ความคิดเห็นที่ 1 ***** ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่่เคยเติมซักที แอร์ตัวแรกของที่บ้านเป็นแอร์ประกอบ btu ละบาท 20 กว่าปี "แรงดัน" น้ำยาแอร์ไม่เคยลดลงเลยซักปอนด์เดียว เครื่องรุ่นใหม่ทำไมห่วยจังหว่า ช่างมาล้างแอร์ทีไร เห็นต้องเสียเงินเติมน้ำยาแอร์แทบทุกที บางบ้านปีนึงล้าง 3 รอบ ก็เติมทุกรอบนะแหละ 666 ***** ส่วนล้างทำความสะอาดคลอยเย็นในห้องต่างๆ ผมก็ทำเอง อุปกรณ์มีแค่นแปรงทาสีบ้าน กับกระป๋องฉีดน้ำปั๊มแรงดันได้แบบที่ใช้ฉีดกล้วยไม้ ส่วนด้านนอกก็ลากสายยางขึ้นไปฉีดแผงคลอยเย็นเท่านั้นแหละ ล้างเองเป็นสิบปี น้ำยาแอร์ไม่เคยรั่วเลยซักนิดเดียว 666 ช่างบอกว่าแอร์รั่ว(ซึ่งก็รั่วจริงๆ)  "ช่างบอกว่าไม่มีน้ำยาแอร์เลย"   ***** แปลว่าอะไรหว่า ก่อนซ่อม แอร์ก็ใช้งานไม่ได้เลยใช่ไหมครับ ??? จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:25:02

ความคิดเห็นที่ 2 ราคานี้น่าจะรวมค่าซ่อมรั่วเข้าไปด้วยนะครับ ควรเก็บค่าประกันผลงานไว้ 600 บาทเป็นเวลาซัก 2 อาทิตย์ ยังใช้ได้ปกติค่อยให้ช่างไป (ถ้าเป็นช่างที่พูดง่ายและเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย) เอาสำเนาประชาชนของช่างนั้นแหละ มาเซ็นหมายเหตุไว้ทั้ง 2 ฝ่ายครับ จากคุณ : pongphob เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:34:23

ความคิดเห็นที่ 3 เราคิดว่า แอบแพง ร้านทั่วไปล้างครั้งล่ะ 500 เติมน้ำยาแอร์ต่างห่าง เราว่าไม่น่าถึง 1600 นะ ส่วนใหญ่ก่อนล่้าง ก่อนเติมเราจะโทรถามช่างก่อน ว่าค่าบริการเท่าไหร่++อะไรบ้าง แบบนี้ค่ะ จากคุณ : Aunpao เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:34:35

ความคิดเห็นที่ 4 คห.1 ใช่ค่ะ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแอร์ไม่ค่อยเย็น แล้วแม่ก็ไปต่างจังหวัดประมาณ 5 - 6 วันเลยไม่ได้เปิด พอเปิดอีกทีแอร์ก็ไม่เย็นแล้วค่ะ อันนี้ช่างไม่ได้ล้างนะคะ มาเติมน้ำยาแอร์อย่างเดียวเลยค่ะ แล้วก็บอกว่ามันรั่ว ไม่เหลือน้ำยาเลยซักนิด (พูดประมาณว่าต้องเติมน้ำยาแอร์เยอะมากก) เราเองไม่มีความรู้พวกนี้เลย พอถามคนแถวบ้าน เค้าก็เติมกัน 300 เอง -*- 1600 นี่แพงเฉยๆ หรือว่าโดนฟันเละเลยคะเนี่ย ถ้าแพงเฉยๆเราพอรับได้แต่ถ้าเรียกว่าโดนชาร์จเยอะขนาดนั้นเราก็จะไปต่อรองกับช่างอะค่ะ เพราะราคานี้จะเอาไปซ่อมรูรั่วก็ได้ใช่มั้ยคะ? จากคุณ : iamkeita เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:47:35

