ความคิดเห็นที่ 1 ปาติเคิล ไม่เหมาะอย่างมากละครับ ที่คอนโดผมโต๊ะวางทีวีใช้งานหนักๆ ตกท้องช้างซะ MDF ก็พอกันละครับ ถ้าจะให้แข็งก็ต้องเป็นไม้โครงปะหน้าละครับ อยู่ที่การซอยโครง ถ้าให้ถี่ไว้แข็งแรงอย่างที่หวังละครับ จากคุณ : น้องปลาดาว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 00:09:34

ความคิดเห็นที่ 2 ในที่นี้  ไม้ยาง(น่าจะยางพารา)  ดีที่สุด จากคุณ : ยิบยอง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 00:22:28

ความคิดเห็นที่ 3 เรียงจาก ดี ไป แย่ ไม้จริง >> ไม้อัด (เช่น ไม้อัดสัก ไม้อัดแอช ไม้อัดยาง) >> MDF >> ปาติเกิ้ล จากคุณ : armkoichi เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 02:04:20

ความคิดเห็นที่ 4 คล้ายๆ กับความเห็นข้างต้น คือ - เรื่องปลวก มันกินหมดไม่ว่า MDF, Particle, ไม้ยาง ไม้อัด แต่ถ้าเป็นไม้เนื้อแข็ง ปลวกจะไม่ค่อยกิน (เว้นแต่ไม่มีอะไรกิน) - เรื่องความแข็งแรง ไม้จริงเนื้อแข็งดีที่สุด > ไม้อัดที่ประกบไม้เนื้อเข็ง เช่น อัดสัก > ไม้ยาง/ไม้อัดยาง >>> MDF >> Particle งานหนักๆ ต้องมีโครงดีๆ ถี่หน่อย จากคุณ : Bliss เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 09:52:55 A:203.154.112.163 X: TicketID:253801

ความคิดเห็นที่ 5 ไม้เทียม  ตกท้องช้างแน่นอนครับ ไม้ยางพาราประสาน  ทำแผ่นๆสวยดีนะ  แต่ต้องหนาหน่อย มากกว่าเซ็นนึง ไม้เพาะโครง  ก็แล้วแต่วัสดุ  ไม่รู้แข็งแรงขนาดไหน จากคุณ : ไฟลามทุ่ง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:06:53

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตนำความรู้ที่เสิร์ชหาได้จากเพื่อนๆำีพี่ๆในห้องชายคามาแปะนะครับ จำไม่ได้ว่าใครบ้าง แต่ก็หลายท่านเลย น่าจะมีท่าน mute คนหนึ่งด้วย การทำเฟอร์นิเจอร์ของพวกแบรนด์ดังๆ ส่วนมากจะเป็นปาติเกิ้ล หรือ MDF อย่างที่ผมได้เกริ่นๆในหลายๆกระทู้นะครับ ความทนทานจะสู้พวกโครงไม้ไม่ได้ ส่วนจำพวก ไม้อัด นี่จะมีหลายแบบครับ เริ่มจากโครงไม้ก่อน เราจะเรียกรวมๆว่า Joint พารา จอยท์ ถูกที่สุดและนิยมมากที่สุด เพราะว่างานต่อการตัดโครง ทุเรียนจอยท์ ราคาแพงกว่านิดหน่อย แต่เนื้อจะอ่อนกว่า   สยา จอยท์ ราคาแพงมากกว่าอีกนิด ส่วนตัวยังไม่เคย สเปกให้ช่างทำครับ สัก จอยท์ ราคาแพงที่สุด แต่ว่าจะเรียกว่าดีที่สุดก็ไม่เชิง ครับ เพราะข้อเสียคือแพงมาก ลูกค้าจะไม่กล้าสู้ราคา ข้อต่อมาคือ  Ply Wood หรือ ไม้อัด ก็จะมีตามขนาดไล่กันไป ตั้งแต่ 4 - 25 มิล เท่าที่นิยมใช้กัน จริงๆ 3 มิล.ก็มีแต่บางไปครับไม้อัดก็จะมี ไม้อัดยาง ใช้สำหรับทำสีพ่น เพราะว่าจะมียางในเนื้อไม้น้อย ยางจะไม่กัดออกมา แต่ต้องทาชแลกเยอะๆหน่อย ไม้อัดสัก  ลายภูเขา  ลายธรรมชาติ ลายเส้นตรง หรือ อัดสักอิตาลี พวกนี้จะมีลวดลายบนเนื้อไม้อัก เป็นการทำลายเลียนแบบ ลายไม้จริงครับ พวกนี้เหมาะแก่การทำสีธรรมชาติ หรือ สีย้อม จำพวก โอ๊คแดง โอ๊คดำ หรือ การ อัดเสี้ยนไม้  อย่างเช่นลายธรรมชาติ เสี้ยนแดง เสี้ยนเหลือง น้ำเงิน หรือตามแต่เราจะเลือกสีครับ พวกนี้จริงๆ ไม่เหมาะกับ การนำมาทำสีพ่นเสียเท่าไหร่เพราะว่า ถ้าช่างไม่แน่จริง ลงชแลกห่วย สีพ่นขาวท่าน ไม่เกิน สามเดือนจะออก เหลืองครับ เพราะยางไม้จะกัดออกมา จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:15:09

