ความคิดเห็นที่ 1 มาปูเสื่อรอชม เก็บความรู้ครับ จากคุณ : KUDOS-C เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 11:09:51

ความคิดเห็นที่ 2 มันยากตรงที่หารูป หรือเขียนรูปประกอบการอธิบายครับ .... ต้องลองหารูปที่ใกล้เคียงมาดัดแปลงเสียก่อน จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 11:15:27

ความคิดเห็นที่ 3 มารอฟังรอดูด้วยคน วันก่อนก็มีข่าวคนตายเพราะเครื่องทำน้ำอุ่น  จากคุณ : ขี้เมากระเพราแตะ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 11:19:18

ความคิดเห็นที่ 4 คุณนิสิต อยากได้รูปแบบไหน เดี๋ยวจัดการให้ครับ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 11:23:25

ความคิดเห็นที่ 5   หัวข้อกระทู้เยี่ยม ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ และอยากรู้เหมือนกัน จากคุณ : ทรัพย์สำรอง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 11:34:54

ความคิดเห็นที่ 6 มารอเก็บข้อมูลความรู้ จากคุณ : AMDANG เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:07:02

ความคิดเห็นที่ 7 มาดูท่านสันทัด ตั้งกระทู้ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:08:28

ความคิดเห็นที่ 8 เครื่องตัดไฟรั่วกับสายดินอย่างไหนจะดีกว่ากัน    *      สายดิน เป็นความจำเป็นอันดับแรกที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องมีสำหรับ ป้องกันไฟฟ้าดูด เพื่อให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหลลงสายดินได้โดยสะดวก โดยไม่ผ่านร่างกาย (ไฟไม่ดูด) และทำให้เครื่องตัดไฟ อัตโนมัติตัดไฟออกได้ทันที    *      เครื่องตัดไฟรั่ว เมื่อใช้กับระบบไฟที่มีสายดินจะเป็นมาตรการ เสริมความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้มีการตัดไฟรั่วก่อนที่จะเป็น อันตรายกับระบบไฟฟ้า (ไฟไหม้) หรือกับมนุษย์ (ไฟดูด)    *      เครื่องตัดไฟรั่วในระบบไฟทีไม่มีสายดิน เครื่องตัดไฟรั่วจะทำงานก็ต่อเมื่อมีไฟรั่วไหลผ่านร่างกายแล้ว (ต้องถูกไฟดูดก่อน) ดังนั้นความปลอดภัยจึงขึ้นอยู่กับความไวในการตัดกระแสไฟฟ้า    *      ระบบไฟฟ้าที่ดีจึงควรมีทั้งระบบสายดินและเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อเสริมการทำงานซึ่งกันและกันให้เกิดความปลอดภัยทั้งจากอัคคีภัยและการถูกไฟฟ้าดูด เครื่องตัดไฟรั่วที่ใช้ป้องกันไฟดูดต้องมีคุณสมบัติและการใช้งานอย่างไร    *      พิกัดขนาดกระแสไฟฟ้ารั่วต้องไม่เกิน 30 mA และตัดไฟได้ภายในระยะเวลา 0.04 วินาที เมื่อมีไฟรั่วขนาด 5 เท่าของพิกัด (=150 mA)    *      ควรติดตั้งใช้งานเฉพาะจุด เช่น วงจรเต้ารับในห้องครัว, ห้องน้ำ, ห้องเด็ก ๆ หรือวงจรเต้ารับ/สายไฟที่ต่อไปใช้งานนอกอาคารทั้งชั่วคราวและถาวร    *      ถ้าจะติดตั้งรวมที่เมนสวิตช์จะต้องแยกวงจรที่มีค่าไฟรั่วตามธรรมชาติมากออกไป เช่น อุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่า,เครื่องปรับอากาศ, อุปกรณ์ที่มีโอกาสเปียกชื้น    *      เมื่อต้องการให้เครื่องตัดไฟรั่วสามารถป้องกันทุกวงจรที่เมนสวิตช์ (ใช้ได้เฉพาะระบบที่มีสายดิน เป็นมาตรการเสริมป้องกันอัคคีภัย และไฟฟ้าดูด) ให้ใช้ขนาดตั้งแต่ 100 mA เป็นต้นไป โดยอาจเป็น 300 mA หรือ 500 mA ก็ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของกระแสไฟรั่วตามธรรมชาติ สำหรับขนาด 30 mA นั้นก็ยังคงใช้ร่วมกันในวงจรย่อยซึ่งอาจใช้หลายตัวก็ได้ และหากมีปัญหาการทำงานพร้อมกันให้เลือกชนิดที่มีการหน่วงเวลา (Type S) สำหรับเครื่องตัดไฟรั่วที่เมนสวิตช์ ปล. มาจากบทความที่ผมเคยเซฟเก็บไว้น่ะครับ ขออนุญาตและขอบคุณเจ้าของบทความน่ะครับ http://www.cewmedia.com/article/171/%CA%D2%C2%B4%D4%B9.pdf   ลิงค์บน เป็นPDF น่ะครับ จากคุณ : สิงโต (singgtoo) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:17:54

ความคิดเห็นที่ 9 บทความที่คุณสิงโตว่า หาเพิ่มเติมได้จากเว็บของการไฟฟ้านครหลวง http://www.mea.or.th/apd/prd/safety_efficiency.pdf หน้า 42-53 ครับ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:27:58

ความคิดเห็นที่ 10 มานั่งฟังด้วยคนคับ จากคุณ : chiller เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:28:39

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วบ้านรุ่นเก่า ที่ไม่มีหลักดิน ไม่มีสายดิน หาที่ตอกหลักดินให้ลึกพอไม่ได้ ถ้าใช้เครื่องตัดไฟ กันไฟดูดไฟรั่ว โดยไม่มีสายดิน จะมีปัญหาหรืออันตรายเพียงใด? ทำไมจึงต้องมีคำเตือนบนเครื่องทำน้ำอุ่นทุกเครื่องว่า "อันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ติดตั้งสายดิน" มันอันตรายถึงชีวิตจริงหรือ? อันตรายมากกว่าการมีแต่เครื่องป้องกันไฟดูด แต่ไม่มีสายดินหรือเปล่า? แล้วถ้ามีสายดิน แต่ไม่มีเครื่องป้องกันไฟดูดล่ะ? อย่างไหนอันตรายกว่ากันครับ? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:33:09

ความคิดเห็นที่ 12 รอฟังต่อครับ จากคุณ : คุณปุ๊ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:33:16

ความคิดเห็นที่ 13 http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2006/11/R4848656/R4848656.html อันนี้หัวข้อเก่าจากพันทิพครับ มีภาพประกอบเข้าใจง่าย ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่แบ่งปันความรู้ครับ ปล. กระทู้ความรู้นี่น่าขึ้นเป็นกระทู้แนะนำนะผมว่า จากคุณ : singto (singgtoo) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:59:59

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคห.ที่ 11  **นายสันทัด** คำถามนี้ มีคนตอบมาแล้วในคห.ที่ 8  นะคะ ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นถ้าไม่มีสายดิน หรือไม่มีเครื่องตัดไฟรั่ว ก็คงมีอันตรายถึงชีวิตแน่ๆ เคยมีคนเสียชีวิตจากเครื่องทำน้ำอุ่นรั่วมาแล้ว   สรุปคือ ระบบไฟฟ้าที่ดีควรมีทั้งระบบสายดินและเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อเสริมการทำงานซึ่งกันและกันให้เกิดความปลอดภัยทั้งจากอัคคีภัยและการถูกไฟฟ้าดูด  (ขอยืมข้อความจากคห.ที่8 มาลงอีกครั้ง ขอบคุณค่ะ)  แต่ถ้าไม่สามารถเดินสายดินได้ ก็ควรมีเครื่องตัดไฟรั่วเอาไว้อย่างหนึ่งค่ะ ไม่ควรที่จะไม่มีเลยสักอย่างเดียว เพราะอันตรายมั๊กๆๆๆๆ จากคุณ : zonya.nongnu เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:03:24

ความคิดเห็นที่ 15 ส่งรูปการใช้งานติดตั้งและทิศทางการไหลของกระแสให้ดูครับ 01 จุดประสงค์การต่อลงดิน จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:03:25

ความคิดเห็นที่ 16 02 จุดประสงค์การต่อลงดิน2 จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:03:51

ความคิดเห็นที่ 17 03 การต่อGround แบบที่ถูกและผิด จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:04:13

ความคิดเห็นที่ 18 04 ถ้ามีไฟรั่วลงโครงอุปกรณ์เมื่อไปโดนกระแสไหลผ่านตัวไปครบวงจรที่ Ground จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:04:32

ความคิดเห็นที่ 19 05 เมื่อไฟรั่วกระแสจะไม่ผ่านผู้จับแต่เครื่องป้องกันอาจไม่ทำงานและเสียค่าไฟแพงขึ้น จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:04:50

ความคิดเห็นที่ 20 06 คือใช้สายN กับ Ground ร่วมกัน จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:05:09

ความคิดเห็นที่ 21 07 จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:05:27

ความคิดเห็นที่ 22 08 วิธีที่ถูกต้อง จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:05:42

ความคิดเห็นที่ 23 09 จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:06:30

ความคิดเห็นที่ 24 10 จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:06:45

ความคิดเห็นที่ 25 11 จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:07:06

ความคิดเห็นที่ 26 12 ส่วนวิธีการตอก แท่งGround ปกติจะมีวิธีการทำหลายวิธีมาก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมจุดประสงค์ใข้งาน เช่น Ground ล่อฟ้า สื่อสาร  ระบบ ซึ่งรายละเอียดจะไม่กล่าวถึงครับ แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็ตามคำแนะนำ ท่านบนๆหล่ะครับ จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:14:23

ความคิดเห็นที่ 27 ถามคุณ มีสิทธิ์คิด... 1 การใช้สาย Neutral เป็นสายดิน ในบ้าน โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางตัว  เช่นเครื่องทำน้ำร้อน ซึ่งสายไฟใหญ่พอที่จะทำให้ไม่เกิด Voltage Drop จะมีอันตรายหรือไม่? 2 การตอกหลักดิน โดยทั่วไปช่างจะไม่ได้วัดความต้านทาน ซึ่งหากวัดแล้วส่วนใหญ่จะสูงกว่า 5 Ohm  ในทางปฏิบัติ ความต้านทานเท่าไร เป็นที่ยอมรับได้ว่าปลอดภัย? อนึ่ง การไฟฟ้าจะตรวจสอบเฉพาะสายดินในการติดตั้งมิเตอร์ใหม่ ถ้าไม่มีระบบสายดิน เขาจะไม่ติดตั้งมิเตอร์ให้ แต่ไม่สนใจเครื่องป้องกันไฟดูด ทำให้คิดไปเองได้ว่า สายดิน สำคัญกว่าเครื่องป้องกันไฟดูด.....คุณคิดว่าอะไรสำคัญกว่า? ถ้าจำเป็นต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีแต่สายดิน กับเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีแต่ ELCB คุณเลือกใช้เครื่องไหน? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:27:04

