 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
ขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้ 1. เบี้ยประกันภัยที่จ่ายทั้งสิ้น 142,992 บาท เป็นเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นเงินทั้งสิ้น 109,974 บาท (ทั้งนี้ตอนยื่นเสียภาษี จะใช้ลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท) 2. ความคุ้มครองตามที่ได้จ่ายเงินไป แบ่งออกเป็น 3 กรมธรรม์
กรมธรรม์ที่ 1 คือ กรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งจะจ่ายเิงินให้เมื่อ "เสียชีวิต" เท่านั้น ทั้งนี้จำนวนเงินที่ทางบริษัทประกันจะชำระเป็นค่าสินไหมให้คือ 3,274,000 บาท ไม่ว่าจะเสียชีิวตเมื่อไหร่ก็ตาม (ภายใน 10 ปีนี้) หากมีหนี้สินน้อยกว่า จำนวนเงินเอาประกัน ส่วนที่เหลือบริษัทประกันจะจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์
กรมธรรม์ที่ 2 จะจ่ายค่าสินไหม เมื่อเกิดการทุพพลภาพ แต่ไม่ถึงตาย ทั้งนี้จำนวนเงินที่จะจ่ายให้นั้น สูงสุดไม่เกิน 3,274,000 บาท จำนวนเงินที่จ่ายให้จะเป็นสัดส่วนกับ "ความเสียหาย" ที่เกิดแก่ร่างกาย อันนี้ต้องไปอ่านในกรมธรรม์เพิ่มเติมครับ
กรมธรรม์ที่ 3 คือ กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ... หากเิกิดอุบัติเหตุ จนถึงแก่ชีวิต นอกจากจะได้เงินตาม กรมธรรม์ที่ 1 แล้ว จะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์นี้อีกด้วย เป็นเงินจำนวน 1,637,000 บาท
ข้อสังเกตุ กรมธรรม์ที่ 1 และ 2 จะไม่จ่ายพร้อมกัน เพราะ หากเกิดอุบัติเหตุแล้วตาย ก็จะได้เงินตาม กรมธรรม์ที่ 1 (เพราะ ตายแล้ว จะไม่ ทุพพลภาพ) แต่ถ้า ไม่ตาย แล้ว เสียแขน / ขา / ดวงตา .... อันนี้เรียกว่าทุพพลภาพ ประกันจะจ่ายให้ตาม กรมธรรม์ที่ 2
แต่ภายหลังจากที่เกิดการทุพพลภาพ (ได้เงินแล้ว) ต่อมาเสียชีวิต จะได้รับเงินตามกรมธรรม์ที่ 1 ด้วยอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ต้องกลับไปอ่านกรมธรรม์ในเงื่อนไขของการจ่ายค่าสินไหมอีกครั้งครับ ที่สรุปให้เป็นการอธิบายตามหลักการของกรมธรรม์ทั่วๆไป
แต่กรมธรรม์ที่คุณถืออยู่ผมไม่ทราบว่าจะมีข้อยกเว้นอะไรเพิ่มเติมอยู่อีกบ้าง
สรุปสุดท้าย
หากภายในระยะเวลา 10 ปี ไม่เกิดอะไรขึ้น (และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ emm&pla) เบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้ว ก็จะสูญสลายหายไป ไม่ได้อะไรกลับคืนมา นะครับ....
จากคุณ |
:
kitz
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ค. 53 17:51:09
|
|
|
|
 |