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนไม้เทียมหรือลามิเนทเป็นที่นิยมตอนนี้ เป็นวัสดุสำหรับ ปิดผิวทับหน้า มีให้เลือกที่นิยมบ้านเรา หลักๆ ก็ 2 เจ้าคือ เพอร์สตอปฟอร์เมกา และ วินสันอาร์ต แต่ผมชอบวินสันอาร์ตมากกว่าตรงที่เนื้อไม้จะหนากว่า แต่ก็อีกแหละครับ คือราคาจะแพงกว่า สำหรับพวก ลามิเนทนี่จะไว้ใช้กับปาติเกิ้ลบอร์ดหรือ MDF แล้วปิดทับด้วยลามิเนทครับผม   ต่อมาวีเนียร์หรือเยื่อไม้ธรรมชาติ อันนี้ราคาแพงโคตะระ สำหรับการใช้ที่ไม่ใช่พื้นที่กว้างๆครับ ไว้ปิดผิวเช่นกัน การทำเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จะใช้โครงไม้อัดยาง หรือ พาราจอยท์ เป็นส่วนมากเพราะราคาลูกค้าจะสู้ได้ แต่ต้อง ให้ช่างทาเชลไดร์ก่อนนะครับเพราะว่า พวกนี้แพ้ปลวกเป็นธรรมดา แต่ต่อให้สักจอยท์ก็กินครับเพราะฉนั้นไม่จำเป็นต้องไปเปลืองใช้ของแพงหรอกครับ พอทำโครงด้วยพาราจอยท์เสร็จก็จะดำเนินการกรุโดยใช้ไม้อัดปิดทับ แล้วแต่จะใช้ อัดสัก อัดยาง ก็ตรงสีนี่แหละ ครับผม ถ้าสีพ่นก็จะอัดยาง 4 มิล หรืออาจจะใช้ อัดยาง 3 มิลแล้วปิดทับด้วยลามิเนทสีตามแบบก็ได้ครับ ถ้าปิดทับด้วยไม้อัดสักก็จะใช้การย้อมเป็นหลัก จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:15:39

ความคิดเห็นที่ 8 การทำเฟอร์นิเจอร์ก็มีหลักๆอยู่ประมาณ 3 แบบ 1. แบบรวดเร็วงานบูทหรืองานบางตัวที่ต้องการความเร็ว ดูแลรักษาไม่มากก็จำพวก MDF และ Paticle Board ซึ่งตัว ปาร์ติเคิลบอร์ดนี่ จะมีสองแบบ ก็คือแบบที่ ไม่ได้ทำสีมา กับแบบที่ทำสีมาให้แล้ว แบบนี้ส่วนมากจะเหมากับ การทำเฟอร์นิเจอร์สีพ่น หรือ นำวัสดุปิดผิวจำพวกลามิเนท มาปิดทับอีกทีหนึ่งครับ 2. แบบทั่วๆไปที่พบเห็นบ่อยๆ ก็จะเป็นการใช้โครงไม้ต่างๆ ปิดทับด้วยไม้อัดชนิดต่างๆ แล้วก็ทำสี 3. แบบใช้ไม้จริง โดยส่วนมากชนิดนี้ใช้ทำสีธรรมชาติซะมากกว่าครับ เพราะถ้าเอาไม้จริงมาทำสีพ่นเสียดายลายไม้ครับ เลยไม่นิยมทำกัน ส่วนแบบไหนดีกว่า ผมไม่ขอตอบแล้วกันครับ เพราะว่าคำตอบมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างเป็นตัวกำหนด ว่าจะเลือกใช้วัสดุแบบใด แต่ผมจะขอยกแบบแรกและแบบที่สองมาเป็นประเด็นก็เพราะเราจะพบเห็นบ่อย มาวิเคราะห์คร่าวๆ โดยจะแยกเป็นข้อๆแล้วกันนะครับ 1. วัสดุจำพวก MDF และ ปาร์ติเคิลบอร์ด วัสดุประเภทนี้จะประหยัดเงินไปพอสมควรหากเลือกใช้ดีๆ กับพื้นที่ดูแลรักษาน้อย รวดเร็ว และค่อนข้างจะเนี๊ยบกว่าไม้อัดครับ ส่วนมากที่นิยมทำก็จะเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานต่างๆ เพราะมีคุณสมบัติคือมีน้ำหนัก เหมาะกับทำหน้าบาน เพราะเวลาเปิดแล้วจะไม่เบาจนเกินไป  แต่จริงๆแบบนี้ผมแนะนำเป็น MDF จะดีที่สุดในกรณีทำสีพ่น แต่ถ้าจะเอามาปิดผิวลามินเนท ก็เลือกใช้ ปาร์ติเคิลก็พอครับ 2. แบบชนิดไม้โครง + กรุไม้อัดชนิดต่างๆ เท่าที่พอมีขายตามท้องตลาดและดีไซน์เนอร์ไม่ดีไซน์ให้พิศดารนัก ก็พอจะแยกเป็น 2.1 ไม้โครงยางพารา ซึ่งเป็นที่นิยมมาก พบเห็นบ่อยครับ 2.2 ไม้โครงประตู่ พบเห็นพอสมควรเวลาไม้ยางพาราขาดตลาดก็พอจะมีไม้ประเภทนี้วางขายครับ 2.2 ไม้โครงกฐิน เช่นเดียวกับพวกประตู่ แต่ราคาจะถูกกว่าประตู่ครับ อาจจะพอๆกับพาราจ๊อยท์ 2.3 ไม้โครงสยา มีน้ำหนักเบาสีเข้มๆออกโทนแดงๆ สมัยก่อนเป็นที่นิยมแต่ผมว่าพักหลัง ผุ้รับเหมาส่วนมากก็ไม่ค่อยจะใช้เท่าไหร่ เพราะมันอยู่กลางๆระหว่าง ดีมาก กับ พอใช้ เพราะด้วยการตีราคาปัจจุบันถ้าลูกค้าสู้ราคาก็เปลี่ยนไปใช้ โครงไม้สักหมดครับ 2.4 ไม้โครงสัก หรือ สักจ๊อยท์ จริงๆชนิดนี้ ผู้รับเหมาบางเจ้าที่ขี้เกียจทาน้ำยากันปลวก จะบอกว่าปลวกไม่กิน ยังไงก็ให้ทาดีกว่าครับ เพราะมันกินแน่ๆ สักจ๊อยท์ก็จะมีคร่าวๆสองเกรดคือเกรดถูกและเกรดแพง ซึ่งปรกติถ้าลูกค้าเขี้ยวมากๆ หรือจู้จี้จุกจิกรู้มาก ผู้รับเหมาก็จะใช้แบบถูกให้ครับ เพราะดูแล้วแยกกันไม่ออกเท่าไหร่นอกจากจะไปสัมผัสกับของจริง และ พอมีความรู้ ส่วนไม้อัดที่ใช้ปิดผิว ผมขอจำแนกคร่าวๆแล้วกันนะครับ เท่าที่พบเห็นก็จะมี   ไม้ อัดยาง ไม้อัดสัก ลายธรรมชาติ ลายเส้น ลายภูเขา ไม้อัดบีช ไม้อัดแอช ไม้อัดโอ๊ค ก็แล้วแต่ดีไซน์ แต่โดยทั่วๆไป ไม้อัดยางนิยมมาทำสีพ่นครับส่วนที่เหลือ จะใช้ทำสีธรรมชาติครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:16:17