ความคิดเห็นที่ 28 #27 สายดินเป็นสิ่งจำเป็น แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องได้ต่อระบบสายดินถูกต้อง และเหมาะสม ดีเพียงพอครับ หากอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ต่อสายดินยังไปยังตัวถัง หรือจุดต่างๆที่ผู้ใช้อาจจะไปสัมผัส ทั้งทางตรง และทางอ้อมได้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องไฟดูด เพราะไฟที่รั่ว จะได้ไหล ไปยังสายดิน ทำให้คนไม่ถูกไฟดูดจนเป็นอันตราย ซึ่งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว ELCB หากไม่มีสายดิน ก็จะตัดเมื่อกระแสรั่วผ่านร่างกาย ไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดอันตรายได้ แม้ว่าจะมีบางรุ่นที่ตั้งค่าให้ต่ำมากๆได้ แต่ก็อาจจะสร้างปัญหาเพราะมีการตัดไฟ บ่อยๆ เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้ามักจะมีไฟรั่วนิดๆได้เป็นปกติ ที่แน่ๆ สายดินไม่ได้ช่วยป้องกัน กรณีที่คนได้ไปสัมผัสกับไฟโดยตรง เช่นไปโดน ปลั๊กไฟที่ขั้ว L เป็นต้น กรณีนี้ต้องอาศัย ELCB ช่วยเท่านั้น ดังนั้นทั้งสายดิน และ ELCB ถือว่าจำเป็นทั้งคู่ โดยระบบสายดินถือว่าจำเป็นอันดับ แรก และ ELCB ลำดับรองลงมา ข้อสังเกต หากอุปกรณ์ไฟฟ้าได้มาตราฐาน การมีแค่สายดินก็เพียงพอ เพราะไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ หรือจุดต่างๆในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจจะทำให้คนถูกไฟดูดได้ ได้ถูกป้องกันไว้แล้ว แต่เนื่องจาก อาจจะมีบางจุดที่ไม่ได้ป้องกันไว้ ELCB จึงเป็นตัวเสริมที่น่าจะมี แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 53 15:28:40 จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 14:52:23

ความคิดเห็นที่ 29 #27 1. การใช้สาย Neutral เป็นสายดิน ในบ้าน โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางตัว เช่นเครื่องทำน้ำร้อน ซึ่งสายไฟใหญ่พอที่จะทำให้ไม่เกิด Voltage Drop จะมีอันตรายหรือไม่? ถ้าหมายถึงตามรูปใน คคห.20 จะมีอันตรายได้ หากมีการสลับสาย L และ N เข้าไปยังเครื่องทำน้ำร้อนครับ (สลับด้านที่ต่อไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้า) เนื่องจาก G ของเครื่องทำน้ำร้อน อาจจะถูกต่อไปยังจุดที่ผู้ใช้อาจจะสัมผัสได้ (ต่อโดยผู้ผลิตตั้งแต่ต้น) ทำให้เมื่อต่อไฟสลับ ไฟจากขั้ว L จึงอาจจะรั่วไปยังผู้ใช้ จนเป็นอันตราย จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 15:08:15

ความคิดเห็นที่ 30 สายดิน ทำให้คนไม่ถูกไฟดูด ถ้ามีการติดตั้งที่ถูกต้อง...แล้วถ้าการติดตั้งไม่ถูกต้องไม่ได้มาตรฐานล่ะ หากติดตั้งหลักดินในฤดูฝนแล้ววัดความต้านทานได้ประมาณ 5 Ohm ตามมาตรฐาน...แล้ว วันดีคืนดีเกิดวิกฤต อากาศแล้งจัด พื้นดินแห้งจนทำให้ความต้านทานของสายดินสูงพอๆ กับความต้านทานของคนที่กำลังอาบน้ำ อะไรจะเกิดขึ้น? โดยส่วนตัวผมยังเห็นว่าสายดิน ไม่ปลอดภัยเท่ากับเครื่องป้องกันไฟดูด ถึงแม้ไฟรั่วแล้วเราจะโดนไฟดูดก่อนที่มันจะตัด แต่ก็ยังปลอดภัย เครื่องป้องกันไฟรั่ว ยังเป็นอะไรที่เรามองเห็น สัมผัสได้ ทดสอบได้ แต่สายดินผู้ใช้ไฟไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่ามันมีหลักดินจริง และความต้านทานมันยังต่ำพอ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 15:09:49

ความคิดเห็นที่ 31 การมีระบบสายดินปลอดภัยกว่า ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า สายดินได้ถูกติดตั้งอย่างถูกต้อง และเหมาะสมครับ ซึ่งมันก็มีปัญหาอีกว่า มันเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ หากสายดินไม่ได้มาตราฐาน หรือหากสายดินขาด การมีระบบสายดินจะสร้างปัญหามากขึ้น เสียอีก เพราะเมื่อเกิดไฟรั่วขึ้นมา จะรั่วจากเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวหนึ่ง ไปยังอีกตัวหนึ่งได้ ทำให้โดยดูด ได้จากหลายๆจุด แทนที่จะโดยดูดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีปัญหาเท่านั้น .... หากคิดว่า ELCB ปลอดภัยกว่า ก็ต้องคิดถึงกรณีที่ ELCB เสีย หรือมีปัญหาด้วยนะครับ ซึ่ง ผมคิดว่าหลักดิน หากติดตั้งดีตั้งแต่ต้นแล้ว โอกาสที่จะมีปัญหาน่าจะน้อยมากๆ เมื่อเทียบ กับ ELCB ที่มีโอกาสเสียมากกว่า (แต่ก็โคตรทนเหมือนกัน ถ้าไม่นับพวกที่เป็นอีเล็คทรอนิคส์) และมีบางกรณีที่สายดิน ไม่ได้ช่วยป้องกันเลย ... ตาม คคห.28 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 53 15:30:13 จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 15:26:27

ความคิดเห็นที่ 32   1. ต่อลงดินปลอดภัยตรงมันไม่เสีย 2. ถ้า volt < 50 v จะปลอดภัยต่อผู้ใหญ่ สรุปจะต่อลงดินโดยตรงไม่ต้องต่อ nเข้ากับ G หรือ จะต่อ N เข้ากับ G ที่ ตู้mdb ก็ดีทั้งนั้น แต่ถ้า เอา N ต่อกับ G ในบ้านมากกว่า 1 จุด อันนั้นไม่ดี จากคุณ : นะ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 15:29:26 A:183.89.58.124 X: TicketID:017448

ความคิดเห็นที่ 33 ถูกต้องครับ หากสายดินขาด หรือหลักดินชำรุด การมีสายดินจะเป็นอันตรายมากกว่าไม่มีเสียอีก ในทางปฏิบัติ คงไม่มีใครมาตรวจสอบสายดินว่ายังมีค่ามาตรฐานดีหรือเปล่า แต่เราสามารถตรวจสอบ ELCB หรือ RCBO ได้ตลอดเวลา เพียงนิ้วจิ้ม สิ่งที่อยากจะให้ผู้รู้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นคือ เราควรไว้วางใจในสายดิน หรือ เครื่องป้องกันไฟดูดมากกว่ากัน กล่าวคือ ถ้าต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง มีสายดิน กับมีเครื่องป้องกันไฟดูด อะไรสำคัญกว่า เพราะการไฟฟ้าประชาสัมพันธ์แต่เรื่องสายดิน ในขณะที่คนของการไฟฟ้าเองก็เคยต่อสายผิดให้กับผู้ใช้ไฟ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 15:41:36

ความคิดเห็นที่ 34 ยังไม่มีใครตอบ.... การใช้สาย Neutral เป็นสายดิน ในบ้าน โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางตัว เช่นเครื่องทำน้ำร้อน ซึ่งสายไฟใหญ่พอที่จะทำให้ไม่เกิด Voltage Drop จะปลอดภัยพอหรือไม่? บางบ้านต้องการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นซึ่งมี ELCB ในตัวอยู่แล้ว แต่ไม่มีระบบสายดิน ถ้าจะเอาสาย N พ่วงต่อเข้ากับขั้ว G ของเครื่องทำน้ำอุ่น ผลจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยไหม? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 15:49:13

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณ คุณนิสิตที่ช่วยตอบครับ ฝากอีกเรื่องเมื่อมีสายดินแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องมีสามขาครับ ไมใช่ขาลอยไว้เฉยๆนะครับ หรือเลือก Plug German ก้ดี ส่วนเรื่องค่าความต้านทานดินมีวิธีลดได้หลายวิธีครับ เช่น ปัก Rod เพิ่มขนานเท่าไป      ทางเทคนิคจะมีตารางคูณลดเข้าไปครับ หรือใช้ Infil หรือคอนกรีตเกลือเทรอบ rod ครับ    ยังมีอีกหลายเทคนิคครับเช่นตอกลึกตอกทแยง ให้ช่างไฟตรวจสอบ ก่อนดีกว่าครับ ขอเสริมเรื่องใช้สาย N แทน G ครับนอกจากป้องกันการสลับ L-N หากชดเชยด้วยขนาดสายที่ใหญ่ขึ้นแต่ขนาดของ VD ก็ขึ้นอยู่กับขนาดกระแสที่ไหลในสายด้วย ทำให้เกิดLoop ของกระแสไปทางอื่นได้   ซึ่งจุดประสงค์ของมาตรฐานคือการทำงานที่ปลอดภัยและแน่นอน ในการใช้งานทั่วไปทาง วสท. ไม่ได้กำหนดให้ใช้เครื่องป้องกันไฟรั่ว ยกเว้นอุปกรณ์บางประเภทครับ เช่นป้ายไฟ อุปกรณสระว่ายน้ำครับ etc. จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 16:00:56

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าในบ้านไม่มีระบบสายดิน แต่ยังต้องการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งมี ELCB มาให้ด้วย จะติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นโดยอาศัย ELCB ในเครื่องอย่างเดียว จะมีอันตรายหรือไม่... หรือจะมีอันตรายเฉพาะตอน Heater ไฟรั่ว พร้อมๆ กับ ELCB เสีย? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 16:20:55

ความคิดเห็นที่ 37   ปัญหาจาก คห. 34 การใช้ Neutral เป็นสายดิน และให้ ย้อนไป ดู การต่อตามวงจร ที่ คห 20 (การใช้ Neutral เป็นสายดิน) การต่อ Ground เข้ากับ Neutral ที่ตัวเครื่องฯ โดยไม่มีระบบสายดิน เป็นอันตรายมาก เพราะ.... ถ้าสาย Neutral ที่ออกจากเครื่องขาด ไฟ 220 v มารอที่ตัวโครง ของเครื่อง(N ต่อ กับ Gภายในเครื่องฯ) นั่นคือไฟ220 V จาก สาย HOT วิ่งผ่าน Load มาถึง จุดต่อที่ N ซึ่งต่อเชื่อมกับ G แล้วไปไหนไม่ได้ วงจรขาด ถ้าไปจับที่โครงเครื่องฯ เท่ากับจับไฟ 220 V ไฟผ่านร่างกายครบวงจร ถ้าตัวคุณตัวเปียก การทำระบบสายดิน จึงควรทำ แบบที่ 5 (คห.ที่ 17) เท่านั้น จากคุณ : Papoose เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 20:32:24 A:124.122.234.137 X: TicketID:143073

ความคิดเห็นที่ 38 ไฟฟ้าตามบ้านส่งไฟมาสองเส้น เส้นแรกเป็นไฟ  เส้นที่สองเดินมากับดิน ไฟฟ้ามันต้องการลงดิน หากคนไปแตะมันอาศัยคนลงดิน หากท่านหาวิธีไม่เหยีบดิน หรือลอยอยู่บนไฟฟ้า ไม่มีทางอันตราย  แต่ถ้าไฟฟ้ารั่วลงโครงเครื่องเช่นเครื่องทำน้ำร้อน โครงเปียกน้ำเราไปแตะโครงมันไหลผ่านตัวเราผ่านปูนลงดินครบวงจร ทั้งหมดที่รั่วเสร็จแน่ๆ แต่ถ้าโครงเครื่องทำน้ำร้อนเราต่อลงดินที่แน่น ลึก โดยปกติ ความต้านทานการไหลกระแสไฟฟ้าตัวคนเราจะสูงกว่าความต้านทานจากโครงเครื่องทำน้ำร้อนผ่านลวดทองแดงไหลลึกไปแท่งที่ตอกลงดินแน่นอน ฉะนั้น กระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่จึงเลือกไหลผ่านสายดินลงดิน และบางส่วนที่น้อยกว่าจะผ่านตัวเรา อันจะลดความเสี่ยงแบบว่ากระแสไฟฟ้าลดปริมาณน้อยกว่าที่ควรจะเป็น วิ่งผ่านตัวเราพอให้เรารู้สึกกระตุก แบบว่าพอมีสติจะร้องจะวิ่ง จะกระโดด แบบว่ายังไม่ยึดครองระบบประสาททัั่วร่างครับ  แต่ถ้าหากเราเสริมระบบ ทีเครื่องตัดไฟเมือไฟรั่วหรือดูด ตัวเราก็จะแทบไม่โดนกระแสไฟฟ้าให้รู้สึกระคายเคืองได้ครับ สรุป(เอาเอง) มีสายดินดีกว่าไม่มีอย่างน้อยมันช่วยแบ่งเบากระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งไม่ให้ผ่านเราไปมากเต็มๆ พอที่จะลดความรุนแรงให้เรารู้สึก กระตุก กระโดด วิ่ง อะไรประเภทนั้น คือไม่พอที่จะครอบงำระบบประสาทมากที่สุด  แต่ไม่ได้ช่วยให้ไม่รู้สึกโดนไฟดูดแน่นอน อาจจะรู้าสึกประมาณเคสคอมพิวเตอร์ดูด ลองดูดิ อิอิ จากคุณ : nawinh เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 23:11:14

