ความคิดเห็นที่ 1 มารออ่านด้วยค่ะ ตอนนี้เสียภาษีเยอะมากๆ แถมกำลังจะสร้างอีกตึกยังไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องภาษียังไงเลย ได้ยินว่าเดี๋ยวนี้ไม่ให้จดเป็นคณะบุคคลแล้วจริงเท็จยังไงไม่ทราบ ขอผู้รู้ข้างล่างเข้ามาช่วยหน่อยค่ะ จากคุณ : ชมชล เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 21:45:46

ความคิดเห็นที่ 2 คือ  สาวกุมภ์ไม่ค่อยเข้าใจ ข้อความของ จขกท. ขอรบกวน จขกท. ดังต่อไปนี้ ว่าเราเข้าใจตรงกันหรือไม่ ห้างหุ้นส่วน ไม่จดทะเบียน  คือ  ห้างหุ้นส่วนสามัญ  ตรงนี้เข้าใจตรงกันหรือเปล่าคะ คณะบุคคล  กับ  ห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น  ในทางภาษีแล้ว  เป็นปัญหาในทางปฏิบัติ  ว่าในทีแรกนั้น ให้จดทะเบียนในชื่อ คณะบุคคล  แต่ในภายหลังเกิดการตีความ และยุติเป็นว่า  ควรใช้ในชื่อ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่างหาก   จึงเป็นผลให้ ภายหลังนี้ ให้จดในชื่อ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ไปแทน  และลดการจด คณะบุคคล ลง ( ในหลายท้องที่ ยังเป็นการจด คณะบุคคลอยู่ แต่ในเขตกทม. เจ้าหน้าที่จะให้จดในชื่อ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ตามหนังสือแจ้งที่ส่วนกลางแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ ) ดังนั้น  ไม่ว่าจะเป็น คณะบุคคล หรือ ห้างหุ้นส่วนสามัญ  ก็ไม่ต่างกัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวเดียวกัน(ในทางปฏิบัติ)ด้วยซ้ำไป ดอกเบี้ย จากการกู้ธนาคาร  ไม่สามารถนำไปมาลงค่าใช้จ่ายของ คณะบุคคลหรือ ห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียนได้   ไม่ว่าจะ กู้โดย คณะบุคคล แล้วเอาทรัพย์ไปค้ำ โดยผมเป็นเจ้าของทรัพย์ ให้การยินยอม ก็ตาม  ก็ไม่สามารถมาลงค่าใช้จ่ายอยู่ดี และ รบกวน จขกท. แจกแจงรายได้ให้ฟังหน่อยคะ 60,000 บาท  90,000 บาท 160,000 บาท  คุณแบ่งแยกยังไง  มีที่มาจากไหน ค่าบริการคืออะไร (เพิ่มทีหลัง) สาวกุมภ์ ไม่ถนัดสิทธิ์เก็บกิน เท่าไรนัก รบกวนถาม จขกท. ว่า.....สิทธิเก็บกิน แบ่งแยกเป็น 80,000 บาท โดยแบ่ง คนละ 40,000 บาทได้หรือคะ   เพราะ สิทธิเก็บกิน สาวกุมภ์เข้าใจมาตลอดว่า ต้องยก "ทั้งหมด" ให้แก่ผู้รับ  ไม่อาจแบ่งแยกเป็นส่วน 80,000 บาท แล้วที่เหลือยังคงเป็นของเจ้าของได้ เสียอีก และสาวกุมภ์ งง ข้อ 2 กับ ข้อ 4 ด้วยคะ ปล. สาวกุมภ์คิดว่า  ควรตั้งกระทู้นี้ในห้องสีลมด้วย  เพราะที่ห้องนั้นมีหลายท่านที่มีความรู้ด้านภาษี แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 01:26:32 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 00:23:49 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 00:16:17 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 00:13:59

ความคิดเห็นที่ 3 เปิดลิงค์ของ จขกท. ไม่ได้คะ T^T จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 01:34:54

