ความคิดเห็นที่ 1 อันดับแรก ก่อนอื่นเรามารู้จักประเภท ของดอกเบี้ยก่อนดีกว่านะครับ เอาแบบง่ายคือ แบ่งตามวิธีการคำนวณ คือ 1.  อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (flat rate)     แบบนี้หมายถึง  การคำนวณดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายจะคิดกับเงินต้นที่เราขอกู้วันแรก เช่น กู้ 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 12% ต่อปี         เท่ากับเราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารต่อ 1 ปี เท่ากับ 12,000 บาท (12% ของ 1,000,000 บาท)     <แก้ไขตามความเห็น 28 แก้จาก 12,000 เป็น 120,000 ครับ ตามอธิบายใน 29 และขอขอบคุณคุณ dew_sadayu ด้วยครับ>     การคำนวณแบบนี้ต่างจากแบบที่ 2 ที่  ไม่ว่าเราจะผ่อนจ่ายไปนานเท่าไร ไม่ว่าจะกี่งวด ดอกเบี้ยก็จะคำนวณกับเงินต้นที่เราขอกู้วันแรก     แต่แบบที่ 2 จะเป็นการคำนวณตามเงินต้นที่ลดลงเรื่อยๆ เมื่อเรายิ่งผ่อนไปเรื่อยๆ (ซึ่งจะอธิบายต่อไป) ข้อสังเกต 1    วิธีคิดดอกเบี้ยแบบนี้ชอบใช้ใน สินเชื่อรถยนต์ จักรยานยนต์ และสินเชื่อบุคคล 2.  อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (effective rate)     อัตราดอกเบี้ยแบบนี้ การคำนวณดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายจะคิดกับเงินต้นที่ลดลงเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน     เวลาชำระเงินกู้แต่ละงวด  ค่างวดจะถูกนำไปจ่ายดอกเบี้ยก่อน  เมื่อเหลือจะนำไปตัดเงินต้น     เมื่อเงินต้นลดลง ก็จะนำไปคำนวณดอกเบี้ยจ่ายในงวดต่อไป     ซึ่งแตกต่างจากแบบแรกที่คิดจากเงินต้นกู้วันแรกตลอดเวลา ข้อสังเกต 2    วิธีคิดดอกเบี้ยแบบนี้ จะเห็นว่าถ้าหากเราจ่ายมากกว่าค่างวดแต่ละงวด  เงินที่จ่ายจะยิ่งไปตัดเงินต้นมากขึ้น    ทำให้เหลือเงินต้นไปคำนวณดอกเบี้ยงวดต่อไปน้อยลง เคล็ดลับ 1    เวลาเราจะตัดสินใจเลือกกู้กับใคร บางครั้งเราต้องรู้ว่า ดอกเบี้ยที่จะเปรียบเทียบกันนั้น มีวิธีคำนวณเหมือนกันหรือไม่ จึงจะเปรียบเทียบกันได้    วิธีการคำนวณที่ง่ายที่สุดคือ  เอาดอกเบี้ยแบบคงที่แบบที่ 1 คูณด้วย 1.8 (หรือ 1.792) แล้วถึงจะนำไปเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกแบบที่ 2 ได้    เช่น ดอกเบี้ยแบบคงที่ 10% จะเทียบเท่ากับแบบลดต้นลดดอกที่ประมาณ 17.92% หรือ 18% ข้อสังเกต 3    ปัจจุบัน มักมีพนักงานนำเสนอขายสินเชื่อ อ้างเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ต่ำสุดๆ แล้วแต่จะชวนเชื่อ แต่พอคิดจริงๆ กลับสูงกว่าที่เสนอ    เพราะเวลาเสนอมักจะไม่บอกว่าเสนอแบบคงที่    เช่น  เสนอสินเชื่อบุคคล 14% (โดยไม่บอกว่าแบบคงที่) แล้วอ้างว่าถูกกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ 20% (ซึ่งเป็นแบบลดต้นลดดอก)    ทั้งที่หากเปรียบเทียบจริงดอกเบี้ยคงที่ 14% จะเทียบเท่า 25.2% แบบลดต้นลดดอก --------------------------------------------------------------------------------------- ปล. จองที่ความเห็นไว้แล้วค่อยเขียน อาจช้านิดนึง และก็มันใส่รูปมิได้ครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 00:27:10 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 22:47:32 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:24:28