ความคิดเห็นที่ 39 สืบเนื่องจากคำถามในความคิดเห็นที่ 36 หากผู้ใช้ไฟทั่วไปที่ไม่มีความรู้ ไม่มีเครื่องมือตรวจสอบ อยากใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าระบบสายดินของเขาติดตั้งอย่างถูกต้อง ปลอดภัย บางแห่งช่างไฟก็ติดตั้งแท่งดินไม่ลึกพอ บางแห่งไม่มีแท่งดินด้วยซ้ำ เพียงเอาสายไฟฝังดินหลอกเอาไว้ หากเจ้าของบ้านนั้นต้องการใช้เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องทำน้ำอุ่น ที่มีเครื่องป้องกันไฟดูด โดยไม่มั่นใจว่าระบบสายดินใช้งานได้ดีพอหรือไม่ เพราะตรวจสอบไม่เป็น พวกเขาจะปลอดภัยหรือไม่? หากไม่ปลอดภัยพอ บ้านนั้นๆ คงไม่สามารถใช้เครื่องทำน้ำร้อน หรือน้ำอุ่นได้ จนกว่าจะตรวจสอบสายดินให้ถูกต้อง แล้วถ้าระบบสายดินไม่สมบูรณ์ ก็ไม่มีโอกาสใช้อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆ เลย...งั้นหรือ? แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 53 23:21:18 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 23:20:11

ความคิดเห็นที่ 40 vote give save ^_^ จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 23:56:55

ความคิดเห็นที่ 41 มาโหวต สายดิน ควรติดตั้งเป็นอันดับแรก ส่วนเครื่องกันไฟดูดเป็น ออุปกรณ์เสริม เพื่อความปลอดภัย จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 08:32:42

ความคิดเห็นที่ 42 ติดตั้งระบบ safety ไม่มีคำว่าแพงหรอก ถ้าเป็นบ้านก็จัดไปให้ครบ ทั้งสายดิน กับ ELB ผมว่า การตรวจเช็ค สม่ำเสมอ น่าจะดีกว่า เพราะว่าบางที สายนิวทรอล ขาด คนใช้ไม่รู้ จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 09:50:37

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณ คุณ Professor คุณก้นกบ คุณnawinh คุณPapoose คุณมีสิทธิ์คิด คุณนะ คุณนิสิต คุณzonya.nongnu ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น กระทู้นี้ผมอยากถามแทนผู้ใช้ไฟทั่วๆ ไป ที่อยู่ในบ้านจัดสรร บ้านมือสอง หรือคอนโดมิเนียม พวกเขาเหล่านั้นส่วนมากจะไม่มีโอกาสได้ทราบเลยว่าระบบสายดินของเขาสมบูรณ์เพียงใด เช่น ถ้าคุณอยู่คอนโดมิเนียม ต้องการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่อง คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าสายดินที่ทางโครงการจัดให้มันต่อลงดินหรือเปล่า และต่อได้สมบูรณ์หรือไม่ ครั้นจะติดตั้งโดยอาศัย ELCB ที่มากับเครื่องเท่านั้น ก็มีฉลากที่อยู่บนเครื่องขู่ว่ามันอันตรายถึงชีวิต ทำอย่างไรผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมจะได้ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นกับเขาอย่างสนิทใจ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 10:21:54

ความคิดเห็นที่ 44 รูปนี้เป็นรูปที่ผมทำการวัดค่ากราวด์ที่หม้อแปลงลูกหนึ่งได้ 17.49โอมห์ โจทย์ของผมคือทำให้มันเหลือหรือน้อยกว่า 5 โอมห์ ตามมาตราฐาน ซึ่งผมว่ามีน้อยที่มาก แม้แต่การไฟฟ้าเองก็ไม่มีการวัดหรือปรับปรุงให้ได้ 5 โอมห์หรอก ไม่เชื่อ ลองเอามิเตอร์ไปวัด ตามหลักกราวด์ของการไฟฟ้าได้เลย บ้านที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน น้อยมากที่จะทำให้ได้ 5 โอมห์ ขนาดผมทำให้เหลือ 5 โอมห์ยังเกือบตาย จ้างผู้รับเหมามาหลายเจ้าก็ไม่ไหวทั้งนั้น สุดท้ายผมและทีมงานต้องทำกันเอง เอามาให้ชมเผื่อท่านอื่นๆยังไม่เคยเห็น จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:09:22

ความคิดเห็นที่ 45 รูปอาจไม่ละเอียดเพราะบางอย่างเป็นความลับ อาจโดนไล่ออกได้อิๆๆ แ่ท่งกราวด์ ครับ จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:11:52

ความคิดเห็นที่ 46 วิธีการคือตอกแท่งกราวด์เป็นรูปสามเหลี่ยม เอาสายไฟทองแดงเชื่อมถึงกัน แล้วก็วัดดูค่าไปเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ได้ก็เพิ่มความลึกหรือเพิ่มจุดตอกอีก จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:14:48

ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อได้ค่าตามต้องการแล้ว ก็ทำการเชื่อม จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:15:46

ความคิดเห็นที่ 48 แล้วก็เช็คค่าอีกครั้ง ค่ากราวด์ในงานที่ผมทำเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ทุกจุดเครื่องจักรทุกตัวต้องต่อกราวด์หมด เพราะมันช่วยชีวิตเราได้จริง โดยเฉพาะพวกฮีตเตอร์ที่ใช้ต้มน้ำร้อนต่างๆ จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:18:18

ความคิดเห็นที่ 49 จุดสังเกตุง่ายๆถ้าเกิดไฟรั่วลงกราวด์ ให้ดูต้องจุดที่เราตอกแท่งกราวด์หญ้า บริเวณนั้นจะตายหมด อุณหภูมิของดินจะร้อนมาก บางทีอาจร้อนจนมีไอขึ้น ใช้ลองเอา clamp on มิเตอร์ไปคล้องที่สายกราวด์ดูว่ามีกระแสไหลหรือเปล่า ถ้ามีต้องรีบแก้ไข จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:22:11

ความคิดเห็นที่ 50 มีสายดินแล้วทำไมต้องมีเครื่องตัดกระแสไฟรั่ว 1.บางครั้งกระแสไฟรั่วลงสายดิน มีค่าต่ำ (ความต้านทานสูง) 2.อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินไม่ทำงาน/ทำงานช้า 3.การติดตั้งสายดินไม่ถูกต้อง  -ขนาดสายดินเล็กเกินไป  -ระบบสายดินเสื่อมสภาพ 4.เสริมการทำงานซึ่งกันและกัน จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:35:20

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณ คุณao_oa@23 จากความคิดเห็นของคุณ แสดงให้เห็นว่าคงมีบ้านไม่กี่หลังที่สามารถทำระบบสายดินได้สมบูรณ์ แม้แต่บ้านของวิศวกร บ้านของผู้ว่าฯ การไฟฟ้าเอง ผมก็คิดว่าระบบสายดินไม่สมบูรณ์ตามที่การไฟฟ้ากำหนด โดยส่วนตัวผมยังคิดว่า เครื่องป้องกันไฟดูด สำคัญกว่าสายดินที่ไม่สมบูรณ์ เช่น การต่อ Ground ของอุปกรณ์ไฟฟ้ากับท่อประปาโลหะ หรือเหล็กในเสา-คานคอนกรีต ย่อมไม่ปลอดภัย แต่ถ้าเพิ่มเครื่องป้องกันไฟรั่ว ไฟดูด เช่น ELCB เข้าไป วงจรนั้นก็จะปลอดภัย ELCB ก็จะตัดก่อนไฟดูดคน หรือแม้แต่ติดตั้ง ELCB ตัวเดียวโดยไม่ต่อสายดิน ELCB ก็จะตัดหลังจากไฟดูดคน 0.04 วินาที อยากถามความคิดเห็นท่านทั้งหลาย ว่าบ้านหรือคอนโดที่ไม่มีระบบสายดิน ถ้าติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นที่มี ELCB ในตัว แล้วเดินสายไฟจาก Ground Terminal ของตัวเครื่องฝังด้วยตะปูหรือสกรูลงในพื้นห้องน้ำ จะปลอดภัยแค่ไหน? ไฟจะไหลผ่านตัวคนลงพื้นห้องน้ำ หรือไหลผ่านสายไฟลงพื้นห้องน้ำ ก่อน ELCB ตัด จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 11:55:16

ความคิดเห็นที่ 52 การที่ตอกตะปู ลงบนพื้นปูนหรือพื้นห้องน้ำ ไม่มีความปลอดภัยเลย เหมือนไม่ได้ต่อนั้นแหละครับ  ท่านสัดทันก็น่าจะเคยลอง อย่างที่ผมว่าไว้ในความเห็นที่ 50  มันต้องคู่กันถึงจะดี จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 12:28:21

ความคิดเห็นที่ 53 ถูกต้องครับ เนื่องจากความต้านทานของสายไฟที่ตอกตะปูลงพื้นห้อง มันต่างกับตัวคนเปียกๆ บนพื้นห้องไม่มากนัก เปรียบเสมือนเอาความต้านทานสองตัวมาต่อขนานกัน กระแสไฟยังไหลผ่านทั้งตัวคนและสายไฟอยู่ดี แต่ กระแสไฟจะไหลทันทีที่คุณเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น ตัวคุณยังไม่ทันเปียก กระแสไฟก็จะไหลผ่านสายไฟนั้นลงพื้นก่อน แล้ว ELCB ก็ตัด...น่าจะช่วยได้ระดับหนึ่งไหม? แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 53 12:50:34 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 12:48:43

ความคิดเห็นที่ 54 ความจริงอยากจะถามแทนชาวบ้านโดยเฉพาะคนที่อยู่คอนโด บ้านเช่า ซึ่งไม่มีโอกาสได้ติดตั้งระบบสายดิน ว่า ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มี ELCB แต่ "ไม่มีระบบสายดินเลย" ผู้ใช้จะมีโอกาส "ตาย" เพราะไฟดูดหรือไม่ ถ้า ELCB ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 13:03:12

ความคิดเห็นที่ 55 โดยส่วนตัว ผมคิดว่าไม่มีระบบอะไรที่มันปลอดภัย 100% เรื่องคอนโด มันอยู่ที่จิตสึานึกของผู้ประกอบการว่าสิ่งที่คุณสร้างมาแล้วขายนั้นคุณ ได้คำนึงถึงชีวิต ของผู้ซื้อที่จะนำครอบครัวมาอยู่อาศัยหรือไม่ หรือคุณคิดว่า อันสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้คือจุดที่คุณจะได้กำไร ผมว่าอย่างน้อยคนที่ซื้อ คอนโดก็ควรจะถามถึงจุดนี้ หรือไม่ก็ขอแบบแปลนระบบไฟห้องของคุณ ด้วย เอามาเก็บไว้น่าจะดี อย่างน้อยๆเกิดอะไรขึ้นมามันยังเป็นหลักฐานได้ ผมเคยโดยไฟดูดมาแล้ว เฉียดความตายมาแล้ว สิื่่งที่บอกได้คำเดียวคือ ใช้ชีวิต อย่างระมัดระวัง ขนาดผมอยู่กับไฟทุกวัน ยังเกือบตาย จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 13:32:15

