ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับคนไม่ถือ ก็ไม่ต้องถือค่ะ ไม่มีใครบังคับใจเราได้ ไม่ต้องแสวงหา รู้ว่าอะไรที่ไม่ดี ไม่รู้ก็คือไม่ผิด แต่ถ้าคนที่ถือ เราก็คงจะว่าเขางมงายไม่ได้ ใจใครใจมันค่ะ ไม่ทำ ก็ไม่สบายใจ ไม่สบายใจ ก็คงอยู่บ้านไม่มีความสุข ถ้าไม่เหลือบากกว่าแรงมาก ก็ทำไปถือว่าซื้อความสบายใจ เราคิดแบบนี้แหละค่ะ จากคุณ : Noon_rinz เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:44:39

ความคิดเห็นที่ 2 ดูทำเนียบรัฐบาลดิ ยังทำเลย ระดับผู้บริหารประเทศ เป็นความเชื่อเฉพาะตัว จากคุณ : jindawong เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:50:43

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่เชื่อก็ใช้คำให้เบาๆหน่อยครับ อย่างน้้อยศาสตร์ฮวงจุ้ยก็มีมาหลายร้อยปีแล้ว จากคุณ : pompiping เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:51:48

ความคิดเห็นที่ 4   หลักฮวงจุ้ย มันก็อิงกับศาสตร์แห่งความเป็นจริงน่ะครับ เหมือนกับสูตรของช่างเฟอร์นิเจอร์ที่จะต้องระบุว่าโต๊ะ จะต้องมีความสูงระดับ80ซม.จึงจะเหมาะสม ฮวงจุ้ยก็เช่นกันเพียงแต่คนชอบนำไปอิงกับความลี้ลับ เร้นลับ อย่างเช่น บ้านไหนอยู่ทาง3แพร่ง บ้านนั้นจะต้องมียันต์แปดทิศติดตั้งไว้ แต่หากกล่าวถึงหลักความเป็นจริง สมัยก่อนมีเกวียน หรือมีรถยนต์เหมือนสมัยนี้ เมื่อพบเจอตรงนี้ความอันตรายก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะรถเบรกไม่อยู่พุ่งเข้าหาบ้านที่อยู่ตรงนั้น ทางที่ดีคือ บ้านไม่ควรอยู่ตรงนั้น ให้เยื้องๆออกไป แล้วก็ติดยันต์แปดทิศเอาไว้ตรงทางสามแพร่ง ซึ่งเปรียบเสมือนป้ายจราจร จากคุณ : แบนแล้วแบนอีก จนแบนแต๊ดแต๋ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:52:52 A:124.120.52.83 X: TicketID:280600

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าบางอย่างก็มีเหตุผลส่วนนึง แต่บางอย่าง ก็โดนคนด้วยกันเอง ปรุงแต่ง จนไร้เหตุผล จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:53:16

ความคิดเห็นที่ 6 1.ขึ้นกับว่าคุณไปถามกับใคร จริงๆมันเป็นกุศโลบายแบบหนึ่ง เช่น บันไดต้องเป็นเลขคี่ นั่นเพราะ เวลาคนเดินต้องเอาเท้าข้างไม่ถนัดขึ้นก่อน และจบขั้นสุดท้ายด้วยข้างที่ไม่ถนัด มันถึงจะมั่นคงไม่ล้มตกบันได 2.ขึ้นกับว่าคุณไปถามกับใคร 3.ส่วนมากก็แก้ไขเอาครับ ถ้ามีเงิน รวยล้นฟ้า จะทุบแล้วมีความสุขก็เรื่องของเค้าเนาะ 4.อันนี้เห็นด้วยครับ บางอันก็จอร์จมาก 5.มันก็มีแปลนะครับ เยอะเลย แต่บางอันแปลแล้วทะแม่มๆ 6.ความเชื่อต้นไม้ ส่วนใหญ่เป็นของไทยครับ ชื่อไม่เป็นมงคล ::::::::::::: 1. ที่ห้ามนอนใต้คาน หมายถึง คานวางพาดอยู่บนเตียงครับ เวลานอนมันให้ผล ทางจิตวิทยา คือ เหมือนว่ามีอะไรมาคาดอยู่บนเพดาน ส่งผลสุขภาพจิต เค้าเลยหลอกๆ ว่ามันเป็นโน้น เป็นนี่ 2.กะ3.  นานาจิตตัง จากคุณ : โสดจัง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:54:49

ความคิดเห็นที่ 7   ฉะนั้นฮวงจุ้ย บางครั้งก็เหมือนกุศโลบายของคนไทย ที่หากบอกไปตรงๆมักจะไม่ค่อยเชื่อ จะต้องเอาสิ่งเร้นลับมาแฝง สอนลูกหลาน แต่ฮวงจุ้ยบางอย่าง ก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน แม้แต่ฝรั่งเองก็งง เชื่อได้ครับ แต่ใช่ว่าจะงมงายไปซะทุกเรื่อง จนไม่เป็นอันกิน ขี้ไม่ออก จากคุณ : แบนแล้วแบนอีก จนแบนแต๊ดแต๋ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:55:57 A:124.120.52.83 X: TicketID:280600

ความคิดเห็นที่ 8 ลองไปอ่านหนังสือ ฮวงจุ้ยดีๆ เค้าจะมีคำอธิบายได้ครับ ว่าแต่หล่ะอันมีที่มา หรือเหตุผลยังไง จากคุณ : panyas เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:56:00

ความคิดเห็นที่ 9 บ้านผมเปิดประตูหน้าบ้าน  ก็เห็นส้วมเลยครับ   อาจจะเคยเห็นบ้านนี้ใน  http://www.youtube.com/watch?v=4PCP5tvYX-E แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 11:59:56 จากคุณ : ริมรั้วบ้านนา เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 11:59:31

ความคิดเห็นที่ 10 โทษทีครับลืมรูป จากคุณ : ริมรั้วบ้านนา เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 12:04:00

ความคิดเห็นที่ 11 ฮวงจุ้ย มันเป็นวิทยาศาสตร์ นะครับ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 12:37:50

ความคิดเห็นที่ 12 ของจีน ก็ประมาณ กาละฟ้า(ฟ้าลิขิต... กรรมเวร) ชัยภูมิดิน(ฮวงจุ้ย) ประชาราษฏ์เกืื้้้อหนุน(คนที่เกี่ยวข้อง) ของพุทธก็มงคล 38 ข้อ 4 ๔. การอยู่ในถิ่นอันสมควร ถิ่นอันสมควรควรประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม ๔ อย่างได้แก่ ๑.อาวาสเป็นที่สบาย หมายถึงอยู่แล้วสบาย เช่นสะอาด เดินทางไปมาสะดวก อากาศดี เป็นแหล่งชุมชน ไม่มีแหล่งอบายมุขเป็นต้น ๒.อาหารเป็นที่สบาย หมายถึงอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เช่นมีแหล่งอาหารที่สามารถจัดซื้อหามาได้ง่าย เป็นต้น ๓.บุคคลเป็นที่สบาย หมายถึงที่ที่มีคนดี จิตใจโอบอ้อมอารี ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีศีลธรรม ไม่มีโจร นักเลง หรือใกล้แหล่งอิทธิพลเป็นต้น ๔.ธรรมะเป็นที่สบาย หมายถึงมีที่พึ่งด้านธรรมะ มีที่ฟังธรรมเช่น มีวัดอยู่ในละแวกนั้น มีโรงเรียน หรือแหล่งศึกษาหาความรู้เป็นต้น จากคุณ : tonjung เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 12:38:17

ความคิดเห็นที่ 13   เห็นด้วยกับทุกความเห็นครับ มันเป็นเรื่องความเชื่อจริงๆครับ ใครไม่เชื่อก็อ่านแล้วผ่านไป ใครเชื่ออ่านแล้วก็ปฏิบัติตามเพื่อความสบายใจนะครับ แต่ที่ผมเห็นบริษัทฯใหญ่ๆในประเทศไทยใช้ฮวงจุ้ยส่วนมากจ้า จากคุณ : THITIPONG07 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 13:05:54