ความคิดเห็นที่ 9 ลองเทียบดูเนื้อไม้แล้วกันครับ นานาจิตตัง จากคุณ : INPLUS เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 11:33:29

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ คุณ  mr_spurs  ที่อุตส่าห์ค้นหาข้อมูลเพื่อนๆมาลงให้ จากคุณ : boxbo เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:08:45

ความคิดเห็นที่ 11 การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดสัก ปัจจัยในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดสัก 1. งบประมาณในการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้อัดสัก จะสูงกว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเกิล 2. ช่างที่ผลิตต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ 3. โครงไม้ที่ใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ควรเป็นโครงไม้เนื้อแข็ง ที่ผ่านการอบ และ ทาน้ำยากันปลวก กันมอด เป็นอย่างดี 4. ไม้อัดสักที่นำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่นิยม มีดังต่อไปนี้ 4.1 ไม้อัดสักไทย ใส้ไม้จริง มีทั้งลายตรง และ ลายภูเขา (มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับ 4.2 และ 4.3) 4.2 ไม้อัดสักอิตาลี ใส้ไม้จริง มีทั้งลายตรง และ ลายภูเขา (มีราคาต่ำกว่าไม้อัดสักไทย) นิยมใช้ในโครงการ   อพาร์ตเมนท์ หอพัก ต่างๆ 4.3 ไม้อัดสักอิตตาลี ใส้ไม้ MDF มีทั้งลายตรง และ ลายภูเขา ราคาต่ำที่สุด ข้อเสียคือ ไม่ทนต่อความชื้น 5. วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ประกอบในตัวเฟอร์นิเจอร์ เช่น บานพับถ้วย รางลิ้นชัก มือจับจ่าง มีมาตรฐาน แข็งแรง ทนทาน 6. บริษัทฯ มีการให้บริการหลังการขาย ตลอดอายุการใช้งาน ถ้าช่างคนไหนใช้ไม้อัดสักลายอิตาลี(ห่วยที่สุดในจำพวกไม้อัดสัก)ก็อนุมานเลยครับ  ว่าเป็นช่างที่หวังกำไรโดยดูถูกฝีมือตัวเองครับ เพราะไส้จะเป็นกระดาษ  ลายบนไม้อัดก็ใช้พิมพ์เอาครับ  ไม่ได้ใช้เยื่อไม้  ประหยัดขนาดนี้  โครงคงใช้ไม้ห่วยๆ  อุปกรณ์ก็คงใช้รุ่นถูกๆ  ไปบางโพ  เลยครับ  ราคานี้ได้ของดีกว่าครับ ราคา 3 ตัวนี้  ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ครับ ไม้อัดแอช  ลายจะเส้นลึกมาก  ทำสีพ่นโชว์ลายไม้จะสวยมากครับ (เหมือนทำตู้ลำโพง) ไม้บีช  มีผิวเรียบมัน  เนื้อไม้สีอ่อน  ออกเหลือง  หรือ  ชมพู  อยากให้ห้องดูสว่าง  ก็เลือกตัวนี้ครับ ไม้ สัก  สีจะออกเหลือง  น้ำตาล  จะมีสีที่เข้มกว่า  ไม้บีช  เป็นที่นิยมมากกว่าไม้ตัวอื่น  ย้อมสีเข้มขึ้นได้  ถ้าชอบสีเวงเก้  ก็ต้องเลือกตัวนี้ครับ นอกจาก 3 ตัวนี้  ยังมี  ไม้เมเปิ้ล ก็สวยดี  แต่ราคาจะสูงขึ้นอีกนิดหน่อย  ช่างที่ทำก็ต้องมีฝีมือนิดนึงครับ  เพราะสีอ่อนมาก  จะออก  ขาวเหลือง จริงๆมีอีกเยอะครับ  แต่นิยม  ก็เท่าที่  ว่าๆกันนี่ล่ะครับ   ไม้พวกอื่นหา  ไม้แปะขอบ(ไม้จริงเล็กๆ  หรือ วีเนียร์)  ลำบากครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:49:45

