ความคิดเห็นที่ 1 [log in ภรรยา] ธนาคารให้กู้ 100 % ของราคาทรัพย์สินจริง ดูจากฐานเงินเดือนแล้วน่าจะกู้ได้ประมาณ ผ่อนเดือนละ 25,000 บาท น่าจะกู้ได้ ประมาณ 4 ล้าน แต่ขอแนะนำหน่อยนะว่า ตอนนี้รายได้อาจจะเยอะ แต่พอ 2-3 ปี ให้หลัง ตอนเข้ามาต่อบอร์ด 3-5 ปี เงินเดือนจะน้อยกว่านี้มาก อาจจะทำให้ผ่อนต่อไปไม่ไหว ลองคิดดูก่อนครับ ถ้าคิดว่าช่วงต่อบอร์ดสามารถหารายได้มาผ่อนบ้านโดยไม่กระทบการเรียนบอร์ด ก็จัดไปครับ จากคุณ : พบรักณ เมืองจีน เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:34:20

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องตอนต่อบอร์ด ผมหาทางเรียบร้อยละครับ แต่ตอนนี้คือ กู้ 8 ล้านไม่น่าจะผ่านใช่ม่ะครับ ต้องกู้ร่วมอย่างเดียวเลยรึป่าว? จากคุณ : ryusuke_joshi เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:38:56

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่น่าผ่านครับ เพราะฐานเงินเดือนไม่ถึงครับ ถ้าบางแบงค์ให้ถึง 60 % ของเงินเดือน อาจกู้ได้เต็มที่ 6 ล้าน ผ่อนเดือนละ 36,000 บาท     จากคุณ : พบรักณ เมืองจีน เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:44:44

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากครับ ไม่ทราบว่าพี่เป็นหมอไรครับ ? จากคุณ : ryusuke_joshi เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:45:57

ความคิดเห็นที่ 5 คุณหมอไปดูบ้านโครงการอะไรไว้ค่ะ ถ้าเป็น LH กู้สูงสุดได้ 40 ปี แต่ดอกเบี้ยแพงมากมายนะคะ ถ้าน้องเซลเป็นของ LH จริง ก็คงจะลุ้นให้ผ่านได้ไม่ยากอ่ะค่ะ เพราะถ้าคำนวนค่างวดแล้วจะตกเดือนละประมาณ 48000 บาท --" แต่ึคุณหมอจะต้องใช้ชีวิตแบบประหยัดมากถึงมากที่สุดนะคะ ตามรายรับที่คุณหมอบอกมา วงเงิน 100 เท่า จะให้วงเงินประมาณ 6-7 ลบ. ลองดูบ้านราคาน้อยกว่านี้อีกนิด แต่ผ่อนแบบสบาย ๆ หรือถ้าอยากได้ขนาดบ้านเท่าเดิมก็ต้องเก็บเงินก่อนซักปี สองปีดีไม๊ค่ะ ถ้าความอยากได้มันอัดอั้นจนอะไรมาฉุดไม่อยู่ ก็หาคนมากู้ร่วม หรือถ้าอยากได้บ้านหลังนี้มากจริง ๆ ให้พนักงานธนาคารอย่างอิชั้นกู้ร่วมไม๊ค่ะ ... ^^ อ๊ะ..ล้อเล่งน๊า... จากคุณ : TsuTaYa เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 06:57:29

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าไม่กู้ร่วม ก็ต้องหาบ้านที่ราคาถูกกว่านี้น่ะครับ ไม่งั้น จากเงินเดือนตอนนี้ ผมว่าได้ไม่เกินสี่ล้าน ถ้าจะใช้สิทธิของแพทย์ เท่าที่ผมใช้ จะเป็นกู้เพื่อ เปิดคลินิคน่ะครับ จากคุณ : หนุ่มหนิงโป เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 07:18:14

ความคิดเห็นที่ 7 หมอจบใหม่ ยังไม่มีชื่อเสียง สถานที่ทำงานก็ยังไม่เป็นหลักแหล่งผมว่าไม่น่าจะได้เกิอน สามล้านบาทครับ จากคุณ : สุดหล่อมากๆ (supertiger) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 08:03:37