ความคิดเห็นที่ 2 การแบ่งประเภท ดอกเบี้ย อีกแบบวิธีแบ่งหนึ่งคือ ค่าที่กำหนดดอกเบี้ยเป็นแบบค่าคงที่หรือเป็นแบบอ้างอิงลอยตัว 1. อัตราดอกเบี้ยแบบค่าคงที่ (fixed rate)    การกำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบนี้จะระบุชี้ชัดฟันธงไปเลยว่าเป็นกี่ % เช่น 0% , 20% ต่อปี 2. อัตราดอกเบี้ยแบบอ้างอิงลอยตัว (float rate , index rate)   ชื่อที่ผมเรียกอาจไม่เป๊ะนะครับ เพราะเขียนจากที่จำๆเอา ไม่ได้อ้างอิงวิชาการ   ความหมายของแบบ ลอยตัวคือ  มันไม่คงที่ตายตัวเหมือนแบบแรก   มันสามารถจะเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง จากปัจจุบันเท่าไรก็ได้   ดังนั้นเวลาระบุ จึงต้องอ้างอิงกับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารว่า  จะให้ลอยตัวเทียบเคียงกับอันไหน   ซึ่งในปัจจุบัน จะมีอัตราดอกเบี้ยแบบอ้างอิงที่ธนาคารนิยมใช้อยู่ 3 ชื่อ MLR: MOR : MRR   แต่ละแบบจะใช้อ้างอิงกับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป   สาเหตุที่ธนาคารมักนิยมกำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เป็นเพราะว่า ต้นทุนเงินทุนที่ธนาคารเอามาปล่อยกู้นั้น คือ ดอกเบี้ยเงินฝาก   ซึ่งดอกเบี้ยเงินฝากก็มากน้อยได้ ขึ้นกับสภาพคล่องของธนาคารและการแข่งขันในการระดมเงินฝากของธนาคาร   ถ้าหากธนาคารไม่กำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อแบบลอยตัว ธนาคารจะมีความเสี่ยงจากกรณีที่ดอกเบี้ยเงินฝากที่เป็นต้นทุนสูงขึ้น แต่ไม่สามารถไปคิดกับลูกหนี้เงินกู้ได้เพราะดันไปคิดแบบคงที่ไว้ ข้อสังเกต 1    หากช่วงที่ตลาดเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น  การเลือกกู้ซื้อบ้านที่มีดอกเบี้ยปีแรกๆเป็น แบบคงที่ fixed rate เยอะๆ จะดี    แต่จะดีหรือไม่ดีต้องดูที่ค่าที่คิดด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่า fixed rate ที่ 10% ในขณะที่ MRR-2% เท่ากับ 6% (แต่คงไม่มีแบบนี้ในความเป็นจริงละนะ)    หากช่วงที่ตลาดเป็นดอกเบี้ยขาลง การเลือกกู้ซื้อบ้านที่มีดอกเบี้ยปีแรกๆ เป็น floate เยอะๆ จะดี ข้อสังเกต 2    อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของแต่ละธนาคาร แม้จะชื่อเหมือนกัน แต่ค่าไม่จำเป็นต้องเท่ากัน เช่น MLR ของ TMB วันนี้เท่ากับ 7.125% ในขณะที่ MLR ของ ธอส. เท่ากับ 6.75%    ดังนั้นจะเปรียบเทียบตัวที่ลบห้อยท้ายอย่างเดียวไม่พอนะครับ    ส่วนสาเหตุที่แต่ละธนาคารต่างกัน ก็มีหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่งที่สำคัญคือ ต้นทุนเงินที่มาปล่อยกู้ของแต่ละธนาคารไม่เท่ากันครับ ข้อสังเกต 3    การแบ่งดอกเบี้ยตามแบบ fixed กับ float rate ก็ยังคงต้องไปดูเหมือนเดิมนะครับว่ามันเป็น flat หรือ effective rate ตามในความเห็น 1 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 23:07:47 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:24:43