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาเก็บความรู้ครับ และเป็น คำถามเดียวกัน กับ คุณ สันทัด เพราะปัญหา ของ คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น คอนโด หรือ บ้านเดี๋ยว เราไม่สามารถตามไป ดู ช่างติดตั้ง (แม้ ดู ก็ดูไม่รู้เรื่อง) หรือ มีอุปกรณ์วัดความต้านทานว่า ได้ต่ำว่า 5 โอห์ม หรือไม่ ดังนั้นขอย้อนอีกครั้งนะครับว่า 1. จะเช็ค อย่างไร ว่า ติดตั้งสายดิน ถูกต้อง 2. ตอนก่อนรับบ้าน มีวิธีการ ตรวจสอบ อย่างไรว่า สายดินมีการต่ออย่างถูกต้อง (ในกรณี ที่ไม่มี อุปกรณ์ ตัดไฟ ELCB)  เอาเเบบที่ เราสามารถทดสอบได้ (ง่ายๆ) และ ช่างยอมรับว่าติดผิด จากคุณ : NPM เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 15:34:02

ความคิดเห็นที่ 57 ขึ้นอยู่จิตสำนึกของผู้ประกอบการและวิศวกร แล้วครับ หน่วยงานเกี่ยวข้องจึงมีกฏหมายควบคุมอาคารออกมาครับ ดังนั้นก่อนซื้ออาคารดูตัวนี้ด้วยครับ ส่วนระบบGround ยังไงก็ควรมีครับเป็นการBypass ทางเดินกระแส ไม่ให้ผ่านตัวคน แต่ในอาคารควรดึงจากระบบ เพียงจุดเดียว ไม่ควรตอกแยกออกมาอาจทำให้การทำงานของเครื่อง ป้องกันผิดพลาด ส่วน ELCB ควรติดในอุปกรณ์บางประเภทที่เป็น Isolate เช่นหม้อแปลงแรงดัน ที่ไม่มี reference ground อย่างที่ผมกล่าว ด้านบน เช่นหลอดไฟสระน้ำที่มีหม้อแปลงลดแรงดัน อย่างที่คุณ ao_oa@23 ว่ากระแสรั่วขนาดดินร้อน ถ้าติดตั้งถูกวิธีเครื่องป้องกันต้องทำงานแน่นอนครับ เรื่องGround  ในระบบแรงต่ำ ที่ใช้กับ Distribution Transformer ที่การไฟฟ้าส่งมาให้เราจะเป็นระบบ Solidly Ground ซึ่งเป็นระบบที่ตรวจจับGround Fault ได้แน่นอนครับ แม้จะห่างออกไปเป็น 100Km กระแสมันจะกลับมายังแหล่งกำเนิด ตามที่คุณ ao_oa@23 ว่าไว้Ground  ของการไฟฟ้าไม่ถึง 5 Ohm ก็ต้องแจ้งให้ทางการไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบครับ แต่ผมว่าก็คงไม่เกินเท่าไหร่ ลักษณะนี้เรียกว่า Low Resistance แต่ไม่ใช่นะครับ  การทำ Resistor Ground จะนิยมทำในระบบ MV หรือ HV เพื่อเป็นการ Limit Ground Fault หรือที่เราใส่NGRเข้าไป กลับมาที่ Low Volt ต่อครับ ถึงGround ของการไฟฟ้าจะสูงระดับหนึ่ง ผมว่ากระแสรั่วไหลก็สูงระดับหนึ่งพอที่ วงจรป้องกันทำงานได้ หรือถ้าไม่พอ ก็มีผล ตามที่คุณ ao_oa@23พบ คือหญ้าตาย หรือดินร้อน แต่ที่สังเกตุเห็นได้คือค่าไฟแพงขึ้น การตรวจสอบว่าที่ Neutral Point ของ Distribution Tronsformer มีการ Ground จริง หรือไม่ก็ใช้ Volt Meter ตรวจสอบ ระหว่าง N กับ G ที่เราตอก ถ้ามีVolt ขึ้นเล็กน้อยแสดงว่า G ค่อนข้างต่ำ หากหลายๆบ้านที่ใช้ Distribution Transformer ร่วมกัน ทำระบบ G ที่ดีแล้วจะทำให้ระบบไฟของการไฟฟ้ามีคุณภาพ ขึ้นด้วย กรณีติดอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วจะมีหรือไม่การไฟฟ้าไม่บังคับครับ เพราะการไฟฟ้าได้ค่าไฟที่แพงขึ้น (หรือป่าว) เขามองว่าอุปกรณ์ของเขา(transformer) ไม่มีความเสียหาย เพื่อจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่องครับ ข้อควรระวังในการติด ELCB  คือต้องแยกวงจรของใครของมันครับ ไม่งั้นจะเกิดการ Trip และตรวจสอบลำบากครับ เรื่อง Groundๆ ยังมีอีกหลายแบบครับ จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 15:34:03

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ สำหรับกระทู้ดีๆ เห็นที่หลังบ้านมีตอกสายดินอยู่แท่งนึง และก็คิดว่าเป็นแบบที่ไม่ถูกต้องด้วย เพิ่งซื้อบ้านต่อจากเค้ามา จากคุณ : BomBRooM99 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 16:01:27

ความคิดเห็นที่ 59 ถาม....ทำไมการไฟฟ้าฯ จึงกำหนดให้ต้องต่อพ่วงสาย Ground กับ Neutral ที่ต้นทางก่อนเข้า Main Breaker? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 16:07:16

ความคิดเห็นที่ 60 #59 เพราะเมื่อไฟรั่ว กระแสไฟจะไหลจากเครื่องใช้ไฟฟ้าได้สะดวก และสั้นที่สุด เมื่อคิดว่าเป็นจุดร่วม ของการไหลของกระแสไฟรั่วจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกตัว ภายในบ้าน หากไม่มีสายดินที่ตู้ main breaker แล้วไปมีที่เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อไฟรั่ว กระแสจะไหลจาก เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวที่รั่ว ไปยังตู้ main breaker แล้วไหลย้อนกลับไปยังสายดินที่เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกตัว สายดินที่ต่อกับ Neutral ก่อนเข้า main breaker เพราะค่อนข้างมั่นใจได้ว่า จุดนี้เป็นมีแรงดันเป็นศูนย์ เพราะเป็นจุดแรกสุดที่ไฟจากการไฟฟ้าเข้ามาในบ้าน และเมื่อตัดไฟที่ main breaker สายดินก็ยังถูกต่ออยู่ เพื่อป้องกันไฟรั่วจากตู้ main breaker ได้ (รั่วจากทางด้านไฟเข้าตัว main breaker) จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 16:42:44

ความคิดเห็นที่ 61 นึกข้อเสียของการมีสายดิน โดยไม่มี อุปกรณ์ตัดไฟรั่วได้อีกเรื่องคือ จากรูปใน คคห. 19 เมื่อเกิดไฟรั่วที่กระแสสูงๆ แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ breaker ตัดไฟได้ เช่นในรูป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก จะทำให้เกิดความร้อนสูงมากที่สายไฟ และเกิด ไฟไหม้ได้ หากเลือกสายไฟ และ breaker ถูกต้อง น่าจะไม่มีปัญหา เพราะจะต้องเลือกค่า ที่ทำให้ breaker ต้องทำงานก่อนเสมอ โดยสายไฟไม่ไหม้ หรือถ้ากระแสไม่สูงมาก จนทำให้เกิดความร้อนสูง หรืออาจจะเพราะใช้สายไฟ เส้นใหญ่ ก็จะทำให้เกิดการกินไฟมากผิดปกติ ทำให้เราเสียค่าไฟฟรีๆ มูลค่าสูง มากผิดปกติได้ ซึ่งถ้ามี ELCB อยู่ ระบบจะตัดไฟให้ทันที จะปลอดภัยกว่ามาก และกรณีคนใช้ไฟ จะไม่รู้ถึงสิ่งผิดปกติได้ง่ายๆเลย เพราะเครื่องใช้อื่นๆ ก็อาจจะใช้งานได้ตามปกติ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 16:58:26

ความคิดเห็นที่ 62 เข้ามาหาความรู้จาก อาจารย์ หลายๆท่าน... จากคุณ : nay2k เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 17:00:28

ความคิดเห็นที่ 63 นั่นแหละครับ ผมจึงเห็นว่าควรกำหนดให้มีเครื่องป้องกันไฟรั่วไฟดูดเป็นมาตรฐานมากกว่าสายดินด้วยซ้ำ ทุกวันนี้การไฟฟ้า ตรวจสอบเพียงสายดิน หลักดิน Main Breaker และสายเมนเข้ามิเตอร์ อย่างที่คุณบอก....ถ้าไฟรั่วลงดินไม่มากพอที่จะทำให้เบรกเกอร์ตัด เราก็เสียค่าไฟฟรี นอกจากมีเครื่องป้องกันไฟรั่ว จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 17:09:14

ความคิดเห็นที่ 64 ลองจำลองเหตุการณ์อีกอย่างดู ถ้าในบ้านมีระบบสายดิน มีการตอกแท่งดิน และพ่วงสายดินกับ Neutral แต่ไม่มีเครื่องป้องกันไฟรั่วไฟดูด แต่บังเอิญแท่งดินชำรุด หรือเมนสายดินที่ต่อหลักดินขาด และเกิดไฟรั่วลงสายดินที่จุดใดจุดหนึ่งในบ้าน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?......อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ สมมุติหลายๆ กรณีเป็นความรู้แก่ผู้ใช้ไฟครับ.... จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 17:15:06

ความคิดเห็นที่ 65 ****แก้ไขครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 09:13:24 จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 17:27:53

ความคิดเห็นที่ 66 แอบมาดู กระทู้ท่านสันทัด จากคุณ : ko7vasan เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 20:08:59

ความคิดเห็นที่ 67 #63 ตาม "มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ.2545" ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ.2551 ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ช่างไฟฟ้าหรือวิศวกรไฟฟ้าไทยต้องถือกันเป็นมาตรฐาน ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็สนับสนุนรับรอง ก็กำหนดเรื่อง ELCB ไว้แล้วนะครับ หัวข้อ 3.1.8.2 ก็กำหนดไว้อย่างชัดเจนด้วยนะครับว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำหนดไว้เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องอาบน้ำวน นอกจากจะต้องติดตั้งสายดิน ก็ต้องติดตั้งเครื่องป้องกันไฟรั่วด้วย แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 53 21:11:13 จากคุณ : safety first เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 21:05:44

ความคิดเห็นที่ 68   จาก คห.64 เข้าลักษณะการต่อ Groung เข้ากับ Neutral ที่ตัวเครื่องฯ โดยไม่มีการทำระบบ Ground ไว้ เมื่อไฟรั่วไปที่โครงของเครื่องเท่ากับ มีไฟไปที่สาย Neutral แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้ารั่วมาก เท่ากับไฟฟ้าลัดวงจร Breaker จะตัด ถ้ารั่วไม่มากสายจะอุ่นหรือร้อน Breaker อาจไม่ตัดก็ได้ ถ้าร่างกายไปสัมผัสโครงเครื่องฯ อาจจะ ไม่ดูด เพราะไฟฟ้าจะเลือกวิ่งไปทางสาย Neutral แล้วครบวงจร โดยไม่ผ่านร่างกายคน เหมือนการที่สวมรองเท้ายางหรือวัสดุที่เป็นฉนวนแล้ว ไปจับสายที่มีไฟ (Hot line) แล้วไฟไม่ดูด อันนี้ตามทฤษฎี ครับ จากคุณ : Papoose เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 21:16:58 A:124.121.215.101 X: TicketID:143073

