ความคิดเห็นที่ 1 น่าจะแค่ภาคจ่ายไฟเสียนะ เผลอๆ แค่ C บวมไม่กี่ตัว ลองส่งซ่อมตามร้านดู หรือที่อมรดู ถ้าแค่ภาคจ่ายไฟเสียน่าจะไม่ถึง 1000 แต่ถ้าเป็นสาเหตุอื่น ก้อไม่รู้เหมือนกัน จากคุณ : nat1234 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 23:17:47

ความคิดเห็นที่ 2 ส่งศูนย์พานาซ่อมดีกว่านะ เพื่อความมั่นใจ ถ้าเราเอาไปส่งซ่อมเองกับไปรับซ่อมเองก็ถูกหน่อย จากคุณ : sanshiro2 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 10:51:48

ความคิดเห็นที่ 3 พวกที่เปลี่ยนฟิวส์แล้วใช้ได้เลย มักเป็นพวกมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์ เครื่องซักผ้่า เครื่องปั่นน้ำผลไม้  หรืออื่นๆที่มักมีมอเตอร์ มันมีโอกาสโอเวอร์โหลดได้ พอโอเวอร์โหลดแล้วพวกมอเตอร์มันจะ"อึด" ทนได้ระยะหนึ่งก่อนพัง ซึ่งมันนานพอจะเผาฟิวส์ให้ขาด พอฟิวส์ขาดทุกอย่างก็รอดหมด แต่เครื่องไฟฟ้าตามบ้านทั่วไปที่มีอิเล็กทรอนิกส์ ปกติมันจะไม่โอเวอร์โหลดอยู่แล้ว เรียกว่าใช้กันจนเสื่อม จนเก่า ฟิวส์มันจะไม่ขาดเลย   ถ้าขาดแสดงมีโอกาสสูงมากที่ภาคจ่ายไฟน่าจะมีปัญหาเช่นลัดวงจรแล้ว หรือถ้าโชคดีก็เสียแค่ตัวป้องกันแรงดันเกิน(วาริสเตอร์)ที่มันลัดวงจรจนฟิวส์ขาด กรณีนี้แค่เปลี่ยนฟิวส์จะติด แต่ก็ควรต้องเปลี่ยนตัววาริสเตอร์ใหม่ด้วยไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีการป้องกันแรงดันเกินในครั้งต่อไป  ดังนั้นเครื่องตัวนี้ผมแนะนำให้ช่างดูดีกว่าครับ อาการนี้ผมเดาว่าภาคจ่ายไฟเสีย  ลองซ่อมตามร้านอมร หรือร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าดูก็ได้  เขาจะเปลี่ยนเฉพาะชิ้นที่เสียในบอร์ด ไม่ใช่เปลี่ยนทั้งบอร์ด ค่าซ่อมจะถูกกว่า ตัวอย่าง ไอซีและเฟท ระเบิดจนฟิวส์ขาด ของภาคจ่ายไฟกล้องวงจรปิด ไล่เปลี่ยนไม่กี่ตัวก็ใช้ได้ตามปกติ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 17:00:02

ความคิดเห็นที่ 4 ช่างไฟเปิดเช็คหลังเครื่องแล้วฟิวส์ไม่ขาดครับ แต่ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะอะไรจึงเสีย ก่อนจะเสียพลาสมาเสียบปลักทิ้งไว้เฉยๆ แล้วช่างก็ไล่วงจรนิวตรอนใหม่ในครัว ตามที่ได้คุยกับคุณ Ph เนื่องจากไฟในครัวมันทริป ช่างก็มีตัดไฟ บางทีมีทริปบ้าง แต่ยังงงว่าทำไมภาคจ่ายไฟเสียเองได้ ไม่ได้เปิดพลาสมาด้วย แค่เสียบปลัํกไว้เฉยๆครับ แต่ยังไงจะลองส่งอมรตามคำแนะนำครับ แต่อยากรู้สาเหตุจริงๆว่าทำไมเสียเองได้ ถ้าเป็นความผิดพลาดของช่างจะได้ทักท้วงไปด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 54 23:59:44 จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 23:58:21

ความคิดเห็นที่ 5 ตู้ไฟชั้นล่าง เฟสแรก  1.ปั๊มน้ำ                     2.แสงสว่างปลั๊กห้องน้ำห้องครัวห้องกินข้าว เฟสสอง  3.แสงสว่างปลั๊กห้องโถง ห้องรับแขก  4.เครื่องทำน้ำร้อน เฟสสาม  5.ปลั๊กตัวเดียวในห้องคอนโทรล      6.แอร์ 18000btu (ห้องรับแขก) เฟสแรก  7.แอร์ 18000btu (ห้องกินข้าว)   8.แสงสว่างในห้องคอนโทรล (ไฟดวงเดียว) เฟสสอง  9.แอร์ 18000btu (ห้องรับแขก) วิจารณ์การบาลานซ์เฟสชั้นล่างหน่อยครับ มีเซอร์กิต 9 ตัว (5,8 ช่างไม่มีที่ลงเลยแยกออกมาทั้งที่เป็นแค่ไฟกับปลั๊ตัวเดียว)เท่าที่ดูมันไม่ดีกับเฟสสอง ตรงมีทั้งเครื่องทำน้ำร้อนกับแอร์ใช่ไหมครับ แต่มันก็หนีไม่ออก เพราะดูเหมือนแอร์กระจายไปตัวละเฟสแล้ว จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 00:59:54

