ความคิดเห็นที่ 1 พ่อเคยใช้สายไฟต่อกับหลังตู้เย็น แล้วลากไปต่อกับเหล็กแท่งยาวๆ ฝังลึกลงไปในดินครับ จากคุณ : I-Present เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 09:31:11

ความคิดเห็นที่ 2 ไปหาซื้อ "หลักสายดิน"  จากร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า แบบที่เหมือน โทรศัพท์เขาใช้ต่อกับปลั๊กกันฟ้า มาตอก ระวังอย่าตอกใหล้โคนเสา อาจจะลงไปโดนฐานแผ่ แล้วตอกไม่ลง เลือกหลักอันที่ยาวไม่น้อยกว่า 1 เมตร (ยิ่งยาว ยิ่งดี แต่ตอกยาก และแพง) ให้ดีตอกณ จุดที่ดินเปียกชิ้นด้วย  แต่ต้องระวัง จุดที่ว่า มักจะมีถังบำบัด ตอกลงไปเจาะเอาถังบำบัด เด๋อยวมาด่าคนแนะนำ จากนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใด ที่มีตัวถังเป็นเหล็ก/โลหะ ก๋ควรต่อสายดินจากตัวถังไว้ ก่อนจะต่อ ให้ "ขูดๆ สี" ตรงจุดที่จะต่อ ให้ถึงโลหะ เพื่อเพิ่มเนื้อที่จุดสัมผัสที่จุดต่อ ถ้าตัวถังไม่เป็นโลหะ  แต่อยากต่อ ก็ต้อง แก้เข้าไปต่อถึงชิ้นส่วนข้างใน ถ้าไม่มีสายดินโผล่มาที่ปลั๊ก คอมพิวเตอร์ ถ้าอยู่ชั้นบน พื้นเป็นไม้ ก็ไม่จำเป็น  แต่ถ้าเป็นพื้นกระเบื้อง ไฟดูด อาจจะแก้โดยปูเสื่อน้ำมัน ไฟจะไม่ดูด และกลับปลั๊กเสียด้วย คงแนะนำได้คร่าวๆ เท่านี้  รอช่างไฟตัวจริง มาอรรถาอธิบายเพิ่มด้วยครับ จากคุณ : ขอนเก่า เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 10:32:29

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าบ้านมีระบบสายดิน จะมีสายดินหลักออกไปนอกบ้าน, กับสายดินที่ต่อจากแป้นสายดินในตู้ไฟ (สายสีเขียว) เดินสายมาคู่กับสายไฟภายในบ้าน หรือถ้าเป็นสายแบนของเต้ารับจะมีสายข้างใน 3 สายครับ 1. เปิดตู้ไฟ หรือดูที่แผงไฟครับ นอกจากสายไฟเมนที่ออกไปยังมิเตอร์แล้ว จะมีสายไฟอีกเส้นที่ขนาดเท่ากัน หรือใหญ่กว่า สายเส้นนี้จะยึดอยู่กับแป้นสายดินที่ตู้ไฟ ส่วนปลายที่ออกไปนอกบ้านก็จะไปลงที่พื้นดิน ถ้าขุด ๆ ตามสายนี้ลงไป จะต้องเจอหลักดินทองแดงครับ 2. ติดตั้งระบบสายดินหลักที่ตู้ไฟก่อนครับ แล้วค่อยซื้อสายดิน (สีเขียว) เดินจากแป้นสายดินที่ตู้ไฟ ไปยังตำแหน่งเต้ารับต่าง ๆ ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าครับ จริง ๆ แล้วถ้าเดินไฟเป็นระบบ มันจะมีเมนสายดินภายในก่อน แล้วค่อยแยกไปยังเต้ารับครับ จากคุณ : durian to go เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 11:57:55

ความคิดเห็นที่ 4 หนักใจหน่อยครับ แต่เสนอว่าเผื่ออนาคต ปล๊กทุกที่ต้องมีสายดิน( 3รู)ด้วย ตู้เบรกเกอร์เมน ต้องทำ เมนกราว์ดมาก่อนครับ  ถ้ามีโชคดีไป เพราะส่วนมากจะอยู่กลางบ้านต้องทุบพื้นเพื่อตอกแท่งG  ปกติสายต้องสั้นที่สุด ขนาดสายจริงๆมีกำหนดจากระยะสายอยู่ ไม่คิดมากขนาด 25-35 ไปเลย เฉพาะGสายเมนนะครับ บ้านกี่ปีไม่แน่ใจ ถ้าเกิน 10ปี เปลี่ยนสายใหม่เลยครับ เดินสายปล๊กใหม่ มีสายที่นิยม 2แบบ  คือ 2.5+G มีขายปกติ ราคาไม่แรงมาก แต่ถ้าใช้ wath มากๆควรเปลี่ยน   แบบสายเดี่ยว มีใช้กันมากในปัจจุบัน เดินในท่อ ถ้าเป็นท่อเหล็ก ท่อนั้นต้องเชื่อมกับ G ด้วย   โดยรวมๆราคาเอาเรื่องอยู่แต่ก็คุ้มครับ *ปล  เน้นนะครับ สายที่มีไฟ ต้องผ่านเบรกเกอร์ก่อนทุกครั้ง ตายมามากแล้ว ปิดเบรกเกอร์แล้วแต่ไฟยังมาตามสายอีกเส้นที่ไม่ผ่านเบรกเกอร์อยู่   วิธีตรวจสอบคือ หาซื้อใขควงวัดไฟ 25-35บาท ที่จิ้มแล้วไฟติดถ้ามีไฟ ให้ปิดเบรกเกอร์ปล๊กไฟ แล้วไล่จิ้มทั้ง2รูดู เพราะช่างรีปมีมาก บางที่มีจุดแยกสายมากต่อสลับเส้นก็มี แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 54 12:46:38 จากคุณ : คออ่อน เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 12:33:36