ความคิดเห็นที่ 69 เคยดูคลิปเมืองนอก ที่เครื่องทำน้ำอุ่น ต่อสายดินแล้ว  สายดินขาด (เพราะอะไรไม่รู้ ฟังตามคำบรรยายในคลิป) ไฟรั่วผ่านน้ำเข้าร่างกาย คนอาบน้ำเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นเก่าๆ  ที่ยังไม่มีตัว กันดูด ELCB. มาช่วยต่อ ในระบบ  ผลก็คือ คนอาบน้ำตายคาเครื่องทำน้ำอุ่น  แถมยังทำให้คนที่ เข้าไปช่วยเกือบตายด้วยเหมือนกัน   ไว้ถ้าหาคลิปนี้เจอแล้วจะนำมาให้ ดูครับ   ยังไงเครื่องทำน้ำอุ่น  เครื่องทำน้ำร้อน เตาไมโครเวป  คอม  น่าจะมี การต่ออะไรไว้สักอย่าง (ต่อสายกราวด์ ต่อตัวกันดูด) กันไฟรั่ว ไฟดูด นะครับ  แม้จะหวังผลและพิสูจน์ผลอะไรไม่ได้ 100% นักก็ตามที (เพราะเคยเห็นกับตา ทั้งคนที่โดนไฟดูดตายจากเครื่องทำน้ำอุ่น  และ จากคลิปวิด๊โอหลายๆ คลิป) จากคุณ : naytee เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 21:31:20

ความคิดเห็นที่ 70 # 67 มีฉบับปรับปรุงออกมาแล้วเหรอครับ จะได้หามาบ้าง เล่มเก่าเละหมดแล้ว อย่าลืมครับอย่างไรก็ต้อง Ground ด้วย ส่วน ELCB ต้องเลือกแต่ละวงจรให้เหมาะสมนะครับ ทำ ( Coordination) ไม่อย่างนั้นไฟดับทั้งบ้าน หาไม่เจอด้วย ส่วนมาตรฐาน เป็นแค่ข้อกำหนดครับ ไม่ใช่ข้อบังคับ อย่าซีเรียสจนต้องหามาติดทั้งหมด การติดตั้งให้อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยครับ จากคุณ : มีสิทธิ์คิด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 22:23:01

ความคิดเห็นที่ 71   คุณ ao_oa@23 หรือท่านอื่นๆ จากความคิดเห็นที่ 46 วิธีการคือตอกแท่งกราวด์เป็นรูปสามเหลี่ยม เอาสายไฟทองแดงเชื่อมถึงกัน แล้วก็วัดดูค่าไปเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ได้ก็เพิ่มความลึกหรือเพิ่มจุดตอกอีก เป็นการทำระบบสายดินของที่อยู่อาศัยหรือเปล่าครับ อีกอย่าง ถ้าระบบสายดินสำหรับที่อยู่อาศัยมีการติดตั้งได้ตามมาตราฐาน คือ 5 โอมห์ หรือต่ำกว่า ไม่ทราบว่าระบบสายดินเสื่อมสภาพนี่จะใช้เวลานานหรือไม่ สาเหตุอะไรบ้าง การตรวจสอบทำได้อย่างไรครับ จากคุณ : Special Theory of Relativity เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 22:32:05

ความคิดเห็นที่ 72   อีกอย่างระบบสายดินสามารถมีส่วนช่วยเป็น Serge Protector หรือ ช่่วยให้ไฟฟ้า stable ด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ไม่ทราบว่าเราจะมีการทำ Serge Protector หรือ ช่่วยให้ไฟฟ้า stable ได้อย่างไร เพื่อป้องกันความเสียหายให้อุปกรณ์อิเลคโทรนิค จากคุณ : Special Theory of Relativity เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 22:36:01

ความคิดเห็นที่ 73 ผมลองทำตารางสรุปคร่าวๆ เรื่องอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากไฟรั่ว ในกรณีไฟรั่วมากจนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ให้ท่านๆ ทั้งหลายดูว่าถูกต้องหรือไม่ ช่วยพิจารณาดูว่าพอจะเป็นแนวทางให้ผู้ใช้ไฟนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกใช้หรือเปล่า   อุปกรณ์ป้องกัน การป้องกัน ข้อผิดพลาด 1 มีระบบสายดิน เมื่อเกิดไฟรั่ว ไฟจะไหลลงดิน เบรกเกอร์จะตัด แต่ไม่เป็นอันตรายต่อคน เมื่อเกิดไฟรั่วขณะที่สายดินขาด หรือหลักดินชำรุด อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 2 พ่วงสายดินกับ Neutral โดยไม่มีหลักดิน เมื่อเกิดไฟรั่ว ไฟจะไหลย้อนเข้า Neutral ทำให้เกิดลัดวงจร เบรกเกอร์ตัด แต่ไม่เป็นอันตรายต่อคน หากมีการต่อสายไฟสลับขั้วจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ทันทีที่สัมผัสเครื่องใช้   3 มีระบบสายดิน และพ่วงสายดินกับ Neutral เมื่อเกิดไฟรั่ว ไฟจะไหลลงดินเบรกเกอร์จะตัด แต่ไม่เป็นอันตรายต่อคน                เมื่อระบบสายดินชำรุด ก็ยังอาศัย Neutral ได้ ตามข้อ 2 เมื่อระบบสายดินชำรุดอาจจะมีอันตราย เหมือนกรณีข้อ 2 4 เครื่องป้องกันไฟรั่ว ไฟดูด ELCB หรือ RCBO โดย ไม่มีระบบสายดิน เมื่อเกิดไฟรั่ว เครื่องป้องกันจะตัดภายใน 0.04 วินาที ผู้ใช้อาจจะรู้สึกว่าถูกไฟดูดก่อนที่เครื่องป้องกันจะตัด แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เมื่อเกิดไฟรั่วขณะที่เครื่องป้องกันเสีย จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องหมั่นตรวจสอบเครื่องป้องกัน 5 ใช้ 4 พร้อมกับ 1 หรือ 3 เมื่อเกิดไฟรั่ว ไฟจะไหลลงดิน โดยไม่ผ่านตัวคน และเครื่องป้องกันจะตัดภายใน 0.04 วินาที โอกาสผิดพลาดน้อยมาก นอกจาก                      ก. เครื่องใช้ไฟฟ้ามีไฟรั่ว ข. เครื่องป้องกันไฟรั่วไฟดูดเสีย ค. ระบบสายดินชำรุด ทั้ง 3 กรณีเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ผมไม่ใช่วิศวกรไฟฟ้า พอมีความรู้บ้างไม่มาก แต่ประสบการณ์โดยเฉพาะกรณีอุบัติเหตุทางไฟฟ้า มีน้อยมาก ฝากท่านผู้รู้และท่านผู้มีประสบการณ์แนะนำเพื่อนๆ ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 08:24:50 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 53 23:28:47 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 53 23:27:46 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 22:57:03

ความคิดเห็นที่ 74 มาตรฐานฯ ผมว่ามีทั้งข้อกำหนด มีทั้งข้อบังคับแหละครับ การติดตั้งให้อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัย มันก็ต้องมีที่อ้างอิงแหละครับไม่ว่าจะเป็น codeไทย หรือ code ต่างประเทศ เพราะช่างบ้านเรามีพื้นฐานความปลอดภัยที่ไม่เท่ากันเลยจริงๆ ถ้าเราจะหยิบอะไรที่มาเป็นมาตรฐาน มันก็มีอยู่ 3 อย่างแค่นั้นแหละครับคือ ต่ำกว่ามาตรฐาน เท่ามาตรฐาน สูงกว่ามาตรฐาน จากคุณ : safety first เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 23:14:16

ความคิดเห็นที่ 75 ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมมีความรู้เรื่องไฟฟ้าเพียงน้อยนิด แค่..เปลี่ยนหลอดไฟได้ เพิ่มปลั๊กไฟได้แต่ต้องเอาคัทเอาท์ลงก่อนนะครับ   ก็เลยอยากถามว่า..อย่างบ้านผม(สร้างใหม่) ช่างเดินสายไฟไว้หมดแล้วครับ แท่งทองแดงปักอยู่ข้างบ้าน เหลือแต่ต่อเข้าตู้เมน ใส่สวิทย์+ปลั๊กเท่านั้นครับ ผมใช้ตู้ยี่ห้อเซฟทีคัท แบบ 10 ช่อง มีเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบบ้านทั่วๆไปทุกอย่าง รวมถึงเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยครับ     ทีนี้..ผมจะรู้หรือมั่นใจได้อย่างไรว่า ครอบครัวของผมจะปลอดภัยจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ครับ   ผมเข้ามาดูกระทู้นี้ตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ยังเข้าใจอยู่ดี 555 เพราะศัพท์ที่นำมาใช้เป็นศัพท์เฉพาะช่างหรือคนที่มีความรู้เท่านั้นถึงจะเข้าใจได้ สำหรับผมไม่รู้เรื่องเลยว่า สายเอ็นคือสายอะไร สายจีคือสายอะไร 555 แต่ไม่ได้เครียดอะไรนะครับ   ขอขอบคุณ คุณสันทัด(จขกท) และขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้คำตอบครับ เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆครับ ผมขอโหวตให้อีกหนึ่งเสียงครับ จากคุณ : ลุงขายน้ำปั่น เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 05:26:33

ความคิดเห็นที่ 76 ตอบความเห็นที่ 71 ใช้กับทั้งระบบแรงต่ำและกับระบบแรงสูงครับ แรงต่ำส่วนใหญ่จะใช้เป็นแท่งเหล็กหุ้มทองแดง หรือเหล็กชุบสังกะสี ส่วนจะทราบได้อย่างไรว่าระบบสายดินเสื่อมสภาพหรือไม่ อันดับแรกสังเกตุด้วยสายตา ดูว่ามีอะไรหลุดหรือหลวมไหม อันดับต่อมาคือต่อทำการวัดครับ แบบนี้จะแน่นอนที่สุด และเครื่องมือวัดก็ควรมีการส่งสอบเทียบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ที่ผมทำอยู่ ตรวจวัดทุก 3 เดือนครับ ถ้าค่าขึ้นมาแต่ไม่สูงมากเกิน 5 โอมห์ เราก็ใช้เกลือเทลงไปรอบแท่งกราวด์ จะช่วยให้ดินเค็มค่ากราวด์ก็จะลดลง แต่วิธีจะใช้ได้แค่ระยะเวลานึงเท่านั้น จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 09:39:14

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบความเห็นที่ 72 การต่อลงดินของระบบป้องกันฟ้าผ่าเพื่อป้องกันความเสียหายของระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเนื่องจากฟ้าผ่า กับดักฟ้าผ่ามีติดตั้งทั้งในระบบแรงสูงและระบบแรงต่ำ ปกติการติดตั้งกับดักฟ้าผ่า จะติดตั้งที่หม้อแปลงไฟฟ้า สวิตช์หรือเครื่องใช้อุปกรณ์ทีมีราคาแพง การต่อลงดิน ของกับดักฟ้าผ่า มีหลักอยู่ว่า ต้องพยายามลดแรงดันไฟฟ้าเกินที่คร่อมเครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหลือน้อยที่สุด จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 09:49:14

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมาก จากคุณ : ayuhi292 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 09:50:12

