PANTIP.COM : R10441853 ที่ดินขนาดหนึ่งไร่ รับน้ำฝนสูงสุด 400mm ในหกชั่วโมง ขนาดคูน้ำ 30cm*30cm พอมั๊ยครับ??? [ที่พักอาศัย]

ความคิดเห็นที่ 17

ผมขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ครับ

การออกแบบระบบระบายน้ำ แบบรางเปิด มีสิ่งสำคัญ ที่ต้องพิจารณา ดังนี้

-- ความสำคัญของอาคารหรือสิ่งก่อสร้างหรือบริเวณ นั้น ๆ มีผลกระทบต่อความเสียหาย จากการถูกน้ำท่วม มากน้อยเพียงไร เพราะเกี่ยวข้องกับ การใข้ค่าความเขัมของน้ำฝน จากกราฟน้ำฝน ของรอบปีที่ใข้ในการออกแบบ เช่น รอบ ๓ ปี ๑๐ ปี ๕๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปี เป็นต้น ซึ่งกราฟน้ำฝน ของรอบปี ใด ๆ ได้จากการคำนวณค่าความเข้มของน้ำฝน เป็นรายวัน ตลอดรอบปี นั้น ๆ สำหรับอาคารพักอาศัย โดยทั่วไป จะใช้ที่รอบ ๓ ปี

-- สภาพผิวพื้น ของพื้นที่รับน้ำ มีสภาพเป็นอย่างไร เช่น เป็นดินหรือคอนกรีต เป็นต้น เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ค่า สปส. ผิวพื้นของพื้นที่รับน้ำ

กระบวนการออกแบบ แบ่งออกเป็น

-- การหาปริมาณน้ำ ในพื้นที่รับน้ำ ปกติจะใช้สูตรของ Rational ดังนี้

Q = 0.278*c*i*A โดยที่

Q = ปริมาณน้ำ ในพื้นที่รับน้ำ ม. ^ ๓ / วินาที
๐.๒๗๘ = ตัวแปลงหน่วย
c = สปส. ผิวพื้นของพื้นที่รับน้ำ
i = ความเข้มของน้ำฝน มม. / ชม.
A = พื้นที่รับน้ำ กม. ^ ๒

-- การหาความเร็วของน้ำ ในรางเปิด ปกติจะใช้สูตรของ Manning ดังนี้

V = (R^2/3)*(s^1/2)/n โดยที่

V = ความเร็วของน้ำ ในรางเปิด ม. / วินาที
R = รัศมีชลศาสตร์ = A/P ม.
A = พื้นที่หน้าตัดของรางน้ำ ม. ^ ๒
P = เส้นขอบเปียก ม.
s = เส้นลาดพลังงาน ปกติจะให้เท่ากับความลาดเอียงของรางน้ำ
n = สปส. ความขรุขระระหว่างน้ำกับผิวรางน้ำ

เมื่อหาความเร็วของน้ำ ในรางเปิด ได้แล้ว จะต้องพิจารณาว่า ความเร็วนั้น สูงหรือต่ำไปหรือไม่ เพราะมีผลกระทบต่อการกัดเซาะหรือเกิดการตกตะกอน ในรางน้ำ ซึ่งต้องแก้ไขขนาดหรืดความลาดเอียง ของรางน้ำ เมื่อได้ความเร็วที่เหมาะสมแล้ว นำไปคูณกับพื้นที่หน้าตัดของรางน้ำ จะได้ปริมาณน้ำ ที่ระบายออกไป หากมีปริมาณที่มากกว่าปริมาณน้ำของพื้นที่รับน้ำ แสดงว่าขนาดของรางน้ำที่ออกแบบไว้ ใช้ได้ ในทางกลับกัน ต้องแก้ไขขนาดหรือความลาดเอียงของรางน้ำ

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นกระบวนการและข้อมูลสำคัญ ที่ใช้ในการออกแบบระบบระบายน้ำ แบบรางเปิด โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นการออกแบบที่ประหยัด เพราะไม่ใช้เครื่องมือกล

สำหรับกระทู้นี้ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา มีดังนี้

พื้นที่รับน้ำ

c = ๑ ( จาก คคห. ๑๓ )
i = ๑๒๐ มม. / ชม.
A = ๑,๖๐๐/๑,๐๐๐/๑,๐๐๐ = ๐.๐๐๑๖ กม. ^ ๒

ปริมาณน้ำ ในพื้นที่รับน้ำ ( Q ) = ๐.๒๗๘*๑*๑๒๐*๐.๐๐๑๖ = ๐.๐๕๓๔ ม. ^ ๓ / วินาที

รางน้ำ

พื้นที่รางน้ำ ( A ) = ๐.๓๐*๐.๓๐ = ๐.๐๙ ม. ^ ๒
เส้นขอบเปียก ( P ) = ๐.๙๐ ม.
รัศมีชลศาสตร์ ( R ) = ๐.๐๙/๐.๙๐ = ๐.๑๐ ม.
ความลาดเอียงของรางน้ำ ( s ) = ๑/๒๐๐ = ๐.๐๐๕
สปส. ความขรุขระระหว่างน้ำกับผิวรางน้ำ ( n ) = ๐.๐๑๔

ความเร็วของน้ำ ในรางน้ำ ( V ) = ( ๐.๑๐^๒/๓)*(๐.๐๐๕^๑/๒)/๐.๐๑๔ = ๑.๐๙๑ ม. / วินาที

ปริมาณน้ำที่ระบายออก = ๑.๐๙๑*๐.๐๙ = ๐.๐๙๘๒ ม. ^ ๓ / วินาที

เปรียบเทียบกับปริมาณน้ำ ในพื้นที่รับน้ำ = ๐.๐๕๓๔ ม. ^ ๓ / วินาที น้อยกว่าปริมาณน้ำที่ระบายออก

สรุป

รางระบายน้ำฝน ขนาด ๐.๓๐ * ๐.๓๐ ม. ความลาดเอียง ๑ / ๒๐๐ ใช้ได้ ครับ

จากคุณ : thitiwat

เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 15:31:40