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณทุกท่านครับ แต่อ่านแล้วเหนื่อยใจครับ เพราะว่าการแก้รื้อเรื่องระบบไฟนี่ผมไม่กล้าแน่เพราะกลัวไฟดูดมากๆ ถ้าทำอย่างนี้ได้ไหมครับ คล้ายแบบท่านขอนเก่าว่า 1.ตอกหลักสายดิน(หลักทองแดง) ลงไปที่พื้นดินตรงไหนซักแห่งของบ้านที่ตอกง่ายที่สุด 2.ต่อสายดินจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นจะต้องมีสายดินจากด้านหลังเครื่องที่สัมผัสโลหะ 3.เดินสายดินจากเครื่องใช้ไฟฟ้าจากข้อ 2. มามัดรวมไว้ที่เสาหลักดินที่เดียวกัน อย่างนี้ไม่ทราบว่าสามารถป้องกันไฟดูดได้หรือไม่ ขอบคุณครับ จากคุณ : หวานใจเอ็นเจ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 14:21:13 A:123.242.139.217 X: TicketID:338585

ความคิดเห็นที่ 6 1. จะรู้ว่าระบบไฟฟ้าที่บ้านมีสายดินต่อไว้หรือไม่ ให้ดูจากตู้ควบคุมไฟฟ้าหลักของบ้าน (เมนสวิตซ์) แล้วไล่สายดู สายที่เข้าตู้นอกจากสาย L และ N จะต้องมีสายดินต่อมาจากหลักกราวนด์ โดยมากมักใช้สายทองแดงหุ้ม PVC สีเขียวเป็นสายกราวนด์ ส่วนการสังเกตจากปลั๊กไฟนั้นไม่แน่นอน แม้จะมี 3 รู แต่อาจไม่มีสายกราวนด์ก็ได้ ให้ถอดปลั๊กออกมาดูว่ามีสายกราวนด์หรือไม่ และแม้จะมีสายกราวนด์แต่ก็ไม่แน่ว่าจะต่อกับหลักกราวนด์ไว้หรือไม่ ต้องไล่สายให้แน่ใจว่ามีหลักกราวนด์และต้องวัดค่าความต้านทานได้ไม่เกิน 5 โอห์ม จึงจะทำให้ไฟไหลลงกราวนด์ได้สะดวกในกรณีที่มีไฟรั่ว ที่สำคัญจะต้องมีการเชื่อมต่อสาย N มายังระบบกราวนด์ในตู้ควบคุมไฟฟ้าหลักด้วย เพื่อความปลอดภัยในกรณีที่ไฟฟ้าลงกราวนด์ไม่สะดวก 2.ตามที่คุณขอนเก่าแนะนำไว้ หรือ http://www.mea.or.th/apd/4/main.htm http://www.clef-audio.com/pic/correct_grounding.pdf จากคุณ : เพื่อนร่วมโลก เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 15:21:24

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณเพื่อนร่วมโลกครับ พอจะเข้าใจแล้วครับ แต่ยังสงสัยว่าช่างที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นก็ลงสายดินเองไปที่พื้นบ้าน ช่างติดโทรศัพท์ก็ติดสายดินให้ลงไปที่พื้นด้วย อย่างนี้จะได้ดีเหรอครับ โดยเฉพาะเครื่องทำน้ำอุ่นถ้าระบบสายดินไม่ถูกต้องก็น่ากลัว จากคุณ : หวานใจเอ็นเจ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 10:15:09 A:123.242.139.217 X: TicketID:338585

ความคิดเห็นที่ 8 การติดตั้งหลักดิน(กราวนด์) ควรติดตั้งแค่จุดเดียวเป็นหลักแล้วต่อกับตู้ควบคุมไฟฟ้าหลักของบ้าน ไม่ควรต่อที่แต่ละอุปกรณ์ เพราะหากทำเช่นนั้น กรณีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดไฟรั่ว ไฟที่รั่วจะไม่กลับไปที่ระบบกราวนด์ในเมนสวิตซ์ แต่จะพยายามลงหลักกราวนด์ที่ตัวอุปกรณ์นั้น และหากหลักกราวนด์ที่ต่อที่อุปกรณ์มีความต้านทานสูง(หลักกราวนด์สั้นไป จุดเชื่อมต่อหลักกราวนด์กับสายกราวนด์เกิดสนิมผุกร่อน หรือความชื้นใต้ดินต่ำ) ไฟอาจจะรั่วกรณีมีความชื้นบริเวณเครื่องใช้ไฟฟ้าสูง หรือเปียกน้ำ ไฟที่รั่วนั้นอาจจะรั่วมาทางพื้นดิน พื้นปูน หรือผนังบ้านแล้วแต่กรณี ช็อตคนที่อยู่ใกล้กับเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นได้ อันตราย ช่างที่ต่อหลักดินที่บริเวณใกล้ๆกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเลยนั้น หากบ้านนั้นมีระบบกราวนด์อยู่แล้ว แสดงว่าช่างมักง่ายมาก ขี้เกียจเดินสายกราวนด์ จากคุณ : เพื่อนร่วมโลก เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 11:04:02