พอดีเห็น จขกท. มาสอบถามราคาและร้าน ผมเองก็เป็นคนนึงที่มองหา Recliner อยู่เหมือนกันไปเจอบทความใน Askmen เกี่ยวกับการเลือกซื้อ Recliner จึงมาขอแชร์วิธีการเลือกซื้อนะครับ
ปกติแล้วการเลือก Recliner อาจจะดูเป็นเรื่องง่ายๆแต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจครับ เพราะถึงภายนอกจะดูเหมือนๆกันหมดแต่หลักการในการเลือกคือ "The Ends Justify the Means" ซึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อมีตั้งแต่ หน้าตา รูปร่าง ความพอดีกับขนาดผู้นั่ง หรือจะเป็นวัสดุหุ้มล้วยส่งผลต่อความสุขสบายปลายทางเมื่อคุณเอาเก้าอี้ตัวใหม่มาวางในห้องนั่งเล่นครับ ฉะนั้นแล้วนอกจากยี่ห้อซึ่งไม่ขอพูดถึง จะขอแนะนำปัจจัยที่ผมคิดว่าสำคัญๆในการเลือกซื้อครับ
1. ห้องนั่งเล่นของคุณเป็นสไตล์ไหน: เนื่องจากเก้าอี้ Recliner มีหลากหลายสไตล์ หลายดีไซน์ที่เข้ากับธีมแต่งห้อง วิธีนึงในการช่วยลดตัวเลือกโดยการเลือก Recliner ที่เข้ากับห้องนั่งเล่นของคุณรักงานฝีมือครับ เพราะสุดท้ายแล้วคุณคงไม่อยากได้ Recliner ที่นั่งสบายแต่เป็นสไตล์คุณปู่นั่งมาวางในห้องนั่งเล่นโมเดิร์นเป็นแน่แท้
2. ปัจจัยที่ควรคำนึงต่อมาคือ "งบประมาณ": เก้าอี้ Recliner นั้นมี range ราคาตั้งแต่หลักพันปลายๆจนถึงครึ่งแสนแปรผันตามคุณภาพวัสดุและงานประกอบ ยกตัวอย่างการเลือกวัสดุหุ้มจำพวก ไมโครไฟเบอร์ หรือใยสังเคราะห์ ก็ช่วยลดราคาจากตัวที่เป็นหนังแท้ได้พอสมควรครับ อย่างที่ คห. 2 ได้กล่าวไว้ก่อนหน้าว่าตัว frame และกลไลภายในก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเหมือนกัน ฉะนั้นแล้วผมแนะนำว่าให้ตั้งงบประมาณไว้ในใจ (ดูว่าคุณจะใช้เวลาบนเจ้า Recliner มากกว่าเตียงนุ่มๆของคุณหรือไม่ 555+) แล้วลองเลือกสิ่งที่ตรงกับงบครับ เดี๋ยวจะบานปลาย
3. ใครเป็นคนนั่งมากที่สุด?: ถ้าคุณรักงานฝีมือจะซื้อมาใช้เองก็ง่ายครับ! แต่ถ้าคุณผู้หญิงคนไหนกำลังเลือกซื้อให้คุณสามีสุดที่รักหละก็ต้องให้คุณสามีเป็นคนลองนั่งนะครับ ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับการซื้อรองเท้า คุณ (ซึ่งเป็นคนสวมใส่) คงไม่ซื้อรองเท้าก่อนที่จะได้ลองก่อนจริงไหม ต่างกันเพียงเจ้า Recliner แพงกว่ารองเท้าหลายเท่าฉะนั้นและอย่าลืมให้คนที่จะนั่งลองก่อนทุกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนะครับ เพราะนอกจากความสบายๆแล้ว ส่วนสูง น้ำหนัก ควรเลือกให้เหมาะสมกับผู้นั่ง
4. ควรเช๊คว่าคุณมี พท. เพียงพอในการวาง Recliner ไหม?: ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณจะวางว่าอยู่ตรงไหนของห้อง และตรงนั้นมีพื้นที่เพียงพอ หลายคนมองข้ามประเด็นนี้ไปแล้วพบว่าพอวางจริงแล้วเอนไปติดกำแพง (ฮา) ฉะนั้นแล้วควรให้พนักงานช่วยวัดระยะที่ตัว Recliner ต้องการเมื่อเอนไปจนสุดด้วยนะครับ
ในท้องตลามีประเภท Recliners ให้เลือกซื้ออยู่ 3 ประเภท