ความคิดเห็นที่ 14 ฮวงจุ้ยมันอาจจะเป็นศาสตร์ที่ ให้ผลจริงอย่างว่าได้ แต่ไม่รู้ว่าซินแสมันจะมั่วรึเปล่านี่สิน่าคิด จริงๆศาสตร์นี้มันก็เก่าแล้วนิ มันก็มีการเปลี่ยนแปลงแต่งเติมกันมาเรื่อยๆจนไม่แน่ใจว่าฮวงจุ้ยสมัยปัจจุบันกับในอดีตมันมีความเหมือนกันสักกี่ส่วน ผมว่าของในโลกนี้มันมีเหตุปัจจัยให้ผลมากมาย สำหรับผมความสำเร็จหรือวิบัติของคนมันขึ้นกับปัจจัยหลากหลาย ฮวงจุ้ยมันก็ทำได้แค่กำหนดรูปลักษณ์ของภูมิทัศน์ ของสิ่งปลูกสร้างอาจให้ผลทางจิตใจกับคนที่เชื่อถือ ส่วนความสำเร็จล้มเหลวในการดำรงชีวิตมันขึ้นกับพฤติกรรม วิธีการนึกคิดแต่ละตัวบุคคลเป็นปัจจัยหลักเสียมากกว่า จากคุณ : TenSaru เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 13:24:18

ความคิดเห็นที่ 15   อย่างแรกเลย ที่ได้รับคำตอบมันไม่ดี ถามกลับไปไม่ดีอย่างไรไม่มีคำตอบกลับมา - อาจจะเจอ ซินแซปลอม มันเลยตอบไม่ได้ (เหมือนพวกที่ออกมาวิจารณ์ทำเนียบรัฐบาล ทอแล ทั้งนั้น) 2.ไม่เป็นมงคล ถามกลับไปไม่เป็นอย่างไรไม่มีคำตอบกลับมา - อันนี้ต้องว่ากันเป็นเรื่องๆไป อะไรอยู่ตรงไหน ไม่ดีอย่างไร ซินแซปัญญาอ่อน ชอบบอกว่ามีหมอแปลงไฟฟ้าไม่ดี เห็นบางบ้่านมีตั้งอยู่หน้าบ้าน ก็ยังเจริญรุ่งเรืองดีอยู่ เพราะมันดูไม่เป็นว่าจริงๆแล้ว ดี ไม่ดีคือะไร (ไอ้พวกเดียวกะข้อแรก) 3.ทำไมต้องติดตั้งเพิ่ม,ทำไม่ต้องย้าย,ทำไมต้องทุบ (บ้านสร้างมาตั้งหลายล้าน)เจอคนๆเดียวใครที่ไหนก็ไม่รู้เล่นเอาจิตตก - บอกตามตรงว่า ฮวงจุ้ยไม่เหมาะกับบ้านที่สร้างแล้ว จะสร้างบ้านให้ได้ตามฮวงจุ้ยต้องวางแผนก่อนสร้าง พวกที่สร้างแล้วถ้าดวงดีบ้านก็เข้ากับเจ้าของ ถ้าดวงไม่ดีอาจจะได้บ้านที่ำร้ายเจ้าของก็ได้ และส่วนมากคนก็จะซื้อบ้านก่อน แล้วค่อยมาถามว่าจะแก้ยังไง ก่อนซื้อทำไมไม่ถาม มาจิตตกเอาทีหลัง 4.อีกหลายอย่าง108คำถามที่ไม่สามารถอธิบายด้วยหลักการของเหตุและผล - ก็ฮวงจุ้ยมันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่มันมีวิธีในการพิจารณาตามหลักวิชาของมัน ถ้าจะให้อธิบายตามหลักวิชาฮวงจุ้ย ตามกฏของมันก็อธิบายได้ แต่จะให้อธิบาย เหมือนพวกที่พยายามจะเอาวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ยังไงล่ะครับ เอาแค่ปีชวด ชงกับ ปีมะเมีย จะให้อธิบายว่าอย่างไรดี 5.ทำไม่ไม่มีใครคิดที่จะแปลเป็นภาษาไทย และความหมายของแต่ละคำมันคืออะไร - จะให้แปลอันไหนล่ะครับ ปี จื้อ=ชวด ปี ทิ่ว=ฉลู ปี เอี้ยง=ขาล เป็นต้น หรือ ธาตุดิน ก็ โท่ว ธาตุไม้ ก็ บัก ธาตุทอง ก็ กิม ธาตุไฟ ก็ ฮ่วย ธาตุน้ำ ก็ จุ้ย มันก็ภาษาจีนที่คนจีนใช้กันอยู่ตามปกติ จะเรียกต่างกันก็สำเนียงแบบ แต้จิ๋ว หรือ จีนกลาง เท่านั้นเอง พวกที่มันไม่แปลเพราะมันอ่านไม่ออก หรือป่าว หรือคำบางคำมันเป็นคำทับศัพท์จะให้แปลยังไง ข่วย คุง = ดิน (ภาษาจีนอ่านว่า ตี่) เค้าก็เรียก "ข่วยคุง" ทั้บศัพท์กันไป เดี๋ยวนี้มีแต่ซินแซนับเลข ปีจื้อ นับ 1 ปีทิ่วนับ 2 ไอ้พวกนี้อย่าว่าแต่อ่านหล่อแก(เช็มทิศจีน)เลย นับเลขจีนบางทีอาจจะนับผิดด้วยซ้ำไป แต่ขี้คุยว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ 6.ต้นไม่ที่ห้ามปลูกในบ้านเห็นในหนังสือเกี่ยวกับบ้านราคาแพงๆมีหมดเลยแล้วก็จัดออกมาได้สวยด้วย -อันดีไม่เคยได้ยินนะว่าห้ามต้นอะไร แต่ต้นไม้ตายนี่ห้ามแน่ๆ ถ้าไปเชื่อซินแซปัญญาอ่อนแบบที่ทำเนียบก็ช่วยไม่ได้ครับ ยังไม่เคยเจอซินแซจริงๆ อย่างเพิ่งไปว่าของเค้าไม่ดีเลยครับ ความเห็นส่วนตัวของคุณ เรื่องนอนใต้คาน ไม่เชื่อก็ดีแล้วครับ อย่าไปเชื่อ พวกนั้นมันมั่ว ฮวงจุ้ย อาจจะแปลว่า ลม น้ำ แต่มันไม่ได้หมายความถึง ลม กับ น้ำ จริงๆ หรอก อย่าคิดเป็นวิทยาศาสตร์เลยครับ มันไม่เกี่ยวกันหรอก แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 13:38:16 จากคุณ : umibozu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 13:37:38