ความคิดเห็นที่ 79 การต่อลงดินสำหรับอาคารชุดและอาคารสูง หรืออาคารขนาดใหญ่   อาคารชุด อาคารสูง ต้องมีการต่อลงดิน ห้องชุดทุกห้อง ต้องมีระบบสายดินเตรียมพร้อมไว้สำหรับ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าลงดินได้ และเต้ารับต้องเป็นชนิดมีสายดินและมีการต่อลงดิน การต่อฝากสายดินเข้ากับสายนิวทรัล ให้ต่อฝากที่แผงเมนสวิตช์แรงต่ำ ของอาคารชุด และห้าม ต่อฝากสายดินของเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ากับตัวนำนิวทรัลที่แผงสวิตช์ของเครื่องวัดฯ รอง และที่เมนสวิตช์ของห้องชุด การต่อสายต่อหลักดินเข้ากับหลักดินให้ใช้วิธีการต่อเชื่อมด้วยความร้อน(exothermic welding) หลักดินที่ฝังลงในดินจะต้อง อยู่ห่างจากผนัง กำแพง หรือฐานรากของอาคารในรัศมีไม่น้อยกว่า 0.60เมตร และปลายบนของหลักดินจะต้องอยู่ต่ำกว่าผิวดินไม่น้อยกว่า 0.30 เมตร ต้องจัดทำจุดทดสอบด้วยเพื่อสำหรับใช้วัดค่าความต้านทานระหว่างหลักดินกับดิน และจุด ทดสอบนี้จะต้องเข้าถึงได้โดยสะดวก ****ข้อมูลจาก หนังสือ การออกแบบและติดตั้งระบบไฟ้า ตามมาตรฐานของการไฟฟ้า สำหรับ บ้านที่อยู่อาศัย, โรงงานอุตสาหกรรม ,และอาคารชุด ของ อาจารย์ ลือชัย ทองนิล****   จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 10:15:14

ความคิดเห็นที่ 80 ผมยังมีความเห็นว่า แม้การต่อพ่วงสายดินกับ Neutral มีข้อดีคือลงดินสมบูรณ์ แต่กรณีสายดินชำรุด หรือขาด ผู้ใช้ไฟก็ยังไม่รู้จนกว่าจะมีไฟรั่ว และระหว่างที่ยังไม่รู้ หากมีการซ่อมสายไฟ เปลี่ยนหม้อแปลง ฯลฯ อันอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความผิดพลาด Human Error ต่อไฟสลับสาย L กับ N ผู้ใช้ไฟจะมีอันตรายถึงชีวิต ทันทีที่สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่อสายดิน...หรือเปล่า? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 10:20:30

ความคิดเห็นที่ 81 ไม่รู้กระทู้วายยัง คุณสันทัด ที่ถามในความเห็น 80 ว่า ถ้าสายดินขาด และถ้าใส่สาย ผิด L กับ N คุณสันทัดลืมไปว่า หม้อแปลง 1 ลูก ใช้กับบ้านหลายหลัง ถ้าสายดินบ้านเราขาด มันก็จะวิ่งไปที่ นิวตรอน และ ไปลงที่ หลักดินของบ้านข้างเคียง ถ้าเรามอง ภาพรวมจะเห็นว่า หลักดิน ของบ้านทุกหลัง จะเป็น ตัวลงดินทุกจุด และหลักดิน ที่ทุกบ้านต่อ จะทำให้ระบบเสถียรด้วย สมมุติ ถ้านิวตรอนเมนขาด ระบบไฟฟ้าที่ปรากฏที่โหลดตามบ้านจะไม่เท่ากัน 300 โวลท์ขึ้นไป การที่มีหลักดินต่อพ่วงเยอะๆ ทำให้ แรงดันคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง     ถ้าต่อสาย L กับ N ผิด จะเกิด ช๊อตทันทีครับ เพราะ L จะลง G ทันทีครับ     แต่ที่ถามตั้งแต่ต้นกระทู้ว่า ติด ป้องกันไฟดูด กับสายดิน อย่างไหนดีกว่ากัน ผมว่าเพื่อความปลอดภัย ของเรา ติดทั้งสองแบบครับ      กับคำถามที่ว่า ถ้าเราเอาสายดินพ่วงกับสายนิวตรอน มันจะมีผลเวลา ถ้าเรา off เบรคเกอร์ กราวด์เราจะขาดไปด้วย      ส่วนพวกคอนโด คงต้องให้ช่างเช็คครับ      แต่ถ้าบ้านพัก ต่อสายดินใหม่เลยครับเพื่อความปลอดภัย จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 22:13:41

ความคิดเห็นที่ 82 กระทู้ยังไม่วาย ผมยังเฝ้ารอเพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับเพื่อนๆ หลายๆ คนที่ยังข้องใจอยู่ คำถามในความคิดเห็นที่ 80 บอกว่าถ้าสายดินขาด ซึ่งผู้ใช้ไฟก็คงไม่สามารถรับรู้ได้ถ้าไฟไม่รั่ว อาจจะขาดมาเป็นเดือนเป็นปี และในช่วงที่สายดินขาดนั้นมีการตัดต่อสายเมนใหม่ เช่น.... ถูกตัดไฟ คนของการไฟฟ้ามาถอดเมนออกจากมิเตอร์ แล้วมาต่อให้ใหม่ โดยเผลอสลับสาย L กับ N เหมือนที่เคยเกิดมาไม่นานนี้ ไฟก็จะวิ่งเข้าสาย N ของบ้าน และแยกไปสาย G ด้วยเพราะต่อพ่วงเอาไว้ ไฟที่วิ่งไปตามสาย G ไม่ลงดิน เพราะสายดินขาด จึงรออยู่ที่ประตูตู้เย็น ตัวถังเครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ เมื่อคนไปจับอุปกรณ์เหล่านั้น ไฟก็จะวิ่งผ่านตัวคนลงดิน....เสียชีวิต  ใช่หรือเปล่า? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 23:14:03

ความคิดเห็นที่ 83 ตารางที่สรุป จาก คห 73 1. เมื่อมีระบบ Ground ได้ตามมาตรฐาน เมื่อมีไฟรั่ว Breaker จะตัดหรือไม่ตัด ขึ้นอยู่กับ กระแสที่รั่วมากหรือน้อย ถ้ารั่วมากจะเหมือนการShort circuit Breaker จะตัด การทำงานของ Breaker จะตัดหรือปลดวงจรเมื่อมีกระแสสูง เกินพิกัดเท่านั้น ไฟรั่วไม่มาก กระแสอาจไม่เกินพิกัด Breaker ก็ไม่ตัด 2. ถ้าความหมายของคุณเป็นการพ่วงสายดินกับ Neutral ที่ตัวเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ควรทำอย่างยิ่งและไม่คิดว่า จะมีใครทำด้วย 3. Breaker อาจไม่ตัด และถ้ามีสายดินก็ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้า มี ELCB จะตัด 4. มี ELCB แต่ไม่มีระบบ Ground เมื่อมีไฟรั่ว ELCB จะทำงาน ช้ากว่า จาก คห 80 ถ้าระบบ Ground ได้มาตรฐาน และต่อ วงจรที่ตู้เมนถูกต้อง นั่นคือต่อสาย Groundเข้ากับ Neutral ก่อนเข้า Main breaker ถ้าการไฟฟ้าต่อสายเมนไฟเข้าบ้านสลับเส้นกัน ไฟจะ Short circuit ทันที ต่อหน้าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า รู้ผลเดี๋ยวนั้นเลย สุดท้าย ต้องขอขอบคุณ คุณสันทัดมากครับ จากคุณ : Papoose เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 23:19:26 A:58.10.205.48 X: TicketID:143073

ความคิดเห็นที่ 84 คุณ Papoose ตารางตาม คห.73 บอกไว้แล้วว่า "ในกรณีไฟรั่วมากจนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้" นั่นคือไฟรั่วมาก มีกระแสไฟสูง ส่วนใน คห.80 พูดถึงกรณีสายดินขาด ไฟคงไม่ Short circuit ทันที ต่อหน้าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ากระมัง สิ่งที่ผมสงสัยที่สุดคือกรณีสายดินขาดนี่แหละ ซึ่งผู้ใช้ไฟไม่สามารถรู้ได้ด้วยครับ ที่จริงแล้วผมอยากทราบข้อดีข้อเสียของการต่อพ่วงสายดินเข้ากับ Neutral มากกว่า ถึงเวลานี้ผมยังคิดว่าการพ่วงสายดินเข้ากับ Neutral ไม่น่าจะจำเป็น และอาจจะมีโทษเมื่อผิดพลาดด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 00:02:51 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 23:58:22

ความคิดเห็นที่ 85 จาก #84 คุณนายสันทัด เนื่องจากระบบจำหน่ายในประเทศไทยเป็นระบบ TN-C นั่นก็คือ ตัวนำนิวทรัล(N) และตัวนำป้องกันหรือตัวนำกราวด์(PE) เป็นตัวนำเส้นเดียวรวมกันเรียกว่าสาย PEN และภายในบัานพักอาศัยหลังเมนบอร์ด จะมีการต่อลงดินแบบ TN-C-S นั่นก็คือตัวนำนิวทรัลและสายดินเป็นคนละเส้นแยกจากกัน และเมื่อจะนำระบบของไฟฟ้าภายในบ้าน ต่อเข้ากับระบบจำหน่ายของการไฟฟ้า จึงต้องต่อพ่วงสาย N และ PE ของบ้านในเมนบอร์ดเข้าด้วยกันก่อน เพื่อให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจรวิ่งไปที่สาย PEN หรือสายนิวทรัลของการไฟฟ้า เพื่อไปหาแหล่งกำเนิดนั่นก็คือหม้อแปลงไฟฟ้านั่นเองครับ ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ได้ต่อพวงระหว่าง นิวทรัล กับ กราวด์ กระแสไฟฟ้าลัดวงจรจะวิ่งลงแท่งหลักดินผ่านดินไปหาแหล่งกำเนิดซึ่งก็คือหม้อแปลง(จะเป็นอันตรายเมื่อความต้านทานดินมีค่าสูง และค่าอิมพีแดนซ์ของดินกว่าจะไปถึงหม้อแปลงนั้นสูงกว่าสายนิวทรัลของการไฟฟ้าเยอะ) ในอีกกรณีถ้าบ้านของเราอยู่ปลายทางของหม้อแปลงจำหน่าย แล้วเกิดนิวทรัลของการไฟฟ้าชำรุดอาจขาดกลางทาง นั่นแหละครับกระแสลัดวงจรจึงวิ่งลงหลักดินวิ่งกลับไปหาหม้อแปลงที่หลักดินของหม้อแปลง มาตรฐานจึงกำหนดให้ค่าความต้านทานระหว่าดินกับหลักดินไม่เกิน 5 โอห์ม เพื่อให้อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินทำงานได้อย่างรวดเร็วที่สุด จากคุณ : stf เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 01:20:02 A:180.180.137.211 X: TicketID:200517

ความคิดเห็นที่ 86 ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี.......... ที่คุณ stf บอกว่า 1  ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ได้ต่อพวงระหว่าง นิวทรัล กับ กราวด์ กระแสไฟฟ้าลัดวงจรจะวิ่งลงแท่งหลักดินผ่านดินไปหาแหล่งกำเนิดซึ่งก็คือหม้อแปลง(จะเป็นอันตรายเมื่อความต้านทานดินมีค่าสูง และค่าอิมพีแดนซ์ของดินกว่าจะไปถึงหม้อแปลงนั้นสูงกว่าสายนิวทรัลของการไฟฟ้าเยอะ) 2  ในอีกกรณีถ้าบ้านของเราอยู่ปลายทางของหม้อแปลงจำหน่าย แล้วเกิดนิวทรัลของการไฟฟ้าชำรุดอาจขาดกลางทาง นั่นแหละครับกระแสลัดวงจรจึงวิ่งลงหลักดินวิ่งกลับไปหาหม้อแปลงที่หลักดินของหม้อแปลง อย่างนี้กรณี Neutral ขาด ตามข้อ 2 ก็เป็นอันตรายเมื่อไฟฟ้าลัดวงจรตามเหตุผลในข้อ 1 ด้วยสิครับ และที่ว่าอันตราย มันอันตรายอย่างไรครับ? ส่วนเรื่องกรณีสายดินขาด แล้วมีการสลับสาย L กับ N ก็ยังไม่มีคำตอบเลย แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 08:20:51 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 08:01:05