ความคิดเห็นที่ 3 การแบ่งดอกเบี้ย แบบประเภทต่อมาคือ แบ่งตามระดับชั้น หรือระดับขั้น หลักก็คือ แต่ละระดับชั้น หรือ ระดับขั้น นั้น คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ส่วนระดับชั้นหรือระดับขั้นที่ว่าคืออะไรก็มีหลายอย่าง โดยเราจะไปดูอย่างที่สำคัญๆ กัน 1.  แบ่งตามระยะเวลา    แบบนี้เป็นแบบที่นิยมที่สุดในสินเชื่อบ้าน โดยจะแบ่งเป็น ปีที่ 1 ได้อัตราดอกเบี้ยค่าหนึ่ง ปีที่ 2 ได้อัตราดอกเบี้ยอีกค่าหนึ่ง ปีต่อไป ได้อัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่    ก็จะแบ่งแตกต่างกันไปได้ตามการออกแบบของธนาคาร 2.  แบ่งตามเงินกู้คงเหลือ    แบบนี้ไม่ค่อยได้เห็น หลักๆ ก็จะแบ่งตามเงินกู้คงเหลือ เช่น  ถ้าเงินกู้เริ่มต้น 1,000,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยค่าหนึ่ง    พอผ่อน ไปเรื่อยๆ เงินกู้ที่กู้มาลดลงเรื่อยๆ จนเงินต้นเหลือ 100,000 บาท ก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยอีกค่าหนึ่ง เป็นต้น 3.  แบ่งตามเงินผ่อนจ่าย    แบบนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน ประเภทจ่ายงวดนี้ 30,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยค่าหนึ่ง ถ้าจ่าย 3,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยอีกค่าหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 23:18:40 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:24:55

ความคิดเห็นที่ 4 จากความเห็นใน 1 ถึง 3 จะเห็นแล้วนะครับว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ย มันหยุบ หยับ ไปหมด ไหนจะคงที่ จะลอยตัว จะแบ่งเป็นเป็น ปีแรก ปีหลัง ด้วย เวลาเปรียบเทียบจึงทำได้ยาก ไม่สามารถใช้ตามองแล้วก็ตัดสินใจได้ว่า อันไหนถูกกว่ากัน บางครั้งอาจตัดสินใจจากความรู้สึก หรือจากประสบการณ์ แต่กระทู้นี้อย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะแบ่งปันความรู้ให้ท่านที่ยังไม่มีประสบการณ์ ก็เลยจะแบ่งปันวิธีเปรียบเทียบ อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร โดยวิธีการเปรียบเทียบ คือการใช้ loan amortization table หรือก็คือตารางคำนวณการผ่อนชำระสินเชื่อ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า  จากเงินต้นที่กู้  กู้ด้วยระยะเวลาต่างๆ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างรูปแบบ จะมีการผ่อนอย่างไร การจ่ายค่างวด จะจ่ายเป็นดอกเบี้ยเท่าไร เป็นเงินต้นเท่าไร และที่สำคัญที่สุดคือ  เมื่อเปรียบเทียบของแต่ละที่แล้ว ใครถูกที่สุด V V V V จะอธิบายตามขั้นนะครับ  เพราะถ้าไปอธิบายตัวตารางเลย เวลาใช้จะงง ได้ และเปรียบเทียบได้ไม่ครบ ขั้นที่ 1    เก็บข้อมูลสำคัญที่จะต้องมีเพื่อเปรียบเทียบ    a. อัตราดอกเบี้ยในแต่ละปีเท่ากับเท่าไร ถ้าอ้างอิงดอกเบี้ยลอยตัว MLR MRR MOR หรือชื่ออื่นๆ เท่ากับเท่าไหร่ เพื่อนำไปคิดในตาราง    b. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น เดี๋ยวนี้ธนาคาร มักกำหนดให้ทำ MRTA ซึ่งเราจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน เช่น 100,000 บาท แล้วเราจะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ        ตรงจุดนี้เราต้องทราบเพื่อนำไปคำนวณในตาราง    c.  หลักเกณฑ์ในการผ่อนชำระ  เพราะบางธนาคารมีเงื่อนไข เช่น ห้ามปิดก่อน 3 ปีถ้าปิดก่อนเจอปรับ ห้ามจ่ายค่างวดเกิน 2 เท่า หรือจ่ายเกิดได้แต่คิดค่าปรับ (ซึ่งปัจจุบันอันนี้ไม่เห็นแล้ว)         ความแตกต่างตรงนี้จะส่งผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการผ่อนของเราทำให้เราไม่สามารถผ่อนได้มากกว่าค่างวดอย่างที่ตั้งใจ หรือไม่สามารถโปะได้ก่อน (น้อยกว่าอันนี้ไม่ค่อยเห็นอยู่แล้ว เพราะสัญญาบังคับ)    d. อันนี้เป็นข้อมูลของเราเอง เพื่อหารูปแบบดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด        เพราะ package ที่เหมาะกับคนคนหนึ่ง อาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ เพราะรายได้ที่จะนำมาจ่ายของเรากับคนอื่นไม่เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 23:33:13 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:25:09

