ประดู่กับมะค่า เรื่องยางไม้ ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ ประดู่ถือเป็นไม้เบา มะค่าเป็นไม้ที่ไม่หนักมาก ภาษาช่าง (เพราะความถ่วงจำเพาะต่างกันนั่นเอง) ยางไม้ ไม้ทุกชนิดมียางทั้งนั้นล่ะครับ ถึงจะเป็นไม้แก่ขนาดไหนก็ตาม จะมาก-น้อยนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ยกเว้นไม้แปรรูปที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสี่สิบห้าสิบปี ประดู่ ยางจะสีไม่เข้ม ลักษณะเบาบาง ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนสีของเนื้อไม้ แต่ไม้หนึ่งชิ้น ยางไม้จะออกมาจากเนื้อแต่ละส่วนไม่เท่ากัน มะค่า ยางจะมีสีเข้ม (ยางจะเข้มตามอายุของไม้) ลักษณะเป็นฟิมล์เบาบาง ขัดแล้วถ้าไม่ทิ้งไว้นานๆจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนสีของเนื้อไม้ ไม้ที่มียางที่ออกมาแล้วเด่นชัดก็มี เช่น ไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้สน เป็นต้น ยางมากแต่ไม่เด่นชัด คือไม้ตะแบก และอื่นๆ ที่อาจจะน้อยมากแตกต่างกันไปอีกมากมาย การอบ เพียงแต่การปรับสภาพเนื้อไม้ให้คงที่ในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อไล่ความชื้นหรือตรึงยางไม้ไม่ให้เป็นของเหลว ในเวลาสั้นๆ การอบที่ถือว่าใช้ได้ ควรมีระยะเวลาอย่างน้อย15วัน
กรณี คุณmr_spurs ถ้างานซีเรียสมาก(เป็นงานโชว์เนื้อไม้ดิบๆในที่ร่มหรืองานเฟอร์นิเจอร์ขั้นสูง) ควรทาB2000 หลังจากขัดหยาบ และทาน้ำยาเิปิดเสี้ยนไม้(รู้สึกเบเยอร์จะไม่ได้ทำตัวนี้) ก่อนพร้อมโป้วขัดต่อด้วยอุดร่องเสี้ยน แล้วขัดเนียนอีกทีครับ ถ้าเป็นงานทั่วๆไปก็ ขัดหยาบ โป้วขัดตบแต่ง แล้วอุดร่องเสี้ยน ต่อด้วยขัดเนียอีกที (ถ้าเป็นงานเพอร์นิเจอร์ ควรใช้ผ้าเช็ดถูแทน) ครับ แต่ละขั้นตอน ไม่ควรทำในตอนที่อากาศมีความชื้นสูง และไม่ทิ้งระยะเวลาต่อขั้นตอนเกิน1วัน ครับ
จากคุณ |
:
พฤหัสที่12
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ค. 54 18:37:29
|
|
|
|