ความคิดเห็นที่ 16 2 ไม่เป็นมงคล ถามกลับไปไม่เป็นอย่างไรไม่มีคำตอบกลับมา แสดงว่าคงเจอ ซินแสไม่เก่งหรือรู้เรื่องฮวงจุ้ย น้อยมั้งครับ ต้นไม่ที่ห้ามปลูกในบ้านเห็นในหนังสือเกี่ยวกับบ้านราคาแพงๆมีหมดเลย แล้วก็จัดออกมาได้สวยด้วย อันนี้นน่าจะเป็นความเชื่อของคนไทยนะครับ เรื่องนอนใต้คานที่ว่าไม่ดี เพราะมันเป็นความรู้สึกไม่สบายตาเวลานอน นอนแล้วรู้สึกมีท่อนที่เป็นคานขวางหูขวางตา บ้านที่มีบ่อน้ำหรือสระห้าม ไม่ควรทำบ่อหรือสระ ไว้ที่ทิศตะวันออก กับทิศตะวันตก คนที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้จะมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เพราะเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นกับตก มันจะสะท้อนเข้ามาในบ้านแล้ว เหมือนเรามองกระจกสะท้อนแสงครับ เรื่องช่องลมที่ว่าไม่ดีเพราะ ว่าอาการมันจะเปลี่ยนแปลงบ่อย และเปลี่ยนแปลงแบบแตกต่างกันมาก ร่างกายคนเราจะปรับสภาพไม่ไหว ก็จะเจ็บป่วยง่าย บ่อย จากคุณ : sinsaenu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 13:40:00

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่หน้าบ้านไม่ดีจริงครับ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ตรงบริเวณใกล้หม้อแปลงไฟฟ้า จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นจำนวนมากที่แผ่ออกมาบริเวณนั้น ถ้าเราสะสมไปเรื่อยๆก็จะอาจจะเกิดผลเสียกับร่างกาย   ยิ่งถ้าอยู่ใกล้เสาไฟแรงสูง โอกาสที่อยู่ดีเราจะถูกไฟฟ้าช็อตตายโดยที่เราอยู่เฉย ยังได้เลยครับ เนื่องจากบริเวณนั้น ไฟฟ้าที่ส่งมีความต่างศักย์สูงแสนโวลต์ อากาศรอบๆจะเกิดความเครียดแล้วจะเปลี่ยนจากฉนวนนำไฟฟ้า เป็นตัวนำไฟฟ้าได้ จากคุณ : sinsaenu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 13:51:28