ความคิดเห็นที่ 12 ไม้อัดเลือกซื้อไม่ยากครับ  แบ่งคร่าวๆได้ 4 ชนิดนะครับ 1.ไม้อัดลายไม้  เช่น ไม้อัดลายสัก  ไม้อัดลายแอช  ไม้อัดลายบีช  ไม้อัดลายเมเปิ้ล ครับการเลือกใช้งานไม้อัดชนิดนี้  เพราะต้องการความสวยงามของธรรมชาติครับ  วิธีใช้งาน  เนื่องด้วยมีความหนาแค่ 4-6 มม.(เป็นส่วนใหญ่)  จึงต้องใช้โครงไม้ประกอบด้วยครับ 2.ไม้อัดยาง  ส่วนมากจะใช้กับงานที่ทาสีทับวัสดุครับ  วิธีใช้งานเหมือนไม้อัดสักครับ 2 ชนิดข้างบนนี้  ให้นึกถึง  ขนมเวเฟอร์ปักกิ่งนะครับ  แบ่งเป็นชั้นๆ  ชั้นบนสุดจะเป็นเยื่อไม้จริงครับ  ส่วนด้านล่างก็เป็นเยื่อไม้ครับ  แต่ไม่คัดให้สวย  ส่วนแกนกลางเป็นไม้บ้าง กระดาษบ้าง  ตามเกรดครับ 3.ไม้อัดพาร์ติเคิ้ล     4.ไม้อัดเอ็มดีเอฟ  2 ชนิดนี้คล้ายกันครับ  ใช้เศษไม้ป่นจนละเอียดแล้วยึดติกกันด้วยกาวส่วนมากจะใช้สีพ่น  หรือ ทาทับ  หรือปิดลามิเนท  ตู้โหลส่วนใหญ่จะใช้วัสดุประเภทนี้ครับคุณตังกุย   จะทำตู้สนุกๆ  น่าจะเริ่มจาก  วัสดุ 2 ตัวหลังนี้นะครับ  เพราะขั้นตอนการทำงานจะค่อนข้างง่ายกว่าครับ โดยปกติ  ไม้แอชจะมีลายของไม้(เสี้ยนไม้)ค่อนข้างชัดและลึก  จึงไม่ค่อยนิยมมาทำสีธรรมชาติ  ส่วนมากที่ใกล้เคียงจะเป็น ไวท์โอ้ค ครับ ผู้ออกแบบมักใช้ไม้แอช  กับงานย้อมสีโชว์ลายไม้ครับ  โดยเฉพาะสีดำ  จะเห็นลายไม้ชัดสวยกว่าใช้ไม้ตัวอื่น(เมื่อก่อนใช้ไม้สัก) บ้านเราเพิ่งทำเฟอร์นิเจอร์เสร็จค่ะมี ไม้แอช กะไม้สักพอทำสีแล้ว ไม้แอช สีมันจะขาว ๆ ดูโพลนเกินไปเราเลยสั่งย้อมสีน้ำตาลเข้ม พอเอามาเปรียบกับไม้สักแล้วไม้สักสวยกว่าเยอะเลยค่ะ ไม้แอชจะไม่ทนน้ำนะคะ...ทำสีอ่อนๆจะดูสวยมาก..ที่ บ้านใช้ไม้แอชทั้งหลัง..รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้แอชค่ะ... ใช้มานานแล้ว(ประมาณ10ปี)..ปัญหาอื่นๆไม่มี..ถ้าคุณชอบเฟอร์นิเจอร์สีอ่อนก็แนะนำให้ใช้ค่ะถ้าชอบสีธรรมชาติ  สีโอ๊ค  โอ๊คเข้ม น่าจะใช้ไม้สัก ถ้าคำนึงถึงคุณภาพเป็นหลักก็ต้องไม้สักค่ะ..ไม้เมืองไทยก็เหมาะสมกับเมืองไทย...ไม้แอชเป็นไม้เมืองหนาว..กลัวน้ำ..กลัวฝนค่ะ เรื่องไม้ตัวไหนสวยกว่าตัวไหนนี่บอกอยากนะครับแต่ถ้าถามคนสิบคนว่าระหว่าง 2 ตัวนี้ตัวไหนสวยกว่าผมว่าคนชอบไม้สักมากกว่าแน่ๆ เพราะไม้แอช  มีเส้นลายไม้เห็นเด่นชัด(เสี้ยนลึก) การเอามาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ หรือ งานBuild-in ต้องหาไม้จริงแปะขอบ  ซึ่งจะหาสีที่เทียบกับไม้อัดค่อนข้างยากครับต่างกับไม้สักที่หาไม้จริงแปะขอบ หรือ เยื่อไม้ที่สีใกล้เคียงกว่าได้ง่าย  อีกทั้งไม้สักยังย้อมสีได้กลมกลืนกว่าไม้แอชด้วย ข้อดีอย่างเดียวของไม้แอชที่ดีกว่าไม้สัก  คือการทาสีดำเข้มโชว์ลายเสี้ยนไม้ (นึกถึงตู้ลำโพงที่พ่นสีดำสนิทแต่มีลายไม้) โดยส่วนมาก  ลูกค้าที่ไม่ชอบสีของไม้สักที่มีสีตามธรรมชาติ  สีน้ำตาลอมเหลือง  มักจะชอบสีเหลืองนวลๆน่าจะเลือกใช้ไม้เมเปิ้ลมากกว่านะครับ มีช่างหลายรายมักจะมาตกม้าตายเพราะไม้จริงแปะขอบลองไปกินอาหารตามร้านอาหารญี่ปุ่น เช่น ฮะจิบัง  จะนิยมใช้ไม้แอชมาตกแต่ง  ลองสังเกตุส่วนขอบที่ใช้ไม้จริงแปะทับปิดหัวไม้อัด มักจะย้อมแป้งให้ออกขาวจนไม่เห็นลายไม้ดูแล้วขาดเสน่ห์ของงานไม้ที่จะสวยตามธรรมชาติไปเลยนะครับ หากคุณต้องการงานไม้ที่สีอ่อนๆเลือก   ASH  ครับเพราะเนื้อไม้สีอ่อน  ทำสีง่าย แต่ ควรระวังพวกตัวมอด ชอบไม้นี้มาก ถ้าเป็นไม้อัดสัก ต้องย้อมสีทำให้ไม่ค่อยเห็นลายไม้เป็นผมผมเลือกไม้อัดบีชครับ ทำสีออกมาสวยกว่า ลายไม้ก็สวยแต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบด้วยนะครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:50:13

