|
การติดตั้งประปาจากส่วนภูมิภาคหรือนครหลวง ต้องมีเลขที่บ้านได้รับอนุญาตจากส่วนราชการก่อน ถ้าไม่มีเลขที่บ้าน จะได้มิเตอร์น้ำแบบชั่วคราว ค่าน้ำค่อนข้างแพงกว่าอัตราปกติ
ถ้าขอมิเตอร์น้ำขนาดหนึ่งนิ้วได้ยิ่งดี น้ำจะมีแรงดันและปริมาณน้ำมากกว่าท่อขนาดเล็กทั่วไป ตามหลักการที่ถูกต้องแล้ว ห้ามติดตั้งปั้มน้ำดูดน้ำโดยตรงจากท่อประปา เพราะจะทำให้บ้านข้างเคียงน้ำแทบไม่ไหลเลย รวมทั้งเวลาน้ำขุ่นหรือสกปรกจะไหลเข้าท่อในบ้านเร็วขึ้น
แต่ในเมืองใหญ่มักจะมีบางบ้านลักไก่กันทำ ถ้าการประปาตรวจจับได้มักจะมีค่าปรับ แต่นาน ๆ ครั้ง จะเห็นพนักงานประปาไปทำงานสักที ต้องมีคนร้องเรียนมาก ๆ หรือสงสัยว่า น้ำไหลผิดปรกติ drop ในท่อน้ำมาก ๆ จึงจะไปทำการตรวจสอบย้านต้องสงสัย
เมื่อได้ประปาแล้วทางปฏิบัติที่ถูกต้อง จำเป็นต้องมีถังพักน้ำจากน้ำประปาก่อน เพื่อสูบหรือปั้มไปใช้งานในชั้นสองและสาม ชั้นล่างต่อตรงได้เลย แทบไม่จำเป็น ต้องผ่านปั้มน้ำแรงดันใช้งาน ต้องมีพื้นที่ในการวางถังพักน้ำด้วย
แต่บางแหล่งโชคดี แรงดันน้ำประปาสูงมาก สามารถดันน้ำขึ้นชั้นสองชั้นสามได้สบาย ๆ เลย เจ้าของบ้านที่โชคดีแบบนี้หาได้ไม่มากนัก
การคำนวณการใช้น้ำประจำวันของแต่ละคน หลักการเดิมที่มักจะใช้คำนวณคือ 200 ลิตรต่อคนต่อวัน ถ้ามี 10 ห้อง ห้องละ 2 คน จะมีการใช้น้ำรวมวันละ 20*200= 4,000.- ลิตรต่อวัน หรือต้องเตรียมน้ำสำรองไว้ประมาณนี้ หรือควรจะมากกว่านี้ในแต่ละวัน เผื่อน้ำประปาไม่ไหล หรือน้ำประปาไหลไม่ทัน แต่บางสูตรหรือบางราย จะคำนวณน้อยกว่านี้ตามประมาณการ แนะนำว่าควรจะประมาณการอย่างต่ำ 100-150 ลิตร/วัน/คน
ถ้้าในเมืองใหญ่ ระบบประปา การจ่ายน้ำประปามีปัญหาน้อย ไม่ต้องจัดเตรียมถังสำรองน้ำไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดมาก แต่ประมาณการว่าถังเก็บพักน้ำควรมีขนาดอย่างน้อย 1,000 - 2,000 ลิตรต่อวัน ถ้าได้น้ำประปามาเติมเต็มเร็ว ค่อยทะยอยปั้มน้ำไปใช้งานได้ ถ้าคนพักใช้น้ำไม่ค่อยพร้อม ๆ กัน
การใช้น้ำในบ้านให้เช่า ถ้าใช้ปั้มน้ำแบบแรงดันให้น้ำจ่ายทุกห้อง ค่อนข้างจะเปลืองไฟฟ้าและมีเสียงรบกวน รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายของเจ้าของกิจการ ที่ผลักภาระให้ผู้เช่าค่อนข้างยาก
แต่ถ้าสูบน้ำจากถังพักด้านล่าง แล้วขึ้นไปเติมเต็มถังพักน้ำบนดาดฟ้าข้างบน ยกถังน้ำสำรองข้างบนด้าดฟ้าให้สูง ตามที่ผู้รู้ในพันทิปหลายท่านแนะนำ อย่างน้อยต้องสูงประมาณ 7 เมตร จะทำให้จ่ายน้ำได้ดีกว่าปกติ แต่ต้องคำนวณโครงสร้างการรับน้ำหนักอาคารก่อนทำการ
เพราะน้ำหนักน้ำประมาณการ หนึ่งลิตร หนักประมาณหนึ่งกิโลกรัม โดยประมาณ ข้างบนมีถังพักน้ำขนาด 4,000.-ลิตร หรือ 4 ลูกบาศก์ลิตร หรือ 4 คิว น้ำหนักโดยประมาณคือ 4 ตัน จึงต้องมีการคำนวณเรื่องโครงสร้างและการรับน้ำหนักให้ดี ลองปรึกษาวิศวกรเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
เพราะตัวอย่างประวัติศาตร์ โรงแรมที่โคราชแห่งหนึ่ง โครงสร้างตึกวิบัติจนพังถล่มลงมา มีคนเจ็บคนตายจนเป็นข่าวเกรียวกราว เพราะการบรรจุถังพักน้ำบนดาดฟ้าจำนวนมาก โดยไม่ผ่านการคำนวณและวิเคราะห์โครงสร้างในการรับน้ำหนักอย่างแท้จริง