ความคิดเห็นที่ 18   อันนี้ผมขอความรู้ sinsaenu อย่าเพิ่งหาว่ารบกวนเลยนะครับ ถ้าหม้อแปลงอยู่หน้าบ้านคนอื่น แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านเราโดยมีถนนซอยขวางอยู่ จะถือว่าไม่ดีหรือป่าวครับ จากคุณ : umibozu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 14:12:46

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เกี่ยวกับฮวงจุ้ยนะครับ ต้องหาเครื่องวัดคลื่นแม่เหล็กมาวัดดูว่าตรงบ้านเรามีปริมาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากมั้ย กรณีนี้ถ้าห่างจากบ้านเรามากก็มีผลกับเราน้อย ตามหลักฮวงจุ้ย ถ้ามีกระแสถนนตัดผ่านก็จะไม่ค่อยมีผลอะไรกับเราครับ ต้องดูว่าถนนกว้างเท่าไหร่ ยิ่งกว้างผลก็จะน้อยมาก จากคุณ : sinsaenu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 14:21:39

ความคิดเห็นที่ 20 จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้อคติอะไรหรอกครับอยู่รวมกันอย่างสันติเป็นดีที่สุด มีพี่คนหนึ่งที่ทำงานเก่าผมพูดเหมือน คห.11(ฮวงจุ้ย มันเป็นวิทยาศาสตร์ ) พี่แกก็อธิบายได้หมดมีเหตุและผลสอดคล้องกัน ฮวงจุ้ยของจีนก็ควรจะเหมาะกับภูมิประเทศจีน ถ้าเป็นของไทยก็ควรใช้ภูมิศาสตร์ของไทย อย่างหน้าร้อนของไทยยกตัวอย่าง2จังหวัดลำปาง กับ ชลบุรี ที่ลำปางถ้าเป็นหน้าร้อนชักผ้าตอนค่ำเช้าก็แห้งแต่ที่ชลยังเปียกเหมือนเดิม ผมก็หาข้อมูลในห้องสมุด(ซีเอ็ด,นายอินทร์)มีแต่น้ำเนื้อหาหรือใจความสำคัญมีน้อยมาก ส่วนในเน็ตก็จะเป็นลักษณะ copy paste ตามๆกันมา อย่างมีรายการTV ช่องหนึ่งเอารายที่โดนฟ้าฝ่า3ครั้งติดกันแล้วเอาซินแสมาดู ก็ไม่ได้อธิบายอะไรหรืออ้างถึงหลักของวิทยาศาสตร์เช่นความต่างศักย์ หรือดินตรงนั้นมีแร่เหล็กสูง ไปแบบน้ำขุ่นๆ มี case หนึ่ง เป็นน้องที่ทำงานที่เดี่ยวกัน จะชื้อบ้านใหม่และแฟนเป็นร่างทรง ก็ได้พูดคุยกันน้องเขาบอกว่าได้ให้ซินแสดู ผม--ก็เลยถามพามาดูที่หน้างานเหรอ น้อง---บอกเปล่าเอาข้อมูลไปคุย ผม--นึกในใจมันจะได้เรื่องเหรอที่เห็นทำกันต้องเอามาวัดมุมวัดองศาหาทิศหาอะไรกันไป น้อง--มันเปลื่องพี่ ผม--นึกในใจแฟนเป็นคนทรงทำไมไม่ถาม แล้วมันจะ....คงได้แค่ความสบายใจว่าได้ทำแล้ว นานาจิตรตัง แค่ผมอยากให้คนที่มีความรู้จริงถึงแก่นอธิบายได้ๆเพราะอะไร,ไม่ได้ๆเพราะอะไร.... ขอขอบคุณทุก คห. ผมว่ามันเป็นอะไรที่ศิวิไลมากเลยที่เราได้มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน จากคุณ : Mr.Free man เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 14:40:31

