|
อุทาหรณ์ กับ แบงค์สีเขียว!!!
|
|
ออกตัวก่อนว่า เมื่อก่อนได้ติดตามอ่านกระทู้ใน Pantip บ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ รวมถึง ไม่ได้คอมเม้นท์หรือโพสกระทู้เท่าไหร่นัก แต่ก็ได้สมัครสมาชิกเว็บพันทิพเอาไว้ด้วยเหมือนกัน เผื่อจะได้ใช้ในอนาคต ... และก็ได้ใช้จริงๆ (T^T) จนเมื่อช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ที่มาเจอกับเหตุการณ์นี้เข้า จึงนึกได้ว่า "น่าจะมาโพสเรื่องนี้" ... เพื่อบอกกล่าวแก่สมาชิก และคนอื่นๆ ไว้เป็นอุทาหรณ์
เรื่องมีอยู่ว่า ... ตามที่ทาง ธปท. และรัฐบาลได้มีโครงการ Soft Loan เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยจากน้ำท่วมนั้น คอนโดผมก็อยู่ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม(เขตบางแค)ด้วย ผมได้ทราบเรื่องเกี่ยวกับโครงการนี้ ประมาณปลายเดือน พ.ค. จากนั้นจึงได้เตรียมเอกสารต่างๆ ที่เกียวข้อง แล้วยื่นเรื่องไปตามลำดับเหตุการณ์ล่างครับ :
> ปลายเดือน พ.ค. - ยื่นเอกสารการเข้าร่วมโครงการที่ ธ.กสิกรไทย สาขา โลตัสบางแค (เนื่องจากได้ยื่นเรื่องกู้คอนโดกับทางสาขานี้ไว้) จากนั้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ในการยื่นเรื่องให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณา
> ปลายเดือน มิ.ย. - ได้เข้าไปติดตามเรื่องที่ สาขาโลตัสบางแค ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว แต่ทาง ผู้ช่วยสาขา ได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและคำพูดที่ไม่ดีว่า "เนื่ยคนอื่นก็ยื่นเรื่องมาตั้งเยอะ ก็ยังไม่ได้กัน ต้องรอไปก่อน!!!" แม่ผม (ซึ่งเข้าไปสอบถามแทนผม) ต้องถามกลับไปเองว่า "ถ้าได้ แล้วจะโทรกลับมาใช่มั๊ย" เนื่องจากตัวผมทำงานออฟฟิศไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปติดตามเอง คุณแม่ก็เล่าให้ฟังแบบนี้ ก็รู้สึกเสียความรู้สึกกับการกระทำของผู้ช่วยคนนี้มาก ก็ยังบอกคุณแม่ว่า ให้ร้องเรียนไปสำนักงานใหญ่ เพราะการกระทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม แต่แม่บอกว่า ช่างมันเหอะ ไม่อยากเอาเรื่อง จากนั้นจึงรอผลการอนุมัติต่อไป
> กลางเดือน ก.ค. - รู้สึกว่านานเกินไป แม่ก็เข้าไปถามเรื่อยๆ ก็ได้รับคำตอบเดิมๆ ว่า กำลังดำเนินการอยู่ จึงโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ของแบงค์ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า "ทางสำนักงานใหญ่อนุมัติไปแล้ว ให้ติดต่อหรือสอบถามไปที่ทางสาขาเพื่อเซ็นสัญญาใหม่ ... ฯลฯ" หลังจากนั้น จึงได้เข้าไปสอบถามที่ผู้ช่วยสาขาตอนช่วงเย็น ทางผู้ช่วยสาขาก็บอกว่าให้รอการทำสัญญาใหม่ไปก่อน พอสอบถามว่า "ต้องรออีกนานเท่าไหร่" ผู้ช่วยฯ ก็แจ้งว่า "ยังไม่ทราบเหมือนกัน ต้องรอก่อน"
> ปลายเดือน ก.ค. - ได้เข้าไปติดตามกับ ผู้ช่วยสาขาอีกครั้ง ว่า "เรื่องคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว" ทางผู้ช่วยฯ แจ้งว่า "ส่งเรื่องเพื่อทำสัญญาใหม่ไปผิดแผนก" ก็ถามว่า "ต้องรออีกนานเมื่อไหร่" ทางผู้ช่วยฯ สาขา ก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ เอาแต่นิ่งๆ
> กลางเดือน ส.ค. - ก็เข้าไปสอบถามที่ทางสาขาอีกครั้ง (ไม่เจอ ผู้ช่วยสาขา) ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่คนอื่นไม่ทราบ ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว
> 31 ส.ค. - เข้าไปสอบถามอีกครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ผู้หญิงบอกว่า "ไม่ทันแล้ว เพราะหมดเวลาโครงการแล้ว" ทางผมก็ถามว่า ทำไมเวลาตั้งนานหลายเดือน เรื่องของผมจึงไม่สามารถทำเรื่อง หรือสัญญาใหม่ได้ทัน ด้วยความเหลืออดก็เลยบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่า "ให้บอกผู้ช่วยสาขาด้วย ว่าทางเราจะแจ้งเรื่องร้องเรียนไปสำนักงานใหญ่"
> 2 ก.ย. - ผู้ช่วยสาขาได้โทรเข้ามาที่เบอร์มือถือผมโดยตรงว่า "ขอร้องให้ผมอย่าฟ้องสำนักงานใหญ่ และพูดโน้มน้าวอีกต่างๆ นาๆ แต่ตัวเค้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้" ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปตามเรื่องตลอด ทางผู้ช่วยก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด แล้วพูดจาไม่ดี ทำหน้าตาบึ้งใส่ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมา จึงได้โทรมาขอร้องไม่ให้แจ้ง