ควรแยกท่อน้ำในแต่ละชั้น ไม่ควรใช้ท่อรวมแล้วเดินแยกลงไปในแต่ละชั้น จะมีประโยชน์ในเรื่องแรงดันน้ำ และการบำรุงรักษาซ่อมแซมในระยะยาว สามารถปิดเฉพาะชั้นที่มีปัญหาได้ นอกเหนือจากการปิดซ่อมแซมเฉพาะห้องพัก แต่ต้องยอมรับก่อนในเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นบ้าง ในระยะยาวจะประหยัดและสะดวกในการทำงาน
ถังพักน้ำข้างบนดาดฟ้ากับข้างล่าง ถ้าจะสูบขึ้นไปใช้งานข้างบน ต้องทำงานสัมพันธุ์กัน เช่น ข้างบนเหลือน้ำอยู่ประมาณ 2,000 ลิตร ถังข้างล่างที่บรรจุน้ำเตรียมไว้ 2,000.-ลิตร จะเีริ่มทำงานปั้มน้ำขึ้นไปเก็บไว้บนถังบาดาลข้างบนเลย ควรเป็นระบบอัตโนมัติที่บำรุงรักษา ซ่อมแซมง่าย รวมทั้งควรจะทนทานต่อการใช้งานหนัก ตั้งแต่ ปั้มน้ำ ลูกลอยน้ำ ลูกลอยไฟฟ้า วงจรไฟฟ้าเปิดปิดเครื่องปั้มน้ำ ตู้ Control ระบบน้ำ+ไฟฟ้า การติดตั้งควรติดต่อช่างไฟฟ้าที่ชำนาญงาน หรือมีประสบการณ์ในการนี้ แทนการลองผิดลองถูก หรือลองศึกษาจากคลังกระทู้เก่า ๆ ได้ มีผู้รู้หลายท่านแนะนำเรื่องแบบนี้ไว้มาก
มิเตอร์น้ำถ้าไม่ใช่เป็นห้องน้ำรวม ควรติดตั้งประจำห้องพักแต่ละห้อง อย่าใช้วิธีการเหมาจ่ายรายเดือน แนะนำใช้มิเตอร์ยี่ห้อ sanwa ของจีนไม่แนะนำให้ใช้งาน เพราะชำรุดเสียหายง่ายมาก ไม่มีร้านรับซ่อมแซมเหมือน sanwa แ่ต่ต้องทำใจเพราะราคาแพงกว่าเจ้าอื่น
ที่แนะนำติดตั้งมิเตอร์น้ำประจำห้องพัก แทนการเหมาจ่ายแบบรายเดือน เพราะลูกค้าบางรายหลง ๆ ลืม ๆ หรือไม่รับผิดชอบ ต้องการแกล้งเจ้าของ เปิดน้ำใช้แบบทิ้ง แบบขว้าง หรือเปิดไหลเอื่อย ๆ
รวมทั้งชักโครกแบบลูกลอยน้ำ ถ้าเกิดมีการชำรุดภายในเกิดขึ้นแล้ว น้ำไหลทิ้งมักจะไม่รู้เลย หรือรู้แล้วไม่ยอมแจ้งให้เจ้าของทราบ ปรากฎว่าปริมาณน้ำใช้เพิ่มขึ้นสูงผิดปรกติ ดังนั้นจึงปรากฎว่า หอพักมหาวิทยาลัยบางแห่ง หรือแฟลตบางแห่ง จะทะยอยเปลี่ยนเป็นโถส้วมแบบนั่งราบ แต่ให้ใช้น้ำราดแทนการใช้ชักโครกแบบลูกลอย เพราะน้ำรั่วซึมแบบนี้ตรวจยากมาก บางครั้งต้องเงียบสนิทจริง ๆ จึงจะเงื่ยหูฟังได้ว่ามีน้ำไหลทิ้ง รวมทั้งมิเตอร์ในห้องพักแทบจะไม่กระดิกเลย
การเก็บค่าน้ำจากการใช้งานตามมิเตอร์ ถ้าใช้นำประปาต้องคำนวณ ตามอัตราจากค่าน้ำที่ใช้รวมทั้งหลังจริง ตามที่การประปาเรียกเก็บค่าน้ำ แล้วค่อยมาคำนวณเฉลี่ยต่อห้องต่อหน่วย บวกกำไรเล็กน้อย หรือบวกจากค่าประกันมิเตอร์น้ำ
เพราะถ้ามีการใช้น้ำปริมาณมาก ๆ แล้ว ราคาต่อหน่วยจะแพงมากกว่า การใช้งานตามบ้านพัก เพราะจะเข้าเป็นอัตราก้าวหน้า ยิ่งใช้น้ำมากแล้ว ค่าน้ำจะแพงมากขึ้น
ที่มาของข้อมูล
http://www.pwa.co.th/service/tariff_rate.html
ดังนั้นไม่ควรใช้วิธีการคำนวณค่าน้ำแบบเหมาจ่าย ถ้าใช้เกินลูกบาศ์ลิตรที่กำหนดจะคิดเงินเพื่ม ตามที่บางรายหรือชาวบ้านมักจะบอกต่อ ๆ กัน
การใช้แบบเหมาจ่ายเหมาะสำหรับ การใช้น้ำบาดาลมา treatment หรือกรองน้ำมาใช้งาน ต้นทุนจะต่ำกว่าน้ำที่ใช้จากการประปาส่วนหนึ่ง
ขอเพิ่มเติมข้อมูลอีกส่วน อาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์มากนักครับ
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
10 มิ.ย. 55 13:59:52
|
|
|
|
|