ความคิดเห็นที่ 8 น้องหมอจบใหม่ พี่ไม่ได้เป็นหมอนะ แต่น้องชายเรียนแพทย์ มันมองหาบ้าน 10-12 ล้านอีก 2 ปีคงจะซื้อ อ้อ เพิ่มเติมว่ามันแต่งงานกับแฟนที่เป็นหมอเหมือนกัน เลยสะบายมีเงินเก็บ เรียนเฉพาะทางแล้ว(มั้ง?) อย่างไงก็ดี อ่านหลายๆคห.ด้านล่างและลองตัดสินใจดู แนะนำว่า 1.ให้กู้กับธ.ที่ดิวกับโครงการอยู่ อาจมีสัก 1-2 ธ. ลองถามโครงการดู เพราะว่าธ.เหล่านั้นจะปล่อยกู้ให้ง่ายมาก 2. ถ้าทำได้ให้กู้เดี่ยวจากธ.นั้น ดอกอาจแพงกว่าเดินไปกู้เองกับธ.อื่น 3. ผ่อนไป 3 ปีแล้วรีไฟแนนส์ ไปธ.อื่นที่ดอกถูกกว่า ถึงตอนนั้งคงง่ายแล้ว เพราะน้องหมอมีประสบการณ์ทำงานแล้ว 4. ทางเลือกอื่นๆ ไปกู้กับธ.ที่มีสวัสดิการกับราชการ เช่น ธอส. ออมสิน อาจง่ายและดอกน้อยกว่า 5. หาแฟนที่เป็นหมอมาช่วยผ่อนสิ แต่งงานแล้วคราวนี้สบายเลย 6. ไม่ได้ทั้งหมด ก็คงต้องกู้ร่วมกับครอบครัวแหละ แนะนำได้เท่านี้ สุุดท้ายอยากให้หาบ้านที่สูงที่สุดเท่าที่หาและผ่อนได้ กรณีที่เป็นหมอ อนาคตมั่นคง สังคมและสิ่งแวดล้อมมันก็น่าจะดีตามนั้น แต่ต้องคิดให้ดีและต้องยอมรับได้ว่า ของแพงไม่ใช่ไม่มีปัญหานะ โชคดีครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 21:43:50 จากคุณ : ptboy เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 08:13:12

ความคิดเห็นที่ 9 ยินดีที่ได้รับฟังเรื่องราวของลูกกตัญญูครับ เอาใจช่วยอีกแรงครับ จากคุณ : รีไรเตอร์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:55:53

ความคิดเห็นที่ 10 จากประสบการณ์ของผมในฐานะอาชีพเดียวกัน ตอนนี้อย่าเพิ่งซื้อบ้านราคาแพงเลยครับ อย่างไรเสียก็จะต้องสร้างใหม่อยู่แล้วในที่สุด เอาที่ทำเลดีๆหน่อยแล้วออกตัวขายต่อง่ายๆราคาไม่สูงจะดีกว่า เวลาอายุมากขึ้นมีรายได้มากขึ้นคราวนี้จะซื้อหรือสร้างใหม่ราคาแพงเท่าไหร่ก็ได้ไว้ตัดสินกันอีกทีจะดีกว่าครับ อายุน้อยควรจะมุ่งมั่นเรียนต่อและไม่ต้องเครียดจากรายจ่ายผ่อนบ้านมาก อยากไปเที่ยวพักผ่อนหรือหาอะไรดีๆอย่างอื่นในชีวิตจะดีกว่า แล้วรายจ่ายที่ยังคิดไม่ถึงอีกมากมายนักครับ คุณพ่อคุณแม่คุณคงภูมิใจที่ได้ลูกดีอย่างคุณมากพออยู่แล้ว ไม่สำคัญที่ขนาดบ้านสักเท่าไหร่ ของผมตรงข้าม ผมพยายามสร้างบ้านที่ดีที่สุดไว้ให้ลูก ซึ่งกำลังจบแพทย์ปีนี้ เพื่อว่าเขาและครอบครัวของเขาจะได้ไม่ต้องขวนขวายไปหาบ้านให้ลำบากเหมือนผมอีก และเราจะได้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันครับ ชีวิตเขาจะได้มีความสุขกว่าสมัยของผมที่เหนื่อยกับเรื่องนี้มามากครับ จากคุณ : Bugmao (บั๊กเม่า) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 10:20:34