ความคิดเห็นที่ 13 ash หรือ white ash เนื้อมันขาวเหลืองอ่อนๆครับ..ลายชัดถ้าเป็นไม้ชิ้น ไม้จริง เส้นลายหนา ก็เลอะไปหน่อย..ถ้า เป็นไม้อัดก็จะมีคัดส่วนที่เป็นเนื้อภายในมาทำเป็นไม้อัด ก็จะได้ลายที่อ่อน สวย..ครับ..ส่วนมากถ้านำไม้พวกนี้มาใช้ ๆ ไม่นิยมย้อมสี..แต่จะใช้การทำสีธรรมชาติด้าน ปัญหาของมันคือ ความชื้น..ครับ ราดำชอบมาก..มอดชอบมาก..และอ่อนไหวต่ออุณหภูมิที่แตกต่าง..ส่งผลให้เกิดรอย แตกตามมุมของการเข้าไม้หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือใช้บุผนัง..หากเป็นไม้พื้น..ไม้จริงก็จะโป่ง พอง เพราะมันยืดหดตัวง่ายไม้แอชจะเหลืองมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่ผมชอบเสี้ยนใหญ่ๆลึกๆของมันมากๆ ย้อมสีลงเสี้ยนออกมาชัดเจนดีมากทนกว่ามาก แต่ว่าต้องเป็นไม้จริงนะครับ เพราะว่าไม้บีชเป็นไม้นอก นำเข้ามาราคาสูง ส่วนมากที่เห็นก็จะแค่ปิดผิวด้วยไม้บีชบางๆ หรือไม่ก็เรียนแบบไม้บีช แต่นิดหนึ่งว่าไม้บีชมันเชยไปนะครับ เมื่อก่อนฮิตมาก ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนไช้แล้ว วัสดุสำหรับงานบิวท์อินมีหลากหลายครับ บางครั้งถ้าเราจะเทียบราคานั้นทำได้ยากเพราะว่าวัสดุแต่ละประเภท แต่ละอย่างมีเกรดที่แตกต่างกันออกไป เช่น เกรดของไม้อัด เกรดของแผ่นลามิเนตปิดผิว เกรดของอุปกรณ์บานพับ ข้อต่อต่างๆ ซึ่งเราต้องดูว่าแต่ละเจ้าใช้วัสดุเป็นอย่างไรบ้างครับ ผมจะแนะนำวัสดุเกรด A นะครับ โครง : ไม้สักจ็อย,ไม้ยางพาราจ็อย ไม้อัดยางเกรด AA ในกรณีที่แบบเป็นสีพ่น ไม้อัดสัก อัดแอช อัดอิตาลี อัดอื่นๆ ที่มีลาย เกรด A ในกรณีที่แบบทำสีธรรมชาติ แผ่น ลามิเนตปิดผิว : ยี่ห้อ Formica , Greenlam , Lamitak , jenning ยี่ห้อพวกนี้ล้วนเป็นของนำเข้าทั้งนั้นครับ มีลายให้เลือกเยอะ ลายไม่ซ้ำกับของทั่วๆไปครับ อุปกรณ์บานพับ : hafele ,home   สีพ่น : TOA ในวัสดุพวกนี้เป็นเกรด A ครับ  ราคาต่อเมตรจะสูงหน่อยครับ แต่อายุการใช้งานนานมากครับ คุ้มต่อการเสียเงิน ส่วนงานปาติเคิล อย่าใช้เลยครับ เป็นเกรดห่วยสุด ราคาถูกสุดครับ ไม้อัดยาง ใช้เพื่อ พ่นสีทับไม้อัดจำพวกที่มีลายไม้ เช่น อัดสักลายเส้น  อัดสักลายภูเขา อัดอิตาลี อัดแอช       อัดโอ๊ค อื่นๆ   ใช้เพื่อทำสีธรรมชาติโชว์ลายไม้ ส่วนเรื่องความหนาแน่น ไม้อัดยางมีเกรดถึง AAA นะครับ ส่วนไม้อัดอื่นๆ มีเกรด A เดียวครับ   ดังนั้นไม้อัดยางมีความหนาแน่นมากสุดแล้วครับ (ใส่พุกพลาสติกก็ ok แล้วครับ) จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:50:42