ความคิดเห็นที่ 21 ผมก็เชื่อนะบ้านหันหน้าทางทิศตะวันออก หรือทิศเหนือ เห็นเขาว่าเกี่ยวกับตากผ้าแล้วผ้าจะแห้งดี ตอนเช้าเย็นสบายกลางวันไม่ร้อน จากคุณ : แนะนำด้วยครับ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 14:42:18

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเสริมนิดนะครับ การจัดฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย โดยปกติก็จะ สองแบบ คือ 1. จัดบ้านให้ถูกกับฮวงจุ้ย เป็นกรณีที่เรายังไม่ได้ปลูกบ้านก็จะปรับเปลี่ยนแบบ บ้านให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย เพราะเราเลือกได้นะ 2. จัดฮวงจุ้ยให้ถูกกับบ้าน เป็นกรณีบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว อยู่อาศัยแล้ว ซินแสจะต้องจัดฮวงจุ้ยให้เข้ากับบ้านโดยที่ไม่มีการ รื้อ ทุบ บ้านเดิม หรือ ทำให้เจ้าบ้านเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย เพราะว่าฮวงจุ้ยเป็นสิ่งพึ่งพิงทางใจครับ ปรับแล้วดี แต่ก็ไม่สามารถ นำมาโชวว์ว่าจะดียังไงได้เลยทันที แต่ที่เสียแน่ๆ ก็คือ ค่าที่เราต้อง ทุบ ต้องรื้อบ้าน เห็นแน่ ทางที่ดีเวลาเราจะเชิญซินแส มาปรับบ้านเรา ก็เหมือนเราเชิญช่างมาซ่อมบ้านเรา เราก็ต้องมีการพูดค่อยสอบถาม เพื่อหยั่งความรู้ความสามรถของช่างด้วยครับ ว่าเก่งแค่ไหน เป็นดีแค่ไหน โดยส่วนใหญ่ โดยส่วนใหญนะครับ ศาสตร์ฮวงจุ้ยถ้า รู้จริงรู้เยอะ จะสามารถอธิบายได้ครับ ว่าทำไม อย่างไร และเพื่ออะไร ฮวงจุ้ย หลักๆ เลยเป็นการดึงพลัง จากทิศทาง สี รูปทรง มาใช้ แต่เห็นซินแสบ้างท่านบอกต้องเอาสิงห์ สา ลา สัตว์ ตัวโน้น ตัวนี้ มาตั้งถึงจะดี มันไม่ใช่ทั้ง ร้อย% แต่ว่าซินแสร ได้เงินค่าของ บวกค่าความขลัง แน่ๆแล้วครับ ผมว่าพลังจากฮวงจุ้ยก็เหมือนกับคลื่นแม่เล็กไฟฟ้าที่อยู่รอบตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัวว่ามีอยู่ ถ้าไม่มีคนค้นพบแล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ มันก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 15:07:06 จากคุณ : sinsaenu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 14:49:45

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่อง หม้อแปลงขนาดใหญ่ ฝั่งตรงกันข้าม ผมว่าคงไม่ได้มีผลกระทบมากเท่าที่นั่งมองดู 1.ถ้าหม้อขนาดใหญ่มันคงเกะกะสายตา 2.หม้อแปลงเวลานานไป พออากาศชื้น ไฟจะกระโดด ดัง  ชี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นอนไม่หลับแน่ๆ 3.หม้อแปลงเวลาทำงาน มีสนามแม่เหล็กเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสนามแม่เหล็กอันนี้ ในระยะยาว จะมีผลข้างเคียงหรือไม่ 4.พื้นที่ตรงกันข้ามทำประโยชน์ลำบาก เช่นจะถอยรถต้องระวังเสาไฟ ถ้าเป็นที่โล่งก็ถอยยาวๆได้            ฮวงจุ้ย ค่อนข้างเป็นวิทยาศาสตร์อยู่มากในตำราหลายๆเล่ม ซึ่่งเท่าที่ลองศึกษาดูบ้าง ก็พบว่าบางสิ่งบางอย่างอาจไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด กับวิถีชีวิตของคนไทยในทุกเรื่อง ฉนัน้นเราต้องนำมาปรับเปลี่ยนให้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้มากที่สุดครับ จากคุณ : ไข่หมูก (giantmodify) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 14:54:59

