 |
********************** ถึง...สมาคมสถาปนิกสยาม **********************
ภาพลักษณ์องค์กร..มันมีวันเปลี่ยนแปลงได้มีขึ้น..มีลง มีลบ..มีบวก
ในโลกของความเป็นจริงมันต้องมองหลายด้าน
อย่าทำเหมือนไปนั่งบนภูแล้วมองลงมาอย่างเดียว ..
.
อย่างไรเสียวิชาชีพสถาปนิกไม่ใช่เทวดามาจากไหน..
มันคือ 1 ในวิชาชีพทางธุรกิจ....
มันไม่ใช่ทางศิลปะหรือทางใดทางหนึ่งทางเดียว..
เรายังต้องอยู่ในระบบ ... วัตถุนิยม ...
การที่สมาคมมองอย่างเดียวคือ..งานสถาปนิกมีรายรับเยอะ
แต่สมาคมก็เพียงนั่งรอรับ..
รายได้คงที่ที่เรียกรับ..ที่ตกลงกันไว้
ออร์กาไนส์จะขาดทุน..กำไร.. ฉันรับคงที่ ฉันไม่ฟัง...
ผลของการมองฝั่งเดียว.. ทางเดียว มันส่งผลแล้วในงานต้นปี
ลนลาน.. พีอาร์.. เวลา, สถานที่จัดงานเมื่อต้นปีสับสนอลหม่าน
แถลงข่าวจะไปจัดที่ไบเทค.. ไปๆมา ๆ กลับมาจัดที่เมืองมอง ????
อ่ะ.. หวังจะบลัพ..จะกดออร์กาไนส์เดิม...วิ่งจัดงานตัดหน้าก่อนตอนต้นปี
ผมเดาว่า..ท่านอาจคิดว่าอย่างไรเสีย..คำว่าสมาคมสถาปนิกยังการันตีได้
EXIBITOR.. ต้องไหลมาเทมาเป็นแน่แท้
ท่านครับ... การตลาดของ EXIBITOR.. เขาต้องวางกันข้ามปีนะครับ
เช่น บริษัทนี้บริษัทนั้นจะออกสินค้าใหม่มันต้องใช้เวลา..มันต้องวางแผน
หากเขาจะเปิดตัวสินค้าของเขา..หรือนำเสนอสินค้าตัวเดิมให้มากขึ้น
แม้กระทั่งโบรชัวร์..แผ่นพับ มันต้องก็ต้องใช้กบาลคิด.. ต้องลงทุน
และเรื่องใหญ่ที่สุด..สาหัสที่สุด..คือ..
ค่าเช่าบูธ + ค่าลงทุนทำบูธ
มันคือเงิน..ทั้งนั้น มันต้องวางแผนครับ..
ในเมื่องานเดิมที่เคยจัดมันจัดกลางปีแต่ท่านมาเกิดระเบิดในวงในเอง
แล้วเปลี่ยนเวลามาจัดต้นปีเพื่อต้องการเพียงตัดหน้าผู้จัดเดิม..เพื่อฆ่า ???
ผลมาออกมาแล้วอย่างที่เจอเมื่อต้นปี..คือ ..งานเงียบบบบบบบบบ
********************* ถึง.......... NCC. *********************
คุณทำงานไม่ความเป็นมืออาชีพพอ..
การประสานงานกับ แย่มากกกกกกกกกกกกกกกก..
ฝ่ายขายแย่งกันขายจนอลหม่าน.. จน EXIBITOR ไม่รู้จะเชื่อใคร
คุณอาจถนัดพื้นที่ที่คุณเคยอยู่แต่ที่นี่เมืองทองธานี.. พื้นที่มันต่างกัน
การจัดวางรูปแบบ ... แบบแปลนรวม.... สับสน
แต่ที่สาหัสมาก ๆ คือ.. การประสานงานในทุกทางคุณแย่มาก
คุณจัดงานเมืองทอง.. แต่ประชุม EXIBITOR. ที่ศูนย์สิริกิต ???
.. ....
*************** ถึง.... TTF ***************
คุณกร่าง... คุณมั่นใจตัวเองมากกกกกกกกกกกกกกกกกก..
อีโก้คุณสูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ...
ฉันแน่... ชื่อฉันขายได้แน่ ...
แล้วผลออกมาเป็นยังไงครับ... .. ดับสนิท
ฉะนั้นการเดินเดี่ยวพกแต่ความมั่นใจว่าเคยจัดมาแล้วคนต้องมา..ผิดถนัด
เอาแค่ชื่องาน.. Buildtech. ผลโหวตการใช้คำนี้มันผ่านมาได้ยังไง ???
ลองนั่งคนเดียว พูดคำนี้ออกมาซ้ำ ๆ สิครับ ...
มันออกเสียงยาก...มากกกกกกกกกกกกกกกกกก จดจำยาก..
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความหมายที่เหมือน..ฝรั่งแปลฝรั่งซ้ำในคำเดียวน่ะ..
( คห. 98 คิดเหมือนผม...เดี๊ยะ )
ผมยกตัวอย่าง.. ชื่อรุ่นมอเตอร์ไซค์ซูซูกิเจลาโต้ นั่นก็ตายห่.. ตั้งแต่ชื่อแล้ว
มันพูดแล้วไม่ติดปาก..ไม่ลื่นปาก..
แม้จะใช้นิชคุณมาเป็นพรีเซนเตอร์ก็เหอะ... ดับ ???
ผมไม่ใช่เซียน...ผมไม่ใช่อ๋องมาจากไหน...