ความคิดเห็นที่ 6 ตู้ไฟชั้นสองชั้นสาม เฟสแรก 1.น้ำอุ่นห้องนอนชั้น 2          2.แสงสว่างปลั๊กห้องโถงชั้น 2 เฟสสอง 3.น้ำร้อนห้องนอนชั้น 3         4.แสงสว่างปลัํกห้องนอนชั้น 2 เฟสสาม 5.แสงสว่างปลัํกห้องนอนชั้น 3     6.แสงสว่างปลั๊กห้องโถงชั้น 3 เฟสแรก 7.แอร์ 24000btu            8.ไฟดาวน์ไลต์ดวงเดียว เฟสสอง 9.ไฟบันไดดวงเดียว           10.แอร์ 18000 btu ชั้น 2 อันนี้ดูไม่ค่อยดีปะครับ เฟสแรกมีน้ำอุ่น กับ แอร์ 24000btu มากองด้วยกัน ส่วนเฟสสองมีน้ำร้อนกับแอร์ 18000 บีทียูมากองไว้ด้วยกัน ควรสลับยังไงดีครับ น่าจะเอาน้ำร้อนไปเฟสสามน่าจะดีกว่ามั้งครับ เพราะเฟสสามไม่มีโหลดหนักๆเลย จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 01:05:52

ความคิดเห็นที่ 7 ตู้ไฟชั้น 4-5 เฟสแรก  1.ปลั๊กแสงสว่างชั้น 4           2.ปลั๊กแสงสว่างห้องนอนชั้น 5 เฟสสอง  3.น้ำอุ่นชั้น 4                4.ปลั๊กแสงสว่างห้องโถงชั้น 5 เฟสสาม  5.ปลั๊กแสงสว่างชั้น 4           6.แอร์ 18000 บีทียู เฟสแรก 7.แอร์ 18000 บีทียู ดูน่าจะดีแล้วนะครับ ไม่น่าต้องแก้ไขแล้ว จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 01:08:26

ความคิดเห็นที่ 8 ทีวีเปิดไม่ติด ฟิวส์ไม่ขาด  เอาแน่ๆก่อนว่าปลั๊กที่เสียบมันมีไฟจริง ลองเอาอย่างอื่นไปเสียบดู และเนื่องจากระบบคุณเป็น 3 เฟส  การซ่อมแซมระบบสายอาจมีโอากาสทำให้ไฟ 380 หลุดเข้ามาในระบบ 220V เช่นต่อนิวทรอลผิด หรือสายนิวทรอลหลักในตู้หลุด  ช่างปลดสายนิวทรอลในตู้ ฯลฯ ข้อผิดพลาดบางอย่างอาจทำให้มีแรงดันเกิน 220 เข้ามาสู่เครื่องไฟฟ้าต่างๆที่เสียบปลั๊กทิ้งไว้   เครื่องไฟฟ้าหลายๆอย่างเวลาปิดอาจไม่ได้ตัดไฟปิด 100% จริง มันยังมีบางส่วนทำงานอยู่ ทำให้มีโอกาสพังได้ตลอดเวลา แต่โอกาสที่ทีวีอาจจะเสียเองโดยบังเอิญก็มีอีกเช่นกัน อย่าโทษเรื่องประเด็นไฟเกินอย่างเดียว ลองดูว่ามีเครื่องไฟฟ้าตัวอื่นตรงไหนเสียอีกหรือเปล่า พวกแอร์ก็ลองไปกดเปิดดู(ถ้าปิดแต่รีโมทเท่ากับมีความเสี่ยง) จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 01:12:04

ความคิดเห็นที่ 9 ตู้ไฟชั้นบนสุด เฟสแรก   1.แสงสว่างปลั๊กดาดฟ้า (ไม่ได้ใช้แน่ๆ)   2.แสงสว่างปลั๊กห้องโถงชั้น 6 เฟสสอง   3.แสงสว่างปลั๊กห้องนอนชั้น 6         4.น้ำอุ่นชั้น 6 เฟสสาม   5.น้ำร้อนห้องนอนชั้น 5              6.อันนี้หาไม่เจอว่าเป็นเบรคเกอร์อะไร เฟสแรก   7.แอร์ 18000btu                8.ปั๊มน้ำดาดฟ้า ดูน่าจะโอเคแล้วมั้งครับ น้ำอุ่น น้ำร้อน แอร์ แตกเฟสกันหมดเลย จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 01:12:09

ความคิดเห็นที่ 10 ปลั๊กที่่เสียบมีไฟจริงๆครับ เพราะผมเอาไฟตั้งโต๊ะไปเปิดที่ปลั๊กทีวีที่เสียแล้วไฟขึ้นครับ ส่วนแอร์ไม่ไดเช็คเลยครับ คงต้องไปไล่เช็ค เพราะไม่แน่ใจว่ามีเบรคเกอร์บีทีชิโนหลงเปิดไว้ไหม แต่การซ่อมไฟที่ตู้เมนชั้นล่างจะกระทบชั้นบนๆไหมครับ พอดีเห็นว่าทีวีเกือบทุกตัวยังเปิดได้ตามปกติยกเว้นตัวล่างที่เสียไปครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 01:18:39

