ความคิดเห็นที่ 1 เป็นกันทุกแบงค์   หากจะกู้ก็โดนทุกดอก จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 00:46:57

ความคิดเห็นที่ 2 ผมขอด่า จขกท. ครับ... 1. ก่อนเซ็นสัญญาใดๆ จะต้องอ่านให้ละเอียด อ่านให้เข้าใจ ติดปัญหาตรงไหนหรือไม่เข้าใจอะไร ก็ให้ทักท้วง แก้ไข ให้เรียบร้อยก่อนเซ็น ไม่ใช่ห่วงแต่กลัวไม่ได้อนุมัติ เซ็นๆไป แล้วมาโวยวายทีหลัง มันไม่มีประโยชน์ครับ 2.เงินที่หักเกิน เค้าจะเอาไปตัดต้นเพิ่มให้ครับ แสดงว่าต้นเราจะลดลงมากขึ้น ทำให้เวลาเอาไปคิดดอกเบี้ยก็จะน้อยตามไปด้วย เค้าถึงเรียกว่าคิดดอกเบี้ยแบบ ลดต้นลดดอก ไงครับ จขกท. จะได้เสียดอกน้อยลง แต่ถ้าเราคิดว่าจำนวนที่เขาหักเกินทำให้เราเดือดร้อน เงินไม่พอใช้ ก็ไปขอลดเงินส่งรายเดือนลงเท่ากับสัญญาได้ครับ เพราะเรามีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ธนาคารปฏิเสธไม่ได้ ลองคุยใหม่ดูครับ 3.ประกันชีวิต จะเรียกว่ายัดเยียดคงไม่ได้ เพราะถ้าเรายืนยันจะไม่เอา เค้าก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเราได้ครับ เพียงแต่ถ้าทำก็อาจจะได้ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงนิดหน่อย(แบบที่ผมเคยทำ)หรือมีโอกาสที่จะอนุมัติง่ายขึ้น ถ้า จขกท. ไม่อยากทำ ทำไมถึงยอมเซ็นล่ะครับ แล้วไม่ได้อ่านในรายละเอียดเหรอว่าเค้าจะแยกคิดดอกเบี้ยตรงนี้ต่างหากเป็นร้อยละ 8 ซึ่งตัวเลขพวกนี้มีอยู่ในสัญญาแน่นอน จะมาโวยวายทีหลังไม่ได้.. อยากฝากไว้นิดนึง ในเรื่องการทำประกันชีวิตกับการกู้ซื้อบ้าน ผมมีมุมมองดังนี้ 1. ถ้าเราไม่ใช่คนหารายได้หลักของครอบครัว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำครับ เพราะถึงแม้เราตายไปคนที่เหลือก็สามารถผ่อนต่อไปได้ ทำให้ครอบครัวมีบ้านอยู่ไม่โดนยึด 2. ถ้าบ้านหลังที่ซื้อ เป็นบ้านหลังที่ 2 ซึ่งไม่ใช่บ้านหลัก ก็ไม่จำเป็นต้องทำครับ เราตายไปก็แค่บ้านโดนยึด ครอบครัวเรายังมีบ้านหลักอยู่ 3.แต่ถ้าเราเป็นคนหารายได้หลักและบ้านที่ซื้อเป็นบ้านหลักหลังเดียวของครอบครัว อันนี้จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง(เหมือนที่ผมทำ) เพราะถ้าเราตายไป อย่างน้อยก็การันตีได้ว่า บ้านไม่โดนยึด / พ่อ แม่ ลูก เมีย มีที่อยู่แน่นอน ไม่ต้องเร่ร่อนหาที่อยู่ใหม่ จากคุณ : closefriend เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 01:38:21

