถุงได้ ก็ต้องตัดก้นถุง ตัดให้ชิดรอยผนึกเดิมให้มากที่สุด ให้กลายเป็นถุงไม่มีก้น
เทฝุ่นออกให้หมดถุง (ง่ายมาก) แถมด้วยเคาะๆดีดๆให้ฝุ่นที่เกาะอยู่ในผนังด้านในถุงร่วงออกมาให้มากที่สุด(ก็ง่ายอีกแหละ) แล้วพับก้นถุงตามแนวที่ตัดสองทบ กว้างทบละสักหนึ่ง ซ.ม. ความยาวถุงจะหายไปสอง ซ.ม. ชั่งมันเหอะ เอาตัวหนีบกระดาษสีดำๆขนาดเล็กสุดหนีบแนวที่พับทบไว้สักสามตัว ซ้าย ขวา และกลาง พับมือจับตัวหนีบให้แนบกับตัวหนีบอย่าให้มันโด่แกะกะ เอาถุงใส่กลับเข้าเครื่อง ใช้งานต่อไป พอฝุ่นเต็มถุง ก็ถอดถุงออกจากเครื่อง ถอดตัวหนีบก้นถุงออก เทฝุ่นทิ้ง เคาะๆ พับๆ หนีบๆ ใส่กลับเข้าเครื่อง แล้วก็ ดูดๆ ต่อไปอีก ใช้จนถุงเปื่อยหรือรูตันเคาะฝุ่นไม่ออกอีกแล้ว ก็โยนทิ้งไป ประมาณว่าน่าจะใช้ได้ซ้ำๆถึงห้าครั้งหรือกว่านั้น
จะใช้สันพลาสติกที่มากับปกแฟ้มพลาสติกแทนตัวหนีบกระดาษก็ได้ ตัดสันพลาสติกให้ยาวเท่ากับความยาวของก้นถุงแล้วเสียบเข้าไป ต้องหนีบได้แน่นนะครับ ถ้าหลวมไปละก็ลมอัดฝุ่่นกระจายออกตูดถุงนะ จะบอกให้
จากคุณ |
:
ทัศนะ (Tassna)
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ค. 53 14:57:53
|
|
|
|