ความคิดเห็นที่ 1 เงินมัดจำ คงไม่มาก แต่ตอนโอน ขอเป็นเงินสดหรือแคชเชียร์เช็ค เท่านั้นครับ (เงินสดต้องเสี่ยงถือ แคชเชียร์เช็คปลอดภัยกว่าครับ) จากคุณ : ขาประจำบัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 14:31:16 A:58.9.35.22 X: TicketID:306898

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องการรับเงิน ไม่ต้องกังวลหรอก  ก็ให้ผู้ซื้อจ่ายเป็นดราฟต์ หรือแคชเชียร์เช็ค ก็ได้  ไปซื้อแคชเชียร์เช็คที่ธนาคาร  เป็นเช็คระบุชื่อที่ธนาคารรับรอง  ยังไงก็ไม่มีเด้งแน่  ผ่านชัวร์ แต่ตอนรับเนี่ย  ต้องรับต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินนะครับ  ถ้าจะมีการรับเงินมัดจำบางส่วนก่อน  ก็สามารถทำได้โดยทำเป็นสัญญาจะซื้อจะขายกันเอง   เวลานัดโอน ก็นำสัญญาจะซื้อจะขายไปทำโอนที่สนง.ที่ดินอีกที ถ้าอยากทำให้พ่อตาแม่ยายประทับใจมากขึ้น  ลองหาทางวางแผนภาษีเพื่อลดค่าภาษีลงมาสิครับ  เพราะที่ดินแปลงใหญ่ และขายในราคาสูงแบบนี้ ปกติจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นจำนวนมากทีเดียว  แต่ก็สามารถจะวางแผนภาษีเพื่อให้เซฟภาษีลงมาได้อีกมากเลย จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 14:31:43

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณ คุณขาประจำบัตรผ่านครับ ขอบคุณ คุณรัษฎาครับ ภาษีที่จะต้องจ่าย จะถูกหักตอนรับเงินค่าที่ดินเลยใช่ไม๊ครับ ใครเป็นคนมาหักเราหรอครับจากสำนักงานที่ดินหรือว่าสรรพากรครับผม แล้วส่วนการวางแผนลดค่าภาษีเนี่ย มีวิธียังไงบ้างครับช่วยแนะนำด้วยนะครับ ถ้าไม่สดวกหน้าบอร์ดก็รบกวนหลังไมค์ก็ได้นะครับ จากคุณ : jill_nv เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 14:38:04

ความคิดเห็นที่ 4 หากว่าสะดวก ของตรงนี้เลยได้ไหมคุณ รัษฎา พอดีอยากทราบบ้าง เป็นความรู้ จากคุณ : บินวน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 14:47:06

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นเช็คครับจะมีสองแบบ จะโดนค่าธรรมเนียมด้วย แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าแบบไหนจะไม่เสียหรือโดนถูกกว่า เพราะเพื่อนเคยซื้อที่ดินแล้วโดนคนขายขอให้ออกค่าธรรมเนียมครับ ตอนนั้นราคาหลักล้านโดนค่าธรรมเนียมหลักพัน ส่วนภาษีต่าง ๆ จ่ายที่สำนักงานที่ดิน ปกติแล้วคนขายจะต้องจ่าย แต่บางทีก็ตกลงกันว่าใครจะเป็นคนจ่าย จากคุณ : durian to go เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:11:38

ความคิดเห็นที่ 6 คห.4 ต้องขออนุญาตที่บอกตรงนี้ไม่ได้ครับ   เป็นความรู้ที่ใช้หากินของผม เป็นวิชาชีพของผม  เหมือนกับเทคนิคของนักมายากล  เทคนิคใครก็ของคนนั้น   คงไม่เที่ยวบอกใครง่ายๆ หรอกครับ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับผม  ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปที่แนะนำได้  ก็แนะนำให้ครับ  แนะนำเป็นวิทยาทานมาเยอะแล้วด้วยครับ  แต่บางเรื่องก็ขอจริงๆ ครับ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:23:54