ความคิดเห็นที่ 11 กระทบหรือไม่กระทบ ก็ขึ้นกับสายที่ช่างแก้ไข อาจจะกระทบทั้งหมดหรือแค่บางจุดก็แล้วแต่ว่าเป็นสายนิวทรอลช่วงใด   ไหนๆก็เกิดเหตุที่น่าจะเป็นผลจากแรงดันเกินก็ลองไปเช็คจุดอื่นๆดูด้วย ดูให้ครบ พวกหลอดไฟด้วย มีดวงไหนหลอดขาดไปแล้วหรือเปล่า ------------------------------------------------------ สรุปรวม(ตามเดิมที่คุณเขียนมา ผมรวมจะได้มองง่าย) ชั้นล่าง เฟสแรก แอร์ 18000btu +ปั้มน้ำ+แสงสว่าง+ปลั๊ก+ห้องน้ำ+ครัวห้องกินข้าว + แสงสว่างดวงเดียว เฟสสอง แอร์ 18000btu +น้ำร้อน+แสงสว่างปลั๊กห้องโถง ห้องรับแขก เฟสสาม แอร์ 18000btu +ปลั๊กตัวเดียวในห้องคอนโทรล   สรุปรวมชั้นสอง-สาม เฟสแรก แอร์24000+น้ำอุ่น +แสงสว่าง+ปลั๊ก+ดาวไลท์หนึ่งดวง เฟสสอง แอร์ 18000+น้ำร้อน+แสงสว่าง+ปล๊ก+ไฟบันไดหนึ่งดวง เฟสสาม  แสงสว่าง+ปลั๊กห้องนอน+ห้องโถง ชั้นสี่-ห้า เฟสแรก แอร์18000+ปลั๊ก+แสงสว่างชั้น4,5 เฟสสอง น้ำอุ่น+ปลั๊ก+แสงสว่างชั้น5 เฟสสาม แอร์18000+ปลั๊ก+แสงสว่างชั้น4 ชั้นหก เฟสแรก แอร์ 18000+แสงสว่าง+ปลั๊ก +ปั้มน้ำ เฟสสอง น้ำอุ่น+แสงสว่าง+ปลั๊ก เฟสสาม น้ำร้อน ----------------- ลองดูรวมหมดทุกชั้น เฉลี่ยๆแล้ว เฟสสามดูแล้วจะน้อยสุด เฟสสอง  จะมีน้ำร้อนถึงสองตัว น้ำอุ่นอีกสอง ขณะที่เฟสสาม มีน้ำร้อนตัวเดียว (พวกนี้ใช้กระแสเยอะมาก) ส่วนแอร์และอื่นๆพอๆกัน น่าจะย้ายเครื่องทำน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นชั้นไหนก็ได้ไปเฟส 3 สักตัวนึง ลดภาระเฟสสองตอนที่อาบน้ำพร้อมๆกัน จริงๆ อาจจะไม่ต้องก็ได้ถ้าไ่ม่ได้อาบพร้อมๆกันขนาดนั้น จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 02:02:17

ความคิดเห็นที่ 12 พวกน้ำอุ่น น้ำร้อน ถ้าปรับไว้ที่ cool zone ไฟ elb ไม่ขึ้น แสดงว่าไม่กินกระแส แค่น้ำมาผ่านเครื่องน้ำอุ่นน้ำร้อน เฉยๆใช่ไหมครับ เอาเข้าจริงผมคงไม่ได้อาบน้ำอุ่นขนาดนั้น บ้านเราหนาวแค่เดือนสองเดือนเอง ถ้าเช่นนั้นอาจจะไม่ต้องบาลานซ์ใหม่ก็ได้ใช่ไหมครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 07:43:22