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้นะเป็นทุกแบ็งครับ เวลายื่นกู้จะพยายามยัดประกันด้วย MRTA แต่ที่เจ็บคือ บอกข้อมูลไม่หมด ไม่แจกแจง ทุนประกันลดลงปีละเท่าไหร่ refinance แล้วเป็นยังไงโอนไปได้ไหม หรือคืนเงินประกันบางส่วนนี่เท่าไหร่ ผมเคยหาตารางเจอใน net ทุนประกันล้านหนึ่ง แต่ลดลงปีละประมาณ 80,000 คุ้มครอง 10 ปี แต่ถ้าเราส่งตามค่างวดปรกตืคือประมาณล้านละ 8000 ส่งต้นได้ปีละ 3-4 หมื่น ถ้าตายปีที่หก ทุนประกัน กับหนี้อาจห่างกันเป็น 3-4 แสนก็ได้ครับ อีกอันหนึ่งถ้าทำประกันคุ้มครอง 15 ปี แต่พอครบสามปีทนดอกแพงไม่ไหว refinance เท่าที่อ่านนี่โอน ไปืฃที่ไหม่ไม่ได้นะครับจะคืนเบี้ยประกันให้ แต่จะเหลือเท่าไหร่คิดเอาเอง case เจ้าของกระทู้ สามเดือนหาย 50000 สามปีเหลือเท่าไหร่??? ที่ผ่อนมาสามปี ไม่รู้ส่งค่าประกันหมดหรือยัง ผมเชื่อว่าหลายคนที่ทำเข้าใจว่าหากทำประกันตัวนี้ ประกันจะเคลียร์ค่าบ้านให้หมดหากเป็นอะไรไป ผมจะบอกว่า คุณโดนหลอกครับ ถ้าไม่เชื่อผมลองติดต่อธนาคารที่ทำดูว่าตอนนี้ทุนประกันเหลือเท่าไหร ยอดหนี้เหลือเท่าไหร่ แตผมว่าธนาคารไม่บอกหรอก และเข้าใจว่าจะเจ็บอีกที่ตอน refinance ไม่ได้บอกว่าทำประกันไม่ดีนะครับ ทำอะดีครับ แต่ก็ควรแจกแจงให้คนทำรู้ข้อมูลทั้งหมดก่อน ไม่ใช่จับยัด และก็บอกแต่ข้อดีไม่บอกข้อเสีย เช่น บอกว่า ประกันจะปิดยอดหนี้ให้ถ้าคุณเป็นอะไรไป คนข้างหลังจะได้มีบ้านอยู่ แต่ไม่บอกว่าต้องส่งเดือนละเท่าไหร่ ถึงจะอยู่ในทุนประกัน เช่นธนาคารคำนวนค่างวดที่ 30 ปี แต่ทำประกัน 15 ปี ไม่มีทางที่ทุนประกัน จะเท่ากับยอดหนี้เมื่อเวลาผ่านไป ถ่าส่งที่ขั้นต่ำ ประมาณว่า ค่างวด 8000  แต่อากต้องส่ง 12000 เพื่อให้ยอดหนี้สอดคล้องกับทุนประกันที่ลดลง แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 55 01:53:19 จากคุณ : PheakEngi เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 01:40:22

ความคิดเห็นที่ 4 คิดต่างครับ ถ้าคิดว่าปัญหาเยอะ เก็บเงินอย่ากู้ครับได้ใช้เงินกูอย่างเดียวครับไม่ปวดใจ จากคุณ : sitteto เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 07:40:16

ความคิดเห็นที่ 5 นั่นสิจะบ่นทำไม ก่อนทำทำไมไม่อ่านล่ะครับ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 07:47:03

ความคิดเห็นที่ 6 บางครั้ง ต้องเข้าใจครับ  ไม่ได้อ่านหมด คิดว่า ธ. จะไม่โกง อะไรเทือกนี้ แต่พอเอาเข้าจริง     มรึงโกงกูนี่หว่า ไอ้ สราดดดด จากคุณ : sanyakong เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 08:09:14

