ความคิดเห็นที่ 1 โปะบ้าน คือ การจ่ายเงินกู้ค่าบ้านเกินกว่าที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน โดยการนำเงินเข้าบัญชีเงินกู้ของตนเอง เลขที่บัญชีเงินกู้ดูได้จากสัญญากู้เงิน ถ้าให้ง่ายคือดูจากใบเสร็จเดือนที่แล้ว ไปที่เคาเตอร์บอกว่าจ่ายเงินกู้ครับ มีเมื่อไรจ่ายเมื่อนั้นครับ มีมากจ่ายมากดอกเบี้ยจะได้ลดครับ จากคุณ : ananchai_y เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 15:47:58

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้เพิ่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แบงค์มาค่ะ.. กรณีที่จะโปะบ้าน จริงๆโปะวันไหนเมื่อไรก็ได้ แต่ทางที่ดีโปะ "วันเดียวกับที่ทางแบงค์ตัดบัญชีที่ส่งบ้าน" ช่วงบ่าย.. จะดีที่สุดค่ะ เพราะส่วนที่โปะไปนั้นจะลดต้นโดยไม่มีการหักดอกเบี้ย.. เดินไปที่แบงค์ เขียนฝากเข้าบัญชีที่ส่งบ้านนั้นแหละค่ะ ส่วนในใบฝากจะมีระบุว่าชำระอะไรยังไง ตรงนี้สอบถามที่เคาเตอร์ดูอีกทีนะคะ ^ ^ จากคุณ : ideam@ker เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 16:13:38

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ คห.2 สำหรับผมทางแบงค์ให้กรอกเอกสารเพิ่มเติมครับว่าเงินที่ชำระต้องการตัดเงินต้นทั้งหมด  หรือชำระเงินงวด(เงินต้น+ดอกเบี้ย)   แต่โดยรวม ๆ ก็เหมือน 2 ท่านข้างบนครับ จากคุณ : krisp เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 16:26:38

ความคิดเห็นที่ 4 ผมงงอันนี้ครับ "แต่ทางที่ดีโปะ "วันเดียวกับที่ทางแบงค์ตัดบัญชีที่ส่งบ้าน" ช่วงบ่าย.. จะดีที่สุดค่ะ เพราะส่วนที่โปะไปนั้นจะลดต้นโดยไม่มีการหักดอกเบี้ย..." คือผมเข้าใจว่าบ้านนี่ยิ่งส่งเร็วยิ่งดี ไม่ต้องรอวันเดียวกับที่ตัดบัญชี เร็วกว่าวันนึง ต้นก็ลด ดอกเบี้ยก็ลด หรือผมเข้าใจผิดครับ จากคุณ : 2cent เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 16:36:19

ความคิดเห็นที่ 5 ขอโทษทีค่ะ พิมพ์ไว้แบบนั้นอาจงงๆ งั้นขออธิบายเพิ่มจากที่รู้มานะคะ.. สมมติ คุณจะต้องชำระค่าบ้านทุกวันที่ 1 ของเดือน โดยระบบจะตัด Auto จากบัญชี จำนวน 10,000 บาท ณ วันที่ระบบตัดเงินนั้น ระบบจะแยกหักดอกเบี้ย (เกิดจากการคำนวณอัตราดอกเบี้ย ที่คิดมาตลอด 30 วัน ก่อนหน้านี้) สมมติเป็นเงิน 3,000 บาท ที่เหลืออีก 7,000 บาท จะนำไปหักต้น กรณีที่ คุณนำเงินไปโปะเพิ่มอีก 10,000 บาท ในวันที่ 1 (ช่วงบ่ายอย่างที่บอกไว้) ระบบจะหักดอกเบี้ย (ยังไม่เกิดดอกเบี้ย เนื่องจากยังไม่พ้นวันดังกล่าว) ดังนั้น 10,000 บาท จึงนำไปหักเงินต้นทั้งหมด และสมมติวันที่ 10 คุณนำเงินไปชำระเพิ่มอีก ก่อนที่จะถึงรอบบิลถัดไป อีก 10,000 บาท ระบบจะแยกหักดอกเบี้ย (เกิดจากการคำนวณอัตราดอกเบี้ย ที่คิดมาตลอด 10 วัน ที่เพิ่งผ่านมา) สมมติ 1,000 บาท ที่เหลืออีก 9,000 บาท จะนำไปหักต้น พอถึงวันที่ 1 ของเดือนถัดไปที่ถึงเวลาที่ระบบจะ Auto ตัดเงิน ระบบจะแยกหักดอกเบี้ย (เกิดจากการคำนวณอัตราดอกเบี้ย ที่คิดมาตลอด 20 วัน ที่เหลือ) สมมติ 2,000 บาท ที่เหลืออีก 8,000 บาท จะนำไปหักต้น ดังนั้น ก็เลยคิดว่าถ้าจะโปะ ก็จะโปะในวันเดียวกับที่ระบบตัดบัญชีน่ะคะ เพราะเป็นการชำระให้เงินต้นเต็มๆ.. พอดีกรณีของเรา เป็นการเหลือเงินไว้โปะเพิ่มทุกเดือน แต่อาจไม่เท่ากันทุกเดือน จึงว่าจะใช้วิธีนี้.. แต่ในกรณีนี้ของคุณ ถ้ามีเงินที่จะไปโปะเยอะ ณ ตอนนี้ก็โปะเลยก็ได้ค่ะ ^ ^ ปล. ถ้าเข้าใจ ขั้นตอนตรงไหนผิดไป ต้องขออภัยด้วย มือใหม่หัดกู้เหมือนกันค๊าบบบบ... จากคุณ : ideam@ker เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:11:08