ความคิดเห็นที่ 13 ชั้นล่าง เฟสแรก แอร์ 18000btu ห้องกินข้าว +ปั้มน้ำ+แสงสว่าง+ปลั๊ก+ห้องน้ำ+ครัวห้องกินข้าว + แสงสว่างดวงเดียว เฟสสอง แอร์ 18000btu รับแขก +น้ำร้อน+แสงสว่างปลั๊กห้องโถง ห้องรับแขก เฟสสาม แอร์ 18000btu รับแขก +ปลั๊กตัวเดียวในห้องคอนโทรล   สรุปรวมชั้นสอง-สาม เฟสแรก แอร์24000+น้ำอุ่น +แสงสว่าง+ปลั๊ก+ดาวไลท์หนึ่งดวง เฟสสอง แอร์ 18000ห้องนอน2 ชั้นสอง+น้ำร้อน+แสงสว่าง+ปล๊ก+ไฟบันไดหนึ่งดวง เฟสสาม  แสงสว่าง+ปลั๊กห้องนอน+ห้องโถง ชั้นสี่-ห้า เฟสแรก แอร์18000ห้องนอน5+ปลั๊ก+แสงสว่างชั้น4,5 เฟสสอง น้ำอุ่นห้องนอน4+ปลั๊ก+แสงสว่างชั้น5 เฟสสาม แอร์18000ห้องนอน4+ปลั๊ก+แสงสว่างชั้น4 ชั้นหก เฟสแรก แอร์ 18000ห้องนอน6+แสงสว่าง+ปลั๊ก +ปั้มน้ำ เฟสสอง น้ำอุ่นห้องนอน6+แสงสว่าง+ปลั๊ก เฟสสาม น้ำร้อนห้องนอน5 สรุปภาพรวม เฟสแรก มีแอร์ถึง 4 ตัว น้ำอุ่น 1 เฟสสอง มีน้ำร้อน 2 น้ำอุ่น 2 แอร์ 2 เฟสสาม มีแอร์ 2 น้ำร้อน 1 เฟสแรกดูหนักไปตรงแอร์ตัวสำคัญที่เปิดบ่อยๆ มารวมที่เฟสแรกหมดเลยถึง 4 ตัว แบบนี้ควรย้ายแอร์ออกจากเฟสแรกไปสักตัวถ้าจะดีมั้งครับ กะว่าจะเอาไปอยู่เฟสสาม (ตัว 24000 บีทียูเพราะเปิดบ่อยเปิดนาน) น้ำอุ่นผมว่าเปิดไม่เยอะและเปิดไม่นานเท่าแอร์ พวกอะไรที่เปิดนานๆกินไฟเยอะอย่างแอร์ไม่ควรไปกองรวมกันใช่ไหมครับ คือ ผมควรให้ความสำคัญกับแอร์มากกว่าไหม เพราะเปิดคืนละ 7-8 ชม ขณะที่น้ำอุ่นเปิดเฉพาะหน้าหนาวและเปิดไม่เกินครั้งละ 5 นาทีแบบนี้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 54 08:18:24 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 54 07:56:34 จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 07:54:31

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนนี้ไล่เช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในหมดแล้วนะครับ แอร์ ทีวี จุดอื่นๆในบ้านใช้ได้หมดครับ มีเสียแค่พลาสม่าตัวเดียว (โทรเช็คอมรประเมินว่าค่าซ่อมไม่เกิน 3,000 บาท ผมว่าก็แพงนะถูกกว่าศูนย์พันกว่าบาทแต่ความน่าเชื่อถือต่ำกว่า) ตอนนี้เช็คกันดูดทุกจุดมี 2 จุดที่ไม่ผ่านกันดูดคือ 1.ปลั๊กไฟตรงตำแหน่งตีจู๋เอี๊ย (ศาลเจ้า) ตำแหน่งนี้ใช้เสียบปลั๊กไฟของศาลเจ้าก็คงใช้นานๆที จำเป็นต้องให้ผ่านกันดูดไหมครับ ตอนนี้ผ่านเซอร์กิตธรรมดา 16A ครับ 2.ตำแหน่งปลั๊กไฟที่เพิ่มมาในภายหลัง ตำแหน่งนี้ช่างแอร์ดึงมาให้จากไฟที่จะไปต่อคอยล์ร้อนครับ เพราะแม่ผมมาเพิ่มทีหลังเอาเครื่องซักผ้ามาลงที่ตรงนี้ (ตรงระเบียง ปลั๊กผมใช้แบบฝากันน้ำได้) ตรงจุดนี้ต้องเปิดเบรคเกอร์แอร์บีทีชิโนภายในห้องครับ สรุปคือใช้ไฟร่วมกับแอร์นั่นเอง จุดนี้ควรจะเปลี่ยนจากเซอรกิตธรรมดาเป็นกันดูดสำหรับแอร์และปลั๊กจุดนี้หรือไม่ และมันจะทริปไหมครับ หรือว่ายังไงก็ไม่ทริปเพราะเป็นวงจรแอร์แยกต่างหากครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 10:22:57