ความคิดเห็นที่ 7 ที่คุยกันอย่าง ในสัญญาอย่าง มีหลายสาเหตุ 1. พนง. มั่ว ไม่เข้าใจ พูดไม่รู้เรื่อง 2. พนง. พูดคลุมเคลือ รายละเอียดไม่ครบ ทำให้ผู้กู้เข้าใจผิด 3. ผู้กู้เข้าใจผิดเอง จะกรณีใดก็แล้วแต่ ผู้กู้ ตอนทำเรื่องก็อยากจะกู้ให้ได้ ก็เลยไม่สนใจรายละเอียด เขาเสนออะไรมา ก็เอาเพราะกลัวกู้ไม่ได้ ตอนเซ็นสัญญา ก็ไม่อ่านรายละเอียด เซ็นไปแล้วมาโวยทีหลัง มาโวยวาย ว่า หักเกิน แต่ไม่มีรายละเอียด ให้พิจารณา - สัญญาระบุ เท่าไร - ธ.หักไปเท่าไร ถ้าสัญญาระบุเท่านี้ ธ.ก็ต้องตัดบัญชีเท่านั้น ตัดเกินนี่น่าแปลก จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 10:05:30

ความคิดเห็นที่ 8 บอกตรง ๆเลยน่ะ อย่าว่าแต่สัญญาอะไรเลยครับ มันมีอะไรเยอะไปหมดถามว่าทุกคนอ่านกันหมดหรือเปล่า ตอบได้เลยไม่หมดหรอกครับ    แค่คู่มือการใช้ TV  ยังอ่านกันไม่หมดหรอก รับรองได้ หรือใครเคยอ่านคู่มือการใช้โทรศัพท์ จากคุณ : BRAVO.carbine, เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 10:31:05

ความคิดเห็นที่ 9 สัญญาเงินกู้ยังไงต้องอ่านหมดครับ คุณจะมาหาขออ้างว่าเยอะแยะอ่านได้ไม่หมด เหมือนคู่มือเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้ ไม่เหมือนกัน เรื่องเงินๆทองๆ ยังไงก็ต้องอ่าน แล้วเกิดปัญหาอย่างนี้ ใครรับผิดชอบ ก็ต้องตัวเองที่ไม่อ่านสัญญาอยู่แล้ว เข้ามาในห้องนี้ มีทั้งเพื่อนๆที่ให้ข้อมูลทั้งเรื่องธนาคารที่ดอกเบี้ยถูกๆ การคำนวณเงินงวดต่างๆ การชำระเงิน ประกัน MRTA ฯลฯ ก่อนลงนามก็มีให้สอบถามกันเยอะแยะ จากคุณ : As you know เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 11:22:24

ความคิดเห็นที่ 10 ก่อนเซ็นต้องตรวจสอบสัญญาก่อนครับ ว่ามีอะไรที่ Bank มั่ว หรือเอาเปรียบเราหรือเปล่า ไม่ใช่คุยไว้อีกอย่าง ตอนเซ็นสัญญาอีกอย่าง แบบนี้ก็ไม่ควรเป็นลูกค้าครับ จากคุณ : Melting Holiday เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:00:09

ความคิดเห็นที่ 11 สัญญากู้ผมอ่านหมดทุกหน้าทุกตัวอักษรครับ ให้แบงค์นั่งรอไป ไม่นาน 10-20นาที ก็อ่านหมด สงสัยอะไรก็ถามตรงนั้น แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 00:59:32 จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 00:59:13

ความคิดเห็นที่ 12 สัญญาไม่เหมือนคำพูด อุปมาก็เหมือนกับรูปโฆษณาของพิซซ่า จากคุณ : ธีรภัทร์2 เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 05:07:13

ความคิดเห็นที่ 13 เิงินเป็นล้าน อย่าว่าแต่ต้องอ่านสัญญาให้หมดเลย ต้องอ่านให้เข้าใจด้วย ไม่เข้าใจต้องถามจนกว่าจะเคลียร์ อย่าให้ธนาคารมาหากินกับความสะเพร่าของเราได้นะคะ จากคุณ : mamanamyen เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:36:17