ความคิดเห็นที่ 5 ใช้ แอร์ยี่ห้อไหน โทรเข้าศูนย์บริการ เรียกเค้ามาเติมดีกว่านะ อย่างน้อย ก็มีรับประกัน ไปละ จากคุณ : REALPAN เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 11:06:03

ความคิดเห็นที่ 6 รั่ว ???   ไม่เหลือน้ำยาเลยซักนิด !!! ไม่ซ่อม ไม่เชื่อมปิดรอยรั่ว เติมน้ำยาเข้าไปเฉยๆ แล้วมันจะรั่วอีกไหม คิดไม่ยาก ตอบไม่ยาก ลองพิจารณาดู การซ่อมที่ถูกต้องคือ หาจุดรั่ว ซ่อมจุดรั่ว ทำในท่อให้เป็นสูญญากาศ(แว๊คควั่ม) เติมน้ำยา ระวัง ช่างวางยาต่อ เพราะการเติมน้ำยาไปแบบนี้ ไม่กี่วันก็ไม่เย็นอีก พอเรียกช่างมาอีกที ช่างจะบอกว่าคอมเพรสเซ่อร์เสีย ต้องเปลี่ยนคอมฯ ๗๕๐๐บาท ทำที่อื่น ๙๐๐๐บาท(ตัวเลขสมมุติ - แต่เรื่องอาจจะเป็นได้) คิดเพ้อเจ้อต่อ แม่เรียกช่างที่ไหนมา ถ้าเรียกช่างเสาไฟฟ้า , ช่างตู้จดหมายมา นั่นต้องคิดว่า "โดนเรียบร้อยแล้ว" มีทางเลือกสอง-สามทางคือ ๑. ให้ตังเค้าไป เพราะที่บ้านไม่มีผู้ชายล่ำๆอยู่ (ขอตัว เราไม่ล่ำแต่อ้วน) ๒ ต่อรอง เติมน้ำยาอย่างเดียว ให้ค่าน้ำยา ๕๐๐ ค่ารถ ๕๐๐ ๓ ขอดูผลงานก่อนสิบวัน หากแอร์ยังเย็นดี จะจ่ายเงินให้ตอนวันที่ ๑๑ หากไม่เย็น ก็ติดต่อช่างศูนย์ ไม่จ่ายเงิน (ห้ามให้ช่างชุดนี้มาดูอีกเด็ดขาด) หมายเหตุ ช่างเสาไฟฟ้า , ช่างตู้จดหมาย คือช่างจำพวกที่ไม่มีหน้าร้าน มีแต่สติ้กเกอร์ไปปิดตามเสาไฟฟ้า,ตู้จดหมายเป็นต้นใบดอกผลเมล็ด แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 12:28:13 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 12:25:53

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไปแล้วเหรอคะ? ยังไงอ่ะ งง  บอกว่ารั่ว แต่แค่เติมน้ำยา แล้วก็เสร็จแล้วเหรอ? ของเราแอร์เก่าสิบกว่าปีแล้ว เพิ่งจะได้เติมไป เติมไป 100 เป็นช่างล้างแอร์ประจำทุกปีนะคะ (ปีนี้ล้างก่อนครบ 1 ปีเต็มค่ะ เพราะมันไม่เย็น แผงเป็นน้ำแข็ง เลยเรียกช่างมาดู เค้าก็แค่ล้างแอร์+เติมน้ำยา) ลองถามๆ คนแถวบ้าน หาช่างดีๆ ไว้ใจได้ดีกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 14:07:29 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 14:06:48 จากคุณ : mimi555 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 14:05:03

ความคิดเห็นที่ 8 ของเราจ่าย 500 เองคะ จากคุณ : ~โลกของฉันหมุนด้วยความรัก~ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 14:43:43