ความคิดเห็นที่ 6 น่าจะต้องรอไปอีก 1 ปีนะครับ เพราะธนาคารส่วนใหญ่จะ บังคับให้เลย 3 ปีไปก่อน ถึงจะ "โปะ" ได้... ยังไงลองอ่านในสัญญาให้ละเอียด โชคดีครับ... จากคุณ : longear เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:20:02

ความคิดเห็นที่ 7 ของเราแบงค์กรุงศรี ช่วงปีแรกโปะตลอด  แต่ตอนนี้ไม่มีเงินโปะแล้ว อิอิ แต่จะมาเล่าประสบการณ์แล้วกันนะ ของเราใช้วิธีการหักบัญชีธนาคารทุกสิ้นเดือน บางเดือนก็วันที่  30 มั่ง 31 มั่ง แล้วแต่แต่ละเดือน โดยดูจากใบแจ้งยอด เราต้องจ่ายทุกเดือน เดือนละ 16,700 บาท วิธีการที่ไม่ถูก เคยทำมาแล้ว มีผลทำให้  เงินไม่หักจากบัญชีตามปกติ (แต่แบงค์อื่นไม่รู้เป็นแบบนี้หรือเปล่านะ) กลัวมาก กลัวจะถือว่า ขาดส่งหรือชำระไม่ตรง โทรเช็กธนาคารให้วุ่นวาย จนพนักงานแนะนำวิธีนี้มา ก็เลยขอเล่าวิธีการที่ถูกต้อง และระบบไม่รวนแล้วกัน ก็คือ เราจะโปะวันเดียวกับที่ธนาคารหักบัญชี  โดยเราเอาเงินไปเข้าบัญชีออมทรัพย์ไว้ พอ 5 โมงกว่าๆ  ธนาคารจะหักเงินในบัญชีเราไป 16,700 บาท พอเห็นว่าหักแล้ว โดยการเข้าเช็กยอดผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง เราก็จะทำการโปะ  โดยใช้อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งนั่นแหล่ะ โอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของเรา เข้าไปยังบัญชีเงินกู้ของเรา ตามแต่ที่เราจะโปะเพิ่ม ยอดเงินนี้จะไปตัดเงินต้นล้วนๆ  เพราะยอดหักบัญชีปกติ ถูกนำไปตัดดอกเบี้ยก่อนทั้งหมด และที่เหลือก็ตัดเงินต้นแล้ว แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 53 17:24:44 จากคุณ : Pat_Girl เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:23:23

ความคิดเห็นที่ 8 ขอถามเพิ่มนะครับ ถ้าเราจะโปะเงินเข้าไป จะโปะเท่าไหร่ก็ได้ใช่รึเปล่าครับ ตามสัญญาระบุว่าห้ามปิดยอดก่อนครบสามปี  เราสามารถเลี้ยงยอดเงินต้นไว้จนครบสามปี แต่ให้เงินต้นลดมากที่สุดได้ พอครบสามปีเราก็ปิดได้เพื่อให้ยอดตอนปิด ดอกเบี้ยน้อยที่สุด แบบนี้ถูกต้องรึเปล่าครับ จากคุณ : NakaTunG เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 19:44:44

ความคิดเห็นที่ 9 ของผม โปะเท่าไรก็ได้ครับ แต่ห้ามปิดบัญชีก่อน 3 ปีแรก ขอบคุณทุก คห ครับ จากคุณ : จขกท (QDora) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 20:02:00

ความคิดเห็นที่ 10 ผมตั้งใจจะโปะให้หมด ภายใน 3 ปี (ตั้งใจไว้ ทำได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง) แบบนี้ ก็ไม่โดนค่าปรับแน่ๆ ใช่ไหมครับ จากคุณ : googazi เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 20:46:37