ความคิดเห็นที่ 4 http://www.softbizplus.com/apartment/239-the-tax-position-of-the-apartment-rental-accounting ลิ้งก์ข้างบน แก้"คอม" ภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษ  กลัวไม่ผ่านเลยแก้เป็นไทย เรื่องรายได้  150,000 ต่อเดือน  ก็แบ่งร้อยละ 60 เป็นค่าเช่า  ร้อยละ 40 เป็นค่าบริการ (เฟอร์,ไฟส่วนกลาง,ทำความสะอาด .รปภ) เรื่อง หสน. หรือห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน คนละแบบกัน  แต่คงไม่เป็นสาระสำคัญ เพียงต้องการ เอา ดบ.มาลงค่าใช้จ่าย แต่หลังจากอ่านวิธี ของดร.สุวรรณ แล้วคงทำไม่ได้แน่เลย เพราะ ผู้ให้เช่าคือ ผู้รับสิทธิ์เก็บกิน  ส่วนผู้ให้บริการน่าจะจด หสน.หรือ ห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียนได้ ปกติสิทธิ์เก็บกินต้องระบุร้อยละได้อยู่แล้ว เพราะ หากแบ่งหลายคน ไม่เท่ากันก็ต้องระบุว่าคนละเท่าไหร่ ครับ จากคุณ : SuperCrazyBoy เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 09:17:23

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าต้องการเอาดอกเบี้ยมาลงค่าใช้จ่าย  ค่าเสื่อมอาคาร นั้น ทำได้นะคะ โดยใช้อีกวิธีคือ  ห้างหุ้นส่วน จำกัด ( หรือ บริษัท จำกัด) +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เรื่อง ผู้รับสิทธิเก็บกิน  จะไปจด คณะบุคคล นั้นสามารถทำได้นะคะ ผู้รับสิทธิเก็บกิน เปรียบแล้วเหมือน เจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นไปตามกฎหมาย ปพพ. แต่ คณะบุคคล เป็นไปตาม กฎหมายภาษี  เป็นกฎหมายคนละตัวกัน ดังนั้น ผู้รับสิทธิเก็บกิน ไปจดคณะบุคคลกับ นาย .ก  เพื่อจ่ายภาษี ในรูปคณะบุคคลก็สามารถทำได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปล. แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก -_-" ปล. ห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน  ตัวย่อคือ หสม. ( สาวกุมภ์เจอ หสน. แล้วรู้สึกทะ:-)ๆๆ ชอบกล ) แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 11:44:27 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 11:28:42

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณ คุณสาวกุมภ์ ผมสรุปใหม่ ดังนี้ ได้ไหม 1 ซื้อในนามบุคคล(ตัวผม) 2 จดสิทธิ์เก็บกินให้ บุตร2คน สมมุติ 80,000บาท 3 บุตร2คน ทำสัญญาเช่าให้ คณะบุคคล หรือ หสน หสม. อีกทอดหนึ่ง 4 คณะบุคคล หรือ หสน หสม. ก็บริหาร เก็บค่าเช่า และค่าบริการ ต่อไป 5 ตอนกู้ ก็ทำในนาม คณะบุคคล หรือ หสน หสม. (น่าจะเป็น หสน) แต่เจ้าของทรัพย์ คือผม อนุญาตให้เอาหลักทรัพย์นี้ไปค้ำประกัน 6 ค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย ก็เอามาลง ที่ หสน (ในข้อ5) มีความเห็นอย่างไร ก็แนะนำเพิ่มได้ครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 12:42:54 จากคุณ : SuperCrazyBoy เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 12:42:36