ความคิดเห็นที่ 7 เคยแต่เป็นผู้ซื้อ ถ้ารับเช็คต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดิน เขาจะคิดค่าภาษี ค่าธรรมเนียมตามยอดเงินนั้นนะคะ เพราะตอนเราซื้อแจ้งราคากับเจ้าหน้าที่ อีกราคานึงค่ะ เพื่อลดค่าธรรมเนียม พอเซ็นเอกสารทุกอย่างเสร็จ ได้โฉนดค่อยจ่ายแคชเชียร์เช็คไป แคชเชียร์เช็คค่าธรรมเนียมใบละ 20-30 บาท แล้วแต่ธนาคาร ใช้ข้ามจังหวัดไม่ได้ค่ะ ถ้าดราฟใช้ได้ทั่วประเทศแต่คิดค่าธรรมเนียมตามยอดเงิน จากคุณ : asujug เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:10:54

ความคิดเห็นที่ 8 ลองดูข้อมูลในกระทู้นี้ ครับ http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2011/04/R10445911/R10445911.html จากคุณ : i_nam เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:11:38

ความคิดเห็นที่ 9 ก้ต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย และวางเงินมัดจำ ระบุวันที่ในการโอนที่ดิน ส่วนเรื่องการวางแผนภาษีให้คุ้มค่า (อย่าบอกว่าโกงภาษีนะครับ) ช่วงนี้ยังไม่ขายก็นำโฉนดไปที่ สนง.ที่ดิน สอบถาม จนท.ขอทราบราคาประเมิน ตรว.ละเท่าไรจะเสียภาษีเท่าไร รู้แล้วก็กลับบ้าน เวลาขายก็แจ้ง จนท.ขายในราคาประเมิน แต่ทำสัญญาจะซื้อจะขายในราคาเต็ม เช่นที่ดินขายได้ 30 ล้าน แต่ประเมินรวมแล้วราคา 10 ล้าน ก้จะเสียภาษีแค่ 10 ล้านบาท วันโอนบอกคนซื้อจ่ายแคชเชียร์เช็ค 2 ใบ + เป็นเงินสดสำหรับจ่ายค่าภาษี ใบนึงจำนวนเงินเท่ากับราคาที่เราจะแจ้ง จนท. ที่ดินเพราะ จนท. จะขอดูเช็คยอดซื้อขาย อีกใบก็เป็นเงินที่เหลือทั้งหมด ในบางครั้งก็อาจต้องมีเงินพิเศษนิดหน่อยเป็นกำลังใจในการทำงานให้ จนท. ด้วยมากน้อยแล้วแต่เขตพื้นที่ครับ จากคุณ : ttttt เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:30:13 A:61.90.42.143 X: TicketID:312168

ความคิดเห็นที่ 10 คห. 9   วิธีของคุณ คงต้องเรียกว่า โกงภาษีแล้วครับ เพราะแจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงาน  และไม่สามารถใช้ลดค่าธรรมเนียมโอนและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายได้  เพราะในการคำนวณค่าธรรมเนียมโอนและภาษีหัก ณ ที่จ่าย  เ้จ้าหน้าที่จะคำนวณโดยใช้ฐานราคาประเมินทุนทรัพย์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับราคาซื้อขาย จะแจ้งสูงหรือต่ำกว่าราคาประเมิน  เจ้าหน้าที่ก็จะดูราคาประเมินเท่านั้น การแจ้งราคาซื้อขายสูงหรือต่ำ  มันใช้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีธุรกิจเฉพาะ หรืออากรแสตมป์   ซึ่งจะคำนวณจากฐานของราคาประเมินหรือราคาซื้อขายแล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า   แต่ถ้าที่ดินแปลงนี้ ผู้ขายได้มาเกิน 5 ปีแล้ว หรือว่าได้มาจากการรับมรดก  ฯลฯ ก็จะได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงภาษีูธุรกิจเฉพาะอีก   แต่จะไปเสียอากรแสตมป์แทน ซึ่งเสียแค่ 0.5%  ของราคาประเมินหรือราคาขาย ซึ่งไม่เยอะ  เพราะเสียแค่ร้อยละ 50 สต. เท่านั้น  การแจ้งราคาขายไว้ต่ำกว่าราคาประเมิน จึงไม่ช่วยลดอากรได้มากเท่าไหร่ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:45:27

