จขกท. นะครับ อยากให้เปรียบเทียบภาพครับ ความคิดเห็นที่ 28 กับ ภาพนี่ด้านล่าง ครับ เห็นอะไรไหมเอ่ย ติ๊กต๊อก ๆ ๆ มันเป็นจับผิดภาพครับ ว่าสองภาพนี้ต่างกันตรงไหน.........
หลังจากที่ผมกระทำการ บางอย่าง ซึ่งไม่ได้อยากทำนัก ตามความคิดเห็น ที่ 28 และก็คิดว่าน่าจะสื่อสารให้เพื่อนบ้านที่ไม่รุ้เรื่อง หรือพึ่งย้ายมา หรืออาจจะมีการตำหนิ การต่อเติมบ้านเพื่อหนีปัญหาเพื่อนบ้านโรคจิตของผมก็ตาม ต้องยอมรับว่า คนเรานานาจิตตัง เราไม่สามารถควบคุมความคิดของใครได้ สุดแล้วแต่ว่าใครจะคิดบวกกับผม หรือคิดลบก็ได้
หลังจากติดมา ประมาณ 1 วัน กับ 1 คืน เช้าวันนี้ผมตื่นไปทำงาน ออกจากบ้าน 06.30 ตอนไปทำงานก็ปกติ ตามความคิดเห็นที่ 28 ถึงแม้เมื่อคืน จะฝนตกหนักมากๆๆๆ นั่งรถไปกับพี่ที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านคู่กรณี ตามปกติทุกวัน พี่เค้าก็บอกให้ผมถอดกระดาษออกเถอะ เพราะ เพื่อนบ้านคนอื่น จะมองว่า ผมเป็นคนยังไง มันไม่ดี พี่เค้าก็หวังดีครับ แต่ผมก็บอกไปว่า ผมทำไปแล้ว ผมดึงออกไม่ได้ จนกว่าคนกวาดถนนส่วนกลางจะมากวาดขยะพวกนี้ ลงถังหมดก่อน ผมจึงจะดึงออก........เพราะถ้าผมดึงออกก่อน เค้าก็จะคิดได้แค่ว่าผมกลัวเค้าอีกแล้ว
แต่แล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านเวลา 19.30 น. ภาพที่เห็นก็คือภาพนี้ กระจุยกระจาย ฝนก็ไม่ตกนี่หน่า หมาก็ไม่มีแล้ว เพราะว่า บ้านที่เลี้ยงหมา เอาหมาไปจนหมดซอย ไปพร้อมกับการย้ายบ้านหนี
คงเดาได้ว่าอะไรเกิดขึ้น ผมก็จัดการถ่ายรูป ต่อหน้าญาติ ๆ คู่กรณี ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านผม ซึ่งก็นั่งกับที่ท้ายรถกระบะ เป็นปกติทุกวัน และที่สำคัญ มีศรีภรรยา ของบ้านคู่กรณี นั่งอยู่ที่หน้าบ้านญาติเค้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านผม กับลูกน้อย 2 คน คุยเสียงดังแปดหลอดเป็นปกติ(ผัวเมีย และลูก บ้านคู่กรณีไม่เคยคุยด้วยเสียงปกติครับ ทั้งบ้าน จะได้ยินทุกคำพูด ถึงแม้จะปิดประตูบ้านผมก็ตาม....ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ แต่คิดขำแค่นั่น ว่าทำไงต้องแหกปากพูดตลอดเวลา ลูกจ้าง เค้าอยู่เต็มบ้าน ไม่เห็นจะได้ยินเสียง ได้ยินก็แต่พ่อแม่ลูก คุยปกติก็ได้ยินทุกคำพูด )....ภรรยา ซึ่งรู้เห็นเป็นใจ ให้สามีกระทำการชั่ว ๆ แต่เเสเเสร้งทำเป็นดีต่อหน้าเพื่อนบ้าน ไม่ได้ใส่ร้ายครับ แต่เคยเจอกับตัว ถ้าคนดีจริง คงห้ามสามี ตั้งแต่ สามีค่อยหาเรื่องผม หรือตีหลังคาบ้านผมไปแล้ว เพราะมันเสียงดังสนั่นขนาดนั่น
และที่สำคัญ มีลูกชายวัยประมาณ สัก 4-5 ขวบมายืนดูการถ่ายรูปของผมแบบ งง งง มั่งครับ แล้วก็วิ่งไปหาแม่ ผมก็เดินเข้าบ้านไป ไม่ต้องการได้ยิน หรือรับรู้อะไรอีก
ก็ภาวนา ว่า ถ้าเป็นการกระทำของ คู่กรณี ก็ขอให้เป็นการกระทำ เพราะทนอับอายไม่ได้ หรือสำนึกได้ ว่าควรหยุดซะที ไม่ใช่ ทำด้วยอารมณ์โกรธหรือหาทางเอาคืนผมอีก
ความคิดผมดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ผมจะไม่ตอบโต้ แต่ผมจะสู้ คนเราเมื่อถึงทางตันที่สุด โดนรังแกที่สุด มันก็ ฮึด สู้ ก็สู้ว่ะ แต่การต่อสู้ของผม จะไม่ใช่การแรงมาแรงไป แต่ต่อจากนี้ไป ผมจะเดินออกไปจากบ้าน ถึงแม้ว่า เค้าจะยืนมองผมด้วยตาเขม็ง จะกินเลือดกินเนื้อก็ตาม จะไม่เครียดอีก เมื่อต้องกลับบ้าน มาถึงบ้านพร้อม ๆ เค้า เพราะเบื่อการจ้องมองหาเรื่อง