ความคิดเห็นที่ 87 ตอบ คห 86 ครับ 1. ลองนึกภาพนะครับ ถ้าบัสบาร์นิวทรัลและบัสบาร์กราวด์ไม่ได้ต่อพ่วงถึงกัน แล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดมีกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจากอุปกรณ์ไฟฟ้าวิ่งมาตามสายดินของอุปกรณ์นั้น กลับไปที่บัสบาร์กราวด์ที่ตู้เมน ลองนึกภาพดูว่าถ้าถ้าไม่ต่อพ่วงระหว่างนิวทรัลบัสบาร์กับบัสบาร์กราวด์ แล้วกระแสลัดวงจรนี้จะไปไหน? นั่นก็คือกระแสลัดวงจรจะวิ่งลงหลักดินที่เราตอกไว้ครับแล้ววิ่งผ่านดินไปขึ้นที่แท่งหลักดินของหม้อแปลงต้นทาง(ซึ่งค่าความต้านทานดินระหว่างหลักดินบ้านเราถึงหลักดินหม้อแปลงเราไม่ทราบว่าดีแค่ไหนน้อยแค่ไหน) แทนที่จะวิ่งเข้าบัสบาร์นิวทรัลแล้ววิ่งต่อไปยังสายนิวทรัลของการไฟฟ้าหรือ PEN เพื่อวิ่งไปที่หม้อแปลงให้เร็วที่สุด ซึ่งในสายนิวทรัลของการไฟฟ้าจะมีค่าความต้านทานต่ำกว่าดินแน่นอน 2.ในกรณีนี้ถ้าสมมุติให้สายนิวทรัลของการไฟฟ้าขาดบนเสากลางทาง กระแสโหลดรวมถึงกระแสลัดวงจรด้วย(ถ้ามี)ลงลงดินที่หลักดินกลับไปให้ครบวงจรที่หม้อแปลงครับ ส่วนกระแสลัดวงจรจะทำให้อุปกรณ์ป้องกันปลดวงจรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับค่าความต้านทานดิน ส่วนกรณีสายดินขาด(ถ้าหมายถึงสายต่อหลักดิน) แล้วมีการสลับสาย L กับ N ก็จะเป็นอันตรายตามข่าวที่เคยออก แต่ระดับมืออาชีพอย่างการไฟฟ้าฯ ก็ต้องไม่ชุ่ยด้วยครับ การต่อไฟให้ถูกที่มิเตอร์ง่ายจะตายไปเมื่อเทียบกับองค์ใหญ่ระดับประเทศเช่นนี้ จากคุณ : stf เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 09:16:46 A:125.24.17.1 X: TicketID:200517

ความคิดเห็นที่ 88 อุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดมีกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจากอุปกรณ์ไฟฟ้าวิ่งมาตามสายดินของอุปกรณ์นั้น กลับไปที่บัสบาร์กราวด์ที่ตู้เมน ลองนึกภาพดูว่าถ้าถ้าไม่ต่อพ่วงระหว่างนิวทรัลบัสบาร์กับบัสบาร์กราวด์ แล้วกระแสลัดวงจรนี้จะไปไหน? นั่นก็คือกระแสลัดวงจรจะวิ่งลงหลักดินที่เราตอกไว้ครับแล้ววิ่งผ่านดินไปขึ้นที่แท่งหลักดินของหม้อแปลงต้นทาง(ซึ่งค่าความต้านทานดินระหว่างหลักดินบ้านเราถึงหลักดินหม้อแปลงเราไม่ทราบว่าดีแค่ไหนน้อยแค่ไหน) แทนที่จะวิ่งเข้าบัสบาร์นิวทรัลแล้ววิ่งต่อไปยังสายนิวทรัลของการไฟฟ้าหรือ PEN เพื่อวิ่งไปที่หม้อแปลงให้เร็วที่สุด ซึ่งในสายนิวทรัลของการไฟฟ้าจะมีค่าความต้านทานต่ำกว่าดินแน่นอน เมื่อเป็นอย่างที่คุณว่า มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือสร้างความเสียหายอย่างไรครับ? ส่วนเรื่องการต่อสาย L กับ N ให้ถูกต้องอย่างที่คุณบอก "ง่ายจะตาย" แต่คุณก็บอกเองอีกว่าเป็นอันตราย "ตามข่าวที่เคยออก" แล้วผู้ใช้ไฟจะไว้ใจอุปกรณ์ หรือไว้ใจคนดีล่ะครับ? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 10:41:33

ความคิดเห็นที่ 89 ตามข่าวที่เคยออก ผมเคยเห็นแต่ช่างของโครงการต่างๆ ไปต่อชั่วคราวให้ ใช้ก่อน ก่อนที่ช่างการไฟฟ้าจะมาติดมิเตอร์ให้ แล้วช่างโครงการก็ต่อผิดครับ หรือว่าเคยมีแล้วผมไม่เคยเห็น ผมเคยทำงานร่วมกับชุดเปลี่ยนหม้อแปลงของการไฟฟ้า ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนหม้อแปลง เขาจะทำการมาร์คสาย เพื่อเวลาติดตั้งเข้าไปใหม่จะได้ไม่สลับเฟส  เวลาเราทำงานก็เช่นกัน เพื่อให้ติดตั้งได้ถูกต้องเหมือนเดิม แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 53 11:30:02 จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 11:29:13

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ ao_oa@23 หรือคุณ stf หรือคุณ Papoose  หรือใครที่รู้ช่วยตอบหน่อย กรณีไม่พ่วงสายดินกับ Neutral  เมื่อเกิดไฟรั่ว ไฟจะไหลลงหลักดินของเรากลับไปยังหม้อแปลง กรณีนี้ มันเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน หรือจะสร้างความเสียหายอย่างไรครับ? จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 11:36:07

ความคิดเห็นที่ 91 คุณนายสันทัด คห.88 "แล้วผู้ใช้ไฟจะไว้ใจอุปกรณ์ หรือไว้ใจคนดีล่ะครับ?" มันก็ต้องทั้งสองอย่างนั่นแหละครับอุปมาอุปมัยก็เหมือนเรา จะขับรถระยะทางไกลๆ รถของเราก็ต้องพร้อมคนขับก็ต้องพร้อม มันถึงจะไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย หรือเหมือนกับว่าเราจะก่อสร้างตึกสักหลัง ผู้ควบคุมงานก็ต้องพร้อมมีความรู้ วัสดุก็สร้างก็ต้องพร้อมได้มาตรฐาน ผู้รับเหมาก็ต้องพร้อมทำตามแบบ ตึกที่สร้างขึ้นมาจึงจะปลอดภัยครับ .....สรุปแล้วก็คืออย่าไว้ใจสิ่งได ผู้ปฏิบัติงานจะต้องปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบไม่ชุ่ยไม่มักง่าย อุปกรณ์การติดตั้งก็ต้องติดตั้งให้ได้ตามมาตรฐานหมั่นตรวจสอบสมำเสมอ แค่นี้ชีวิตและทรัพท์สินก็จะปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนคำถามใน คห.90 จะสร้างความเสียหายกรณีที่ความต้านทานระหว่างดินกับหลักดินมีความต้านทานสูง จะทำให้อุปกรณ์ป้องกันเช่นเซอร์กิตเบรคเกอร์ไม่ทำงานตามฟังก์ชั่นเวลาการปลดวงจร อาจทำให้เกิดความร้อนและเกิดอัคคีภัยได้ จากคุณ : stf เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:35:00 A:125.24.60.29 X: TicketID:200517

ความคิดเห็นที่ 92 นั่นหมายความว่า หากไม่ต่อสายดินกับ Neutral ที่แผงเมน เมื่อเกิดไฟรั่วลงดิน จะเกิดความร้อนเนื่องจากความต้านทานของดินระหว่างหลักดินของบ้านกับหลักดินของหม้อแปลง สูงเกินไป แต่ถ้าในระบบ มีเครื่องป้องกันไฟรั่วไฟดูด มันก็จะตัดก่อนที่จะเกิดความร้อน..ถูกต้องไหมครับ ขอบคุณ คุณ stf มากครับ    จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 13:43:49

ความคิดเห็นที่ 93 แล้วผมอยากทราบว่า ถ้าตามบ้านทั่วไป ไม่มี Earth Tester อย่างของ ความเห็น 44 เราจะรู้ได้ยังไงว่า สายดินบ้านเราปรกติ ครับ จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 16:57:15

ความคิดเห็นที่ 94 เคยเห็นแต่คนตายด้วยเครื่องทำน้ำอุ่นรั่ว บอกกับตัวเองว่า บ้านตัวเอง จะไม่คิดติดเด็ดขาด แต่ถ้าแบบแก๊ส จะคิดดูอีกที จากคุณ : กาแลนท์เขียวเมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 19:03:01

ความคิดเห็นที่ 95 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 23:36:45

ความคิดเห็นที่ 96 มีข้อสงสัยอยู่อย่างนึง ถ้าทั้งหมู่บ้านมีบ้านหลังนึงต่อ Ground เข้ากับ N แล้ววันดีคืนดี สาย N ของระบบหมู่บ้านนี้ มีปัญหา... ไฟทั้งหมดของหมู่บ้านจะวิ่งมาลง Ground ที่บ้านหลังนี้ ??? รึเปล่าครับ เพราะวิ่งกลับไปลงดินที่ระบบใหญ่ไ่ม่ได้ จากคุณ : jOnEz เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 00:49:19

ความคิดเห็นที่ 97 ผมตอบ ข้อสงสัย ของคุณ 96 ถ้าทั้งหมู่บ้านมีบ้านหลังนึงต่อ Ground เข้ากับ N แล้ววันดีคืนดี สาย N ของระบบหมู่บ้านนี้ มีปัญหา... ไฟทั้งหมดของหมู่บ้านจะวิ่งมาลง Ground ที่บ้านหลังนี้ ??? รึเปล่าครับ เพราะวิ่งกลับไปลงดินที่ระบบใหญ่ไ่ม่ได้      ปรกติ ในระบบไฟฟ้า จากหม้อแปลง  1 ลูก ส่วนมากจะมีการลงดิน หลายจุด ทั้งที่ หม้อแปลง เสาไฟฟ้าบางจุด และลงตามบ้าน และการต่อสาย N รวมกับระบบกราวด์ จุดประสงค์ ของการต่อลงกราวด์ แบบนี้ เพื่อรักษาความเสียรภาพของระบบไฟฟ้า เพราะถ้าสาย นิวตรอน เมนจากหม้อแปลง เกิดขาด แล้วสายนิวตรอลตามบ้าน ไม่ลงกราวด์ จะเกิดการบิดเบียว ของเวคเตอร์ ตามรูป ส่วนที่สองของความเห็นที่ 45 (ผมเอามาลงให้ดูอีกรอบ ขออนุญาตคุณ มีสิทธิ์คิด    ด้วยครับ) แรงดัน ทั้ง 3 เฟส จะไม่เท่ากัน (ขึ้นอยู่กับโหลด )จะส่งผลให้พวกบางเฟส เกิดแรงดันเกิน บางเฟส แรงดันจะตก) หลอดไฟจะหรี่ หรือดับ มอเตอร์จะคาง และพวกอุปกรณ์อีเล็ก เช่น แฟกส์ ทีวี พวกที่ใช้สวิทชิ่ง จะพัง ซึ่งถ้าเป็นพร้อมกันหลายบ้าน จะรู้ทันทีว่า สายนิวตรอน ขาด และไม่ได้ลงกราวด์ ระหว่างทางที่จ่ายไฟจากหม้อแปลงมา โหลด แต่ถ้ามีบ้านไหน ต่อกราวด์กับนิวตรอนไว้ก็จะช่วยปัญหานี้ได้  อันนี้เป็นเรื่องความมีเสถียรภาพของ ระบบไฟฟ้า จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:31:10