ความคิดเห็นที่ 11 คห 10. ค่าธรรมเนียมโอนกับค่าอากรคิดจากราคาประเมินก็จริงครับ แต่เท่าที่ทราบมาภาษีเงินได้จะเสียตามอัตราก้าวกระโดด ถ้าขายได้เท่านี้ก็จะจ่ายภาษีตามเกณฑ์นี้ ถ้าขายได้มากก้จะเสียภาษีที่สูงขึ้น เพราะถ้าหากทุกอย่างเสียเท่ากันหมดในราคาประเมิน จนท.คงไม่ต้องถามราคาขายหรือขอดูแคชเชียร์เช็คยอดซื้อ-ขายครับก็คิดเอาจากราคาประเมินอย่างเดียวก็พอ จากคุณ : ttttt เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 18:35:33 A:61.90.42.143 X: TicketID:312168

ความคิดเห็นที่ 12 คห. 11 คุณ ttttt ผิดแล้วครับ  ค่าอากรแสตมป์คิดจากราคาประเมินหรือราคาขายจริง แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า ไม่ใช่คิดจากราคาประเมินเป็นหลักครับ และผมยังคงยืนยันว่า การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย  เจ้าหน้าที่จะคำนวณโดยใช้ฐานราคาประเมินทุนทรัพย์เท่านั้นครับ  จะไม่สนใจราคาซื้อขายว่าจะมากหรือน้อยกว่า  (กรณีนี้ไม่ได้แย้งคุณในเรื่องที่ว่าภาษีเงินได้คำนวณในอัตราก้าวหน้า เพราะอันนั้นทราบอยู่แล้วครับ) เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 49 ทวิ ของประมวลรัษฎากร  ลองอ่านดูนะครับ แล้วจะเข้าใจ มาตรา 49 ทวิ  การกำหนดราคาขายอสังหาริมทรัพย์ " ในกรณีที่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทนไม่ว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม ให้เจ้าพนักงานประเมินกำหนดราคาขายอสังหาริมทรัพย์นั้น โดยถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น" ส่วนที่เจ้าหน้าที่ต้องถามราคาขาย ก็เพราะว่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ นั้น คำนวณจากราคาประเมินหรือราคาขายจริง แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า  ( ในกรณีที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ก็ไม่ต้องเสียอากรแสตมป์อีก  แต่ถ้าเป็นกรณีการโอนที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ  ก็จะต้องเสียอากรแสตมป์ด้วย ) แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 19:35:26 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 19:34:10

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบในฐานะเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย และนายหน้ารับฝากขายบ้านอิสระ และต้องไปโอนกรรมสิทธิ์กับผู้ซื้อและผู้ขาย ในแง่ของตัวบทกฎหมายนั้นผมไม่ชำนาญการ แต่ที่กระทำการทุกวันนี้เวลาผมไปติดต่อโอนกรรมสิทธ์นั้น ค่าธรรมเนียมคิดจากราคาประเมิน ค่าอากรคิดจากราคาซื้อขาย ภาษีเงินได้คิดตามการเสียภาษีรายได้บุคคลตามอัตราก้าวหน้า ซึ่งก็คิดจากราคาซื้อขายที่ผู้ซื้อและผู้ขายแจ้งซื้อขาย ตามหนังสือ ทด 13 หรือ อช และที่ส่วนมากคนที่รู้ช่องทางก็จะแจ้งราคาซื้อขายสูงกว่าราคาประเมินไม่มากไม่น้อยจนน่าเกลียด และถ้าติดต่อเป็นประจำคุณจะรู้ไรอีกเยอะ ค่าใช้จ่ายในการโอน สามารถทำให้น้อยลงได้ก็แล้วกัน จากคุณ : หม่ำ บ่อนไก่ (suanplu) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 20:40:48

