 |
แนะนำโครงการ soft loan อีกครั้ง
|
 |
โครงการดีๆ ที่ยังไม่ค่อยมีใครใช้บริการ อาจจะติดเงื่อนไขที่ต้องเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม พื้นที่ที่เป็นบ้านของตนเอง บ้านบิดามารดา ที่ทำงาน ที่พักอาศัย หรือ ที่ประกอบธุรกิจ ผลประโยชน์คร่าวๆ คือ 1. ใช้สิทธิได้ 1 คน ต่อ 1 สิทธิ ปัจจุบันอยู่ที่คนละ 1 ล้านบาท 2. ดอกเบี้ย 3% ช่วง 5 ปีแรก หลังจากนั้น ก็ MLR - % ตามแต่ละธนาคารจะกำหนด
ถ้าใครคิดจะ refinance ตอนนี้ก็เหมาะมากๆ เลยครับ จากดอกเบี้ย 3% 5 ปี ซึ่งผมว่าถูกที่สุดในท้องตลาดตอนนี้แล้ว สำหรับการกู้บ้านใหม่ผมไม่ทราบรายละเอียดนะครับ เพราะเพิ่งไปทำ refinance ที่ครบ 3 ปีพอดี
อยากแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ เผื่อใครกำลังมองหาทางลดดอกเบี้ยอยู่ ก่อนอื่นหลังจากเก็บข้อมูลแต่ละธนาคารมาเทียบแล้ว ก็พบว่า 1. ถ้าเงินกู้เหลือไม่สูงมาก (ไม่ใกล้หลักล้าน) ก็อาจไม่คุ้มในการ refinance ให้ใช้วิธีขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมครับ (Retention) แต่บางธนาคารก็ไม่มีนะครับ ลองคุยกับธนาคารดู 2. เงินกู้เหลือใกล้หลักล้านหรือมากกว่าล้าน แต่คิดว่าสามารถปิดยอดได้ภายใน 1-2 ปี ให้ติดต่อธนาคารที่มีดอกเบี้ย 0% นานๆ ตอนนี้ที่เห็นก็มี KBank KTB 3. เงินกู้เหลือเยอะ และเข้าเงื่อนไข soft loan ก็สมควรยื่นกู้ใหม่หรือ refinance เลยครับ หาคนกู้ร่วมได้ก็ยิ่งดี เพราะได้สิทธิคนละ 1 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีธนาคารของรัฐเข้าร่วม ของเอกชนที่รู้ก็มี KBank SCB BBL
ทั้งนี้ถ้าไม่เข้าเงื่อนไข ก็ลองดู ออมสิน(3.45% 3 ปีแรก), CIMB, TMB ที่คำนวนดูแล้วว่าดอกถูกในช่วง 3 ปีแรก (หลัง 3 ปีค่อยคิด refinance ต่อไป)
เนื่องจาก ผมเข้าเงื่อนไขตามข้อ 3 ก็เลยไปติดต่อทั้งหมด 4 ธนาคาร คือ SCB, KTB, BBL, KBank ซึ่งขอเล่าประสบการณ์แต่ละธนาคารคร่าวๆ นะครับ 1. SCB มาตั้งบู๊ตใต้ตึกที่ทำงานเลยได้ทราบเรื่อง แต่เอกสารไม่พร้อม(วันศุกร์ที่ 20 เม.ย.) จึงกรอกแบบฟอร์มและแจ้งว่าจะส่งเอกสารให้วันจันทร์(23 เม.ย.) วันจันทร์เตรียมเอกสารทั้งหมด โทรไปมือถือไม่รับสาย เลยอีเมล์แจ้งให้มารับเอกสาร พอวันพุธ(25 เม.