มีกระทู้งูมาบ่อยๆ เลยเอาข่าวงูๆมาให้อ่าน
|
|
สธ.สั่ง โรงพยาบาลในสังกัดเตรียมเซรุ่มแก้พิษงู 7 ชนิด หลังพบผู้ถูกงูพิษกัด7,603 ราย เตือนประชาชนระวัง หน้าฝนงูพิษชุม แนะหากถูกกัดควรรีบไปพบแพทย์
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยมีฝนตกชุก บางแห่งอาจประสบน้ำท่วมขัง ทำให้สัตว์เลื้อยคลานหนีน้ำและอาจจะเข้ามาอยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยได้ โดยเฉพาะงูพิษหากถูกกัด อาจทำให้เสียชวิตได้ ดังนั้น ปีนี้ สธ.ได้ให้สถานบริการโดยเฉพาะโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน สำรองเซรุ่มแก้พิษงูไว้ให้พร้อมตามชนิดของงูที่พบบ่อยในแต่ละภูมิภาค ซึ่งมี 7 ชนิด ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ปลัด สธ.กล่าวด้วยว่า จากการติดตามสถานการณ์งูพิษกัด สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรครายงาน ในปี 2552 ทั่วประเทศพบผู้ที่ถูกงูพิษกัด 7,603 ราย จาก 41 จังหวัด ไม่มีรายงานเสียชีวิต พบมากในกลุ่มอายุ 55-64 ปี ร้อยละ 88 อยู่ในชนบท โดย 2 ใน 3 มีอาชีพเกษตรกรรม และรับจ้าง เกือบร้อยละ 50 ถูกกัดในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ประชาชนทำงานในไร่นา หรือเป็นช่วงที่มีน้ำท่วมขังมาก จึงมีความเสี่ยงต่อการถูกงูกัดสูง เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่าอัตราการถูกงูพิษกัดและเสียชีวิตมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เมื่อวิเคราะห์รายภาคพบว่าจำนวนผู้ถูกงูพิษกัด อยู่ในภาคเหนือและภาคใต้มากกว่าภาคอื่น จังหวัดที่มีอัตราการ ถูกงูพิษกัดสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทุกๆ 1 แสนคน ได้แก่ อันดับ 1 ได้แก่ประจวบคีรีขันธ์ รองลงมาคือ สมุทรสงคราม ตรัง ปราจีนบุรี ชัยนาท พิจิตร กระบี่ สิงห์บุรีตราด และเพชรบุรี
ด้าน นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การ สังเกตว่างูที่กัดเป็นงูมีพิษหรือไม่นั้น ขอให้ประชาชนดูจากรอยเขี้ยวงู รอยแผลจะมีขนาดเล็กคล้ายถูกเข็มตำ โดยปกติจะมี 2 รอยอยู่คู่กัน อย่างไรก็ตามในบางครั้งอาจจะเห็นเพียงรอยเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถูกกัดบริเวณปลายมือปลายเท้า หรือบางครั้งอาจเห็นมากกว่า 2 รอย ในกรณีที่ถูกกัดมากกว่า 1 ครั้ง โดย พิษนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของงู เช่น งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา มีพิษต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก กลืนลำบาก พูดไม่ชัด และหยุดหายใจ งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ มีพิษต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกผิดปกติ เช่นมีเลือดซึมออก จากแผลรอยเขี้ยว มีจ้ำเลือดบริเวณแผล มีเลือดออกตามไรฟัน บางรายอาจเกิดปัญหาไตวายได้ หากถูกงูกัดควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถึงมือแพทย์ โดยให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด โดยพยายามให้อวัยวะที่ถูกกัดอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ห้ามใช้ปากดูดพิษ เพราะอาจทำให้ได้รับพิษสูงขึ้น รีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
จากคุณ |
:
ต้นโพธิ์ต้นไทร
|
เขียนเมื่อ |
:
วันอาสาฬหบูชา 53 19:23:10
|
|
|
|