ความคิดเห็นที่ 5 แปะรูปไม่ได้ ผมขอข้ามไป คห. 11 เลยครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 23:38:09 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:25:27

ความคิดเห็นที่ 6 6. จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:25:38

ความคิดเห็นที่ 7 7. จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:25:51

ความคิดเห็นที่ 8 8. จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:26:05

ความคิดเห็นที่ 9 9. จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:26:20

ความคิดเห็นที่ 10 10. จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:26:36

ความคิดเห็นที่ 11 . จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 23:51:27

ความคิดเห็นที่ 12 จากรูปความเห็น 11 ให้นำข้อมูลของแต่ละธนาคารมาใส่ บางธนาคารมีหลายทางเลือกก็ให้ใส่ไปเพื่อเปรียบเทียบนะครับ ใครดูรูปไม่เข้าใจ วางคำถามได้ครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 23:53:00

ความคิดเห็นที่ 13 . จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 23:58:08

ความคิดเห็นที่ 14 หน้าตา output ที่ได้ จะแสดงให้เห็น effective rate ของทุกธนาคาร ทุก package เปรียบเทียบกัน และจัดอันดับจากถูกที่สุด ไปมากที่สุด จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:03:38

ความคิดเห็นที่ 15 รายละเอียดตารางคำนวณ ส่วนแรกเป็นการโหลดอมูลที่กรอก เช่น เงินต้น จำนวนงวด อัตราดอกเบี้ย มาเข้าตารางเพื่อเริ่มคำนวณ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:14:27

ความคิดเห็นที่ 16 ปรับแต่ง คาดการณ์การจ่ายให้สมจริง เพื่อให้เห็นสภาพการจ่ายจริงของเรา ตรงนี้จะมีผลมาก เพราะหากไม่คิด  ดอกเบี้ยช่วงท้ายที่สูงกว่ากันที่ดูเหมือนจะมีผลมาก แต่จริงๆ มีมากไม่เท่าที่คิด จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:16:06

ความคิดเห็นที่ 17 เข้าคำนวณตามหลัก loan amortize ได้ cash flow และหา อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:20:51