1. แบบ Two-Position ก็ตรงตามชื่อของมันคือปรับเอนได้ 2 ระดับคือนั่งตรง และเอนสุด แบบนี้เป็นแบบ Basic สุด และราคาต่ำที่สุด (ถ้าเลือกหาดีๆอาจหาได้ที่ราคาประมาณครึ่งหมื่น) Recliner ประเภทนี้เวลาคนขายบอกว่าว่าเป็นหนังแท้ จะต้องเข้าใจว่างบางทีส่วนที่เป็นหนังแท้จะมีแต่ส่วนที่รองนั่ง พนักพิง และที่วางแขน+ เท้า แต่ส่วนด้านหลังจะเป็นไวนิล ซึ่งส่วนตัวแล้วผมว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเพราะจะดูแทบไม่ออกและก็ช่วยลดราคาลงได้ด้วย
ข้อดี:
- ราคาสบายกระเป๋า
- นั่งสบาย (เพราะกระเป๋าตังยังตุงอยู่ 555)
ข้อเสีย:
- ปรับได้แค่ 2 ระดับ
- ต้องคำนึงระยะเอาสุดหากคุณจะวางติดกำแพง
- ประเภทนี้ปกติจะประกันอยู่เพียง 1 ปี
2. แบบ Rocker Recliner หรือ Wall-Saver Recliner: Recliner ประเภทนี้เป็นที่นิยม และมีหลายแบบให้เลือกในท้องตลาดมากกว่าแบบแรก ข้อดีของเจ้า Recliner แบบ Rocker/Wall-Saver นี้ก็คือปรับเอนได้หลายระดับทำให้ง่ายต่อการจัดวางในห้องที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ และยังสามารถปรับให้โยกเยกได้ด้วยเมื่ออยู่ในตำแหน่งนั่งตรง ในส่วนของวัสดุหุ้มนั้น คอนเซ็ปต์ก็จะเหมือนกับ 2 Position คือเป็นผสมระหว่างหนังแท้ + ไวนิล
ข้อดี:
- มีหลากหลายแบบให้เลือกเพราะเป็นที่นิยม
- มีปรับเอนได้หลายระดับ
- กลไกการปรับเอนพร้อมมือจับมีหลายแบบให้เลือกที่เหมาะสมกับสไตล์ที่คุณชอบ
- เหมาะสำหรับห้องที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่
- ส่วนใหญ่ประเภท Wall-Saver จะมีระยะประกันตัว Frame อยู่ที่ 5 ปี
ข้อเสีย:
- แพงกว่าแบบแรก 555+
- ถ้าเป็นแบบ Wall-Saver บางตัวจะโยกเยกไม่ได้
3. แบบ Push-Back/Flex-Back: เก้าอี้เอน Recliner แบบนี้ส่วนที่เอนจะเป็นส่วนพนักพิงอย่างเดียว (ที่วางเท้าจะไม่ยื่นออกมา) ซึ่งจะมีชิ้นที่วางเท้าแยกต่างหาก (อารมณ์เหมือนสตูตัวนึง) Recliner แบบนี้ส่วนใหญ่นิยมวางในห้องที่แต่งสไตล์โมเดิร์น วัสดุหุ้มส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหนังแท้หุ้มทั้งตัวทำให้ราคาค่อนข้างสูง (แต่เทห์กว่าเยอะ)
ข้อดี:
- เท่ห์กว่าเวลามีแขกมา
- ค่อนข้างยืดหยุ่นในการจัดวาง เคลื่นย้านง่ายกว่า
- ที่วางขาชิ้นแยกใช้เป็นที่นั่งได้เวลาคนเยอะเกิน 555+
ข้อเสีย:
- แพงขึ้นไปอีก
- องศาเอนไม่เยอะเท่าสองแบแรก
สรุป: สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่คุณจะต้องรู้ว่าจะซื้อมาใช้งานแบบไหน กับห้องประเภทไหน และได้ทดลองนั่งจนพอใจ (ทดลองนั่งไปเถอครับที่ร้าน เก้าอี้ตัวละเป็นหมื่นไม่ได้ซื้อทุกวัน นั่งจนพอใจและเจอตัวที่ถูกใจ) อีกเรื่องคือวัสดุหุ้มที่คนส่วนใหญ่มักคิดไม่ตก หนังแท้อาจดูเท่ห์ ให้ความรู้สึก Luxury และทำความสะอาดง่าย แต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาพอสมควร อีกอย่างที่ต้องคำนึงคือหนังคือไม่ถูกกับรอยขีดข่วนจะเห็นชัดและทำให้ปวดใจทุกครั้งที่เห็น
หวังว่าบทความนี้คงช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหา Recliner แล้วไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหนนะครับผม
ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