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อกี๊เข้าไปหาช่างมาแล้วค่ะ ช่างบอกว่าเติมไป 85 ปอนด์ ปอนด์ละ 20 (ทั้งหมด 1700 แต่ลดให้เหลือ 1600) เค้าบอกว่าได้กำไร 300 เองอย่าคิดว่าแพง แล้วปอนด์ละ 20 เค้าเติมกันเมื่อสิบปีที่แล้ว ....(เอิ่ม โดนสวด) ท่าทางช่างไม่ลดให้เราเลยจ่ายเงินไปแล้วค่ะ เรื่องรอยรั่ว ช่างบอกว่ามันหาไม่เจอ ต้องซื้อใหม่ แล้วเติมน้ำยาอาจอยู่ได้เกือบปี เราก็เลยไม่ได้พูดอะไรค่ะ ขอบคุณทุก คห.ค่ะ :D จากคุณ : iamkeita เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 18:21:11

ความคิดเห็นที่ 10 แอร์ขนาด ๙๐๐๐บีทียู/ชั่วโมง ถ้าความยาวท่อไม่เกิน๕เมตร สารความเย็น(น้ำยา)เติมไม่เกิน๑กิโลกรัม ถ้าช่างพูดถึงการเติมเป็นปอนด์ แสดงว่าเป็นช่างกระจอก นั่นมันแรงดันครับ ช่างมั่ว..... สารความเย็นต้นทุน๑กิโลกรัม ให้แพงยังไง ก็ไม่เกิน๕๐๐บาท จากคุณ : ครูช่าง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 20:26:22 A:183.89.62.205 X: TicketID:323539

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเคยโดนไปเป็นพันเหมือนกัน  ไม่รู้เรื่องตอนแรก  ไปถามเพื่อนทำแอร์ บอกว่า จริงแล้วโดนหลอกครับ  แอร์เป็นระบบปิด จะแทบไม่ต้องเติมน้ำยาแอร์ แต่ช่างแกล้งมาวัดว่ามันมีน้อย  แล้วคิดแพง แอร์ผมใช้ก็ไม่เคยรั่ว ไปจ้างมาล้าง ทีเดียวโดนฟันหัวแบะไปเลยครับ  จริงแล้วน้ำยาแอร์ต้นทุนต่ำครับเดิมกัน 400-500 ก็พอแล้วครับ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 21:11:26

ความคิดเห็นที่ 12 น้ำยาแอร์รั่ว ผมว่าเติมไปก็ยังรั่วอยู่ดี มีรอยรั่วที่ไหนก็ซ่อมก่อน ค่อยเติม แต่ผมว่ามันไม่รั่วหรอก ยากส์ และก็ไม่ต้องเติมบ่อยๆ จากคุณ : ptboy เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 21:17:31

ความคิดเห็นที่ 13 แอร์ 9000  BTU  ค่าน้ำยาก็ประมาณร้อยกว่าบาท  ค่าแรงประมาณ 1400 กว่าบาท จากคุณ : เรียวอิจิ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 21:52:49

ความคิดเห็นที่ 14 หลอกเรียกอีกแล้ว . จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 22:14:59

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท. ช่วยตั้งกระทู้อีกสักกระทู้เถอะ ระบุชื่อร้านๆนี้ ชื่อคน ลักษณะรูปร่าง เบอร์โทรศัพท์ ลักษณะการกระทำ หรืออ้างอิงกระทู้นี้ก็ได้ ชื่อร้าน ชื่อคน ควรขึ้นที่หัวกระทู้ เช่น "ระวังร้านแอร์ห้องแข็ง ช่างต้อขี้โกง หลอกเติมน้ำยาแอร์" อ้างอิงกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R10790738/R10790738.html ตั้งกระทู้เสร็จ กดเก็บเข้าคลังกระทู้เก่าไว้ คนเดียวก็เก็บได้ เพื่อให้กระทู้สามารถค้นได้ในกูเกิ้ลตลอดกาล ไม่ต้องห่วงเรื่องหมิ่นประมาท เพราะเป็นเรื่องจริง ฟ้องมา ก็ฟ้องกลับเรียกเงินค่าเสียหายเลย เพื่อเตือนคนอื่นๆ ว่าอย่าหลงเชื่อช่างจากร้านนี้อีก เพื่อป้องกัน , และลงโทษคนโกง ไม่ให้ไปหากินง่ายๆอีก ตั้งวันจันทร์ก็ดี แล้วขอแรงโหวตเป็นกระทู้แนะนำไว้ด้วย คนชายคาจะได้เห็นนานๆ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 22:38:01