ความคิดเห็นที่ 11 สัญญาของใครที่มีกำหนด 2 ข้อนี้ 1.ผ่อนได้ไม่ต่ำกว่า xx,xxx ต่อเดือน 2.ห้ามปิดยอดก่อนครบ 3 ปี หรือถ้าปิดก่อน 3 ปี มีค่าปรับ .....% ถ้าแบบนี้คุณสามารถโปะได้ โปะเท่าไหร่ก็ได้ แต่การโปะให้คำนวณว่า ตลอดเวลาที่เหลืออยู่ใน 3 ปี ต้องยังมียอดหนี้คงเหลือ ไม่ต่ำกว่า xx,xxx  x  จำนวนเดือนที่เหลือใน 3 ปี เช่น ให้ผ่อนไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท  อีก 12 เดือนจะครบ 3 ปี คุณจะโปะได้ แต่ต้องเหลือยอดหนี้ไว้ 10,000 x 12 = 120,000 บาท จนท.แบงค์บอกว่า เพราะหากไม่เหลือยอดนี้ไว้ จะผิดสัญญา จะต้องมาทำสัญญากันใหม่ จากคุณ : Pat_Girl เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 20:54:02

ความคิดเห็นที่ 12 ธ. กรุงเทพ ที่ใช้อยู่ จนท. ธนาคาร บอกว่า ถ้าจะโปะ ให้ไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ ในวันเดียวกับที่ระบบจะตัดบัญชีอัตโนมัิติ เพราะไม่เช่นนั้น ระบบจะคิดว่า มีการชำระเงินมาก่อนแล้วในเืดือนนั้น แล้วจะทำให้ระบบไม่ตัดเงินอัตโนมัติ ในงวดต่อไป ระยะเวลาวันที่คิดดอกเบี้ยจะยาวกว่าปกติ จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 23:15:01

ความคิดเห็นที่ 13 แบงค์ที่เราจะกู้บอกว่า สามารถโปะได้ตั้งแต่งวดแรกที่เริ่มชำระเงินกู้เลย แต่มีเงื่อนไขว่าภายใน 3 ปี ห้ามรีไฟแนนท์ เดี๋ยวตอนทำสัญญาต้องดูให้รอบคอบอีกที แต่ข้อนี้ไม่ซีเรียสเพราะ 3 ปี คงยังไม่ทันโปะหมดแน่เลย :P จากคุณ : ideam@ker เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 23:58:13

ความคิดเห็นที่ 14   ของผม ใช้ ธนาคารกรุงไทย นำเงินสดไปที่เคาเตอร์ พร้อม ชื่อและเลขที่ สัญญาเงินกู้ แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่า "ชำระเงินต้นเพิ่มเติม" ครับ หลังจากพนักงานรับเงินแล้ว เขาก็จะkeyให้ แล้วพิมพ์slipอีกแบบหนึ่งให้โดยเฉพาะ "ชำระเงินต้นเพิ่ม" วันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงวันตัดบัญชี เพราะ การคิดดอกเบี้ย เขาคิดเป็นรายวันอยู่แล้ว เงินต้นคงค้างเท่าไหร่ ก็คิดดอกเบี้ยเท่านั้น กี่วันก็คิดไป ชำระเงินต้นเพิ่มวันไหน ดอกเบี้ยก็ลดลงวันนั้น รวมได้เดือนนึง ก็ชำระกันทีนึง จากคุณ : เฮฮา เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 09:08:33 A:58.9.176.21 X: TicketID:011396

ความคิดเห็นที่ 15 ผมขออธิบายเพิ่มเติม จากคุณ ideam@ker นะครับ สรุป ทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่ การจ่ายในวันที่หักบัญชีนะครับ แต่ เป็นการจ่ายที่เร็วที่สุด ต่างหาก เช่น จ่ายวันที่ 1 ดีกว่า จ่ายวันที่ 2 เป็นต้น ถ้าคุณกำหนดหักบัญชีทุกวันที่ 10 ของเดือน แต่คุณมีเงินวันที่ 5 ก็ให้ไปจ่ายวันที่ 5 ดีกว่าไปจ่ายวันที่ 10 นะครับ เพราะการคำนวนดอกเบี้ย จากเงินต้น ช่วงวันที่ 5 - 10 จะลดลง หวังว่าคงเข้าใจนะครับ ส่วนการจ่ายในวันที่หักบัญชี เข้าใจง่ายที่สุด คือรู้ว่าหักเงินต้นอีกเท่าไร่ แค่นั้น... ไม่ได้ทำให้เสียดอกเบี้ย น้อยลงแต่อย่างใด จากคุณ : NongSunny19 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 09:49:05