แต่ก่อน ผมจะต้องเดินบ้าบอ อยู่ในห้างตลอด จนห้างปิด เพื่อไม่ให้กลับถึงบ้านพร้อม ๆ กับที่เขาถึงบ้าน คือพูดง่าย ๆ ว่าพยายามเลี่ยง จนวิถีชีวิตเราต้องเปลี่ยนไป จะกลับบ้านสักที ต้องคำนวณเวลากันปวดหัวไปหมด
ต่อจากนี้ไป เวลาเค้าจ้องมองทำนองหาเรื่อง หรือทำลายทรัพย์สินผม ถ้าไม่ถึงกับเสียหาย ผมจะยิ้มเยาะในใจ และสมเพชเค้าในใจ ให้เค้าร้อนรุ่มฝ่ายเดียว สู้กันแบบคนมีการศึกษา
ขอให้ผมทำได้สำเร็จ ขออย่าให้ผมหนีปัญหา เลี่ยงปัญหา จนเค้าคิดว่าผมกลัว ผมไม่กลัวจริง ๆ แต่ผมเบื่อ ผมอยากอยู่อย่างสงบ ในบ้านที่พ่อแม่ ซื้อให้ก็แค่นั่น เหมือนคนทั่วไป
แต่ก็หวังว่า คงไม่มีถึงขั้นเลือดตกยางออก แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมจะสั่งเสีย คนที่ผมรู้จักให้ ช่วยโพสต์แจ้งข่าวครับ แต่คิดว่า ก็ไม่น่ามีอะไรร้ายแรง เพราะเค้าจะได้แค่ลอบกัด เท่าที่เคยเจอ แต่ก็นั่นหล่ะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ข่าวก็มีให้เห็นกันมานักต่อนัก
ขอให้ผมผ่านไปได้ และขอให้กระทู้ต่อไป กลายเป็นกระทู้ที่ประกาศให้เพื่อน ๆ รับรู้ ว่าผมมีความสุขแล้ว กับบ้านหลังไหนก็ตาม ที่ผมต้องใช้ซุกหัวนอน กับบ้านที่ผมรัก ที่ไหนก็ตาม แล้วแต่ชะตาลิขิตครับ
ขออภัยนะครับ ที่พิมพ์ซะยืดยาว ทำให้ต้องอ่านจนปวดตา .....เพราะว่าจะติดเป็นคนพิมพ์เร็ว เลยเพลินครับ........ขอบคุณครับผม
หลังจากที่มองเห็นมุมมืดในชีวิตที่ผมเจอ ยังไงก็ลองคลิกลิงค์นี่ซิครับ http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R9511188/R9511188.html ผมก็มีมุมสว่างในชีวิตเหมือนครับ และทั้งหมดในลิงค์นี่ ก็เกิดจากการที่ผมพยายามเนรมิตบ้าน ภายในบ้านให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ หลังจากที่ผมไม่ทำอะไรกับบ้านผมเลย หลังจากมีปัญหา ผมทิ้งทุกอย่าง ไม่ทำอะไรเพิ่ม นานหลายปีมาก ผมอยู่แบบปิดม่าน ตลอดเวลา ไม่เดินออกไปข้างบ้าน ถ้าไม่จำเป็น ญาติหรือแม่มาเยี่ยมผมก็อึดอัดไปด้วย กลางวันก็จะมืดตลอด เพราะผมปิดม่านตลอด ไม่ให้คู่กรณี มองเข้ามาหาเรื่อง หรือมองเราเป็นเป้านิ่งได้ แต่ในรอบปีที่ผ่าน ผมต่อเติมบ้านผม 2 รอบ ทำภายในบ้าน ให้น่าอยู่ที่สุด ถึงแม้ข้างนอกบ้านจะร้อนรุ่มขนาดไหนก็ตาม ผมก็เลยมีความสุขกับบ้านผมในระดับหนึ่ง หากอยุ่ในบ้าน
อีกนิดครับ ที่เห็นถนนบ้านผมในภาพมันดำ ๆ เขียว ๆ มันไม่ใช่ความสกปรกนะครับ แต่บ้านผม เป็นบ้านเดียวที่ต้นไม้เยอะที่สุดในซอย และก็น่าเเปลกที่เป็นบ้านเดียวที่มีตระไคร่ ขึ้นซะเขียว ผมก็จะขัดเป็นประจำครับ ถึงแม้จะเป็นถนนหน้าบ้าน ปกติก็จะออกไปขัดทำความสะอาดครับ แต่ตอนนี้พึ่งต่อเติมบ้านเสร็จไม่นาน พึ่งจะหายเหนื่อย หน้าบ้านก็เลย ยังมีสภาพ ตระไคร่บ้าง แต่ยืนยันครับ ว่า ไม่ได้มาจากความสกปรกครับผม
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 53 23:55:54
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 53 23:51:47
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 53 23:37:16
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 53 23:31:06
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 53 23:30:04