|
ความคิดเห็นที่ 7 |
เจ้าของที่ดิน ได้ไปดูที่ดินแล้วใช่ไหมคะ
เคยเห็นใช่ไหม ที่มีตึก 4 ชั้นสร้างเกือบเสร็จ แต่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้
เพราะ ตึกนั้นคือ "อพาร์ทเมนต์"
เป็นข่าวครึกโครมในวงการอพาร์ทเมนต์นึงทีเดียว ที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก.... (ขออภัยที่แปะข้อความยาวมาก เนื่องจากมีข้อมูลเก็บไว้ แต่จำไม่ได้ว่าลิงค์นี้อยู่ที่ไหน จึงต้องแปะให้อ่านทั้งดุ้น)
ลองศึกษาและอย่าทำพลาดเหมือนเจ้าของตึกดังกล่าวนะคะ น่าเสียดายมากที่ต้องทิ้งเงินลงไปแล้วทำธุรกิจไม่ได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ก่อสร้าง'หอพัก'ในที่ดินจัดสรร มีสิทธิถูกระงับก่อสร้าง-ทุบทิ้ง(คดีตัวอย่าง) เจ้าของคอนโดฯ-หอพัก-อพาร์ทเม้นท์ฬฯโครงการจัดสรร กระอัก! มีสิทธิถูกถอนใบอนุญาต-รื้อถอนอาคาร กรมที่ดินยึดคำพิพากษาศาลปกครองปลายปี49 ยกกรณีตัวอย่าง "เมืองเอก" เป็นต้นแบบเอาผิด หลังลูกบ้านฟ้องร้อง สร้างหอพักในพื้นที่หมู่บ้านจัดสรรร่วม 100 อาคาร ศาล สั่งระงับใช้อาคาร เหตุ ขออนุญาตฯเป็นหมู่บ้านจัดสรร ยันแม้ผังเมืองไฟเขียวสร้างได้ หากอยู่กลางหมู่บ้านถือว่าเข้าข่ายผิดอาญา/ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนรำคาญ ลูกบ้านร้องศาลปกครองได้ทันที
แหล่งข่าวจากกรมที่ดินเปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า กรมได้ยึดคำพิพากษา ศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 1509/2547 และคดีหมายเลขแดง ที่ 1143 /2549 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมาเป็นกรณีตัวอย่าง โดยมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาต และ ระงับการก่อสร้างอาคารประเภทหอพักภายในหมู่บ้านเมืองเอก ตำบลหลักหก อำเภอเมืองจังหวัดปทุมธานี ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างบริเวณวงเวียนของหมู่บ้าน ซอยเอกทักษิณ หลังจากลูกบ้านได้ยื่นเรื่องฟ้องศาล กระทั่งมีคำพิพากษาออกมาดังกล่าว โดยศาลให้เหตุผลที่ว่า เจตนา ของเจ้าของโครงการต้องการพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวอยู่อาศัย ไม่ควรดัดแปลงอาคารด้วยการทุบบ้านหลังเก่า หรือ ซื้อที่ดินเปล่าในโครงการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยรวมสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อยู่อาศัยรายอื่น
จากกรณีข้างต้น กรมได้มีหนังสือเวียน แจ้งไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ ให้ตรวจสอบอาคารลักษณะดังกล่าวในโครงการจัดสรรทั้งที่ยื่นขออนุญาตและเลี่ยงพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 เพราะเชื่อว่ามีพวกหัวใสซื้อบ้านหรือที่ดินเปล่าในโครงการทำหอพัก อาร์พาร์ทเม้นท์ จำนวนมาก หากตรวจสอบ พบ ให้ยื่นฟ้องศาลในนามชาวบ้าน หรือ ให้ลูกบ้านแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเอาผิดทางกฎหมายคดีอาญาได้ทันที เนื่องจาก กรมยอมรับว่า กฎหมายจัดสรรมีช่องโหว่ที่ไม่ได้ระบุข้อห้าม ไว้ ว่า ภายหลังจากอยู่อาศัยแล้ว ห้ามดัดแปลงเปลี่ยนการใช้อาคาร ดังนั้น ลูกบ้านหรือ นักธุรกิจที่ฉวยโอกาส จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายควบคุมอาคาร ขอนุญาตฯพัฒนาเป็นอาคารอยู่อาศัยรวมได้
ต่อข้อถามที่ว่า หากกฎหมายผังเมือง กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในกรณี พื้นที่ที่ตั้งโครงการจัดสรรนั้นๆ สามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้ จะเอาผิดได้หรือ ไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า หาก อาคารอยู่อาศัยรวม เกิดขึ้นในโครงการจัดสรร ทั้งเก่าและใหม่ ไม่ว่าผังเมือง และกฎหมายควบคุมอาคารจะให้อำนาจ แต่ จะต้องอิงตามกฎหมายหลักคือ กฎหมายจัดสรรที่ดิน เพราะ กำหนดให้พัฒนาได้เฉพาะ โครงการบ้านจัดสรรเท่านั้น ที่สำคัญเมื่อมีคำสั่งศาลออกมา แม้ว่ายังไม่ใช่คำสั่งศาลปกครองสูงสุดก็ให้ยึดคำสั่งศาลถือเป็นที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ระหว่างก่อสร้างหรือ สร้างเสร็จแล้ว หากใครฝ่าฝืนนอกจากจะถูกสั่งระงับการก่อสร้างและถอนใบอนุญาตแล้ว อาคารดังกล่าว จะต้องเข้าขายถูกรื้อถอนและ ห้ามใช้อาคารเพราะเป็นอาคารผิดกฎหมายที่ไม่มีใบอนุญาตปลูกสร้างฯ