ความคิดเห็นที่ 15 น้ำอุ่นถ้าเปิดร้อนน้อยๆก็กินกระแสไฟน้อย ถ้าเปิดแค่ให้น้ำผ่าน(เย็น)มันก็ไม่กินไฟ (แม้หลอดแสดงผลอาจจะติดโชว์ว่าไฟเข้า ก็กินแค่เล้กน้อยแค่ 0.001A) แอร์์คุณมีหลายตัว ถ้ารู้ลักษณะการใช้งานเช่นแอร์ห้องนอน(ใช้ทุกคืน) แอร์ห้องรับแขก (นานๆเปิดที) อะไรพวกนี้ก็เอามาคิดประกอบการจัดบาล้านเฟสก็ได้ ที่ว่ามีแอร์ 4 ตัวในเฟสแรก   ถ้าในเฟสแรกแอร์ใช้หลักๆแค่ครั้งละ 2 ตัว(เช่นห้องนอนสองห้อง กลางวันก็ปิดแล้วมาเปิดสองตัวที่เป็นห้องทำงาน เท่ากับ 4 ตัวนี้จะสลับกันเปิดครั้งละสองตัว)    แบบนี้มันก็พอๆกับอีกเฟสที่มีแอร์ 2 ตัวที่เปิดบ่อยๆ  คิดแบบนี้ก็ได้เช่นกัน รวมถึงพวกน้ำอุ่นน้ำร้อนก็ใช่ด้วย คิดถึงการใช้งานจริงว่าจุดไหนแทบไม่ค่อยได้ใช้ ตรงไหนใช้บ่อย คนที่อยู่ในบ้านจะรู้ผมไม่รู้การใช้งานจริงของบ้านคุณ   เท่าที่ดูก็แบ่งตรงแอร์ กับน้ำอุ่นน้ำร้อนให้ดีก็พอ อย่างอื่นไม่มีอะไรเพราะเป็นแค่บ้านไม่ใช่โรงงาน มีแค่ไฟแสงสว่างไม่กี่ดวงกับปลั๊กไม่มาก พวกที่เหลือก็กระจายๆกันไป ปลั๊กไฟศาลเจ้า ไม่ต้องมีกันดูดก็ได้ ถ้าคุณระมัดระวังเรื่องพื้นฐานความปลอดภัยได้เช่นห้ามไปถอด/เสียบ ตอนมือเปียก มันก็ลดโอกาสโดนไฟดูดไปได้มากแล้ว ลองนึกดูว่าเคยโดนไฟดูดตอนเสียบปลั๊กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่หรือไม่เคยพลาดเลย  หากคุณพลาดโดนประจำๆ แสดงว่าควรจะใส่กันดูดไว้สักตัว  พวกตัวกันดูดเหมาะใส่กับพวกเครื่องไฟฟ้าที่ตัวถังเป็นโลหะ หรือต้องทำงานใกล้น้ำ พวกเครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำร้อน กะทะไฟฟ้า ฯลฯ   ปลั๊กเครื่องซักผ้าคุณ ไปพ่วงกับแอร์ ยังดีที่สายแอร์คุณใช้เบอร์ 6 มันก็เลยเหลือเฟือพ่วงได้  ข้างในใช้บีทีชิโนตัวเดิมไม่ตอ้งเปลี่ยนเป็นกันดูด ที่ตู้เบรกเกอร์ก็ไม่ต้องเปลี่ยนของแอร์เป็นกันดูด  ให้ใส่ตัวกันดูดตรงสายก่อนเข้าปลั๊ก(ที่จะเสียบเครื่องซักผ้า)  เพื่อให้กันดูดมันคุมเฉพาะเครื่องซักผ้า  ส่วนแอร์ให้ใช้สายดินเอา  เครื่องซักผ้าก็ควรมีสายดินด้วยครับ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 17:07:17

ความคิดเห็นที่ 16 ปลั๊กเครื่องซักผ้าคุณ ไปพ่วงกับแอร์ ยังดีที่สายแอร์คุณใช้เบอร์ 6 มันก็เลยเหลือเฟือพ่วงได้  ข้างในใช้บีทีชิโนตัวเดิมไม่ตอ้งเปลี่ยนเป็นกันดูด ที่ตู้เบรกเกอร์ก็ไม่ต้องเปลี่ยนของแอร์เป็นกันดูด  ให้ใส่ตัวกันดูดตรงสายก่อนเข้าปลั๊ก(ที่จะเสียบเครื่องซักผ้า)  เพื่อให้กันดูดมันคุมเฉพาะเครื่องซักผ้า  ส่วนแอร์ให้ใช้สายดินเอา  เครื่องซักผ้าก็ควรมีสายดินด้วยครับ ................ อันนี้งงครับใส่กันดูดตรงสายก่อนเข้าปลั๊กที่จะเสียบเครื่องซักผ้า มันเป็นกันดูดประเภทไหนอะครับ ปกติรู้จักแต่กันดูดที่ใส่ในตู้หน้าตาเหมือนลูกเซอร์กิต แต่กันดูดที่ว่าหน้าตายังไงครับ และตรงจุดปลั๊กจะเข้าเครื่องซักผ้ามันเป็นระเบียง มีโอกาสน้ำกระเซ็นจะใส่กันดูดได้หรือไม่ ข้อนี้ตอบในกระทู้ก็ได้ครับ เผื่อจะลงรูปให้ผมดูว่าเป็นกันดูดประเภทไหนจะได้ไปซื้อถูกครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 22:26:56

ความคิดเห็นที่ 17 อ้อ วันนี้เช็คที่อมรเรื่องค่าซ่อมทีวีแล้วครับ ผมว่าไม่ค่อยต่างจากศูนย์เลย ช่างที่มาคุยก็ดูเด็กๆไม่รู้จะซ่อมดีไหม ค่าแรง 1800 บาท เท่าศูนย์เลยครับ อะไหล่แยก แต่ช่างบอกขั้นต่ำ 3,000 บาทครับ ผมว่าราคาไม่แตกต่างจากศูนย์เลยไม่ได้ส่งซ่อม ว่าจะหาร้านซ่อมห้องแถว ก็ไม่รู้จักร้านที่ไว้ใจได้ คุณ Ph มีร้านซ่อมแนะนำไหมครับ ผมอยู่แถวพระรามสาม ถ้าไม่ไกล ไม่แพงจะเอาไปทิ้งไว้ครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 22:30:13