ความคิดเห็นที่ 14 ร้านค้าไม้ที่ถนนสายไม้บางโพมี อยู่จำนวนมาก ซึ่งมีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ไม้แปรรูป ไม้สัก เฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม้ปาร์เก้ ไม้ลามิเนต ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไม้ เป็นต้น ซึ่งได้แก่ ร้านน่ำเซ้งลังค้าไม้ ร้านขายไม้มกเซ่ง ร้านส.สามัคคีค้าไม้ ร้านขายไม้ไต่เส็งเฟอร์นิเจอร์ ร้านขายไม้สุวรรณการช่าง ร้านขายไม้สุพรรณคลาสสิคโฮม ร้านขายไม้บางโพ เฟอร์นิเจอร์ ร้านขายไม้ S.U. CLASSIC  ร้านขายไม้คุงการช่าง ร้านขายไม้ ช.โชคดีเฟอร์นิเจอร์ ร้านขายไม้วนาสุวรรณค้าไม้ ร้านขายไม้สมเกียรติการช่าง ร้านขายไม้วันชัยการช่าง ร้านขายไม้ทวิทรงการช่าง ร้านขายไม้มงคลการช่าง ฯลฯ ย่านบางโพ ใครๆก็รู้ว่า ขายไม้ เยอะที่สุดในกรุงเทพโดยมีซอย 24 เรียกว่า ถนนสายไม้ ชื่อซอยเป็นทางการ เค้าเรียกซอยประชานฤมิตร (ซอย 2) เดินรถทางเดียว จาก ถนนประชาราษฎร์ 1 ไปทะลุ ด้านเตาปูนซอย นี้รถติดมาก โดยเฉพาะรถที่เข้ามาจอดเพื่อเอาของลง แต่เมื่อเข้าไปประมาณ ครึ่งซอย จะไม่ติด และจอดรถได้ทั้ง 2 ฝั่ง ( วิ่งได้ 1 เลน ) จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:52:23

ความคิดเห็นที่ 15 พูดถึงไม้โครงก่อนก็แล้วกันนะครับ โดยส่วน ใหญ่ช่างไม่ค่อยเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นไม้โครงครับ  เพราะน้ำหนักมันเยอะ  และไม้เนื้อแข็งส่วนมากก็จะไม่เหนียวจะยิงตะปูหรือขันเกีลยวก็ทำงานยากกว่า ถามว่าดีกว่าไม้เนื้ออ่อนยังไง  ก็ปลวกไม่ค่อยกินครับ มันแข็งกินยากเลือกกินไม้อัดก่อนดีกว่ากินง่ายกว่า ที่ช่างใช้กันเป็นส่วนใหญ่ก็โครงไม้สยาจ๊อยส์เพราะทำงานง่ายสุดกลัวปลวกก็ทาน้ำยากันปลวกป้องกันไว้   ที่ ใช้รองลงมาก็เป็นโครงไม้สักจ๊อยส์  ถ้ามีงบพอไม่มีปัญหาเลยก็ใช้ได้เลยครับ  จริงๆสนับสนุนให้ใช้แพงกว่าโครงไม้สยาเท่าตัวนึงแต่ไม่ต้องมานั่งทาน้ำยา กันปลวก ---------------------------------------------------------------------------- กรุ ไม้อัดบีช  ไม้อัดสัก หรือ ไม้อัดยาง  จะบีชหรือสัก ก็เหมือนกันครับ ผิวสัมผัสเรียบพอกัน แต่ที่เค้านิยมใช้ไม้อัดสักเพราะเผื่อลูกค้าเปลี่ยนใจกลางอากาศ  ถ้าลูกค้าเลือกสีธรรมชาติ โอ้คดำ โอ้คแดง หรือ สีพ่น ก็ทำงานง่ายกว่าไม้อัดบีช แต่ถ้าให้เลือกใช้ไม้อัดบีชหรือสัก กับ ไม้อัดยาง โดยที่ต้องการทำสีพ่น  แล้วช่างเสนอเป็นไม้อัดบีชหรือสัก ก็ตามใจช่างไปเถอะครับ  ช่างเค้าเจตนาดีไม่อยากให้ช่างสีวุ่นวายมาพี้แป้งอุดร่องเสี้ยนไม้ก็ดีแล้ว จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:53:04