ความคิดเห็นที่ 11 มาเอาใจช่วยลูกกตัญญูเช่นกัน คงช่วยตอบเรื่องการกู้ไม่ได้ แต่อ่านความต้องการแล้ว  อยากให้ข้อคิดบางอย่าง การเป็นแพทย์ที่ดี  และจะประสพความสำเร็จ....ครูผมเคยสอนว่า 1.ต้องตั้งใจทำงาน (ไม่ว่างานราษฎร์-งานหลวง-งานเรียนต่อเนื่องหาความรู้เพิ่มตลอดชีวิต)   2.ซื่อสัตย์กับคนไข้   (พูดเรื่องจริง..แต่ให้ถูกกาลเทศะ   ไม่ขายฝัน   ไม่แก้ตัว  ) 3.อย่าโลภ (อย่าใช้จ่ายเกินตัว   อย่าเปรียบเทียบสถานะความเป็นอยู่ของตนเองกับเพื่อนร่วมวิชาชีพคนอื่นที่เลิศหรูกว่าเรา  อย่าตั้งเป้าหมายหรือสานฝันของคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่เรา  ภรรยาและลูกเรา  ...เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นทางชักนำเราไปสู่อวิชชาหรือเป็นแขนขาเครื่องมือให้พ่อค้านักธุรกิจที่ขายสุขภาพและความงาม)   การเป็นแพทย์ที่ดีมีคนนับถือจะนำมาซึ่งความภูมิใจให้กับพ่อแม่ยิ่งกว่าสมบัติอื่นใด การจบแพทย์ทั่วไป .. สำหรับสังคมสมัยนี้แทบจะไร้ความหมายในเมืองใหญ่ (แต่โชคดี  ที่น้องได้บรรจุเป็นข้าราชการ  และมีรายได้ที่ดีมาก  ผมทำงานราชการ16ปียังมีรายได้ไม่เท่าน้องเลย  ...ตอนนี้ลาออกได้3-4ปีแล้ว) ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนเด็กที่เพิ่งหัดเดิน ช่วงเวลาที่น้องไปเรียนต่อ  ..ทำให้ดีที่สุด   ..อย่าริเอาเวลาไปหางานเงินจนเกินพอดี (ไม่ได้ห้ามนะ   แต่ต้องรู้จักลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำในชีวิตให้ดีและแบ่งเวลาให้พอดี) การจะพบความสำเร็จในภายภาคหน้าเหนือกว่าผู้อื่น...อยู่ที่การฝึกฝนตนเองอย่างหนักในช่วงเรียนต่อ(อย่าสร้างอุปสรรค์ให้กับตนเองในช่วงเวลาส่วนนี้)  และคุณสมบัติ3ข้อข้างบน จากคุณ : Dr.Chan เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 10:28:23

ความคิดเห็นที่ 12 โห หมอตั้งหลายคนเลยนะเนี่ย กระทู้นี้ ก่อนอื่นก็ต้องขอชื่นชมในความกตัญญูของน้องหมอครับ ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ 6 ครับ คือ ถ้าสามารถกู้ได้ ลองหาทำเลดี ๆ เปิดคลีนิค เป็นรายได้พิเศษ น้องเป็นหมอหนุ่มแน่น คงมีแรงทำงานได้อีกเยอะแยะครับ รายได้พิเศษจาก คลีนิกเผลอ ๆ ได้มากกว่าเงินเดือนประจำอีกนะครับ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน รออีกสัก 3-5 ปี จะเอาบ้านหลังใหญ่ ราคา 10 ล้านก็ยังไม่สายนะ แต่ถ้าคิดมุมนึง พ่อแม่ไม่รู้จะอยู่กับเราได้ อีกกี่ปี ตอนนี้มีโอกาสตอบแทนได้ ก็ทำเลยครับ ไม่มีใครกำหนดอนาคตของน้องหมอได้ นอกจากตัวน้องหมอเอง เอาใจช่วยครับ ไม่ว่าจะตัดสินใจแบบไหน ถ้าเลือกแล้วลุยโลดดดด จากคุณ : U_Nee-na เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 11:13:13

