|
บ้านเก่าจะทาสีซ่อมบ้านให้สวยงามให้มีความสวยทนนั้นไม่ขึ้นอยู่การเลือกใช้ประเภทหรือชนิดใดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงวิธีการเตรียมพื้นผิวให้ถูกต้องเพื่อสามารถแก้ปัญหาที่ต้นตอก่อน เค้าบอกกันว่าเตรียมผิวงานไว้ดีมีชัยเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ที่เหลือจึงขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สีทับหน้า,การใช้และทารองพื้นให้ถูกตัว (ตัวสุดท้ายก็คือการเลือกสีจริงหรือสีทับหน้าเกรดที่มีคุณภาพ) การดูรายละเอียดของการเตรียมผิวปูนก็มีส่วนสำคัญมาก ดูว่าผนังปูนมีรอยร้าว เชื้อรา ตะไคร่น้ำ คราบไขและสิ่งแปลกปลอมต่างๆเป็นต้น โดยต้องเริ่มดังนี้ครับ: -การเตรียมพื้นผิว: -ให้ขูดลอกฟิล์มสีที่ลอกล่อนออกให้หมด -ให้ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากคราบไข สิ่งแปลกปลอม และสิ่งสกปรกต่างๆออกให้หมด พวกคราบไข น้ำมัน พวกแวกซ์ หรือรอยเปื้อนต่างๆ อาจใช้น้ำสะอาดผสมผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจานแล้วใช้ผ้าสะอาดหรือฟองน้ำชุบเช็ด(ขั้นตอนนี้ถ้าเป็นงานภายนอกอาจพวกเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงหรือWater Jet ใช้แรงดันประมาณ 100-120 บาร์) เพื่อกำจัดคราบต่างๆออกให้เท่าที่จะทำได้ครับ หลังจากนั้นใช้น้ำเปล่าเช็ดหรือล้างออกอีกครั้ง -บริเวณได้ที่มีเชื้อราตะไคร่น้ำให้ยาฟอกผ้าขาวผสมน้ำในอัตราส่วนน้ำยาต่อน้ำสะอาด 1:10 โดยปริมาตร ชุบผ้าสะอาดเช็ดบริเวณนั้นให้ทั่วทิ้งไว้สักครู่จึงใช้ผ้าแห้งสะอาดชุบน้ำเปล่าเช็ดเอาคราบน้ำยาออกอีกที -จากนั้นให้ทาหรือกลิ้งน้ำยาฆ่าและป้องกันเชื้อราตะไคร่น้ำประเภทโมล์ดฟรีกำจัดราและตะไคร่น้ำ(TOA-Mould Killer, Beger-Mould Free ,ICI- Mould Wash) แนะนำให้ใช้สูตรน้ำเพราะกลิ่นอ่อนแต่มีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน จำนวน 1 เที่ยว ทิ้งให้แห้งสนิทโดยแห้งอย่างน้อย 3 ชั่วโมง -บริเวณที่มีรอยแตกร้าวลายงา(ความกว้างของรอยร้าวตั้งแต่ 0.3-1.0 มิลลิเมตร) ให้อุดโป๊วด้วย Acrylic Filler หากรอยร้าวใหญ่ ตั้งแต่ 1.0-10 มม.ให้ใช้ Acrylic Sealant (มีทั้งTOA, BEGER,ICI) การอุดโป๊วรอยร้าวใหญ่โดยอาจใช้วิธีเปิดรอยร้าวเพื่อให้โป๊วง่ายโดยใช้ไฟเบอร์เจียรตามแนวรอยแตกหรือทำV-Cut ช่างสมัยก่อนเค้าจะใช้ตะปูที่ตอกลงไปบนไม้สี่เหลี่ยมเล็กมีความยาวพอให้มีด้ามจับได้กระชับมือแล้วให้หัวตะปูโผล่ครึ่งหนึ่งแล้วเอากรีดตามตามรอยแตกแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ได้ผลดีไม่ยุ่งยากไม่เปลืองอุปกรณ์หรือเปลืองไฟครับ เมื่อโป๊วแล้วทำการขัดผิวของตัวโป๊วด้วยกระดาษทราย(ปกติถ้าร้าวใหญ่มักโป๊วสองครั้งเพราะมีการยุบตัว)โดยให้มีผิวโป๊วที่หยาบหรือละเอียดให้ใกล้เคียงกับผิวปูน เพื่อให้ทาสีทับแล้วตรงรอยโป๊วแล้วไม่เกิดความเงามากกว่าบริเวณทั่วไป ทิ้งผิวโป๊วที่ปรับผิวให้ใกล้เคียงกับปูนแล้วให้แห้งสนิทโดยทั่วไปประมาณ 2-4 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นขัดน้ำแบบวิธีเปียกโดยใช้กระดาษทรายน้ำจุ่มน้ำขัดก็ควรทิ้งให้แห้งข้ามวัน(การขัดน้ำจะขัดออกได้ง่ายกว่าวิธีขัดแห้งโดยฉพาะการขัดAcrylic Sealant) -ขั้นตอนการทาสี: -ทาน้ำยารองพื้นปูนเก่าที่มีสีใสๆหรือรองพื้นเอนกประสงค์ที่ทาได้ทั้งพื้นปูนเก่าและปูนใหม่เพื่อช่วยการกลบพื้นผิวเพราะมีสีขาว จำนวน 1 เที่ยว ทิ้งแห้งให้แห้งโดยประมาณ 4-10 ชั่วโมง(ระยะเวลาขึ้นอยูกับตัวรองพื้นแต่ละยี่ห้อ) ปกติพวกรองพื้นปูนเก่านี้เป็นผสมเสร็จ(Ready Mixed) เปิดถังหรือกระป๋องแล้วคนให้ทั่วจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วทาได้เลย โดยใช้แปรงหรือลูกกลิ้งกลิ้งสี -ทาสีจริงหรือสีทับหน้าด้วย ภายใน: -ทาด้วยสีประเภทอนามัยปลอดภัยจากเชื้อรา,แบคทีเรีย ช่วยขจัดกลิ่นอับในห้อง ทนต่อการเช็ดถู และเช็ดล้างทำความสะอาดคราบสกปรกได้ง่าย ก็จะดีมาก(มีทั้งTOA-DuraClean; Oxygen Plus , BEGER-Ceramic Clean, PhotoClean ,Nippon -Air Care)จำนวน 2 เที่ยว ทิ้งให้แห้งระหว่างเที่ยวอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ผสมน้ำสะอาดสำหรับการกลิ้งสีประมาณ 10 % ภายนอก: -ทาด้วยสีทนสภาวะอากาศเกรดสูง ตามเฉดสีที่ต้องการเช่นสีTOA-Suershield ,BEGER- Begershield, ICI- Weathershield หรือพวกสีกันร้อนสะท้อนยูวีช่วยประค่าไฟค่าแอร์เช่น BEGER- Beger Cool UV Shield ,JOTUN- JotashieldMax จำนวน 2 เที่ยว ทิ้งให้แห้งระหว่างเที่ยว 2-3 ชั่วโมง ผสมน้ำสะอาดสำหรับกลิ้งโดยทั่วไปประมาณ 10% ถ้าคุณเตรียมพื้นผิวดีและเลือกใช้สีถูกระบบมีคุณภาพ คราวนี้คุณก็ไม่ต้องห่วงกังวลว่าสีจะลอกล่อนง่าย ซีดจางไว หรือนอนอยู่ในห้องต้องคอยสูดสปอร์ของเชื้อราเข้าไปในปอด เสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวกับปอดอีกต่อไปครับ ผมก็พยายามเขียนให้ละเอียดๆและเข้าใจง่ายๆครับ หวังว่าน่าจะเป็นข้อมูลหนึ่งที่ช่วยให้ความกระจ่างเรื่องการเตรียมผิวและทาสีครับ ส่วนเรื่องค่าแรงในส่วนของผมไม่ขอออกความเห็นครับ
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 55 09:19:09
จากคุณ |
:
Lek_one (Lek_one)
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ต.ค. 55 11:35:28
|
|
|
|
|