ความคิดเห็นที่ 8 ผมคิดว่า .. คุณต้องมาคิดครับ 1. รายได้ปัจจุบัน ของคุณ จขกท มีเท่าไหร่ 2. รายได้ จาก อพาร์ทเมนท์มีเท่าไหร่ 3 ค่าใชจ่าย จาก อพาร์ทเมนท์ มีเท่าไหร่ 4 ดอกเบี้ย เดือนละเท่าไหร่ โดย ดอกเบี้ย สามารถนำมาหักภาษีได้ และหักได้เต็ม 100% แต่อย่าลืมว่า ยังมีภาษี ของท้องที่ อีก 12% ของค่าเช่าห้อง โดยส่วนหลังนี้ สามารถแยกเป็น ค่าเช่าห้อง และ ค่าเฟอร์นิเจอร์ได้ ซึ่งค่าเฟอร์นิเจอร์ สามารถ คิด ค่าเสื่อมได้ แต่ตัวอาคาร ถ้าจำไม่ผิด เขาไม่ให้คิดค่าเสื่อมแล้ว (ต้องตรวจสอบอีกที) จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 13:37:01

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆแล้ว บทความของดร.วลัย ที่เขียนแนะนำไว้ ครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว โดยจำแนก ตัวแปรที่ fix ของผู้ประกอบการแต่ล่ะประเภท ไว้ครบถ้วน คุณแค่ ดูว่า เคสของคุณ เข้ากรณีไหน ของบทความ และดำเนินการตามหัวข้อนั้นๆครับ ไม่ใช่ นำทุกหัวข้อมาผสมกัน ทั้งหมด จะยุ่งมากน่ะครับ เช่น ห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน จดสิทธิ์เก็บกิน ในนามบุคคล(ผมเอง) คุณแค่ดูว่า ตัวแปร ที่fix เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ของคุณมีอะไรบ้าง เช่น ตัวคุณ มีรายได้ด้านอื่นๆไหม คุณปลูกสร้างแล้วหรือยัง ถ้าปลูกแล้ว ปลูกในนามชื่อใคร ยื่นขอกู้ในนามใคร เมื่อคุณดูตัวแปร fix ของคุณแล้ว กรณีของคุณเข้าเคสไหน ที่ท่านกล่าวไว้ ก็ทำแบบที่ท่านบอก หรือ ปรับตัวแปร ที่สามารถปรับได้ ให้เข้ากันกับเคสที่ท่านบอกไว้ อย่างครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อให้เกิดเป็นผลทางกฎหมาย ที่มิใช่การหลีกเลี่ยงภาษี จากคุณ : วิช เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 13:37:26 A:223.205.154.231 X: TicketID:121481

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไข พิมพ์ผิดข้างบน ดร.วลัย เป็น ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร จากคุณ : วิช เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 18:02:05 A:223.205.154.231 X: TicketID:121481

ความคิดเห็นที่ 11 ปรึกษาบริษัททำบัญชีครับ แนะนำได้ครบครับของผมก็ถามเค้าเอา จากคุณ : kanomgub เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 19:05:04