ความคิดเห็นที่ 14 เริ่มงงเล็กน้อย ต้องขอเวลาทำความเข้าใจอีกหน่อย แต่ก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลของทุกท่านมากๆครับ ที่ดินเป็นของแม่ยายที่ได้รับมรดกมาจากคุณพ่อของท่านเป็นเวลาหลายปีแล้วครับ ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆคงไม่มีปัญหาคุณแม่ยายบอกว่าถ้าปิดการขายโดยไม่ลดลงมาก ยอมออกเองครับ คนบ้านนอกใจดีครับ แต่เรื่องภาษีนี่เหละครับ ไม่รู้จะเอาความรู้ตรงไหนไปตอบท่านครับว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ครับ ถ้าผมบอกยอดเงินจะมีใครคิดให้ผมได้หรือเปล่าครับว่าเท่าไหร่(รบกวนมากไปหรือเปล่าครับเนี่ย) จากคุณ : เขียนบน iPhone (jill_nv) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 20:44:57

ความคิดเห็นที่ 15 คห.12 ผมไม่โต้แย้งในรายละเอียดของ คห. 12 ผมอาจจะจำผิดไปบ้าง แต่การแจ้งขายที่ดินในราคาประเมินหรือสูงกว่าราคาประเมินนิดหน่อย ผมคิดว่าจะเสียภาษีน้อยกว่าคุณว่าจริงไหมครับ (ถ้าไม่นำค่าอากรมาคิดว่าจะเสียเท่าราคาประเมินหรือราคาขายจริง) คือผมจำระดับเกณฑ์การเสียภาษีก้าวกระโดดไม่ได้ครับ ยกตัวอย่าง ที่ดินราคาประเมิน 9 ล้าน ถ้าผมแจ้งขายในราคา 10 ล้าน แต่ผมขายจริงราคา 30 ล้าน ระหว่างแจ้งขาย 10 ล้านกับ 30 ล้านเสียภาษีต่างกันมากแค่ไหน (ที่ผมตอบไปตอบมาผมไม่ได้มาอวดรู้-อวดเก่งนะครับเพียงแต่บางครั้งก็ได้ข้อมูลมาแบบนั้น ยินดีรับฟังความเห็นหรือคำแนะนำครับ ) อย่าเพิ่งพูดถึงคำว่าโกงภาษีครับ อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ -ก็เหมือนกับที่คนซื้อของแล้วส่วนมากจะบอกว่าไม่เอา VAT 7 %ไม่ต้องการใบกำกับภาษี -ก็เหมือนกับการสั่งซื้อของทางราชการ ที่ซื้อมาราคาแพงกว่าท้องตลาดทั้งที่ซื้อจำนวนมาก -ก็เหมือนกับคนที่มีอำนาจเวลามีเรื่องราวก็จะใช้เส้นเพื่อปูทางไปในทางสะดวก -ก็เหมือนกับคนที่มีอำนาจจะใช้ตำแหน่งในดึงธุรกิจหรือประมูลงานมาเป็นของตนหรือฝ่ายตนเอง -ก็เหมือนกับคนขับรถแล้วทำผิดโดนใบสั่ง ถ้าเป็น จนท. ด้วยกันจะโดนใบสั่งหรือไม่ คงมีอีกเยอะแต่ผมจำไม่ได้หมดครับ จากคุณ : ttttt เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 20:59:12 A:61.90.42.143 X: TicketID:312168

ความคิดเห็นที่ 16 คห. 13 ลองดูจากคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานที่ดิน ดูนะครับ  แล้วจะเข้าใจว่าการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายของการขายอสังหาฯ นั้น  เจ้าหน้าที่จะคำนวณจากราคาประเมินทุนทรัพย์เป็นหลัก  ไม่ใช่ราคาซืิ้้อขายแน่นอนครับ ดูได้จากลิ๊งค์นี้ครับ  "คู่มือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีอากร  การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน" จัดทำโดย สำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน  กรมที่ดิน http://www.dol.go.th/dol/images/medias/dol/dol/pdf/news35.pdf  (ดูหน้า 23 ข้อ 5.) จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 21:04:46