ความคิดเห็นที่ 13 อาชีพหมอ กู้ง่าย กู้ได้มาก......เกินไป กลายเป็นภาระ...เกินตัว...ได้ง่ายๆ...กว่าอาชีพไหนๆ หนี้สิน เทียบกับรายได้ สูงกว่าอาชีพไหนๆ นำไปสู่ การดิ้นรน แสวงหา กำไร จากวิชาชีพของตน จนบางครั้ง เกินไป หวังว่า คุณหมอจบใหม่ คงได้บ้านที่ต้องการ แต่อย่าต้องเครียดกับการต้องหาเงินมาผ่อนบ้าน จนทอดทิ้งอุดมการณ์แห่งความเป็นหมอเลยนะ คนเป็นพ่อแม่ ย่อมภูมิใจกับความสำเร็จของลูก แต่จะยิ่งภูมิใจกว่านั้น ถ้าลูกเป็นผู้ให้ชีวิตกับคนอื่นอีกมากมาย คุณหมอได้สิทธิทั้งสองนั้นแล้ว ... ขอให้โชคดี จากคุณ : เค็ง เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 11:35:45 A:124.120.181.162 X: TicketID:251808

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ได้เป็นหมอ แต่ทำงานประจำอยู่รายได้ต่อเดือนประมาณ 1.3แสน และเพิ่งเริ่มมีธุรกิจครอบครัวเล็กๆ ด้วยกำไรต่อเดือนประมาณ 0.5-1 แสน more or less  พี่ซื้อบ้านไป 4 ล้าน หลังนึง 1.4 ล้านหลังนึง และ 1.6 ล้านอีกหลังนึง รวม 7 ล้าน ตอนนี้พี่ยังแทบชักหน้าไม่ถึงหลังเลยค่ะคุณน้องขา เพราะอย่าลืมว่าคุณน้องต้องแบ่งไว้เก็บฉุกเฉิน เพื่ออนาคต เพื่อการมีลูก เพื่อท่องเที่ยว เพื่อชีวิตประจำวัน เพื่อการให้ เพื่อการลงทุน และ etc อีกมากมาย อย่างคุณน้องอีกหน่อยน่าจะเปิดคลินิคหารายได้เพิ่ม ประมาณนี้ ก็ต้องลงทุนนะคะ ข้างหน้าเรายังมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะ เก็บเงินไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าซื้อไว้แล้ววันนึงผ่อนไม่ไหว จะขาย ก็ใช่ว่าบ้านราคา 8 ล้านจะขายได้ง่ายๆนะคะ ถ้าอยากได้อะไรเป็นของตัวเองจริงๆ ซื้อเล็กๆ ไปก่อนก็ได้ที่เป็นอสังหาที่ถูกกว่า ปล่อยเช่าได้ ขายง่าย อะไรแบบนี้ แล้วอีกหน่อยถ้ามั่นคงจริงๆแล้วค่อยหาซื้อบ้าน 10 ล้านก็ยังได้ค่ะ ปล. ธนาคารมักจะปล่อยที่ 1 ล้านต่อรายได้ 2 หมื่น แต่ทั้งนี้ต้องดูรายจ่ายอื่นๆ ด้วยค่ะ จากคุณ : Khaopong2553 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 11:41:14