ความคิดเห็นที่ 16 กระทู้แบบนี้ทำไมช่างแอร์ถึงไม่ยอมเข้ามาตอบซักทีครับ การเติมน้ำยาแอร์ที่คิดราคาตามแรงดันเป็นปอนต์นั้นเป็นวิธีคิดแบบธรรมเนียมปฎิบัติมานานแล้วครับ เพราะช่างทุกคนมีต้นทุนที่เหมือนกันคือถังน้ำยาสายชารจน้ำยาค่าแรงงานกับการระเหยทิ้งของน้ำยา น้ำยา1กิโลถ้าซื้อใส่ถังมาเติมใส่ในแอร์ขนาด9000บีทียูได้ไม่เต็มในระบบนะครับเวลาซื้อก็ต้องซื้อ2โลเป็นอย่างน้อยถึงจะพอเิติมเต็ม ทีเหลือก็ระเหยทิ้งก็เป็นต้นทุน โปรดเข้าใจนะครับว่าระบบมันเป็นอย่างนี้ครับ ไม่ใช่แบบว่าน้ำยาไม่พอแล้วเดินไปที่ร้านอะไหล่แล้วขอซื้อน้ำยาใส่ถุงมาโลนึงแล้วก็มาเทใส่แอร์ได้ ถ้าแบบนั้นคุณร่มโพก็ไม่ต้องจ้างช่างไม่ต้องมีลูกน้องไม่ต้องมีรถไม่ต้องอาศัยใครแล้วครับ เวลาแอร์เสียก็ซ่อมเองได้หรือถ้าบ้านผมน้ำยาแอร์หมดผมจ้างคุณมาเติมน้ำยาให้ผมหน่อย ทีบ้านผมมีเครื่องชั่งอีเลคโทรนิคด้วยรับรองไม่โกงกิโลแน่นอน ได้มั้ยครับ ปัญหาจริงๆผมว่าอยู่ที่ช่างมากกว่าว่าทำไมถึงต้องเติมน้ำยาให้ลูกค้าถึง-85ปอนต์ โดยสามัญสำนึกของช่างถ้าน้ำยาหมดจากระบบจริงๆแล้วช่างต้องทำการดรวจเช็คและแก้ไขก่อนที่จะคิดเงินกะลูกค้าไม่ใช่ว่าพอเห็นน้ำยาขาดก็รีบเติมให้ลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจ กูรฟันได้ฟันซะเลย โดยปรกติน้ำยาในระบบที่เติมนั้นแรงดันอยู่ที่65-75ปอนต์ต่อ  ตารางนิ้ว แล้วถ้าน้ำยาหายขนาดนั้นแล้วช่างยังกล้าเติมแล้วคิดเงินวันหลังก็บอกให้ช่างเอาน้ำยาคืนไปเลยไม่ต้องจ่ายตังครับ อย่าไปใว้ใจกะพวกช่างไม่ซื่อครับ จากคุณ : papatee เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 02:36:01

ความคิดเห็นที่ 17 เวลาเรียกช่างมาเช็คแอรหรือล้างแอรถ้าช่างบอกว่าต้องเติมน้ำยาก็ขอดูที่วัดน้ำยาหน่อยว่าขาดเท่าไหร่กี่ปอนตดูเองได้ครับที่เกจน้ำยาจะฟ้องครับว่ามีน้ำยาอยู่กี่ปอนต์ดูที่เกจสีฟ้าจะมีตัวเลขหลักสิบบอกไว้น้ำยาควรจะมีแรงดันอยู่ที่ประมาน65-75เป็นระดับปรกติถ้าน้อยกว่า65ปอนต์ก็เติมให้ได้70ปอนต์ก็พอแล้วก็ต่อรองกะช่างได้เลยว่าเท่าไหร่ลดให้หน่อยช่างคนก่อนเติมให้คิดแค่200เองขาดเยอะกว่านี้อีก ถ้าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันก็ไม่ต้องทะเลาะกัน ช่างก็ไม่กล้าคิดคุณแพงเกินจริงเสร็จงานแล้วคุณอาจจะทิบให้ช่างมากกว่าที่ช่างคิดเงินคุณซะอีก จากคุณ : papatee เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 02:56:58