ความคิดเห็นที่ 17 คห. 15 ผมว่าคุณสับสนแล้ว ตอนนี้ เอาแค่เฉพาะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างเดียวก่อน จะได้ไม่สับสน จะเห็นว่า ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คำนวณในอัตราก้าวหน้า  ถ้าฐานที่ใช้ในการคำนวณสูงมาก ก็เสียภาษีมาก  แต่ถ้าฐานต่ำ  ก็เสียภาษีต่ำ  ถูกต้องแน่นอนครับ  ไม่มีใครเถียง แต่ถามว่า เราสามารถไปแจ้งราคาขายต่ำเพื่อใ้ห้เวลาเจ้าหน้าที่คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย  จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ต่ำได้หรือไม่   ต้องตอบว่า "ถึงแม้จะแจ้งราคาขายต่ำ  ก็ไม่ทำให้ภาษีหัก ณ ที่จ่ายต่ำลงแต่อย่างใดครับ  เพราะฐานที่ใช้ในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่่จ่ายนั้น  กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า "ไม่ว่าราคาที่ซือขายกัีนตามปกติในท้องตลาดของอสังหาฯ นั้นจะเ็ป็นอย่างไรก็ตาม  เจ้าหน้าที่่ไม่ต้องสนใจ  แต่ให้ถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เท่านั้น" ดังนั้น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะสูงหรือต่ำ  มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาขายที่เราแจ้ง  แต่อยู่ที่ราคาประเมินทุนทรัพย์เท่านัน ซึ่งมีกำหนดไว้ตายตัวแล้ว ไปเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ครับ ส่วนกรณีของค่าธรรมเนียมโอน ก็เช่นกัน  ยึดฐานจากราคาประเมินฯ เป็นหลัก  ดังนั้น  การแจ้งราคาซื้อขายไว้ต่ำหรือสูง  ไม่ได้ทำให้ค่าธรรมเนียมโอนเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ที่แจ้งราคาขายให้ต่ำไว้กว่าราคาประเมินไว้นั้น  จะมีผลกับตัวภาษีธุรกิจเฉพาะหรืออากรแสตมป์เท่านั้น (อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว) แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 21:15:50 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 21:14:15 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 21:13:09 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 21:10:55

ความคิดเห็นที่ 18 และคุณ ttttt  ต้องแยกให้ได้ระหว่างการวางแผนภาษี  กับการหนีภาษี/โกงภาษี การวางแผนภาษีนั้น ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ผิดกฎหมาย และไม่ทำให้ถูกสรรพากรประเมินให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น หรือต้องเสียค่าปรับเงินเพิ่มแต่อย่างใด เพราะเป็นวิธีการที่กฎหมายยอมรับ แต่การหนีภาษี/โกงภาษี  เป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย และสรรพากรมีอำนาจตามประเมินภาษีย้อนหลัง รวมทั้งเบี้ยปรับเงินเพิ่มได้ภายในอายุความ   การแจ้งราคาขายต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีูธุรกิจเฉพาะ  หรืออากรแสตมป์  เป็นความผิดอาญาฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และฐานหลีกเลี่ยงภาษี    เป็นการโกงภาษี/หนีภาษี   และสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษีย้อนหลัง เบี้ยปรับเงินเพิ่มได้หากได้ข้อมูลมาในภายหลัง แต่การวางแผนภาษีที่ผมหมายถึง มันไม่ใช่วิธีื่ทื่อๆ แบบนี้  เพราะวิธีืทื่อๆ แบบนี้  ใครก็ทำกัน  และทำกันมาตั้งนานแล้ว  แต่ถามว่ามันถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า และลดภาษีได้มากจริงหรือ   ก็ตอบได้เลยว่า ไม่ใช่ เพราะลดได้อย่างมากก็แค่ภาษีธุรกิจเฉพาะหรืออากรแสตมป์ (2ตัวนี้จะไม่เสียพร้อมกัน แต่เสียแค่ตัวใดตัวหนึ่ง)    แต่ไม่สามารถลดค่าธรรมเนียมโอน หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ได้   และถ้าเป็นการขายที่ดินที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว เช่นถือครองที่ดินมาเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี หรือขายที่ดินมรดก  ฯลฯ  ก็แทบจะไม่มีประโยชน์ที่จะต้องแจ้งราคาขายต่ำเลย แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 21:37:23 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 21:24:46 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 21:23:54