ความคิดเห็นที่ 24 ในส่วนตัวคิดว่าทุกอย่างย่อมมีเหตุผลที่เค้าถ่ายทอดกันมา มีอยู่ 1 เรื่องอยากถามผู้รู้ ว่าทำไมต้องบอกว่าบ้านหันหน้าไปทางทิศใต้ถึงดีเหมาะสม ถ้าเราไปอยู่ ในประเทศจีนตอนบนสักหน่อยหันหน้าบ้านทางใต้เรื่องนี้มีเหตุผลที่ดี เพราะจะได้รับแดด และเลียงลมหนาว แต่อยู่ที่ประเทศไทยใกล้เส้นศูนย์สูตร ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ก็มาแรง บ้านหันหน้าไปทางใต้เจอทั้งแดดแรงและฝน ช่วยขยายความหน่อยนะ ว่าควรเป็นเช่นไร แต่ที่ทราบบ้านหันหน้าตามคนไทยๆตามโบสถ์ ก็หันตะวันออก ตกบ่าย ก็หน้าบ้านเย็น แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 15:01:01 จากคุณ : k1. เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 15:00:13

ความคิดเห็นที่ 25 คนบางคน จบอ็อกฟอร์ด  แต่ดันงมงาย เขาให้ปลูกต้นปาล์ม ก็ปลูก อีกคนมาทักว่าไม่ดี  ก็รีบให้คนถอน เฮ้อ อนาถ จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 15:15:33

ความคิดเห็นที่ 26 จริงตามหลักฮวงจุ้บ้านหันหน้าได้ทุกทิศ ไม่มีทิศไหนดี หรือทิศไหนร้าย เคยเจอมั้ยครับว่า บ้านหลังนี้เราอยู่แล้วมีแต่เรื่องแย่ แต่พอขายไป คนมาซื้อใหม่ อยู่มีแต่เรื่องดี ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าบ้านนี้ถูกโฉลกกับคนใหม่ ไม่ใช่เรา แต่ตามหลักฮวงจุ้ยการเลือกบ้านทิศไหนอยู่แล้วดี ต้องพิจารณาจาก ดวงจีน โป๊ยหยี ซี้เถียวครับ ว่า คนๆนั้น ตามดวงจีนต้องการพลังจากทิศไหน มาส่งเสริม ถึงจะทำให้คนๆนั้นเจอสิ่งดีครับ ไม่ได้ฟิกว่า ทิศนี้ดี ทิศไหนนั้นไม่ดี จากคุณ : sinsaenu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 15:18:20

ความคิดเห็นที่ 27   จริงๆแล้วฮวงจุ้ยก็ไม่ได้บอกว่าบ้านต้องหันทิศใต้ถึงจะดี แต่ที่เชื่อกันแบบนี้ ก็เพราะตีความกันไปเอง จาก พื้นฐานเรื่องสี่สัตว์เทพ ที่ว่า ด้านหลังต้องเป็นเต่าดำ(ทิศเหนือ) ด้านหน้าต้องเป็นหงษ์แดง(ทิศใต้) แล้วก็เอาไปเทียบกับพระราชวังต้องห้ามที่หันตรงตามหลักการนี้ พระราชวังต้องห้ามอาจจะสร้างตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ แต่ฮวงจุ้ยของพระราชวังต้องห้ามก็ไม่ได้ดี กับ ฮองเต้ทุกองค์ มันดีเฉพาะกับฮองเต้ องค์ที่สร้างมันเท่านั้น ความจริงแล้วบ้านไม่จำเป็นต้องหันทิศใต้ก็ดีได้ แต่จะดีอย่างไร กับ ใคร ต้องเอามาพิจารณากันเป็นรายๆไป อย่าเหมาเอาว่า สถานที่นี้จัดฮวงจุ้ยแล้วใครจะมาอยู่ก็ดีหมดทุกคน มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก อ้อ ขอบคุณ sinsaenu สำหรับคำตอบ จากคุณ : umibozu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 15:20:38

ความคิดเห็นที่ 28 เหมือนเราจะตอบกระทู้เวลาใกล้กันเลยนะครับ คุณ Umibozu เดี่ยวคุณโพสต์ก่อน ผม ผมโพสต์ก่อนคุณ จากคุณ : sinsaenu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 15:25:29

