|
*10*.. จากประสบการณ์ใช้จริง ทั้ง plasma, LCD
1.Burn-in อาการนี้ถ้าเมื่อ ซัก 7-8 ปีก่อนเชื่อ.. ตั้งแต่ 5-6 ปีก่อน ใน Plasma ทุกรุ่นจะมีระบบกำจัดการ Burn-In แล้ว แต่ต้องเปิดใช้งาน (ที่บ้านใช้มา 5 ปีกว่าแล้ว) ก็ปกติทุกประการ ดังนั้น เรื่องว่า อาการนี้ เลิกทับถมกันได้แล้ว มันไม่จริงครับ อย่าดิสเครดิตกันเลย
2.ข้อนี้ ถูก แต่ไม่ทั้งหมด. โดยปกติจอที่มีขนาดใหญ่เกินกว่า 32 -40 นิ้วขึ้นไป การสู้แสงก็ยังเทียบกับ จอตู้ไม่ได้อยู่แล้วทุกกรณ๊ เพราะคุณสมบัติการกระจายแสงโดยผลึก หรือแม้กระทั่งการส่องผ่านฉาก(LCD, LED) ก็ตาม ไม่เหมือนในการดูจอตู้ เพราะมันฉายแสงมายังตาเราโดยตรง (มีปัญหากับสุขภาพตามากกว่า) ทางที่ดี คุณควรจัดหาตำแหน่งในการวางที่เหมาะสมต่อการดู ไม่มืดไป-สว่างไป ดูให้สบายตาดีที่สุด (ทุกคนเอาแต่สว่างๆ) จนลืมตาคู่เดียวที่มีไปหมด -*-'
3.หน้ากระจก.. อันนี้ เป็นทุกรุ่นทุกยี่ห้อด้วยซ้ำเมื่อ 6-7 ปี ก่อน ก็อย่าเลือกมาใช้ หากสถานที่ติดตั้งอยู่ในที่สว่างมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงจอกระจก หาพวกจอที่ไม่ค่อยสะท้อนมาใช้ก็จบ (จอคอมพ์เองยังสะท้อนมากกว่านี้ ยังไม่เห็นบ่นกันเลย) -*-'
4.เรื่องกินไฟ อันนี้เทียบขนาดที่เท่ากัน วัดกันแบบเห็นๆ (เคยเจอเวปนอกเขาเทียบกัน เดี๋ยวไปค้นมาอีกที) LED -> LCD -> Plasma จริง แต่สัดส่วนการกินไป ต่ำสุด-สูงสุดก็ไม่เกิน 20-25 % ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเทียบกับ จอแก้ว ในสมัยก่อน นี่คนละโลกเลย (เคยใช้จอแก้ว 38 นิ้วมาก่อน กินไฟเท่ากับ Plasma 40" x 2) ดังนั้นอัตราการกินไฟ มันไม่ต่างกันขนาดนั้นหรอก ให้เปิดทุกวันวันละ 4 ชั่วโมง 30 วัน บิลไฟมา ก็ไม่ต่างกันเกิน ร้อยบาทหรอก (เวอร์ไป)
คำแนะนำ...
หากชอบเล่นเกม ควรเลือก LED.. หากชอบดูหนัง Plasma ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบัน.. ถ้าไม่มั่นใจ หาหนังที่มีฉากเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ไปดู แล้วเทียบกัน .. อย่ายึดกับคำว่า ดูชัด ใสกิ๊ง . .. จงใช้หลัก ดูสบาย ไม่ปวดตา ปวดหัว.
เราซื้อ TV มาเพื่อเป็นสิ่งบันเทิง ไม่ใช่ เอาเป็นเอาตายขนาด...
^&^'
จากคุณ |
:
nuynui
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ส.ค. 54 16:14:02
|
|
|
|
|