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเขียนกระทู้สด เลยไม่ได้เตรียมอะไรเลย เขียนผิดอะไรก็ช่วยกันมาแนะนำ มาแก้ได้นะครับ ส่วนไฟล์ ผมเอาแบบดิบๆ ที่ผมคำนวณตัดสินใจเองขึ้นเลย ไม่ได้ปรับกราฟฟิกให้ดุง่าย ก็ขออภัย ณ จุดนี้นะครับ ใครดูตรงไหนไม่ออก วางคำถามไว้ เดี๋ยวคนที่ดูออกจะมาตอบให้ อีกอย่าง ผม sensor ชื่อแบงก์ไปแล้วนะครับ  และค่าใน excel ทุกค่าเป็นค่าสมมติทั้งสิ้น ท่านต้องกรอกข้อมูลเองนะครับ สุดท้าย excel นี้เขียน macro กำกับ ในการโยกย้ายข้อมูลเข้าออกตาราง ใครเปิดใช้อย่าลืมเลือก enable macro นะครับ ท้ายสุด ขอให้ทุกท่านได้พบรักแท้กับบ้านของท่าน และได้อยู่บ้านของท่านอย่างมีความสุข อย่าได้มีเหลือบไร มาแผ้วพาล ปราศจากสิ่งใดให้ใจต้องหม่นหมองในการอาศัยอยู่ในบ้านหลังอบอุ่นของท่าน เพราะคนทำงานอย่างพวกเราก็หวังแค่มีความสุขกับชีวิตเท่านี้ละครับ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:33:22

ความคิดเห็นที่ 19 ไฟล์ฝากไว้ที่นี่ครับ http://www.upload-thai.com/download.php?id=ecd7544cfe785e9d6e49c535b60d9b93 ไฟล์นี้ผมทำเหมือนเป็นกระดาษทด อาจมีผิดพลาดในข้อไหน ทั้งสะเพราะ หรือ หลักการผิด หากใครทราบ่ที่ถูกช่วยลงให้ทราบ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับส่วนรวมด้วยนะครับ โชคดีทุกคนนะครับ ขอตัวไปนอนก่อน ^^' จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:38:37

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 11:06:36

ความคิดเห็นที่ 21 ยังไม่ได้ทดลองใช้นะคะ แต่ขอบคุณในความมีน้ำใจของ จขกท. มาก ๆ ค่ะ โหวตให้ด้วยคะ จากคุณ : โมงยามแห่งความสุข เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 11:37:31

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตให้กับรักแท้อีก 1 เสียงครับ จากคุณ : Colombet51 เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 13:30:35

ความคิดเห็นที่ 23 รบกวนถามหน่อยครับ หน้าที่เรากรอกข้อมูล คห.11อะครับ พอกดคำนวณแล้วในหน้า คห.15 จะเอาดอกเบี้ยอันดับไหนมาเป็นตัวคำนวณอะครับ พอดีลองทำแล้วยังงงๆ แต่ได้ดอกเบี้ยบ้านคร่าวๆแล้วเหงื่อตกครับ ปล.แต่สู้ครับ เพื่อรักแรก จากคุณ : Colombet51 เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 15:04:54

ความคิดเห็นที่ 24 คืออย่างนี้ครับ ข้อมูลในความเห็น 11 จะเป็นหน้าที่เรากรอกข้อมูล ทุกแพกเกจ ทุกธนาคาร สมมติว่ามีทั้งหมด 30 รูปแบบ เวลากดคำนวณ ข้อมูลจะดึงจากหน้า 11 ไปเข้าตารางหน้า 15 ทีละรูปแบบ พอรูปแบบที่ 1 นำไปคำนวณได้ผลลัพธ์  ผลลัพธ์จากหน้า 15 จะนำกลับมาใส่คืนหน้า 11 ที่รูปแบบนั้น แล้วก็จะทำแบบเดียวกันกับรูปแบบต่อๆไปจนถึงรูปแบบสุดท้ายที่ 30 ดังนั้นค่าที่ตกค้างเหลือในตารางหน้า 15 คือรูปแบบที่ 30 นั่นเอง ปล. ถ้าอยากเห็นของรูปแบบก่อนหน้าสุดท้าย ต้องแก้ macro นิดหน่อย จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:25:29

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ จากคุณ : CP_Card เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 21:29:10

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับน้ำใจ ที่หอมหวาน มิรู้คลาย   และขอพรนั้น จงกลับสู่คุณด้วยเช่นกัน จากคุณ : makmeesm เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 02:01:57