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าอยากให้ชัวร์จริงๆ ปรึกษากับบ.ด้านบัญชีและภาษี ซึ่งมีค่าใช้จ่าย แต่ท่านจะได้เนื้อๆเน้นๆทุกข้อครับ ขึ้นอยู่กับบ.นั้นๆว่าชำนาญด้านนี้ขนาดไหน ขอตอบโดยส่วนตัวบวกกับประสบการณ์ ตามข้อความต่างๆของเจ้าของกระทู้สามารถทำได้แต่ควรตามมาตรฐานของสรรพากร หรือข้อเท็จจริงเท่านั้นครับ ซึ่งต้องศึกษาในรายละเอียด และต้องไฟท์กับเจ้าหน้าที่กันหลายรอบ ในการวางแผนภาษี ไม่ใช่แค่อพาร์ทเม้นนี้เท่านั้นครับ ข้อมูลทุกอย่างที่เป็นของครอบครัวคุณ (ไม่พูดถึงครอบครัวอื่น เช่นน้องภรรยา น้องคุณ)  ข้อมูลทางการเงินต่างๆ สำคัญที่สุดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผน เพื่อเลือกแนวทาง โดยควรนำทุกแนวทางมาคิดเพื่อหาแนวทางที่ดีและเหมาะสมที่สุด โดยผมขอแนะนำเป็นมาตรฐาน 3อย่างที่ควรเลือกทำในข้อใดข้อหนึ่ง 1. ยื่นแบบบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 กรณีที่คุณมีงานได้รวมไม่มากฐานภาษีไม่สูง 2. ถ้าฐานสูง ให้แยกเป็น ห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน กรณีนี้เป็นการดีถ้าจะให้คุณกับน้องสาวภรรยากู้ร่วมกันไปเลยซะทีเดียว เพราะถือเป็นหุ้นส่วนในการลงทุนโดยมีเอกสารหลักฐานที่ชัดแจ้ง 3. เป็นหจก. หรือบริษัทจำกัด ซึ่งผมว่าบริษัทจำกัดมีความน่าสนใจกว่า และปัจจุบันสามารถจดได้ด้วยผู้ก่อการเพียง 3คน ซึ่งกรณีนี้ควรพัฒนามาจากข้อ 2 และเห็นว่าถ้าจะทำด้วยสเกลขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายเยอะควรเลือกแบบนี้ครับ การจดสัญญาแยกค่าเช่า กับการให้บริการ สามารถใช้กับการคิดภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้นนะครับ ไม่มีผลกับภาษีเงินได้ และยังต้องคิดเป็นรายได้เพื่อเป็นฐานภาษีอีกด้วย อีกทั้งวิธีนี้การใช้ในการคำนวณจริงๆต้องมีการตั้งราคาที่สมเหตุสมผล ถ้าสงสัยในจุดไหน ก็ PM มาถามหลังไมค์จะดีกว่าครับ จะช่วยตอบเท่าที่ช่วยได้ครับ ปล. ขอรบกวนพื้นที่เจ้าของกระทู้ ถ้าใครที่ทำอพาร์ตเม้น ห้องเช่า หรือกำลังจะทำ ผมมีแนวความคิดว่าอยากทำเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการด้านนี้ จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ รวมถึงข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ถ้ามีสมาชิกหลายท่าน อาจจะเสนอเป็น คลับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าจะอยู่สังกัดห้องไหนอย่างไรเหมือนกัน ท่านอื่นๆมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร ช่วยกันบอกกล่าวหน่อยนะครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : ClasS_X เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 21:26:34

