 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
แนวคิดเรื่องนี้คือ
1. มีรายได้ เป็นเดือน เดือนละ 30,000 บาท ติดต่อกัน 12 เดือน 2. มีค่าเสียโอกาส เงินทุน 5,000,000 บาท คิดเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 2.1 สมมติ 1 % ต่อปี ก็เป็น 1/12 % ต่อเดือน 3. ถ้าเงินจำนวนนี้ กู้มา จะมี รายจ่ายจากค่าดอกเบี้ยเงินกู้อีกจำนวนหนึ่ง 3.1 สมมติ มีดอกเบี้ย 6.0 % ของ เงินต้น คิดเป็น เดือนละ 0.5 % 4. ค่าอัตราเงินเฟ้อ ของกรมการค้าภายใน เฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 3 % คิดเป็นเดือนละ 0.25 %
มาดู รายจ่ายกัน กรณี A เราจ่ายเงินลงทุนเองทั้งหมด
1. เรามีรายจ่ายเป็นค่าเสียโอกาสของเงินทุน คือ 1/12 % ของเงินทุน 5,000,000 บาท เป็นเงินเดือนละ 4,166.67 บาท 2. เราเสีย ค่าอัตราเงินเฟ้อ ของ เงินได้ คือ 0.25% ของ เงิน 30,000 บาท ไปเดือน แรก คือ 75 บาท
3. ดังนั้น เงินได้เดือนแรก ของเราจะเหลือเพียง 30,000 4,166.67 75 = 25,758.33 บาท
จาก ตรงนี้ เราพอจะอนุมาน คร่าวๆ ได้ว่า เงิน 5,000,000 บาท ได้เป็นเม็ดเงิน คืนเข้ามาจริงๆ 25,758.33 บาท
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อเดือนได้ = (25,758.33/5,000,000) x 100 = 0.515 % หรือ 6.18 %
กรณี B เราจ่ายเงินลงทุนโดย เม็ดเงินลงทุนมาจากเงินกู้ทั้งหมด
1. เรามีรายจ่ายเป็น ดอกเบี้ย ของ เงินทุน 5,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 6% ของเงินทุน คิดเป็นดอกเบี้ย ต่อเดือน คือ 25,000 บาท
2. เราเสียค่าเงินเฟ้อ ของรายได้ในเดือนแรกคือ 75 บาท
3. เรารับค่าเช่ามา 30,000 บาท
ดังนั้นคิดเป็นการรับเงินสุทธิ 30,000 25,000 75 = 4,925 บาท
คิดเป็น ผลกำไร (4,925/5,000,000) x 1,00 = 0.0985 % ต่อเดือน หรือ 1.182 % ต่อปี
ปกติการคิดอัตราผลตอบแทน เราจะไม่คิดหลังดอกเบี้ยจ่าย เราจะคิดก่อน ดอกเบี้ยจ่าย ทั้งยังต้องคิด ก่อน ภาษีด้วย
เรียกว่า Earning before interest and tax มีชื่อย่อว่า EBIT
กรณี นี้โครงการ ลงทุน 5 ล้าน เราจะมีรายรับเข้ามา ประมาณ 6.18 % ของเงินทุน
ดังนั้น หากเราจะกู้ เราจะต้อง ไม่ทำให้เงินกู้ มีอัตราดอกเบี้ยจ่าย เท่ากับ หรือ เกิน กว่า 6.18 % ของเงินลงทุนทั้งหมด ไม่งั้น ผลตอบแทนโครงการจะเป็นลบ
แปลว่า ขาดทุน
ปล. ผม เป็นหนึ่ง ในผู้ "ไม่รู้จริง" ของเรื่องนี้ การอ่านความเห็นของผม โปรดใช้วิจารณญาณ
จากคุณ |
:
น้าพร
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ก.ค. 53 00:10:35
|
|
|
|
 |