ความคิดเห็นที่ 19 แคชเชียร์เช็คปลอดภัยกว่าครับ ไม่เด้งด้วยระบุชื่อคนรับได้ด้วย จากคุณ : banarm เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 08:36:24

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ รัษฎา เข้ามาตอบอีกครั้งครับ ถ้าตามความเข้าใจผมก็เข้าใจแบบ คุณคห.13 หม่ำ บ่อนไก่ (suanplu) ในเมื่อภาษีรายได้เสียตามอัตราก้าวกระโดด ถ้าหากเราแจ้งราคาประเมิน(ไม่ใช่แจ้งต่ำกว่าราคาประเมิน)เราก็จะเสียภาษีในเกณฑ์ที่ต่ำ ถ้าหากเราแจ้งในราคาสูงก็จะเสียภาษีสูงในอัตราก้าวกระโดด การเสียภาษีจะสูงจะไม่เท่ากัน แต่ข้อความนี้ (ต้องตอบว่า "ถึงแม้จะแจ้งราคาขายต่ำ ก็ไม่ทำให้ภาษีหัก ณ ที่จ่ายต่ำลงแต่อย่างใดครับ เพราะฐานที่ใช้ในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่่จ่ายนั้น กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า "ไม่ว่าราคาที่ซื้อขายกัีนตามปกติในท้องตลาดของอสังหาฯ นั้นจะเ็ป็นอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่่ไม่ต้องสนใจ แต่ให้ถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เท่านั้น") คงหมายถึงแจ้งราคาต่ำกว่าประเมินใช่ไหมครับ แต่คำว่าแจ้งราคาสูงหรือต่ำ ผมหมายถึงราคาประเมินกับราคาขายจริง ไม่ใช่แจ้งราคาต่ำกว่าประเมินครับ จากคุณ : ttttt เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 09:47:34 A:58.8.112.81 X: TicketID:312168

ความคิดเห็นที่ 21 คห.20 คุณ ttttt บอกว่า "ผมหมายถึงราคาประเมินกับราคาขายจริง ไม่ใช่แจ้งราคาต่ำกว่าประเมิน" ลองอ่านกฎหมาย คือมาตรา 49 ทวิ (ในคห.12) และคู่มือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีอากร (ใน คห. 16) ที่ผมยกมาให้ดูดีๆ ครับ    จะเห็นว่า ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย    เค้าไม่ให้ไปสนใจราคาขายจริงเลยว่าผู้ซื้อผู้ขายจะตกลงราคาขายจริงเท่าไหร่  แต่ให้ถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เป็นหลัก   ฉะนั้น ราคาขายจริง จะเป็นเท่าไหร่  จะมากหรือน้อย  ก็จะไม่มีผลกระทบต่อการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา    เพราะภาษีตัวนี้จะมากหรือน้อย มันขึ้นอยู่กับราคาประเมินทุนทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งราคาประเมินทุนทรัพย์มันถูกกำหนดไว้ตายตัวแล้วในตารางบัญชีของกรมที่ดิน จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:19:20

ความคิดเห็นที่ 22 ฉะนั้น  ต้องจับหลักตรงนี้ให้ได้ก่อนว่า กฎหมายกำหนดให้ใช้ "ราคาขาย" หรือ "ราคาประเมิน"    ในเมื่อกรณีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า ต้องใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์เท่านั้น  แล้วคุณจะมาเถียงผมทำไม  ไม่เข้าใจ  เพราะถ้าคุณเถียงผม ก็เท่ากับคุณเถียงกฎหมาย   ผมเองก็หาหลักฐานมายืนยันแล้ว ในเมื่อกฎหมายบอกว่าให้ใช้ราคาประเมิน  ก็ต้องเป็นราคาประเมิน  ไม่ต้องเถียงแล้ว  ปวดหัว  และราคาประเมินนี่  เจ้าหน้าที่เค้าจะดูให้เอง เพราะเค้ามีตารางบัญชีราคาประเมินอยู่  ไม่ได้อยู่ที่เราแจ้งเจ้าหน้าที่ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:24:22