ความคิดเห็นที่ 13 (ทีแรกคิดจะไม่ตอบ  เพราะรู้สึกว่า มีหลายส่วนที่เราเข้าใจไม่ตรงกัน เราต่างเพี้ยนกันไปนิด เพี้ยนกันไปหน่อย) สรุปใหม่ ดังนี้ ได้ไหม 1 ซื้อในนามบุคคล(ตัวผม) 2 จดสิทธิ์เก็บกินให้ บุตร2คน สมมุติ 80,000บาท >>>  สิทธิเก็บกินเป็นการยกสิทธ์(เสมือน เพราะไม่ใช่การยกให้จริงๆ) ให้บุตรนำไปใช้สอย ให้นำไปปล่อยเช่า ในที่ดินและอาคาร  โดยสิทธิ์นี้ไม่มีราคา แต่มีเฉพาะแบ่ง "กรรมสิทธ์" คนละครึ่ง หรือแบ่งกรรมสิทธิ์เป็น% 3 บุตร2คน ทำสัญญาเช่าให้ คณะบุคคล หรือ หสน หสม. อีกทอดหนึ่ง >>> ตรงนี้ ไม่ใช่ บุคคลทำสัญญาให้คณะบุคคล/หสม. เช่า แต่เป็นว่า  เจ้าของกรรมสิทธิเก็บกินนำอาคารนี้ไปปล่อยเช่าตามสิทธิเก็บกินของตน  แล้วเกิดรายได้เป็นค่าเช่าห้อง และค่าบริการ และเขาต้องการแยกหน่อยรายได้ของตนออกจากรายได้ประจำ ( แยกรายได้ตามธุรกิจ คือ ธุรกิจ1 เกิดรายได้ นำไปใส่ในคณะบุคคล1 และธุรกิจ2 เกิดรายได้ นำไปใส่คณะบุคคล 2  ทำให้รายได้ 2 ตัวไม่ต้องมารวมกันเพราะจะทำให้ฐานรายได้สูงขึ้น  แต่เมื่อเราแบ่งเป็น2ส่วน เป็นคนละก้อนกัน  จ่ายภาษีคนละก้อนตามหน่วยธุรกิจ ) 4 คณะบุคคล หรือ หสน หสม. ก็บริหาร เก็บค่าเช่า และค่าบริการ ต่อไป >>> ตรงนี้อธิบายในข้อ 3 5 ตอนกู้ ก็ทำในนาม คณะบุคคล หรือ หสน หสม. (น่าจะเป็น หสน) แต่เจ้าของทรัพย์ คือผม อนุญาตให้เอาหลักทรัพย์นี้ไปค้ำประกัน >>> ตรงนี้ไม่แน่ใจในข้อมูล  ควรนำไปปรึกษาธนาคารว่าควรเป็นคุณ หรือผู้ได้รับสิทธิเก็บกิน   ซึ่งส่วนตัวคิดว่า ธนาคารจะให้คุณทั้ง 3 คนกู้ร่วม 6 ค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย ก็เอามาลง ที่ หสน (ในข้อ5) >>>หสม. นำค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย มาลงเป็นส่วนลดหย่อนไม่ได้ แต่ที่ทำได้คือ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด จึงจะนำค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยมาลงเป็นส่วนลดหย่อนได้ ทั้งนี้อย่าลืมว่า บริษัทจำกัดและห้างฯจำกัด ต้องมีการจ้างนักบัญชีตรวจสอบ(ค่าใช้จ่ายเดือนละ 2-5พันบาท) (ทั้งนี้ ที่พูดคุยในกระทู้เป็นเพียงผิวๆ ของทั้งหมด ศึกษาให้เยอะ......คณะบุคคลตามหน่วยธุรกิจนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก , บริษัทจำกัด มีรายละเอียดอีกเยอะ , หักส่วนลดค่าใช้จ่ายหรือแบบเหมา ก็มีปลีกย่อยอีกมาก แนะนำให้เขียนเปรียบเทียบในแต่ละแบบ นี่เป็นวิธีการที่นิยมทำ ) จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 22:57:46

ความคิดเห็นที่ 14 เท่าที่อ่านสรุปของเจ้าของกระทู้ ที่ค.ห.7 ผมเข้าใจว่าเจ้าของกระทู้จะเอาทุกอย่างมารวมกันหมดเลย โดยทำเป็นลำดับขั้นตอนก่อนหลัง ซึ่งจริงๆไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น เพราะจะขัดกันและพยายามทำซ้ำซ้อนกับรายได้ก้อนเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าของกระทู้ควรจะเลือกวิถีอย่างใดอย่างหนึ่ง สิ่งที่ทำพร้อมกันได้คือ กรณีที่เจ้าของกระทู้มีรายได้อื่นๆอยู่แล้ว ก็ยื่นภาษีของรายได้นี้ไปตามปกติ ส่วนคณะบุคคลก็ยื่นภาษีของในส่วนค่าเช่าตรงนี้ไปครับ ซึ่งถ้าทำแบบนี้แล้วไม่น่าจะสามารถจดสิทธิ์เก็บกินได้นะครับ จากคุณ : ClasS_X เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 23:44:55

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^  งั้นคนที่จดสิทธิเก็บกิน  ได้รายได้ค่าเช่าจากการให้เช่าห้อง  จะต้องเสียในนามบุคคลของตนเองงั้นหรือคะ?? ถ้าหากเขามีรายได้จากเงินเดือนอยู่ก่อนแล้ว  เขาก็จำต้องนำรายได้จากค่าเช่าห้องมารวมในชื่อตนด้วย?? ( สาวกุมภ์ สงสัยนะคะ  ไม่ได้กวนน๊า~ ) ปล. ส่วนตัวก็คิดเช่นกันว่า ทำไมต้องทำให้ซับซ้อนด้วย  เพราะทั่วไปเขาก็เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งก็พอ  เท่านี้ก็เสียภาษีน้อยมากแล้ว  และการทำซับซ้อนกลับยิ่งทำให้น่าสงสัย(ทางบัญชี)ด้วยซ้ำไป จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 01:49:45