ความคิดเห็นที่ 29   ประมาณนั้นครับ :) ขอถามอะไรนิดนึงนะครับ ฤกษ์ยาม เต๋าซิ่ว ที่ sinsaenu เคยบอกว่าเรียนมาเนี่ย ใช่ที่ อ.วิศิษฐ์ เคยสอนหรือป่าวครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 15:32:40 จากคุณ : umibozu เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 15:32:03

ความคิดเห็นที่ 30 เหมือนรับบาลชุดปัจจุบันไงครับ จากคุณ : ผ่านมา (dconth) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 17:13:19

ความคิดเห็นที่ 31 เราว่ามันไม่ใช่ศาสตร์ลึกลับอะไรหรอก และก็ไม่ใช่กากวิชาด้วยมันเป็นเพียง หลักวิชาการที่อ้างอิงมาจากความน่าจะเป็น แต่พูดให้ดูสวยหรูเท่านั้นแหละ จากคุณ : thttam13 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 21:30:12

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ จขกท  ใช้คำไม่สุภาพเรยครับ   ไม่เชื่อก็ผ่านๆสิครับ  ไม่ใช่ไปดูถูกวิชาเขา จากคุณ : OO (Tikky Boy) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 23:40:07

ความคิดเห็นที่ 33 ต้องขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพ ผมก็แค่คนตรงคนหนึ่ง นึกยังไงคิดยังไงก็แสดงออกไปอย่างนั้น ไม่ใช่นักการเมืองหรือนักวิชาเกิน แต่คำว่ากากวิชามันมาจากซินแสที่เข้าพูดกัน... จากคุณ : Mr.Free man เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 08:19:31

ความคิดเห็นที่ 34 แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ แต่ตัวเองเคยประสบเหตุการณ์ที่ทำให้เสื่อมศรัทราเหมือนกัน แต่ออกแนวขำๆ เนื่องจากเจ้านายพาหมอดูฮวงจุ้ยมาดูที่ออฟฟิศค่ะ เค้าก็หวังดี จะให้หมอดู ดูให้เราด้วย เพราะตอนนั้นเราจะซื้อรถพอดี หมอ :  จะซื้อรเหรอ จะซื้อสีอะไร เรา : สีดำค่ะ หมอ : ไม่ดี ไม่ดี ซื้อสีดำไม่ดี เรา : แอบงง นึกในใจ หมอนี่คงเทพมาก ยังไม่ถามอะไรเราเลย วันเิกิด ปีเกิด  รู้แล้วว่าไม่ดี เรา : แล้วมันไม่ดียัังงัยคะ หมอ : ไม่ดีมากๆ แย่มาก (เสียงดัง) มันรักษายากจะตาย ปัดนิดเดียวก็ขึ้นขนแมวแล้ว เป็นรอยง่าย เรา : โค ตะ ระ อึ้ง โหวววว หมอแมร่ง สุดยอดดดดดดดดดดดด เรา : ขอบคุณค่ะ ยกมือไหว้ ลาหมอออกมาเลย ไม่ได้ตอบอะไร จากคุณ : NoKKo@InLovE เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 08:50:57

ความคิดเห็นที่ 35 ศาสตร์ที่เป็นความเชื่อโบราณมานานนับพันปีเป็นแค่"กากวิชา" แบบนี้พวกภูมิปัญญาไทยเราท้องถิ่น ไม่ยิ่งกว่าหรือครับ.. ของแบบนี้มีที่ไปที่มา ก็ต้องมีเหตุผลประกอบ ยิ่งถ้าถูกจัดให้เป็นวิทยาศาสตร์ย่อม"ต้อง"พิสูจน์ได้และหรือรอการค้นพบและพิสูจน์อยู่ครับ.. จริงๆลมและนํามันก็เป็นธรรมชาติน่ะแหละ และสองสิ่งนี้ก็เกื้อหนุนและมีอยู่หรือหลอมรวมในทุกสรรพสิ่ง มนุษย์ต่างหากที่พยายามคิดและค้นเพื่อที่จะฝีนกฏเกณฑ์จากธรรมชาติ.. คนที่เข้าใจคือคนที่"เรียนรู้"ที่จะอยู่"ร่วม" มิใช่เรียนและรู้เพื่อที่จะมาทําลาย"ธรรมชาติ" เพราะด้วยความคิดที่คิดว่ามันเป็นเพียงแค่"กาก"ของศาสตร์./ จากคุณ : ฮกซี เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 20:10:43