ความคิดเห็นที่ 18 จะเปลี่ยนเป็นกันดูดในตู้ก็ได้ แต่บางทีแอร์มันชื้นนิดๆหน่อยๆ มันก็ทริป (บางคนก็ไม่ทริป)  แอร์นั้นเอาแค่ต่อสายดินไว้ก็ไฟไม่ดูดแน่นอนอยู่แล้วและชื้นนิดๆหน่อยๆก็ไม่ถึงกับต้องหยุดใช้งาน   ตัวกันดูดแบบใส่เฉพาะจุด เป็นแบบในภาพ (ในเครื่องทำน้ำอุ่นบางตัวก็มีแบบนี้อยู่ข้างใน) มันจะเป็นเหมือนเซพตี้เบรกเกอร์ที่ติดไว้ในห้องนอนไว้เปิด/ปิด แอร์ แต่สังเกตจะมีปุ่ม test เล็กๆ เอาไว้กดทดสอบ  ถ้าเห็นปุ่ม test คือเป็นแบบตัดไฟรั่วได้  ถ้ามีแต่ก้านโยกขึ้นลงจะเป็นแบบธรรมดาไม่ตัดไฟรั่ว ตัวละประมาณห้าถึงหกร้อยบาท   จุดติดตั้งไม่ควรโดนน้ำ ไม่จำเป็นต้องติดเหนือปลั๊กพอดี  ติดตรงไหนก็ได้ในช่วงสายที่พ่วงจากแอร์ออกมา หรืออาจยอมอ้อมสายหลบระอองน้ำก็ได้ หรือหากล่องพลาสติกมีฝาปิดมาใส่อีกทีหนึ่ง สายดินเครื่องซักผ้า ปั้มน้ำ สามารถใช้ร่วมกับสายดินหลักที่เดินเข้าตู้เมนได้  โดยการต่อสายเข้าปั้มน้ำ 3 เส้นครับ  ถ้าเสียบปลั๊กแค่ 2 ขา ให้ต่อสายเพิ่มอีกเส้นจากตัวถังปั้มเข้ากับสายกราวด์ที่ปลั๊กไฟฟ้า   เครื่องซักผ้าก็เช่นกัน ถ้าเสียบแค่ปลั๊กสองขาเท่ากับยังไม่มีสายดิน ให้ต่อจากจุดต่อสายดินหลังเครื่องซักผ้าไปที่ขากราวด์ของปลั๊ก (บอกช่าง ช่างจะรู้วิธีทำครับ) ไม่จำเป็นต้องไปตอกแท่งหลักดินใหม่ ร้านซ่อมแถวนั้นผมไม่รู้จักครับ ถ้าค่าซ่อมสูงอย่างนั้นส่งศูนย์ดีกว่า จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 00:37:22

ความคิดเห็นที่ 19 ปั๊มน้ำมากิต้ารุ่นที่ซื้อมา ทิ้งสายที่ต่อกับสายปลั๊กแค่ 2 เส้นเองครับ เมื่อปั๊มมันทิ้งสายมาให้ 2 เส้นจะไปดึงสายไหนไปต่อกับสายดินอะครับ แต่ปั๊มตัวล่างต่อกันดูดไปแล้ว คงไม่จำเป็นอีก แต่ปั๊มตัวบนไม่ได้ต่อกันดูดไว้ ต้องทำอย่างที่ว่าไหมครับ เพราะมันอยู่ดาดฟ้าคงไม่ได้แตะถูก กันดูดแบบในรูปซื้อได้ที่ไหนครับ แถวคลองถมมีไหม  มียี่ห้ออย่าง สแควร์ดี ABB พานาโซนิคไหมครับ แล้วก็ตอนไปซื้อต้องบอกร้านว่าอะไรอะครับกลัวบอกไม่ถูกเค้าไม่เข้าใจ แล้วต้องซื้อรุ่นที่มีปุ่ม Test เท่านั้นใช่ไหมครับ ร้านซ่อมทีวีที่ไว้ใจได้ไม่ต้องแถวพระรามก็ได้ คุณ Ph รู้จักร้านไหนแนะนำหน่อยครับ นอกเรื่องน้องฝากถามเรื่องดรีมบอกซ์ หากระบบดาวเทียมที่บ้านทั้งจาน C BAND , KU BAND ไปผ่านมัลติสวิตซ์ ดรีมบอกซ์มันจะไม่ทำงานหรือเซ็ตค่าไม่ได้ไหมครับ ที่บ้านน้องก็ใช้มัลติ แกเพิ่งซื้อดรีมบอกซ์มา เซ็ตอยูสามวันยังดูไม่ได้เลย แต่เอาเครื่องเดียวกันไปลองบ้านเพื่อนเค้าดูได้ เลยสงสัยว่าเกี่ยวกับมัลติไหมครับ ถ้าเกี่ยวต้องแก้ไงครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 09:37:51 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 08:03:43 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 08:02:46 จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 08:00:37