ความคิดเห็นที่ 15 ดีทั้งผู้ถามและผู้ตอบทุกคนเลย    ผมอยากให้คุณทบทวนเรื่องที่พ่อแม่ไม่อยากให้พี่สาวกู้ร่วมด้วยเพราะอาจซื้อบ้านอีกหลังนึง         คือถ้าพี่สาวกู้ร่วมด้วยจะผ่านแน่นอน และช่วยกันผ่อนแบบไม่หนักเท่าไรนัก คุณและพี่สาวคุณ ตอนนี้มีรายได้เท่านี้ แต่ภายหน้ารายได้ของคุณทั้งสองคนจะสูงขึ้นอีกไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีภาระด้านอื่นอีกมากนัก ผมว่าคุณสองคนผ่อนหมดไม่กี่ปีหรอก  และถ้าระหว่างยังผ่อนอยู่แล้วพี่สาวต้องการกู้ซื้อบ้านอีกหลังนึง ยิ่งจะกู้ง่ายขึ้น เพราะคุณและพี่สาวจะมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีอยู่แล้ว และให้แสดงฐานะรายได้ที่สูงขึ้นให้ธนาคารเขาดู หรือคุณอาจจะกู้ร่วมให้กับพี่สาวบ้างก็จะดีเช่นกัน         คือผมอยากให้พี่สาวคุณกู้ร่วมด้วย จะสะดวกมากขึ้น ส่วนเรื่องอนาคตนั้นไม่รู้เมื่อไร หรืออาจจะถึงเวลานั้นพี่สาวคุณอาจจะซื้อเงินสดก็ได้   ปล.       ผมเคยอยู่ธนาคารมาครับ  และตอนนี้ก็กู้ธนาคารอยู่ จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 11:54:51

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนที่ลูกยังเด็ก        ความฝันของพ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกตั้งใจเรียน เรียนเก่งๆ ตอนที่ลูกเป็นวัยรุ่น     ความฝันของพ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกไม่เกเร ไม่ติดยา ตอนที่ลูกต้องเลือกทางเดินของชีวิต ความฝันของพ่อ แม่ คือ ของให้ลูก เป็นหมอ ตอนที่ลูกเป็นผู้ใหญ่   ความฝันของ พ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ความฝันอันสูงสุดของพ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกมีเวลาให้พ่อ แม่ มีส่วนร่วมในทุกช่วงเวลาที่ลูกจะทำ จากคุณ : horser (horser) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:16:16

ความคิดเห็นที่ 17 บ้านจะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ถ้าที่นั่นมีลูกอยู่และสามารถใช้เวลาร่วมกัน จากคุณ : horser เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:20:02

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาดูเพราะสถานการณ์คล้ายๆกัน แต่ของพี่ที่ต้องรีบซื้อเพราะมีความจำเป็น และบ้านที่ซื้อก็ราคาถูกกว่านี้ประมาณครึ่งนึง(จริงๆอยากซื้อถูกกว่านี้อีก) ก่อนอื่นอยากบอกว่าการผ่อนบ้านเป็นภาระหนักนะคะ ยิ่งผ่อนคนเดียวด้วย ตอนนี้น้องอาจมองว่าผ่อนไหว แต่หลังจากเราเริ่มทำงาน ก็จะเริ่มมีรายจ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น ที่เราต้องคิดเผื่อไว้ด้วยนะคะ เช่น ถ้าทำงานต่างจังหวัดก็ต้องใช้รถเพราะการเดินทางไม่มีรถนี่ลำบากมาก      ค่าใช้จ่ายทางสังคม      เงินฉุกเฉินกรณีพ่อแม่หรือตัวเราเองเจ็บป่วย      เงินภาษี ค่าประกันไว้ลดหย่อนภาษี      ถ้าชอบเดินทางท่องเที่ยว เงินก็หมดไปอีก      เงินเก็บไว้ใช้ตอนเรียน อันนี้สำคัญมากกกกเพราะขณะเรามาเรียน ก็ควรตั้งใจกับการเรียน โดยไม่ต้องมากังวลกับภาระค่าผ่อนบ้าน ไม่งั้นน้องได้เรียนไม่เป็นสุขแน่ๆ ปล.เพื่อนบางคนไม่ได้กลับมาเรียนเพราะ ต้องหาเงินผ่อนบ้าน อีกอย่างพอใช้ทุนปี2,3 ถ้าเราย้ายรพ.รายได้ก็อาจลดลงอีกนะคะ ใช่ว่าเราจะได้รายได้คงที่เท่านั้นไปตลอด ส่วนพี่สาวถ้าเขาแต่งงานก็จะมีภาระส่วนตัว อาจช่วยเราผ่อนไม่ได้ ทั้งหมดนี้คือที่ต้องเอามาคิดให้ดีนะคะ อยากเตือนจากคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ตอนปี1เงินเก็บจะเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างที่บอกก็มากันเพียบเลยค่ะ อย่าลืมศึกษาเรื่องการเงินการลงทุนเพิ่มด้วยนะคะ ^ ^ จากคุณ : Littleเจ๊ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:32:49