ความคิดเห็นที่ 16 ไม้โอ๊ก (Oak)มี 2 ชนิด คือ โอ๊กแดง (Red Oak) และโอ๊กขาว (White Oak) เป็นไม้ที่มีน้ำหนัก เนื้อไม้แข็ง เหนียว เส้นรัศมีเด่นชัด เหมาะสำหรับทำถังหมักไวน์ เครื่องเรือน ไม้พื้น และ งานตกแต่งภายใน ไม้ไวท์แอช (White Ash)เป็น ไม้ที่มีน้ำหนัก เนื้อไม้แข็งเหนียว กระพี้มีสีเหลืองอ่อนจนถึงเกือบขาว แก่นสีน้ำตาลเทา น้ำตาลอ่อนจนถึงเหลืองอ่อน เส้นลายไม้มีสีน้ำตาล ใช้ทำไม้อัดดัดโค้ง ไม้พื้น และเครื่องเรือน ไม้บีช (Beech)มี 2 ชนิด คือ ไม้บีชอเมริกัน และไม้บีชยุโรป แก่นไม้สีน้ำตาลแดง กระพี้สีขาว เสี้ยนไม้ตรง เนื้อไม้ละเอียด ทำให้ทาสี ย้อมสี หรือฟอกสีง่าย ไม้บีชอเมริกันจะมีสีเข้มกว่าบีชยุโรปซึ่งมีสีออกขาวอมชมพู นิยมใช้ทำเครื่องเรือน ไม้พื้น และงานตกแต่งภายใน ไม้เชอร์รี่ (Cherry)เสี้ยน ไม้มีสีสวยงามหรือเด่นกว่าไม้ชนิดอื่น เนื้อไม้เนียนมองดูแล้วเหมือนแพรไหม เป็นไม้ที่มีคุณภาพและราคาแพง นิยมใช้ในการตกแต่งภายใน และทำเครื่องเรือน ไม้วอลนัท (Walnut)เนื้อ ไม้มีน้ำหนัก แข็งและเหนียว เสี้ยนไม้เรียบ ลวดลายสวยงาม สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลช็อกโกแลต และน้ำตาลอมม่วง ตกแต่งได้ง่าย ทาสี ย้อมสีได้ดี นิยมทำเครื่องเรือนและตกแต่งภายใน ไม้ตระกูลสน มี ทั้งนำเข้ามาจากยุโรป แคนาดา นิวซีแลนด์ และลาว ซึ่งมีสีและเนื้อไม้แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปสีของไม้สนจะมีสีขาวครีมอ่อนๆจนถึงสีเหลือง มีทั้งชนิดปุ่มตามาก ปุ่มตาน้อย ลายไม้ชัดเจน การซื้อขายจะเรียกชื่อตามแหล่งที่มาหรือพันธุ์ไม้สน เช่น ไม้สนยุโรป ไม้สนสวีเดน ไม้สนแคนาดา ไม้สนลาวหรือไม้สนขาว ไม้สนเหลือง ไม้สนซีดาร์ เป็นต้น เป็นไม้ที่เหมาะกับงานดีไอวาย (DIY : do-it-yourself) เพราะเนื้อไม้ไม่แข็งมาก เวลาขัดลวดลายของไม้จะสวยงาม ถ้านำไปใช้งานภายนอก หรือ งานโครงสร้าง ควรใช้ไม้ที่อัดน้ำยากันปลวก มอด แมลง หรือไม้ที่อบด้วยอุณหภูมิสูงจนเนื้อไม้เป็นสีน้ำตาล (ไม้เทอร์โมวู้ด) จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:54:25

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าต้องการสีออกเหลืองอ่อนๆ  (สไตล์ไม้นอกนะครับ) ซึ่งก็มี  ไม้บีช  ไม้เมเปิ้ล  ไม้เชอรี่  ไม้แอช  และก็  ไม้ไวท์โอ้ค  นะครับทั้ง หมดนี้  โดยความชอบส่วนตัว  ถ้าได้ช่างที่ทำงานเรียบร้อย  สะอาดนะครับ  ไม้สีอ่อน  กลุ่มนี้  ผมเลือก  ไม้เมเปิ้ลครับ  รองมาก็ไม้เชอรี่ ที่  ไม่เลือกไม้บีช  เพราะว่า  ช่างที่ทำไม้บีช  มักจะมีปัญหา  ในขั้นตอนการแต่งสี  งานจะออกมาไม่ค่อยเนียนครับ โดยเฉพาะไม้เมเปิ้ล  ผมเคยไปรื้อไม้พื้นเมเปิ้ล  แล้วนำกลับมาปูใหม่  ไม้อัดรองพื้นที่ใช้ปู  ชื้นมาก  มีปลวกกินด้วย   แต่ ไม้เมเปิ้ล  อายุประมาณ 8 ปี  แทบจะไม่มีความเสียหายเลยนะครับ  ช่างที่ทำงานด้วยกัน  บอกว่า  เนื้อไม้แข็งแต่มีความเหนียวเหมือนไม้สัก  ทำให้  มีคุณสมบัติในการทำเครื่องเรือนสูงมาก(คล้ายไม้มะค่า) แต่ไม่ใช่ว่า  ไม้เมเปิ้ลจะมีแต่ส่วนดีนะครับ โดยทั่วไป  ไม้แต่ละชนิด  ความเข้มของสีจะแตกต่างกันนิดๆตามสภาพแวดล้อม ครับ ไม้เมเปิ้ลก็  มีสีที่ต่างกันนิดๆเหมือนกัน  ซึ่งเวลาที่เราจะเลือกไม้เมเปิ้ลมาทำตู้บิวล์อิน  นะครับ ต้องใช้ไม้เมเปิ้ล 2 ส่วนที่สำคัญ  คือไม้อัด กับ ไม้แปะขอบ  ด้วยความที่สีอาจจะเพี้ยนกัน  ซึ่งถ้าเป็นไม้ตัวอื่น  เช่น ไม้สัก  ไม้สัก จะ ย้อมสีให้  สีของไม้จริง(ไม้แปะขอบ) กับ ไม้อัด ออกมาได้เป็นสีเดียวกัน  เรียกว่าถ้าช่างเก่งๆนี่   ดูกันไม่ออกเลยนะครับ แต่  สำหรับไม้เมเปิ้ลนี่ทำไม่ได้อย่างนั้นครับ  ไม้เมเปิ้ลเป็นไม้ที่ย้อมสีแล้วไม่ขึ้นครับ  แล้วนานไปเรื่อยๆก็จะเหลืองขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเวลาที่ผมจะทำเฟอร์นิเจอร์  ลายไม้เมเปิ้ล  ผมจะต้องไปคัดไม้ให้สีของ  ไม้จริง(ไม้แปะขอบ)กับไม้อัด เปนสีเดียวกันด้วยครับ สรุป ตรงจุดนี้  ในเรื่องคุณสมบัติความทนทาน  ถ้าคุณชอบ  สีเหลือง  อ่อนๆ  ไม่เข้ม  ขนาดของไม้สัก  ก็เลือกใช้ไม้เมเปิ้ล  ได้ครับ(ถ้ามองถึงเรื่องความทนทานครับ) จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:55:11