ความคิดเห็นที่ 20 เบรคเกอร์หาซื้อได้แล้วครับ ของเกียวกุโต้แบบในรูป 390 บาท ของพานาโซนิค 450 บาท เลยฝากน้องไปซื้อของพานาโซนิคมาแล้วครับ ทางร้านบอกโดนละอองน้ำนิดหน่อยไม่เป็น ให้หาถุงพลาสติกตัดแปะกับหน้าสัมผัสไม่ให้ละอองน้ำฝนเข้าก็ใช้ได้อะครับ ถูกต้องตามเค้าว่าไหมครับ อ้อ ปั๊มน้ำตัวบนที่ไม่ได้ผ่านกันดูด หาเจ้ากันดูดแบบนี้มาใส่ดีไหมครับ แต่ปั๊มมันวางกลางแจ้งนี่นา คงใส่ไม่ได้มั้งครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 10:28:52 จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:21:21

ความคิดเห็นที่ 21 สายดินสำหรับปั้มน้ำ ถ้าเขาไม่ได้มีสายออกมา 3 เส้น ก็สามารถต่อได้โดยปอกสายและขันติดกับสกรูตัวไหนก็ได้ที่ปั้มครับ(ไม่ต้องไปเจาะไปดัดแปลงอะไร) โดยเลือกสกรูส่วนที่มันยึดอยู่กับโครงโลหะของปั้ม(บางตัวอาจมีสกรูเปล่าๆเตรียมไว้ให้ต่อสายดิน) แล้วคลายสกรูเดิมออกเล็กน้อยพันสายเข้าให้แน่นหนาแล้วขันสกรูคืนให้แน่น   สรุปคือเอาสายด้านหนึ่งขันติดกับโครงโลหะปั้มอีกด้านต่อเข้ากับสายเขียว(กราวด์)ที่อยู่หลังปลั๊ก หรืออีกวิธีหากปั้มคุณเป็นแบบถอด/เสียบปลั๊ก ให้ซื้อปลั๊กตัวผู้แบบสามขามาใส่แทนก็ได้เช่นกัน โดยต่อสองสายเข้าปกติ แล้วเอาสายกราวด์ที่เพิ่งโยงออกมามาต่อตำแหน่งขาที่สามของปลั๊ก ระบบสายดินหลักของบ้านที่ตอกไว้ จะมีผลเฉพาะอุปกรณ์ที่เสียบปลั๊ก 3 ขา หรือต่อเชื่อมกับระบบไฟบ้านแบบ 3 สายเท่านั้นครับ สายดินหลักของบ้านจะไม่เกี่ยวข้องพวกอุปกรณ์ที่เสียบปลั๊กแค่ 2ขา (หรือต่อแค่ 2 สาย) ปั้มบนดาดฟ้า ถ้าตากแดดตากฝน อย่าเอากันดูดไปติด วงจรในตัวกันดูดมันโดนความชื้นไม่ได้ ถ้าบนดาดฟ้า ต่อสายดินเอาก็พอแล้วครับ อย่าประมาทว่าไม่มีคนไปจับ เผื่อกรณีไฟรั่วแล้วฝนตก ไฟรั่วมาตามน้ำ หรือเกิดมีคนเดินขึ้นไปดูรางน้ำ ไปทำอะไรก็ตาม อาจเสี่ยงได้ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 23:17:22

ความคิดเห็นที่ 22 ดรีมบ็อค ต่อผ่านมัลติสวิทช์ได้ครับ มันก็ต้องมีการตั้งค่าเหมือนรีซีฟเวอร์ทั่วไป ตั้งค่าถูกก็ดูได้ ดูได้หมดทั้ง C และ KU (ใน C จะมีช่องฟรีทีวีมากมาย ) เช่นช่องหลักๆ ที่ดูของดรีมบ็อคจะอยู่ที่ Thaicom2/5 ตรงช่อง 22kHz มันจะมีให้เลือก On หรือ Off (ในภาพผมตั้งไว้ Off) ตรงนี้ต้องตรงกับพอร์ตของมัลติสวิทช์ที่รับสัญญาณไทยคม 2/5 ต้องไปดูสายว่าสายดาวเทียมไทยคมเขาเสียบเข้ารูไหนของมัลติสวิทช์ ที่ขั้วสายตรงมัลติสวิทช์จะมีบอกอยู่ว่า 22K หรือ 0k ถ้าเสียบช่อง 0k ก็ปรับดรีมบ็อคไปที่ OFF   หรือถ้าเสียบตรง 22K ก็ปรับดรีมบ็อกไปที่ ON จากนั้นเลื่อนเคอร์เซอร์สีน้ำเงิน(ด้วยรีโมท)ไปทาบตรงวงสีเขียว(ในแถวของไทยคม) แล้วกด OK จะได้จอด้านล่าง ก็ปรับให้ตรงกับค่าหัวรับสัญญาณ เช่น 11300 จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 23:23:48