ความคิดเห็นที่ 19 รายได้ที่น้องบอกมา มีเงินเบี้ยเลี้ยงรวมอยู่ด้วยมั้ยคะ ถ้ามีส่วนนี้ยังไม่แน่นอนนะคะ อย่าไปนับรวมกับเงินเดือน เพราะเงินส่วนนี้จะมาปีต่อปี ปีงบ54 บางรพ.ยังไม่มีจ่ายก็เยอะ เพราะมีเพื่อนๆพี่กู้ซื้อบ้านไปแล้ว รพ.เงินหมดค้างจ่ายมา6เดือนแล้ว (เดือนละ30000) เล่นเอาเครียดเลยนะคะ พี่กับสามี ทำงานรพช.มา10ปี ยังซื้อบ้านราคาไม่ถึง4ล้านเลย เก็บเงินไว้สำรองใช้อย่างอื่นด้วยนะคะ จะได้ไม่ตึงเกินไป จากคุณ : หมอฟันรพช. (nongmumu1) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:39:59

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้นี้อบอุ่นดีจังครับ ผู้ตอบกระทู้มีทั้งหมอ และไม่ใช่หมอ แต่คำตอบของพี่หมอ รุ่นพี่นี่น่าคิดนะครับ จขกท. ก็ลองเอาไปพิจารณาด้วยละกันนะครับ อย่าลืมมาตอบกระทู้พี่ ๆ เค้าด้วยล่ะ จากคุณ : U_Nee-na เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 13:14:54