ความคิดเห็นที่ 18 น้ำยาแอร์เวลาเค้าซื้อกันคิดเป็นราคาต่อกิโลครับ ถ้าส่งโรงงานผลิตแอร์ราคาคร่าวๆจะกิโลล่ะประมาณ 100 บาทสำหรับ R22 ส่วน R410A จะอยู่ประมาณกิโลล่ะประมาณ 200 บาท  แต่เค้าเวลาเค้าขายให้ร้านพวก SERVICE ผมไม่แน่ใจน่ะว่ากิโลล่ะกี่บาท แต่คงสูงกว่ากันไม่มาก แล้วแอร์ 9000 BTU เนี่ย ใช้น้ำยาโดยเฉลี่ยแค่ 1 กิโลครับ บวกค่าแรง ค่าซ่อมจุดรั่ว  ค่าแวคคั่มระบบใหม่ จากข้อมูลของคุณ iamkeita จขกท. ผมมองว่าแพงครับ ไม่น่าถึง 1600 บาท โดยปกติช่างแอร์เวลาเค้าเอาถังไปเติมน้ำยาเพื่อไว้สำหรับ SERVICE  สมมุติถัง 20 กิโล เขาก้อเติมมาเต็มทุกครั้ง่ล่ะครับไม่มีใครเอาถังเปล่าไปเติมทีล่ะกิโลหรือสองกิโลหรอกผิดวิสัยที่จะทำกัน เขาเติมให้ลูกค้าอย่างกรณีนี้ก้อแค่ 1 กิโล อาจบวกเพิ่มค่าน้ำยาได้นิดหน่อย อันนี้พอเข้าใจ แต่ไม่ควรฟันกำไรเกินควรครับ จากช่างเทคนิคที่ทำงานโรงงานผลิตแอร์ จากคุณ : expertboy (expertboy) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 23:40:56

ความคิดเห็นที่ 19 คห.9 คุณ iamkeita **เรื่องรอยรั่ว ช่างบอกว่ามันหาไม่เจอ ต้องซื้อใหม่ แล้วเติมน้ำยาอาจอยู่ได้เกือบปี** กำลังจะบอกว่าช่างหาจุดรั่วไม่เจอหรอครับ ถ้าช่างยิ่งรู้ว่ามีจุดรั่ว แต่ไม่ยอมทำการหาจุดรั่วเพื่อทำการซ่อม แต่มีการเติมน้ำยาเข้าไปใหม่เลย ผมว่าถ้ามีช่างประเภทนี้มากๆวงการแอร์บรรลัยเลยครับ ดูเหตุผลส่วนตัวคร่าวๆของผมดังนี้แล้วคุณจะรู้ว่าคุณอาจเสียเงินมากกว่าที่คิดไว้ครับ 1.เมื่อมีจุดรั่วแต่ไม่ทำการหาจุดรั่วเพื่อซ่อม ก่อนทำการแวคคั่มระบบ แล้วจึงชาร์จน้ำยา จะทำให้มีอากาศจำนวนหนึ่งอยู่ในระบบวงจรน้ำยา ซึ่งในอากาศจะมีความชื้นเป็นส่วนประกอบ และความชื้นจะมีน้ำหนักมากกว่าน้ายาแอร์ ดังนั้นคอมเพรสเซอร์ที่ทำหน้าที่ดูดและอัดน้ำยาในระบบ จะทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม พลังงานไฟฟ้าจะใช้มากขึ้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายแรกคือเรื่องเสียค่าไฟฟ้าเกินความจำเป็น 2.จากข้อมูลข้อแรก คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักผิดปกติ มีโอกาสสูงที่จะเกิดคอมล๊อค หรือเจ้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สองคือเรื่องเปลี่ยนคอมซึ่งบอกได้เลยว่าแพงมาก หลายพันบาทครับ 3.แอร์คุณเย็นไม่นานหรอกครับ เพราะประสิทธิภาพการทำงานมันไม่ได้ อีกทั้งจุดรั่วไม่ได้แก้ไขไป น้ำยาก้อจะรั่วออกตลอด แล้วก้อต้องมาเสียค่าใช้จ่ายกันอีกรอบ 4.จุดลดแรงดันในระบบวงจรน้ำยา เช่น CAP TUBE หรือ EXPANDSION หรือบางศัพท์อาจเรียกตัวลดแรงดันซึ่งจะมีการลดแรงดันน้ำยาในระบบจากแรงดันสูงเป็นแรงดันต่ำ โดยหลักการจะออกแบบจุดนี้ให้มีขนาดท่อที่เล็ก เมื่อลดแรงดันหลักการหนึ่งที่ช่างแอร์ทราบดีคือการแปรผันตามของอุณหภูมิ เมื่อแรงดันต่ำจะเกิดอุณหูมิต่ำลงด้วย ซึ่งความชื้นที่ผมบอกไปในข้อที่ 1 นั้น ถ้าอยู่ในรูปแบบของน้ำหรือของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็งและติดอยู่ที่จุดนี้ อาจเกิดการตีบ หรือ ตันของท่อน้ำยาช่วงนี้ได้ครับ เมื่อไม่มีน้ำยาไปรับภาระความร้อนในห้อง ก้อจะเกิดความรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น เป็นต้น เป็นข้อมูลคร่าวๆถึงผลกระทบที่อยากให้ระวังไว้ด้วยครับ จากคุณ : expertboy (expertboy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 00:08:06