ความคิดเห็นที่ 23 ปั๊มน้ำตัวล่างใส่กันดูดไปแล้ว แต่ไม่ได้ต่อสายดิน เพราะเป็นสายสองสายอย่างที่คุณ Ph ว่ามาครับ ปั๊มตัวบน ใส่เซอร์กิตธรรมดาครับ ตัวปั๊มดาดฟ้า ผู้รับเหมาทำหลังคาให้มันครับ แต่หลังคาครอบได้เฉพาะปั๊มน้ำพอดี (ยกเข้าออกได้) คงกันตัวกันดูดอีกตัวไม่ได้ครับ แต่จะลองต่อสายดินตามที่แนะนำดูนะครับ ตอนนี้มีปัญหาอีกอย่าง คือ ลูกลอยไฟฟ้า น้ำลดไปเหลือ 30% มันยังไม่ทำงานเลยครับ ช่างบอกให้ผมลองเขย่าลูกลอยดู ปรากฎว่าเขย่าปุ๊บทำงานทันที ช่างบอกว่าลูกลอยไม่ดีแล้ว (ทั้งที่เป็นของใหม่) จริงปะครับ หรือเพราะติดตั้งไม่ดียังไงครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 00:23:34

ความคิดเห็นที่ 24 ลูกลอยกับระดับน้ำตอนนั้นเป็นอย่างไรครับ  ที่ว่า 30% สภาพมันห้อยตัวเต็มที่หรือยัง ห้อยตัวแบบพ้นน้ำทั้งลูกหรือแค่ไหน ติดตั้งไปชนกับอะไรหรือเปล่า(ตอนมันห้อยตัวต้องไม่ชนไม่ติดอะไร ต้องห้อยอิสระ) แล้วตอนแรกๆ เป็นหรือเปล่า  มันเริ่มทำงานตอนระดับน้ำกี่ % ถ้าติดตั้งถูกต้องหมดก็เป็นที่ตัวลูกลอยเอง มีโอากาสเกิดได้ครับขึ้นกับคุณภาพด้วย หรือปั้มใหญ่มากๆควรติดเม็กเนติกส์คอนแทคเตอร์เพื่อลดภาระโหลดให้ลูกลอยไฟฟ้า จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 00:28:18

ความคิดเห็นที่ 25 ลูกลอยไม่ชนกับอะไรครับ ห้อยตรงดิ่งเลยทีเดียว แต่ช่างเพิ่งทำเสร็จเมื่อวันเสาร์ และบ้านยังไม่มีคนอยู่ประจำ เลยยังบอกไม่ได้นะครับว่ามันทำงานตอนน้ำกี่เเปอร์เซนต์ ปั๊มน้ำไม่น่าใหญ่มากมั้งครับ รู้สึกตัวบน 300-350W ตัวล่าง 400W เยอะเกินไปไหมครับ กันดูดพานาโซนิคที่ซื้อมาเป็นขนาด 30A ครับ จุดที่ใช้คุมเป็นเครื่องซักผ้าตัวเดียว โหลดคงไม่มีทางเกินมั้งครับ แบบนี้ใช้ 30A ไปได้เลยไหมครับ ไปเปลี่ยนเป็นขนาดเล็กกว่านี้ไม่แน่ใจว่าร้านมีให้เปลี่ยนไหม เข้าใจว่าขนาดนี้คงไว้ใช้กับน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นแน่ๆครับ จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 08:42:10

ความคิดเห็นที่ 26 ลูกลอยน่าจะคุมแค่ปั้มตัวเดียว คือตัวล่าง เอาไว้สั่งให้ปั้มล่างเติมน้ำขึ้นมา ดังนั้นโหลดมันก็คือ 400W  ลูกลอยไฟฟ้ารับเองได้อยู่แล้ว ลูกลอยไฟฟ้าไม่น่าจะเสียเพราะโหลดเกิน  ลองเปลี่ยนตัวใหม่หรือลองดูอาการอีกสักครั้ง (ระวังกรณีน้ำอาจล้นด้วย ถ้ามันไม่ตัด) ปกติผมชอบออกแบบให้ลูกลอยมาสั่งแม็กเนติกส์อีกชั้นมากกว่า เพื่อว่าเวลาปั้มมีปัญหาโอเวอร์โหลด ลัดวงจร หรือเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ดึงกระแสเกินกว่าพิกัดเดิมจะไม่กระทบกับตัวลูกลอยไฟฟ้า และลดโหลดให้กับลูกลอยไฟฟ้าด้วย โดยใส่เป็นตู้เล็กๆพร้อมไฟแสดงสถานะว่าปั้มทำงาน มีสวิทช์คุม กันดูดตัวเล็กๆพวกนั้น มันทนได้ 30A  พวกนี้มันตัดแต่ไฟรั่วครับ ดูว่ามันรับกับโหลดเราพอก็ใช้ได้ ซึ่งเครื่องซักผ้าเต็มที่(ระบบน้ำร้อน)ก็ราวๆ สิบแอมป์เอง  สบายๆไม่เกิน 30A แน่ๆ   อีกอย่างระบบเดิมต้องมีระบบตัดไฟลัดวงจรหรือไฟเกินอยู่ก่อน แล้วก็ใส่เจ้าตัวนี้เสริมเข้าไปเพื่อเพิ่มฟังก์ชันตัดไฟดูด  ที่ซื้อมาก็เอาไปใช้ได้เลยไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนให้มีแอมป์ลดลง จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 04:51:34