ความคิดเห็นที่ 27 เยี่ยมมากเลยครับ ผมกำลังจะทำอยู่เหมือนกัน แต่ทำได้ไม่ดีเท่าที่คุณนำมาแชร์ ขอบคุณมากเลยครับ ^.^ จากคุณ : Zalengzeng เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 21:00:59

ความคิดเห็นที่ 28 1.  อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (flat rate)    แบบนี้หมายถึง  การคำนวณดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายจะคิดกับเงินต้นที่เราขอกู้วันแรก เช่น กู้ 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 12% ต่อปี        เท่ากับเราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารต่อ 1 ปี เท่ากับ 12,000 บาท (12% ของ 1,000,000 บาท) อันนี้คิดผิดรึเปล่าครับ จากคุณ : dew_sadayu เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 21:43:50

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบคุณ dew_sadayu #28 ผิดจริงๆครับ 12% ต่อปี ของ 1 ล้านบาท เท่ากับ 120,000 ต่อปี หรือ 10,000 บาทต่อเดือน ตอนเขียน เขียนไปด้วย นึกไปด้วย อาจพลาดได้ แต่ตกหล่นแบบนี้ น่าให้ครูสมัยประถมตีก้นลายจริงๆ ต้องขออภัยด้วยครับ ถ้าใครเจอผิดก็ลงอีกได้เรื่อยๆนะครับ  ถ้าใครเห็นก็รบกวนบอกแก้หน่อยนะครับ ความเห็นคุณดิว ผมขออนุญาตไปแก้ในคห.นั้นด้วยครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 00:25:27