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ...เราแนะนำอีกอย่างค่ะ ให้ไปอ่านในใบเสร็จประกันอัคคีภัยด้วยค่ะ ว่าหลักประกันที่เราซื้อไว้ตรงกับที่ประกันอัคคีภัยรึป่าว เราโดนมาแล้ว 3 ปีที่ผ่าน บ้านที่เรากู้กับเค้าไม่มีประกันอัคคีภัย เพราะเค้าไปใส่ที่อยู่บ้านเดิมเรา (ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกะแบงค์เขียวเลย) แต่ก็ไม่โทษเค้าทั้งหมดนะคะ โทษตัวเองด้วยว่าไม่ดูใบเสร็จให้ดีๆ ความมาแดงก็เพราะเราต้องต่อประกันไฟรอบที่ 2 นี่แหละ บ้ามากๆ จากคุณ : เบาหวิว เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 18:50:41 A:119.46.29.226 X: TicketID:092733

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าคนอื่นๆในที่นี้เค้าไม่เสียค่าโง่อย่างที่คุณ จขกท บอกนะครับ สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนเซ็นมีให้อ่าน ประกันเป็นตัวเลือก ก่อนทำมีให้ตัดสินใจ คนที่มีปัญญากู้เงินเป็นล้าน และจะเสียเงินเป็นล้าน เค้าคงไม่เอ๋อที่จะเซ็นโดยไม่รู้อะไรเลยมั้งครับ จากคุณ : ครับ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 23:31:30 A:58.11.4.134 X: TicketID:075658

ความคิดเห็นที่ 16 สัญญาว่าจะอ่านเยอะๆ จากคุณ : อัญเองเจ้าค่ะ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:48:53

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณในความเห็นของทุกๆท่าน จะขอเพิ่มรายละเอียดให้อ่านนิดนึง ที่ว่าคุยไว้อย่าง ทำอีกอย่างนั้น ... ตอนคุยกะพนักงานแบ๊งค์ ว่าเรากำลังจะกู้ซื้อบ้าน ของคุณมีเงื่อนไขอะไร ลองเสนอมาดูหน่อยซิ พนักงานบอกพี่รอต้นปีหน้านะ (ตอนจะซื้อเป็นช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค.) จะมีอัตราดอกเบี้ยโปรโมชั่น คงที่ 3 หรือ 4 % ต่อปี เอ้ารอ ไม่รีบเจ้าของบ้านจะไปต่างประเทศสิ้นเดือนก.พ. น่าจะทัน เดือนม.ค. ติดต่อมาให้เอาเอกสารไปยื่น ก็ยังยืนยันว่า ได้ดอกเบี้ยคงที่ 4(หรือ3 จำไม่ได้แล้ว) เราก็จัดเอกสารไป(ยื่นธ.เด็กด้วย) ยื่นสัปดาห์นี้ สัปดาห์ถัดมาโทรมาบอกว่าอนุมัติแล้ว ค่าผ่อนต่องวด ประมาณ หมื่นหนึ่งพันบาทต่อเดือน แต่..... โปรฯดอกเบี้ย ไม่ได้ที่บอกแล้วนะ ได้เป็นแบบขั้นบันไดแทน ปีแรกถูก ปีถัดไปเพิ่มขึ้น(จำได้แค่นี้) ในขณะที่ ธ.เด็ก ยังเงียบสงบไร้วี่แวว เราก็เลยตกลง เดี๋ยวผ่าน 3 ปีแล้วค่อยว่ากันใหม่ ประเมินเรียบร้อย นัดจะไปโอนกันอีกไม่กี่วันข้างหน้า โทรมาบอกว่า ขอโทษทีพี่ ค่าผ่อนบ้านไม่ใช่หมื่นหนึ่งพันกว่าบาทแล้ว ผมคิดผิด ผมทำกู้ตกแต่งให้พี่ด้วย ดอกเบี้ยคนละอัตรากัน ค่าผ่อนจะเป็นหมื่นหกพันกว่าบาทอ่ะพี่ ผมไม่ยอม ให้ผจก.มาเคลียร์ ผจก.รับทราบเรื่องราว ดึงเรื่องกลับไปทำให้ใหม่ มาจบกันที่ ผ่อนเดือนละ หมื่นสี่พันสามร้อยบาท อัตราดอกเบี้ย มันนี่เอ็กซโปร์ 0% 6เดือน และเพิ่มขึ้นจนครบสามปี mlr เอกสารที่เซ็นกัน ก็ระบุค่าผ่อน 14,300 บาท ชัดเจน เป็นคุณจะคิดยังไง เอกสารที่เซ็นกันไม่มีความหมายเหรอ จะให้ยึดถือลายลักษณ์อักษรได้หรือเปล่า มีความหมายมั้ย แล้วทุกอย่างที่ทำ มันมัดมือชกกันตลอด มาเปลี่ยนเอาตอนเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว  เหมือนหลอกกัน แค่อยากเอาความผิดพลาดมาบอกคนที่อาจจะ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ใครเท่าทัน รู้แล้ว เก่งแล้ว ก็อ่านผ่านๆไปเหอะ ... แค่อยากระบาย (ว่ะ) จากคุณ : จขกท (badthink) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 22:44:43