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุนทุกคำตอบครับ พอดีว่างบเงินผ่อนของผมต่อเดือนคือ 25000 บาทครับ ไม่ว่าพี่สาวจะกู้ร่วมหรือไม่ เค้าก้อจะช่วยออกครึ่งนึงอะคับ ดังนั้นผมจึงคิดว่าในเบื้องต้น ผ่อนต่อเดอนเท่านี้คง ไหวครับ ส่วนรายได้ในอนาคต ผมวางแผนไว้เรียบร้อยละครับ ที่บ้านซัพพอตได้ หากมีปัญหาจริงๆ ส่วนเรื่องการลงทุน ตอนนี้ผมลงในห๋้นกะทองอยุเล็กน้อยครับ ทำมาปีนึงละ และมีธุรกิจเล็กๆ ของผมเอง รายรับรวมเพิ่มต่อเดือนจากการลงทุน ประมาน 20000 ต่อเดือนครับ ยังไม่รวมเงินเดือนประมาน6-7หมื่นครับ ส่วน เรื่อง การซื้อบ้านหลังเล็กๆปล่อยเช่านั้น ที่บ้านก้อพอมีบ้างครับ ไม่เยอะเท่าไร การซื้อบ้านหลังนี้คงเป็นหลังสุดท้ายของป๊ากะม๊าครับ เลยกะจะทำดีๆครับ เรื่อง แต่งงานหรือมีครอบครัว ยังอีกไกลคับ อาจไม่แต่งเลยก้อได้ 55555 เรื่องที่จะกู้บ้านนี้ เหตุผลหลักคือที่บ้านอยากได้ครับ ส่วนเหตุผลรอง คือแกอยากให้ ผมเริ่มมีความรับผิดชอบที่จะมีภาระครับ โดยให้ผมเป็นคนเลือกเองว่าจะผ่อนเท่าไร ผมเองมองว่า อยากจะผ่อนเยอะที่สุดเท่าทิ่จะไหวในตอนแรก ไว้พอรายรับเพิ่มขึ้น แล้วค่อยซื้อหลังใหญ่ขึ้น ก้อต้องเปลี่ยนบ้านอีก ป๊ากะม๊าคงไม่อยากเปลี่ยนละครับ ผมจึงเลือกหลังที่ผมพอจะซื้อได้อะคับ โดยมีพี่สาวช่วยครับ ลำบากแรกๆไม่เป็นไร ยังเด็กอยู่ เหนื่อยเพื่อท่านช่วงนี้ได้ครับ อนาคตไม่แน่นอน มีไรทำไหว เลยอยากทำครับ สุดท้ายนี้ผมคงเลือกซื้อหลังนี้ละครับ เพราะป๊าชอบมาก และคิดว่าจะกู้ร่วมกับพี่สาวครับ กระทู้นี้ทำให้ผมคิดได้หลายอย่างครับ ผมอาจจะยังเด็กไปที่จะมีภาระ แต่ผมคิดว่า ผมจะขยันและหาทางที่จะทำให้ฝันของป๊าม๊าเป็นจริงครับ พอท่านมีความสุข ผมก็สุขใจ ละครับ ขอบคุนทุกความเห็นที่ทำให้ผมโตขึ้นครับ ทำให้ผมได้แนวทางหลายๆอย่าางในการตัดสินใจ ขอบคุนครับ จากคุณ : ryusuke_joshi เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:35:35

ความคิดเห็นที่ 22 ขอให้โชคดีกับบ้านหลังนี้นะครับ แต่เรื่องบ้านรายละเอียดเยอะมาก ต้องดูรายละเอียดต่างๆของบ้านให้ดีอย่าให้มีปัญหาทีหลังครับ จากคุณ : Heckter604 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:21:15

ความคิดเห็นที่ 23 คุณหมอคะ..."ขอบคุณ" ค่ะ จากคุณ : bangnuu เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:33:20

ความคิดเห็นที่ 24 ขอโทษครับ คุณครู ต่อไปผมจะเขียนให้ถูกต้องครับ จากคุณ : ryusuke_joshi เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:47:31

ความคิดเห็นที่ 25 เตือนให้ระวังเงินเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายนิดนึงครับ เงินที่จะได้แน่ๆมีเพียงเงินเดือนประมาณ 10,000 กับโอทีประมาณ 20,000 กว่าๆ (ยังไงก็ถูกบังคับให้ต้องอยู่เวร) เงินไม่ทำเวช 10,000 กับ พตส. อีก 5 พัน เท่านั้นครับ เงินที่จะออกค่อนข้างตรงเวลาก็แค่ 45,000 บาท เท่านั้น ไม่ใช่ 6-7 หมื่นอย่างที่คิดครับ เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายปีนี้รอตกเบิก 7-8 เดือน ยังไม่ออกเลยครับ ถ้าผ่อนเยอะขนาดนั้นแล้วเงินออกไม่ตรงจะทำอย่างไรครับ บ้านราคา 8 ล้าน ผมว่าแพงเกินไปสำหรับหมอจบใหม่ที่ทำราชการครับ (ถ้าทำเอกชน ผ่อนไหว ถ้ารับราชการ ไม่แนะนำครับ มีความเสี่ยงในเรื่องเงินออกไม่ตรงเวลา และหลังเดือนตุลาเบี้ยเลี้ยงคาดว่าจะถูกปรับลดลงค่อนข้างแน่) จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 17:56:02