แต่ผมถาม EXIBITOR ส่วนหนึ่งที่สนิทกัน..รู้จักกัน
8 ใน 10 ตอบว่าถ้าต้องเลือกออกงานเพียงหนึ่งเดียว..
เขาขอเลือกงานสถาปนิกนะครับ... ( กรุณาฟังหูไว้หู )
อ่อ.. แล้วเรื่องประเด็นคนเดินเยอะไม่เยอะที่คุณว่าไม่สำคัญเท่าไรน่ะ
ถ้าพื้นฐานความคิดคุณคิดแบบนี้.. คุณเป็นออร์กาไนส์ ไม่ได้หรอก
******************************************************
อันนี้ถึง..สมาคมสถาปนิกสยาม..NCC..TTF
เมื่อรูปแบบงานออกมาไม่ประสบความสำเร็จ... หนึ่ง
จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีเมื่อ 4-5 ปีก่อน.. หนึ่ง
บริษัทหลายบริษัทตัดการออกงานสถาปนิกไปจากสารบบไปแล้วครับ
เขาเอางบการลงทุนทั้งหมด..ค่าเช่าบูธ..ค่าลงทุนทำบูธ.. ค่าพนักงาน
เขาเอาไปเล่นการตลาดตรงกับร้านตัวแทนจำหน่าย..กับ คนซื้อแล้วครับ
ผมยกตัวอย่าง... บริษัทกลาง ๆ ที่ค่าลงทุนรวมในงานประมาณ 2 ล้านบาท
หากเขาไม่ออกงานสถาปนิก... หรืองานแนวนี้ปีนึง
แล้วเค้าแตกงบ 2 ล้านออกไปเป็น 2 ทาง.. ขอยกตัวอย่างแค่ 2 ทางก่อน
ทางที่หนึ่ง...
จัดดินเนอร์ทอล์คตรงกับกลุ่มสถาปนิกตาม ภาค/กลุ่ม/จังหวัดต่างๆ
เช่าห้องอหารตามโรงแรมขนาดกลาง ๆ จัดสัมมนาเสนอสินค้าของบริษัท
รวมค่าเช่าห้องหาร + ค่าอาหาร + ต่อครั้ง .กับสถาปนิก 1 กลุ่ม 30-40 คน
ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ ประมาณ 20,000 บาท +- ( สองหมื่นบาท )
หากเป็นต่างจังหวัดจะอยู่ประมาณนี้ไม่เกิน
ตรงนี้เขาจะชนตรงสถาปนิก..แจกแคตตาล็อคตรง ๆ... ได้ชัวร์ ๆ
ส่วนจะสเปคในงานไหม.. นั่นอีกเรื่องนึง
ถ้าแบ่งภาคต่าง ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ผมให้แยกเป็น 3 กลุ่มเลยอ่ะ
20,000 x 3 .... เท่ากับ 60,000 หมื่นบาทครับ ???..
แต่ได้เป้าหมายได้เจอสถาปนิกอย่างน้อย 80-90 คนในภูมิภาคนั้นๆ
ในความเป็นจริงหลายบริษัททำอย่างนี้มาตั้งแต่ 40 ที่เศรษฐกิจล่ม..
โดยเขาจะติดต่อ กรรมาธิการสถาปนิกอีสาน...ล้านนา..ทักษิณ
ซึ่งเป็นกิ่งก้านของสมาคมสถาปนิกในส่วนกลางโดยตรง
เพื่อขอประสานงานของจัดดินเนอร์ทอล์คร่วมกับ กมธ. ภาคนั้น ๆ
กมธ. ก็จะให้รายชื่อสถาปนิกไป... บริษัทออกหนังสือเชิญ...สัมนาตรง
... จบ ในงบแค่ 20,000 +- ใน 1งาน / สถาปนิก 30 คน/งาน
นั่นคือ ทางหนึ่งที่บริษัท ที่ EXIBITOR จะติดต่อตรงกับทางวิชาชีพ
ส่วนในทางที่ EXIBITOR จะสื่อจะเล่น..จะให้กับลูกค้า..กับประชาชน
บริษัทสามารถเอางบประมาณที่จะไปออกงานสถาปนิกไปให้ฝ่ายขายเล่น
เช่น ซื้อผลิตภัณฑ์ 50 แผ่น แถม 2 แผ่น..หรือมีส่วนลดต่าง ๆ
นั่นคือการให้ตรงกับผู้บริโภคนั่นเอง
แนวคิดที่ว่าการออกงานใหญ่ๆ เช่นงานสถาปนิก.. งานแฟร์..
มันคือการสร้างภาพลักษณ์ว่าสินค้า..ว่าบริษัทยังมีตัวตนอยู่นั้น..
ใช่ครับ.. หากเป็นเมื่อก่อนที่เศรษฐกิจดี... งานออกมาดีคนมาเยอะ..
แต่วันนี้..สองอย่างที่เอ่ยมาถดถอยลงมาก
การที่จะเอางบไปสร้างภาพที่ไม่รู้จะวัดกันได้หรือไม่ได้..ทางไหน
เขาเอางบไปเล่นตรงที่ผมยกตัวอย่างมากันแล้วครับ...
.
อ่อ.. ไหนจะงานบ้านและสวนอีก..
นั่นคืองานกลุ่มเป้าหมายเดียวกันนะครับ ... คล้ายกัน...
บริษัท.. EXIBITOR.. จะมีงบมาใช้จ่ายไม่อั้นอะไรขนาดนั้น
****************************************************
จากคุณ |
:
คีรีบูนปีกบาง
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ค. 54 09:23:25
|
|
|
|
 |