ความคิดเห็นที่ 4 |
ปกติสาย N กับ G จะมีแรงดันเท่ากัน(หรือเกือบเท่ากันมากๆ) ทำให้หลอด 3 ไม่ติดแน่นอนเพราะมันอาศัยแรงดันระหว่างสองสายนี้ ส่วนหลอด 1 กับ 2 จะติด เพราะ L-G และ L-N จะได้ 220
กรณี L N สลัีบกัน หลอด 1 จะติดอยู่ปกติ (เสมือนคุณเสียบปลั๊กโคมไฟกลับด้านแค่นั้น หลอด 1 จะติดอยู่) แต่คราวนี้หลอด 3 จะติดแทนหลอด 2 จะดับ
ในกรณีสาย G หายไป เจ้าหลอด 2 กับ 3 จะเหมือนต่ออนุกรมกันจากสาย L ไปสู่ N ทำให้หลอดคู่นี้ติดพร้อมกันตอนไม่มีกราวด์
ปลั๊กที่อยู่ในภาพเขาใช้หลอด LED หากจะต่อตามภาพผมวาด แต่ละหลอด "ต้องมี R อนุกรม" ด้วย สัก 100K หรือบางรุ่นเขาใช้หลอดนีออน(หลอดแบบในไขควงวัดไฟ)ก็ใช้ได้เช่นกัน
ใครที่มีฝีมือการต่อวงจร และอ่านวงจรออกจะเข้าใจทันทีว่ามันทำงานยังไง ถ้าบ้านไม่มีพวกเครื่องตัดไฟดูดไฟรั่ว จะใช้หลอดไส้ 3 หลอดเลยก็ได้(เอาสัก 5Watt) ถ้าใช้หลอดไส้ก็ไม่ต้องต่อตัวต้านทานใดๆ ต่อตามภาพได้เลย
แต่ถ้าต่อหลอด 5watt แล้วเอาไปเสียบกับบ้านที่มีเครื่องตัดไฟรั่ว มันจะทดสอบไม่ได้ ไฟจะตัดเพราะระบบเข้าใจว่าไฟรั่วเนื่องจากมีกระแสจากหลอดบางหลอดวิ่งเข้าสาย G (ไม่กลับทางสาย N)
แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 14:47:30
จากคุณ |
:
Ph
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 53 14:45:39
|
|
|
|