ชนิดของไม้(ชื่อ) และคุณสมบัติของไม้(ลาย,สี) มักเป็นสิ่งแรกที่ถูกคำนึงถึงในการนำไม้มาใช้ แต่โดยความจริงต้องคำนึงถึงองค์รวมทั้งหมด คือ
1.ชนิดของไม้
2.คุณสมบัติด้านต่างๆของไม้
3.อายุของไม้
4.แหล่งที่มาของไม้หรือถิ่นกำเนิด
5.ลักษณะการเลื่อยไม้ซึ่งทำให้เกิดลายไม้ที่แตกต่างและได้คุณสมบัติไม้ที่แตกต่าง
5.1 เลื่อยแบบ Rift Sawn ได้ไม้ลายตรง
5.2 เลื่อยแบบ Plain Sawn ได้ไม้ลายภูเขา
5.2 เลื่อยแบบ Through&Through Sawn ได้ไม้ทั้งลายภูเขา ลายตรง และลายเฉียง
6.ความชื้นของไม้
7.กรรมวิธีการอบ การอัดน้ำยาไม้ และน้ำยาเคมีที่ใช้อัดรักษาเนื้อไม้
8.การดูแลรักษาเนื้อไม้ที่เป็นผลิตภัณฑ์แล้ว
9.การใช้ไม้ให้ถูกต้องตามคุณสมบัติและถูกต้องตามสถานที่
ฯลฯ
จขกท.ต้องการไม้ทำหน้าต่างซึ่งต้องทนแดด ทนฝน ทนทาน และสวยงาม โดยเลือกไม้
1.ไม้สัก [ดูคุณสมบัติลายไม้และสีได้ที่ Google โดยพิมพ์คำว่า "ไม้สัก"] ไม้เป็นสีอ่อน ทำสี/ปรับสีได้ง่าย ราคาแพง ปัจจุบันมีผู้นำไม้อายุน้อย(ไม้ตัดสางสวนป่า,ไม้ปลูกเอกชน)มาผลิต ซึ่งไม้ไม่มีคุณสมบัติเหมือนไม้ต้นแก่
2.ไม้แดง [ดูคุณสมบัติลายไม้และสีได้ที่ Google โดยพิมพ์คำว่า "ไม้แดง"] เป็นไม้ราคาปานกลาง ไม่ควรถูกน้ำนาน(ถ้าโดนน้ำนานอาจปริปลาย,บวมได้ง่าย) และเปลี่ยนสีจากแดงเป็นแดงออกดำได้ง่ายกว่าไม้ตัวอื่น เหมาะกับใช้ภายใน
3.ไม้เต็ง(จิก) [ดูคุณสมบัติลายไม้และสีได้ที่ Google โดยพิมพ์คำว่า "ไม้เต็ง"] ปัจจุบันไม้เต็งไทยหายาก และไม้สักราคาสูงมาก จึงมีการนำไม้เต็งจากมาเลเซียซึ่งมีคุณสมบัติด้อยกว่าไม้เต็งไทยและมีราคาถูก หมู่บ้านจัดสรรจึงนิยมนำมาทำวงกบ บานประตู และหน้าต่าง
อย่างไรก็ตามไม้จะดีปานได การรักษาเนื้อไม้ด้วยน้ำยาหรือเคมี หรือการเคลือบผิวด้วยสีเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะด้านที่ถูดแดดถูกฝน และโดยรอบตัวทั้งบน ข้าง และด้านล่างของบาน เพื่อไม้ให้น้ำซึมเข้าตัวบานจนเกิดอาการบวมของไม้
แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 09:01:23