บ่นมากหน่อยนะครับ บ้านคุณแม่เก็บเงินซื้อให้พี่น้องได้อยู่กันด้วยเงินห้าล้านบาท ให้พี่น้องสามคนอยู่ด้วยกัน เพราะเมื่อก่อนอยู่คอนโดเล็กๆ ที่บ้านก็เก็บเงินประหยัดกันหลายปี เริ่มย้ายมาอยู่ก็ตกแต่งอีกล้านบาท ทุกคนอยากให้อยู่สบายๆ มีห้องส่วนตัว ห้องเก็บของประมาณนี้ สมัยนั้นผมอยากได้แค่ห้องอ่านหนังสือเงียบๆ สักห้อง ซึ่งมันเป็นไปได้ เพราะบ้านนับว่าเพียงพอ สี่ห้องนอน ห้าน้ำแต่มันก็สำเร็จได้แค่เพียงครึ่งปีเพราะพี่ชายไปซื้อหมามาเลี้ยงสองตัว พันธ์บีเกิ้ล หลังจากมีพวกมันที่บ้านก็ไม่เป็นบ้าน หมาสองตัวกัดทำลายเฟอร์ทั้งบ้าน ประตู ต้นไม้ รื้อเสียหาย มันพังประตูกัดมุ้งลวด กระทั่งไปนอนในห้องนอนผมชั้นสามเพราะลืมปิดประตูไว้ ผมทำงานอยู่ ตจว อาทิตย์นึงเข้ากรุงเทพมาอยู่บ้านที่คุณแม่ซื้อให้ ก็อยากพักผ่อน ยามค่ำคืนก็มีเสียงเห่าดังๆทุกคืน ผมโดนข้างบ้านด่าว่าเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ซ้ำอีก การใช้ชีวิตแย่มาก ไม่ว่าการกินที่มักมีขนสุนัขปนเปื้อน เสื้อผ้ามีขนสุนัข กลิ่นอุจ ฉี่ กล่นสาป ผมและพี่อีกคนก็ต้องทนกับสิ่งแวดล้อมแบบนี้ พี่คนโตที่นำมันมาเลี้ยงไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนมัน ทุกวันนี้เจ้าของบ้านที่แท้จริงคือสุนัขสองตัวกับพี่ชายคนโต พี่อีคนและผมแทบจะไม่เข้าไปที่บ้านอีก ความฝันจะได้นอนพักผ่อน อยู่ในที่ที่ดีๆ สะอาดๆ เงียบๆ มลายไปหมดสิ้น เราลงทุนกับเงินหกล้านบาทแต่แทบไม่มีค่าอะไรเลย ที่ผมเขียนมาคุณอ่านแล้วอาจเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ หรือแรงหน่อยก็พูดว่าไม่มีวุฒิภาวะ ก็เป็นเพียงแค่อยากระบายความรู้สึก และ ให้เห็นถึงการกระทำของคนบางคน ทำให้เกิดผลกระทบกับคนอื่นที่อยู่ร่วมกันนานแสนนาน มันเป็นอุทาหรณ์ของคนวัยลุงอย่างผมและคนรอบข้าง เพราะการตัดสินใจของพี่ชายคนโต นำสิ่งมีชีวิตมาเลี้ยงโดยไม่ปรึกษาคนในครอบครัว คิดถึงแต่ความชอบของตัวเอง แต่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูให้ดี ทุกวันนี้ก็เลี้ยงทิ้งๆขว้างๆทั้งที่ซื้อมาตัวละหมื่นกว่าบาท จริงๆแล้วไม้อยากโทษใคร ไม่อยากทำบาป คงให้มันอยู่กันไปจนจากกันด้วยดี หวังว่าเรื่องจริงที่ผมเล่ามาจะพอเป็นข้อคิดให้กับบางคนที่คิดจะเลี้ยงสุนัขให้คิดถึงภาระผูกพัน และผลกระทบต่อคนรอบข้างด้วยครับ
จากคุณ |
:
che06011
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ม.ค. 54 23:30:26
|
|
|
|