ความคิดเห็นที่ 18 เข้าใจความรู้สึกทุกท่านครับ ผมก็โดนเหมือนกัน ให้เซ็นต์ทุกหน้าก่อน แล้วค่อยเอาคู่สำเนาไป เพราะฉันลูกค้าเยอะ ให้ทำประกันนู่นนี่นั่นเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของเรา และเพื่อตัวธนาคารเอง สุดท้ายยอดเงินกู้มันเนกว่าราคาประเมินเพราะบวกค่าประกัน ในกรณีผู้กู้เป็นอะไรไปคนข้างหลังจะได้สบายสุดท้ายค่างวดต่อเดือนออกมาแทบสลบ ไม่มีคำอธิบายใดๆก่อน แย้งกลับที่หลัง เออกูโง่เอง พนักงานธนาคารบอกว่าสงสัยทำไมไม่ถาม แล้วไม่คิดจะอธิบายกันก่อนบ้างเลยหรือครับ สรุปไม่อยากได้แล้วบ้าน ไม่โอนไม่อะไรทั้งนั้น ไม่เอาเงินธนาคารด้วยไม่อยากได้แล้ว ที่เหลือค่อยเคลียร์กันไปตามสัญญา เงินดงเงินดาวน์ช่างมัน ขอเรียนรู้และจดจำเป็นบทเรียนและขอโง่แค่เดี๋ยวเดียว ดีกว่าต้องส่งค่างวดที่ยังไงพลาดท่าตกงานมา ไม่โนยึดหรือปรับโครงสร้างหนี้ ก็ต้องตายสถานเดียว เก็บเงินใช้เงินกูดีกว่า (สำหรับเรานะ) ถ้าใครซื้อบ้านเป็นการลงทุนก็ดีใจด้วย แต่สำหรับเราค่างวดรวมค่าประกัน มันทำให้หายใจได้ไม่ทั่วท้องเลย ยังไม่นับรวมสารพัดโครงการที่ธนาคารและรัฐบาลให้ความช่วยเหลือตอนนี้ ไม่มีออกจากปากพนักงานตอนเซ็นสัญญาเลย มันน่าเหนื่อยกับตัวเองจริงๆ พอเถอะบ้าน ถ้ามันจะเป็นกันแบบนี้ทุกที่ กูเช่าอยู่ของกูเรื่อยๆก็ได้สบายใจดี จากคุณ : maxpepe เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:54:49 A:27.55.11.217 X: TicketID:364265