ความคิดเห็นที่ 18 อยากทราบวิธีการดูไม้น่ะครับ พอดีผมกำลังจะทำ Funiture Buil In อยู่ ซึ่งมีร้านนึงที่ผมติดต่อ เค้าแจ้งว่าที่ร้านใช้ไม้ยางอัด จะมีวิธีดูได้อย่างไรครับว่าเป็นไม้ยางอัดจริงๆ และเนื่องจากผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ถ้าผมซื้อสินค้าตาม brand ต่างๆ (sb, index, koncept) จะดีกว่าจ้าง built หรือไม่ครับ รบกวนด้วยครับ จะได้เป็นความรู้ติดตัว จากคุณ : oat_hihi (oat_hihi) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:36:40

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : จิตมหาโจร เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:43:49

ความคิดเห็นที่ 20 #18 ครับ ไม้อัดยางก็ไม้อัดเรียบธรรมดาไม่มีลวดลายอะไร โดยมากมักใช้สำหรับงานที่ต้องทำสีพ่นสีต่างๆเท่านั้นแหละครับ ดูว่าเขาใช้หนากี่มิล ก็พอครับ ทำเฟอร์ฯควรจะ 4-6 มิลเป็นอย่างน้อย ส่วนที่ต้องดูลายจะเป็นพวกไม้อัดสัก อัดแอช อัดเมเปิ้ล ฯ อันนั้นสำหรับคนที่ต้องการเฟอร์ฯที่เป็นผิวลายไม้ ก็แล้วแต่จะชอบลายแบบไหน ให้ช่างทำตัวอย่างให้ดูดีกว่า ช่างเฟอร์ฯที่ดีควรทำตัวอย่างสีให้ลูกค้าดูก่อนอยู่แล้ว ใครขี้เกียจไม่ทำให้สันนิฐานไว้ก่อนเลยว่าจะมีปัญหาตามมา จากคุณ : umibozu เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:16:06

ความคิดเห็นที่ 21 ทุกอย่างมีประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสมกับงบประมาณของมันครับ อย่างทอปบน ถ้าทำตู้รับไว้เต็มพื้นที่ วางแค่พาร์ติเคิลปิดลามิเนตสำเร็จจากโรงงานก็ปึ้กมากๆ เรียบร้อย ทนทานดี ถ้าจะเอาหนาเท่านั้นแต่ใช้ไม้อัดยาง 20 มม.แล้วมาปิดลามิเนตเองแพงเกินเหตุ แถมงานอาจจะเรียบร้อยสู้ไม่ได้ด้วย ถ้ามีผู้ออกแบบปรึกษาเค้าครับ ทุกอย่างอยู่ที่การเลือกใช้ให้เหมาะสมในแต่ละส่วน และงบประมาณที่พอเหมาะพอดี ไม่ใช่ว่าแพงกว่าแล้วจะดีไปหมด ยกตย.เอาทองมาทำดาบ มันก็ไม่ได้ดีกว่าเหล็กแน่ๆ จากคุณ : เคราครึ้ม เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:59:24

ความคิดเห็นที่ 22 พอมีประสบการงานไม้เล็กน้อย     ขอแชร์ความเห็น  ระบุ ไม้จริง  กับไม้อัด(ใส้ไม้)เท่านั้น   แต่ถ้าเบื่อเร็ว ชอบ ซื้อบ่อย ก็กระดาษอัด  ชานอ้อยอัด   (ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ตัวไหน) จากคุณ : virust เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:41:41

ความคิดเห็นที่ 23 ไม้จริงที่เป็นไม้ยาง ดีกว่าโครงไม้กรุไม้อัดใช่มั้ยครับ แล้วจะมีปัญหาเรื่องปลวกมั้ยครับ หรือต้องอบหรือทากันปลวกยังไง ขอคำแนะนำด้วยครับ ตอนนี้ที่คิดไว้น่าจะทำเป็นไม้ยาง หรือไม่ก็โครงไม้กรุไม้อัดครับ จากคุณ : จิตมหาโจร เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:26:24