อย่างไรก็ดีปัญหาการปลูกสร้างหอพักในหมู่บ้านเมืองเอก กรมที่ดินถือเป็นกรณีตัวอย่างที่จะใช้เป็นแนวทางปฎิบัติ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ซื้อที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยกับการปลูกสร้างหอพักเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งสัญญาซื้อ-ขายที่ดิน จากผู้ประกอบการจัดสรร ระบุชัดเจนว่าเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยสูงไม่เกิน 12 เมตร ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ ดังนั้นธุรกิจหอพักนอกจากจะรบกวนความสงบสุข ผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาการใช้ถนนร่วม ในหมู่บ้านเป็นที่จอดรถ การปล่อยน้ำเสียลงท่อระบายน้ำ โดยไม่มีการบำบัดก่อน และเป็นน้ำเสียที่เกิดจากห้องหักจำนวนหลายห้อง จากเดิมหากเป็นบ้านพักจะมีผู้อยู่อาศัยอาศัยเฉลี่ยไม่เกิน4-5 คน จึงเพิ่มความเข้มข้นของน้ำเสียในคลองรับน้ำฯลฯ
ดังนั้น ลูกบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนหนึ่ง จึงได้รวมตัวกันยื่นฟ้อง ดำเนินคดี ต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งขณะนี้มีจำนวน มากกว่า 10 คดี ยกตัวอย่าง 1. คดีหมายเลขดำที่ 1612/2546 ผู้ฟ้องคดี นางทิพวรรณ ไตรพยัคฆ์ กับพวกรวม 16 คน โดยหอพักปลูกสร้างที่ซอยเอกทักษิณ 4 2. คดีหมายเลขดำที่ 49/2547 ผู้ฟ้องคดีนายพิเชษฐ์ มากช่วย กับพวกรวม 11 คน หอพักปลูกสร้างที่ซอยเอกทักษิณ 5 3. คดีหมายเลขดำที่ 1509 /2547 (คำพิพากษาออกมาแล้ว) ผู้ฟ้องคดี นางลดดาวัลย์ เจริญสุข กับพวกรวม 25 คน หอพักปลูกสร้างที่ซอยเอกทักษิณ 4. คดีหมายเลขดำที่ 178 /2548 ผู้ฟ้องคดี นางจรีพร นีซีกูชิ กับพวกรวม 13 คน หอพักปลูกสร้างที่ซอยเอกเจริญ 11 5. คดีหมายเลขดำที่ 1005/2548 ผู้ฟ้องคดีนายเกษม สุวรรณศรีกับพวก หอพักปลูกสร้างที่ซอยเอกทักษิณ 7 6. คดีหมายเลขดำที่ 1233/2548 ผู้ฟ้องคดี นางปทุมทิพย์ ว่องพยาบาล กับพวกรวม 16 คน และ 7. คดีหมายเลขดำที่ 1285/2548 ผู้ฟ้องคดี นางเสาวนีย์ อินทับ กับพวกรวม 6 คน
จากการลงสำรวจของ"ฐานเศรษฐกิจ" ภายในบริเวณหมู่บ้านเมืองเอกเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา พบว่า มี การพัฒนาหอพัก อาพาร์ทเม้นต์ให้เช่าจำนวนมาก และมีหลายอาคารยังได้เปิดดำเนินการไปแล้ว บางอาคารถูกระงับการก่อสร้างอาคารที่เกิดจากคำพิพากษาของศาล
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารเกินขึ้นจำนวนมากเพื่อรองรับ กลุ่มของนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยในระแวกใกล้เคียงรวมไปถึง กลุ่มแรงงานในย่านดังกล่าว จากการสอบถามลูกบ้านที่อยู่อาศัยในโครงการรายหนึ่ง เล่าว่า มีการนำแปลงที่ดินเปล่า และ ทุบบ้านที่ซื้อในหมู่บ้าน ขนาด ไม่เกิน 100 ตารางวา ก็สามารถสร้าง หอพักให้นักศึกษาเช่าได้ เพราะหมู่บ้านอยู่ติดกับมหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้ มีไม่ตำกว่า 100 อาคาร เฉลี่ย อาคารละ 60-70 หน่วย นอกจากนี้ กำลังยื่นฟ้องศาลอีกคดีหนึ่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา ให้ ระงับใบอนุญาตปลูกสร้างอาคาร เลขที่ 11 /2550 และเลขที่ 12/2550 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหลักหก ออกให้ โดยบริษัท บริษัทบัณฑิณ อาพาร์ทเม้นจำกัด ได้รับอนุญาตให้สร้างตึก 8 คล้ายๆอาคารชุด 2 หลังจำนวน 400 กว่ายูนิต บนที่ดิน 1 ไร่ ภายในหมู่บ้านเมืองเอกโครงการ 4 โดยอบต.หลักหกอ้างว่าเป็นแปลงที่ดินอยู่นอกพื้นที่จัดสรรที่ดิน ขณะที่ลูกบ้านในหมู่บ้านเดือดร้อนเพราะเชื่อว่า จะมีปัญหาการใช้ทางร่วมของหมู่บ้าน และนำถนนไว้เป็นที่จอดรถ ทั้งนี้หมู่บ้านเมืองเอก ได้ขออนุญาตจัดสรร ตั้งแต่ปี 2528 ตามประกาศคณะปฎิวัติฉบับที่ 286 หรือปว. 286 ปี2515 จำนวน 9 โครงการ เนื้อที่ 3,712 ไร่ จำนวน 3,923 แปลง ขายเป็นที่ดินแปลงใหญ่ และบ้านเดี่ยว
จากคุณ |
:
สาวกุมภ์
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ส.ค. 53 22:47:12
|
|
|
|
|