ความคิดเห็นที่ 30 มีโปรแกรมจัดการ การกู้เงิน เลือกธนาคารที่จะกู้ มาเเนะนําครับ ตามข้อมูลด้านล่าง หรือไปที่ http://free.hostingjava.it/-tawatchai/index.jsp มีโปรแกรมทดลองใช้ให้ดาวโหลด Home Loan Management Planner โปรแกรมที่ใช้ในการวิเคราะห์ วางแผน เปรียบเทียบ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากหลายๆธนาคาร เลือกธนาคารที่เหมาะกับตัวคุณ โปรแกรมจะบอกถึงอัตราดอกเบี้ยรวมที่เเท้จริงของเเต่ละธนาคาร ตามอัตราเงินต้นที่กู้ อัตราเงินผ่อนเเต่ละเดือน รูปแบบอัตราดอกเบี้ยของเเต่ละธนาคาร จํานวนปีที่กู้ ผู้ใช้สามารถกําหนดวันที่เริ่มทําสัญญากับธนาคาร(วันโอน) กําหนดวันเดือนปีเริ่มต้นที่ธนาคารเริ่มทําการคิดดอกเบี้ยหักยอดผ่อนชําระ กําหนดวันของทุกๆเดือนที่ธนาคารทําการคิดดอกเบี้ยหักยอดผ่อนชําระ กําหนดค่า MLR ของเเต่ละธนาคารทั้งในปัจจุบัยเเละอนาคตเนื่องจากค่า MLR มีค่าไม่คงทีในช่วงระยะเวลากู้ กําหนดอัตราดอกเบี้ยตามจริงของเเต่ละธนาคาร โปรแกรมรองรับการคิดดอกเบี้ยตามจริงในกรณีที่ผู้กู้ชําระเงินผ่อนไม่ตรงเวลา หรือผู้กู้ต้องการโป็ะเงิน ด้วยข้อมูลดังกล่างข้างต้นที่ผู้ใช่งานสามารถที่จะปรับเปลี่ยนข้อมูลตามจริงทั้งในปัจจุบันเเละในอนาคตเมื่อเริ่มทําสัญญากับธนาคาร ทําให้ผู้กู้สามารถวางแผนการกู้เงิน รู้ถึงดอกเบี้ยรวมตลอดอายุสัญญาตามจริงของเเต่ละธนาคาร โปรแกรมรายงานข้อมูลการผ่อนชําระทุกๆเดือนตามจริงเนืองจากโปรแกรมคิดจากพื้นฐานของข้อมูล/วันที่จริงตามวันปฎิทิน ทําให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลไว้เปรียบเที่ยบกับการคิดเงินของธนาคารเมื่อการกู้เงินเกิดขึ้นจริงระหว่างผู้กู้เเละธนาคาร. Main features: 1. ผู้ใช้สามารถกําหนดวันทําสัญญากับธนาคาร(วันโอน) กําหนดวันเดือนปีเริ่มต้นที่ธนาคารเริ่มทําการคิดดอกเบี้ยหักยอดผ่อนชําระ รวมทั้งกําหนดวันของทุกๆเดือนที่ธนาคารทําการคิดดอกเบี้ยหักยอดผ่อนชําระ 2. ผู้ใช้สามารถกําหนดค่า MLR ตามจริงของทุกช่วงเวลาในระหว่างการกู้ เนื่องจากค่า MLR ไม่คงที่ตลอดอายุสัญญากู้ เช่น 1 มกราคม 2011 - 1 เมษายน 2011 MLR = 6.25 , 2 เมษายน 2011 - 1 สิงหาคม 2011 MLR = 6.95 3. ผู้ใช้สามารถกําหนดอัตราดอกเบี้ยของเเต่ละธนาคารเพื่อเปรียบเทียบ, ตัวอย่าง MONTH 1 - 12, RATE = 1.5, MONTH 13- 24 RATE = MLR-1.75, MONTH 25 UP = MLR-1 4. โปรแกรมรองรับการโป็ะเงิน/รองรับการผ่อนชําระไม่ตรงเวลา เเละคิดดอกเบี้ยตามปีปฎิทินจริง. ตัวอย่างเช่น ปกติวันที่ 1 ของทุกเดือนผ่อนชําระที่ 23000 บาท เเต่โปรแกรมสามารถกําหนดได้ว่า วันที่ 6 เมษายน 2011 ต้องการจ่าย 60000 บาท 5. ผู้ใช้จะทราบถึงดอกเบี้ยรวมตลอดอายุสัญญาตามจริงของเเต่ละธนาคารตามข้อมูลใส่เข้าไปในการคํานวน เนื่องจากโปรแกรมคิดคํานวนจากข้อมูลจริง ตามปีปฎิทินจริง อัตราดอกเบี้ยจริง อัตราการผ่อนชําระจริง ทําให้ผู้ใช้สามารถเลือก ธนาคารที่เหมาะกับตัวคุณ 6. เพียงเเค่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารไม่สามารถตัดสินได้ว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยตํ่าสุดสําหรับคุณ ทั้งนี้อ้ตราการผ่อนชําระต่อเดือนมีผลในการเปรียบเทียบด้วย เช่น ธนาคาร A ให้ดอกเบี้ยถูกกว่า ธนาคาร B ในกรณีที่ชําระผ่อนต่อ เดือน 23,000 เเต่หากผ่อนต่อเดือน 60000 ธนาคาร B จะให้ดอกเบี้ยรวมตํ่ากว่า A ซึ่งโปรแกรมนี้สามารถวิเคราะห์บอกความเเตกต่างนี้ได้ 7. โปรแกรมจะคํานวณระยะเวลาในการผ่อนชําระจริงของเเต่ละธนาคารตามข้อมูลใส่เข้าไปในการคํานวน 8. ผู้ใช้สามารถเพิ่มธนาคารในการคํานวนเปรียบเทียบมากกว่า 1 ธนาคาร โปรแกรมเเสดงผลเป็นกราฟเปรียบเที่ยบระหว่างอัตราดอกเบี้ย เเละวันเดือนปีการผ่อนชําระตามเวลาจริงในปีปฏิทินของทุกธนาคาร 9. โปรเเกรมจะเเสดงผลข้อมูลในการผ่อนชําระทุกเดือนในตาราง ผู้ใช้สามารถ print โดย printer หรือ save ไฟล์ในรูปแบบของ PDF เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง สนใจ ไปโหลดโปรแกรมทดลองใช้ได้ที่ http://free.hostingjava.it/-tawatchai/index.jsp จากคุณ : loognu2 เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 16:21:33