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณทุกท่านนะครับ ส่วนตัว และภรรยา มีรายได้ เป็นเงินเดือนประจำ เสียภาษี 10% (แยกยื่นแบบฯ) แต่ปีไหน มีเงินปัญผล ก็เสีย20% เลยอยากแยกหน่วยภาษีออกไป แต่ขนาด60ห้องมันน้อย ไม่อยากจดทะเบียน เพราะหากจ้างคนทำบัญชี อาจไม่คุ้ม  แต่หากมันไม่มีวิธีอื่น ก็อาจจด หสน.ไปเลยทีเดียว  หรือไม่ก็จดสิทธิ์เก็บกินอย่างเดียวพอ ยังไงก็ขอบคุณทุกท่าน นะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 54 09:50:49 จากคุณ : SuperCrazyBoy เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 09:49:53

ความคิดเห็นที่ 17 รายได้ส่วนค่าเช่านี้ 1. จดสิทธิทำกิน ให้ลูก หรือ 2 จดเป็น ห้างหุ้นส่วนสามัญ เพื่อแยกฐานภาษี กับรายได้ส่วนตัว เมื่อจดเสร็จแล้ว รวบรวมรายได้จากค่าเช่า หรืออาจแยกเป็นส่วนค่าสาธารณปโภค มาคำนวณภาษีกลางปี ภงด 94 และปลายปี ภงด 90 โดยใช้เกณฑ์ค่าใช้จ่ายแบบเหมา 30% หรือ คำนวณจากค่าใช้จ่ายจริงก็ได้ อย่าลืม ภาษีโรงเรือน และระวังเรื่องภาษี มูลค่าเพิ่มด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 54 14:31:30 จากคุณ : ศิริวรรณ (siriwan_asia) เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 14:30:06

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่มเติม... อุปสรรค ของคุณเอง ยังมีอีกเยอะครับ เช่น คุณกู้ธนาคาร คุณจดสิทธิเก็บกิน ธนาคารจะไม่ยอมน่ะครับ หรือ การที่คุณจะจด หสม.หรือคณะบุคคล ทางสรรพากร เขามีระเบียบและวิธีปฎิบัติ ในการพิจารณาว่าจริงหรือปลอม อยู่เหมือนกัน เช่น ที่ดิน เป็นชื่อคุณ คนเดียว หรือ การยื่นขออนุญาตปลูกสร้าง เป็นชื่อคุณคนเดียว เพียงแต่ คุณ ทำสัญญาเข้าหุ้น และแบ่งแยกหน้าที่และส่วนแบ่งกำไร กันเท่านั้น ผมกลัวว่า คุณจะต้องเจอด่านสรรพกร ซักค้านซะจน คุณต้องยอมเขาน่ะครับ...555 ถามได้น่ะครับ แต่ผู้ตอบคำถามต้องการข้อมูลมากกว่านี้เยอะครับ จากคุณ : วิช เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 21:21:05 A:117.47.152.223 X: TicketID:121481

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณวิชมากเลย เสียดายให้กิ๊ฟท่านไม่ได้ ผมลืมเรื่องที่จะจดสิทธิ์เก็บกินไปเลย ว่า เราเองต้องกู้แบ็งค์ แบ๊งค์คงไม่ยอมแน่ อาคารอพาร์ทเม้นท์นี้ สร้างเสร็จมาสิบปีแล้ว ผมจะไปเทคโอเวอร์มาบริหารครับ  มีเงินทุนเกินครึ่งหนึ่งของราคาขายแล้ว การกู้ธนาคารไม่น่ามีปัญหา หากเป็นเช่นนี้  อาจต้อง จด หสน. แล้วแหละ หรือไม่ก็ หสม.ไป แต่ใช้วิธี ประเมินรายได้ เพื่อเหมาจ่ายภาษี จะได้ไม่ต้องทำบัญชีมากมาย จากคุณ : SuperCrazyBoy เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 54 10:47:35