ย.) ไม่มีการติดต่อกลับ เลยไปติดต่อธนาคารอื่น 2. BBL ติดต่อปั๊ป รับเรื่องปุ๊ป เอกสารพร้อม ผู้จัดการสาขาแจ้งว่าขั้นตอนทั้งหมดภายใน 2 อาทิตย์ เหอะ ๆ ไม่อยากเชื่อแต่ยื่นไปก่อน เพราะฟรีค่าประเมิน 3. เดินไป KTB ที่อยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่ท่าทางเนือยๆ บอกสาขาไม่มีการรับเรื่อง แค่รับเอกสารแล้วส่งต่อให้ฝ่ายสินเชื่อ(น่าจะเป็นศูนย์สินเชื่อส่วนกลางมั้ง) เลยเดินออกมา เพราะคิดว่าคงช้าแน่นอน 4. ข้ามถนนเดินไป KBANK สาขาที่ตัวเองเปิดบัญชีอยู่ คุยอยู่นาน แจ้งว่าต้องให้ศูนย์สินเชื่ออนุมัติเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือต้องทำประกันพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งผมเข้าใจว่าประกันอัคคีภัยนะบังคับทำแน่ แต่พิทักษ์ทรัพย์เนี่ยเป็นสิทธิของลูกค้า จึงตัดสินใจไม่ยื่นเรื่อง
ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียกับธนาคารใดทั้งสิ้น แต่จะบอกว่า BBL ดีที่สุดสำหรับกรณีผม และบริการเร็วจริง ผิดคาด โดยผมยื่นเรื่องวันที่ 25 เม.ย. เจ้าหน้าที่โทรมาวันที่ 30 เม.ย. เพื่อนัดประเมินในวันที่ 2 พ.ค. วันที่ 9 พ.ค. แจ้งผลการอนุมัติผ่าน SMS (นับวันทำการแค่ 8 วัน โอ้แม่เจ้า!!!) วันที่ 10 พ.ค. จึงไปยื่นไถ่ถอนจากธนาคารต้นทาง หลังจากรอธนาคารต้นทางแจ้งอัตราลดดอกเบี้ย(ซึ่งแพงกว่า refinance อยู่ดี) ก็ได้วันนัดโอนเป็นวันที่ 25 พ.ค. (เมื่อเช้าที่ผ่านมานี่เอง) ไปยื่นเรื่องสำนักงานที่ดินประมาณ 2 ช.ม. ก็เสร็จเรื่องราวทั้งหมด
ปัจจุบันผมก็ได้โอนมาเป็นลูกหนี้ BBL แล้วครับ สำหรับใครที่เคยคิดว่า BBL น่าจะล่าช้า หรืออื่นๆ ขอแนะนำให้ลองติดต่อที่สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ครับ ท่านอาจจะเปลี่ยนความคิดเหมือนผมก็เป็นได้
เพิ่มเติมเทคนิคที่บางท่านก็ทราบอยู่แล้วคือ 1. ถ้ามั่นใจว่าโอกาสผ่าน refinance สูง ให้ยื่นเรื่องไถ่ถอนจากธนาคารต้นทางเลย เพราะใช้เวลานานกว่าจะเสนอลดดอกเบี้ย ในกรณีที่อนุมัติ refinance จะได้รีบโอน(กรณีผมล่าช้าไป 10 กว่าวัน โดนดอกเบี้ยกินไปอีกเป็นพันนะครับ) หรือกรณีไม่ได้รับอนุมัติก็ไปรับอัตราลดดอกเบี้ยของธนาคารเดิมได้เลย 2. ธนาคาร SCB ค่าประเมิน 2500, KBANK 2700, BBL และ KTB ประเมินฟรีครับ
ข้อมูลที่เขียนนี้ จำๆ มาจากประสบการณ์ที่เพิ่งจะ refinance มานะครับ ขาดตกบกพร่องยังไง ก็หาข้อมูลเพิ่มจากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการดูครับ หรือสอบถามข้อสงสัยหน้าไมค์ หลังไมค์ ถ้าเข้ามาตอบได้ก็จะช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ครับ
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 55 16:00:30
จากคุณ |
:
ท่านทักษิณ
|
เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ค. 55 15:57:35
|
|
|
|  |