ความคิดเห็นที่ 23 แนะนำเป็นเเคชเชียร์เช็ค หรือดราฟท์ค่ะ ถ้าผู้ขายเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการโอนก็แบ่งเงินสดไว้โอนส่วนนึง (แนะนำให้ตรวจสอบค่าโอนกับกรมที่ดินก่อน)  เราจะได้ไม่ต้องเตรียมเงินสดจาำกที่บ้าน  เช่น            ณ.วันที่โอน ผู้ซื้อ จะต้องเตรียมเงินมาชำระค่าที่ดินให้ผู้ขาย จำนวน 10 ล้านบ้าน สมมติค่าโอน 5 แสนบาท ก็ให้ ผู้ซื้อ เตรียมแคชเชียร์แช็ค หรือ ดราฟท์ 9.5 ล้านบาท ส่วน 5 แสนบาทรับเป็นเงินสดค่ะ จากคุณ : mawee เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:37:24

ความคิดเห็นที่ 24 แบ่งโฉนดที่ดิน ออกเป็น 9 แปลง เพื่อกระจายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ต่ำลง รู้แค่นี้ เมื่อก่อนมีคนเฉลยไว้แล้ว จากคุณ : litwinwin เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:43:17

ความคิดเห็นที่ 25 คห.24   คุณ litwinwin จำำไม่ได้หรือครับ  ว่าผมส่งคำเฉลยให้คุณทางอีเมล์เอง  อิอิ ปล. แต่อย่าลืมว่าแค่แบ่งออกเป็น 9 แปลง ก็ยังไม่พอนะครับ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:19:59

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกข้อมูลอีกครั้งครับ เรื่องภาษี พ่อตากับแม่ยายคงยอมเสียเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหละครับ เค้าเป็นคนแบบนั้น ไม่ชอบซิกแซกเราก็ตามใจท่านครับ ส่วนเรื่องความรู้เรื่องการจ่าย การรับเงินต้องขอบคุณจริงๆครับไม่งั้นคงทำตะกุกตะกักเหมือนกัน ผมเข้าไปอ่านในลิ้งที่คุณ i_namลงไว้ ได้ความรู้เรื่องการระมัดระวัง18มงกุฎด้วย ขอบคุณนะครับ เพิ่งรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย แถมต้องระวังพวก18มงกุฎอีก จากคุณ : jill_nv เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:21:01

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่เป็นไรครับ  ดีแล้วครับที่ยอมเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย  เวลาไปที่ดิน ก็อย่าไปซิกแซก แจ้งราคาขายต่ำกว่าความเป็นจริงเหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกันล่ะครับ อย่างเคสของคุณนี่  สมมุติว่าราคาประเมินที่ดิน 50 ล้านบาท และพ่อตาแม่ยายถือครองที่ดินมาเกิน 10 ปีแล้้ว   คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย  จะเสียอยู่ประมาณ 5,850,000 บาท  ก็เกือบ 6 ล้าน  ต่อให้แจ้งราคาขายต่ำกว่านี้  คุณก็ต้องเสียเท่านี้ (จากราคาประเมิน 50 ล้านนะ) แต่ถ้าใช้วิธีวางแผนภาษีของผม  คุณจะเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายตัวนี้แค่ 2,049,930 บ.  ลดลงมาได้ 3,800,070 บ.  โดยไม่ผิดกฎหมาย สรรพากรไม่มีอำนาจประเมินย้อนหลัง จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:37:36

ความคิดเห็นที่ 28 จากกระทู้เดิม   วันนั้นมีคนได้คำเฉลยจากผมไปหลายครับ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 12:10:49