ความคิดเห็นที่ 98 ต้องบอกว่า ระบบไฟฟ้าเราเป็น ระบบ3 สาย ถ้าจ่ายให้โหลดที่เป็นสามเฟส ที่สามดุลย์(บาลาน) จะไม่มีกระแสไหลใน นิวตรอน (อย่างพวกจ่ายให้มอเตอร์ 3 เฟส จะไม่ต่อสายนิวตรอนเพราะนิวตรอนจะไม่มีกระแสไหล)      ทีนี้เรามาดูระบบตามบ้านพัก เรานำคลิปแอมป์(มิเตอร์วัดกระแสแบบคีบ)ไปวัดกระแสของอุปกรณ์ไฟฟ้า พวก 1 เฟส ถ้าวัด สาย L และ วัด สาย N จะเห็นว่ากระแสไหลเท่ากัน แต่ถ้าท่านขึ้นไปวัดสาย นิวตรอนที่บนเสา จะเห็นว่ากระแสที่นิวตรอน จะลดลง เพราะว่า กระแสไฟฟ้าจาก L1 L2 L3 ทั้ง 3 เฟสจะไหลไปหักล้างกัน เอง(อันนี้ถ้าบ้านไหนมีมิเตอร์ไฟ 3 เฟส เช่นพวก หอพัก หรือ โรงแรม ลองวัดที่ สายออกจากมิเตอร์ดูได้) สายจาก Line ทั้งสามเส้น บวกกัน(ยกเว้นท่านที่บวกทางเวคเตอร์ได้) จะไม่เท่ากับ สายนิวตรอน ซึ่งทางคนออกแบบ และการไฟฟ้าที่ต่อไฟให้ท่านทั้งหลายจะพยายามทำให้ สมดุลย์มากที่สุด แต่ก็ในทางปฏิบัติ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลในสายนิวตรอลบ้างแต่ไม่มาก จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:31:50

ความคิดเห็นที่ 99 จากสองความเห็น คือ 97 กับ 98 เป็นเรื่องความปลอดภัย หรือจะเรียก ความเสถียร ของระบบไฟฟ้าก็ได้ คือทำให้ แรงดันไฟฟ้าที่จะจ่ายให้เรา ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแรงดันเกิน                 ส่วนระบบกราวด์ที่จะทำให้เราปลอดภัย จากไฟรั่ว ก็คือ การต่อลงดิน ของอุปกร์ที่ไปสัมผัส จะเห็นได้ว่า ต่อกันหลายรูปแบบ เพื่อให้ เมื่อไฟฟ้ารั่ว จะไหลผ่านสายไฟ ลงดิน แทนที่จะไหลผ่านเรา ลงดิน (จะถูกหลักทฤษฎี หรือไม่ แต่ก็มีคนใฃ้กัน)          บางท่าน ก็อาจตีตะปูคอนกรีต แล้วเอาสายกราวด์ไปพันไว้        บางท่าน ที่บ้านเก่า ก็เอาสายกราวด์ ไปพันกับท่อประปา (ที่เป็นท่อเหล็ก)        บางท่าน ก็เอาสายกราวด์ไปผูกกับโครงหลังคา หรือ หัวเสาส่วนที่เป็นเหล็กโครงสร้าง จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 06:45:37

ความคิดเห็นที่ 100 จากความคิดเห็นที่ 97 ของคุณ ตังชัย ปรกติ ในระบบไฟฟ้า จากหม้อแปลง  1 ลูก ส่วนมากจะมีการลงดิน หลายจุด ทั้งที่ หม้อแปลง เสาไฟฟ้าบางจุด และลงตามบ้าน และการต่อสาย N รวมกับระบบกราวด์ จุดประสงค์ ของการต่อลงกราวด์ แบบนี้ เพื่อรักษาความเสียรภาพของระบบไฟฟ้า เพราะถ้าสาย นิวตรอน เมนจากหม้อแปลง เกิดขาด แล้วสายนิวตรอลตามบ้าน ไม่ลงกราวด์ จะเกิดการบิดเบียว ของเวคเตอร์ ตามรูป ส่วนที่สองของความเห็นที่ 45 (ผมเอามาลงให้ดูอีกรอบ ขออนุญาตคุณ มีสิทธิ์คิด    ด้วยครับ) แรงดัน ทั้ง 3 เฟส จะไม่เท่ากัน (ขึ้นอยู่กับโหลด )จะส่งผลให้พวกบางเฟส เกิดแรงดันเกิน บางเฟส แรงดันจะตก) หลอดไฟจะหรี่ หรือดับ มอเตอร์จะคาง และพวกอุปกรณ์อีเล็ก เช่น แฟกส์ ทีวี พวกที่ใช้สวิทชิ่ง จะพัง ซึ่งถ้าเป็นพร้อมกันหลายบ้าน จะรู้ทันทีว่า สายนิวตรอน ขาด และไม่ได้ลงกราวด์ ระหว่างทางที่จ่ายไฟจากหม้อแปลงมา โหลด แต่ถ้ามีบ้านไหน ต่อกราวด์กับนิวตรอนไว้ก็จะช่วยปัญหานี้ได้  อันนี้เป็นเรื่องความมีเสถียรภาพของ ระบบไฟฟ้า จะหมายความว่าการที่ผู้ใช้ไฟต่อพ่วงสายดิน กับนิวตรัล เป็นการช่วยการไฟฟ้าด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมการไฟฟ้าไม่ตอกหลักดินที่มิเตอร์ แล้วต่อสายนิวตรัลลงดินให้หมดเลยล่ะครับ หรือไม่ก็ออกเป็นกฎ บังคับให้ผู้ใช้ไฟตอกหลักดินบริเวณพื้นดินใต้มิเตอร์ไฟ แล้วการไฟฟ้าเป็นผู้ต่อสายนิวตรัลกับหลักดินเอง จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 09:05:11

ความคิดเห็นที่ 101 ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมการไฟฟ้าไม่ตอกหลักดินที่มิเตอร์ แล้วต่อสายนิวตรัลลงดินให้หมดเลยล่ะครับ หรือไม่ก็ออกเป็นกฎ บังคับให้ผู้ใช้ไฟตอกหลักดินบริเวณพื้นดินใต้มิเตอร์ไฟ แล้วการไฟฟ้าเป็นผู้ต่อสายนิวตรัลกับหลักดินเอง  ท่านสันทัดว่าถ้าทำอย่างนั้นมันจะดูแปลกไหมครับ ตามเสาไฟมีสายไฟ ต่อลงดิน ผมว่าเข้าต้องมีเหตุผลที่ผมคิดได้ก็น่าจะเป็น 1.เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย 2.เพื่อความปลอดภัยเพราะต่อที่เมนสวิตช์ในบ้านใกล้กับอุปกรณ์ไฟฟ้ามากกว่า 3.เพื่อความปลอดภัยเผื่อว่าวันใดเจ้าหน้าที่ต่อผิดเฟสมา ไฟก็จะรออยู่ที่ เสาไฟใครผ่านไปผ่านมาโดนเข้าก็แย่สิครับ ถึงจะเป็นไปได้น้อยแต่อย่าประมาณ. จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 13:23:42

ความคิดเห็นที่ 102 คุณ ao_oa@23 อย่าลืมว่า นิวตรัลกับสายดิน ต่อกันก่อนเข้าเมนสวิทช์หรือเมนเบรกเกอร์ ฉะนั้นการต่อที่มิเตอร์ย่อมมีผลเหมือนกันทุกประการ ส่วนผู้ใช้ไฟก็ต่อเฉพาะสายดินจากนิวตรัลก่อนเมนเบรกเกอร์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนเรื่องความปลอดภัย ถ้าเจ้าหน้าที่ต่อไฟผิดเฟส ไฟไม่ไปรอที่เสาไฟหรอกครับ เพราะมันจะ Short Circuit เสียก่อน จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 14:01:17

ความคิดเห็นที่ 103 ใช้ครับมันต่อเหมือนกันทุกประการ แต่ต่างกันตรงต่ออยู่ในตู้เมน กับต่ออยู่ที่มิเตอร์ไงครับ มันมองยังไงก็ดูไม่เรียบร้อย จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 14:37:04

ความคิดเห็นที่ 104 แล้วท่านสัดทัดว่า ต่อเฟส ลงการวด์อย่างนี้ถูกต้องไหมครับ เพราะตอนที่เริ่ม เข้ามาทำงานที่นี้ใหม่ๆเมื่อ 7 ปีที่แล้วก็งง เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 15:03:26 จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 15:01:07

ความคิดเห็นที่ 105 คุณ ao_oa@23 เอาอะไรมาถามผม ดูรูปแล้วก็ไม่เข้าใจ ถ้าเป็นการต่อสาย Phase 380V. ลง Ground ก็คงผิดแน่ๆ แต่ดูจากขั้วสายไฟแล้ว สายที่ต่อลง Ground ไม่น่าจะเป็นสาย Phase นะ...หรือจะเป็นส่วนของพวก Surge ผมไม่เก่งเรื่องพวกนี้นักหรอก ถึงได้มาตั้งกระทู้ถามอยู่นี่แหละ คงต้องให้คุณช่วยอธิบายแล้วละครับ..... จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 17:19:36

ความคิดเห็นที่ 106 เป็นสายเฟสครับ จั๊มเฟส s ลงกราวด์เลยครับ หลายๆท่านคิดว่า แต่บ้านเรามีแต่ระบบ 3 เฟส 4 สาย ตอนที่ผมเรียนมาก็เรียนแต่ระบบ 3 เฟส 4 สายเป็นหลัก แต่พอทำงานจริงๆ กับมาเจอ 3 เฟส 3 สาย 220vไม่มีนิวทรัล ผมก็ไม่ค่อย เก่งเรื่องทษฏีเพราะไม่ได้จบวิศวะเหมือนกัน แค่อยากจะบอกว่า ในการทำงานกับการเรียนมาบ้างทีมันก็มีอะไรแปลกๆเราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยครับเหมือนกับกระทู้นี้ มันมีประโยนช์มากๆ ที่เห็นในรูปคือ แบบระบบเดลต้่าต่อลงดินครับ ข้อเสีย ของระบบนี้คือใช้แรงดันได้ระดับเดียวครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 17:57:58 จากคุณ : ao_oa@23 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 17:41:34

ความคิดเห็นที่ 107 อ้อ...220V. 3Ph. 3Wire.....ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 18:21:56 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 18:11:08 จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 18:08:26

ความคิดเห็นที่ 108 คุณ ao_oa@23 เจอที่ ญี่ปุ่น หรือเปล่า เห็นแต่คนบอก ไม่ เคยเจอเหมือนกัน    มีเรื่องเล่าให้ฟัง ครับ สัก 4 ปีก่อน มีผู้รับเหมาเขาซื้อเครื่องดัดเหล็กกับ เครื่องตัดเหล็ก มา แล้วก็ให้ ช่างไปต่อไฟเข้าให้ ต่อตอนเช้า บ่ายผู้รับเหมามาบอก ว่าทำไมมอเตอร์ร้อนจังเลย ให้ผมไปดูให้หน่อย ผมก็ Ok ไปดูให้ เดินไปก็คิดไป ช่างพวกนี้ต่อไฟเข้ามอเตอร์ แค่นี้ มันจะผิดได้ไง ตั้งสองตัว ผู้รับเหมาเขาบอกว่าทำงานได้แต่มันร้อน มาก  เขาเลยปิดไว้ เดินไปซักพัก แวบขึ้นมา เลยถามว่าไปซื้อมาจากไหน เขาบอกว่า เก่าคลองเตย ผมเลยบอกว่า ของญี่ปุ่น หรือเปล่ เขาบอกว่าใช่ เลยไปดู เปิดฝาดู เขาต่อมาเป็น สตาร์ด้วย เลยบอกว่า คุณไปเปลี่ยมอเตอร์ใหม่ หรือไม่งั้น ก็ไปปรึกษาช่างให้พันใหม่   แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 21:04:44 จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 20:47:49