ความคิดเห็นที่ 20 อีกกรณีที่อยากเสริมไว้ ที่เจอได้บ่อยๆ คือช่างที่มาล้าง แอบปล่อยน้ำยาออกไป จนทำให้แรงดันตก พอมาวัดก็จะเห็นว่า น้ำยาไม่ได้ตามแรงดันที่กำหนด ก็บอกเจ้าของบ้านให้เติม คิดเท่านี้ๆ จึงขอเสริมอุบายนี้ให้รู้เท่าทันกันไว้ด้วย ทางแก้ก็อย่างที่บอก คือทำหน้าตายแบบผู้รู้ แล้วบอกกับช่างว่า แอร์ยังเย็นอยู่ ไม่ต้องเช็คหรือเติมน้ำยา ปล. เราไม่ใช่ช่างแอร์โดยตรงทีเดียว แต่เราก็เคยทำงานร้านแอร์ที่นึงมาเกือบปีหลังจบการศึกษาจากเทคโนฯพระนครเหนือ ลาออกเพราะเพื่อนช่างทะเลาะกัน เอาลูกดิ่งขว้างหัวจนหน้าผากเจาะเป็นรู ตอนเรียนเกี่ยวกับแอร์ เราก็ได้เกรด A และยังสามารถปลุกปั้นกองขยะแอร์ให้มีชีวิตทำความเย็นฉ่ำได้ด้วย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 09:22:14

ความคิดเห็นที่ 21 ถึง คห.14 ครับ แอร์ทุกตัว ใช้น้ำยา 60-70 ปอนด์ ไม่ว่า่จะกี่ BTU ก็แล้วแต่ ปอนด์ในที่นี้ที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศ ไม่ใช่เทียบปอนด์ ต่อ กิโลกรัม แต่เป็นปอนด์ ต่อ ตรางนิ้ว เป็นความหนาแน่นของน้ำยา ตัวอย่าง แอร์9,000 BTU ใช้น้ำยา R-22 1กิโลกรัม ความหนาแน่น 60-70 ปอนด์ต่อตรางนิ้ว, แอร์ 33,000 BTU ก็60-70 ปอนด์เช่นกัน แต่น้ำยา จะใช้ 2-3 กิโลกรัม จากคุณ : chon ลาดพร้าว71 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 22:51:03 A:110.169.79.16 X: TicketID:323731