ความคิดเห็นที่ 26 ลองวางแผนดีๆนะครับ บ้านราคา 8 ล้าน ไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ ยกเว้นแต่น้องจะลาออกไปทำเอกชน รายได้สักแสนกลางๆ อย่างนั้นพอจะผ่อนไหวครับ อยู่ราชการมองยังไงก็ยังยากครับ (อยู่ราชการไม่รวยแน่ๆ) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 17:58:57 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 17:57:31

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องเงิน ให้ระวังตอนต่อเฉพาะทางนะครับ ช่วงเป็นแพทย์ประจำบ้าน พี่ได้เกือบเจ็ดแปดหมื่น แต่ถ้ามาเรียนต่อ รายได้มันหายไปเยอะนะ เหลือแค่เงินเดือนกับเวรเหมาจ่าย แค่ไม่ถึงสองหมื่น ระวังจะเครียดช่วงนั้นนะครับ ไม่อยากให้เรียนไป ต้องวิ่งหาเวรนอกไป ทั้งเหนื่อยทั้งเครียดครับ จากคุณ : หนุ่มหนิงโป เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 22:21:43

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านดูแล้ว น้องหมอคงตั้งใจจะซื้อจริงๆ มีพี่หมอมาทักมากมาย ก็คงฉุดไม่อยู่แล้วหล่ะ อีกอย่างน้องเค้ารายได้ดีมากด้วย เดือนนึงเกือบ แปด เก้าหมื่น บวกกับบอกว่ามีแผนตอนมา training แล้ว (คิดไม่ออก เลยจะมีเวลาได้ยังงัย) ให้เค้าซื้อไปเถอะครับ.. จากคุณ : BandG เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 01:21:21

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านจบทุกความเห็น   ไปไล่ลูกอ่านหนังสือดีกว่า จะได้มีลูกเป็นหมอกะเค้าบ้าง (แม่เป็นครูซะแล้ว) ปล. ตอนนี้เพิ่ง ป.1 กะ ป.3 ทันเปล่าคะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 54 20:53:51 จากคุณ : anurin22 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 20:53:02

ความคิดเห็นที่ 30 ใจเย็นครับ 8-10ล้านไว้ซื้อตอนจบบอร์ดดีกว่าครับ จะเห็นรายได้ระยะยาวที่ค่อนข้างชัดเจน จากพี่หมอ จากคุณ : Dr.โอ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 22:27:32

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าคิดจะเรียนต่อ ยังไม่แนะนำให้ซื้อบ้านราคา 8 ล้านครับ เพราะตอนเรียนต่อรายรับจะลดลงเยอะมาก ยังไม่นับเรื่องเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่ยังไม่แน่นอนในอนาคต คาดว่าจะลดลง ยกเว้นว่า น้องจะมีรายได้เสริม  หรือพี่สาวจะมาช่วยผ่อนให้ จากคุณ : บางนรา เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 16:03:10

ความคิดเห็นที่ 32 ถูกใจความคิดเห็นที่ 16 "ตอนที่ลูกยังเด็ก        ความฝันของพ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกตั้งใจเรียน เรียนเก่งๆ ตอนที่ลูกเป็นวัยรุ่น     ความฝันของพ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกไม่เกเร ไม่ติดยา ตอนที่ลูกต้องเลือกทางเดินของชีวิต ความฝันของพ่อ แม่ คือ ของให้ลูก เป็นหมอ ตอนที่ลูกเป็นผู้ใหญ่   ความฝันของ พ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ความฝันอันสูงสุดของพ่อ แม่ คือ ขอให้ลูกมีเวลาให้พ่อ แม่ มีส่วนร่วมในทุกช่วงเวลาที่ลูกจะทำ" มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ลูกคนโตได้เข้าเรียนหมอปีแรกแล้ว กำลังรอลุ้นอีกสองคนในปีนี้กับปีหน้า...ยังไม่รู้เลยว่าผลจะออกมายังไง (ไม่ได้บังคับลูกให้สอบหมอนะ เค้าตั้งใจอยากเรียนหมอเอง เลยตรงกับที่อยากได้เลย) จากคุณ : คุณพ่อลูกสาม (ninja123) เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 16:31:29