> 3 ก.ย. - ผมทนไม่ได้กับการกระทำของ ผู้ช่วยฯ คนนี้ จึงโทรไปร้องเรียนที่คอลเซ็นเตอร์ ธ.กสิกรไทย เรื่องที่ทางสาขาแจ้งว่า "ส่งเรื่องไปผิดแผนก" แล้วทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า "ทางสำนักงานใหญ่อนุมัติการขอเข้าร่วมโครงการไปตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. แล้ว จึงขอรับเรื่องร้องเรียนไว้ และจะใช้วลาในการตรวจสอบประมาณ 7 วัน แล้วจะติดต่อกลับ"
> 10 ก.ย. - โทรกลับไปคอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง เพราะผ่านมา 7 วันแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า "อยู่ในระหว่างดำเนินการอยู่ โดยเรื่องอยู่ที่ทางฝ่ายสินเชื่อ จะให้เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่อง ติดต่อกลับอีกครั้ง"
> 17 ก.ย. - โทรกลับไปคอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง เพราะผ่านมา 7 วันแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า "รอการรับทราบเรื่องอยู่ เนื่องจากได้แจ้งเรื่องไปแล้ว อยู่ในระหว่างตรวจสอบและติดตามเรื่อง ของผู้รับเรื่องและหัวหน้าฝ่าย ต้องใช้เวลาทำการอย่างน้อย 5 วัน"
> 26 ก.ย. - โทรไปถามที่คอลเซ็นเตอร์ เรืองความคืบหน้า ภายหลัง ผู้ช่วยสาขา ติดต่อกลับมาว่า "รับเรื่องไว้แล้ว กำลังหาหนทางช่วยอยู่ และทางผู้ใหญ่ก็กำลังติดต่อกับทาง ธปท. อยู่ ให้รอถึงปลายเดือน" ผมจึงรอผลต่อไปถึงปลายเดือน
> 1 ต.ค. - โทรเข้าไปถามที่คอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า "สาขาเป็นผู้ดูแลอยู่ กำลังหาทางช่วยเหลืออยู่" ซึ่งสุดท้ายที่ผ่านมา 1 เดือน ก็คือ "กำลังหาทางช่วยเหลืออยู่" ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
ทางผมเลยส่งอีเมลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ไปที่ สคบ. (สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค)และศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ของะนาคารแห่งประเทศไทย ให้ช่วยตรวจสอบและเร่งรัดการดรช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้กับ ธ.กสิกรไทย ให้ครับ ว่าจะสามารถรับผิดชอบกับความเสียหายที่ผมต้องแบกภาระดอกเบี้ยนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ทาง ธปท. และรัฐบาลได้เป็นผู้ที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตรงนี้ให้ ทาง ธ.กสิกรไทย แทบไม่ต้องแบกรับภาระใดๆ เลย แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมคิดว่าทาง ธนาคารใช้เวลาดำเนินการนานมาก และยังไม่ทราบว่าจะรับผิดชอบยังไง หรือ เมื่อไหร่ ผมกลัวว่าเรื่องจะเงียบและหายไปครับ
> 15 ต.ค. - ล่าสุดวันนี้ ทางผู้ช่วยฯ สาขา แจ้งกลับมาว่า ไม่ได้เพิกเฉยนะครับ กำลังติดตามเรื่องให้อยู่ แต่ไม่ทราบว่าผลจะเป็นยังไง เพราะผู้ใหญ่กำลังคุยกับทาง ธปท. อยู่ว่าจะช่วยเหลือยังไง แต่น่าจะไปในทางที่ดี แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง ประมาณปลายเดือนนี้ หรือ ปลายเดือนหน้า ถึงจะรู้ผล ... สรุป นี่ ผมต้องรอไปอีก ... เลยต้องมาเผยแพร่ให้ทุกคนทราบ แล้วพยายามติดตามเรื่อง กับทาง ธปท. และ สคบ. ต่อไปครับ
รายละเอียด คอนโดผม ราคา : 777,000 บ. ผ่อนต่อเดือน : 5,500 บ. ระยะเวลา : 25 ปี ดอกเบี้ย : MLR (-0.25%)
ซึ่งหากเข้าร่วมโครงการ Soft Loan ก็น่าจะลดดอกเบี้ยได้หลายแสนบาทเลยทีเดียว จึงอยากฝากข้อคิดเห็นประกอบ ไว้ให้คนอื่นๆ เป็นทางเลือก หากต้องทำธุรกรรมแบบนี้ครับ
1) หากต้องดำเนินการธุรกรรมใดๆ ควรมีการเก็บหลักฐานเอาไว้ทุกครั้ง เช่น กรณีผม ควรมีการขอสำเนาการยื่นเรื่อง ขอซอฟท์โลน กับทางสาขาฯ ไว้ และจดรายละเอียดวันที่ยื่น กับผู้ที่ยื่นเรื่องไว้ แล้วสอบถามรายละเอียดขั้นตอนการเดินเรื่อง รวมถึงเวลาที่ทราบผลให้แน่ชัดครับ 2) ให้หมั่นติดตามผลอยู่เสมอ (อย่าปล่อยให้เนิ่นนานแบบกรณีผม ... ทำให้หมดเขตยื่นเรื่องซอฟท์โลน) เพราะหากปล่อยผ่านไป ถ้าเลยกำหนดระยะเวลาไปแล้ว ความเสียหายก็จะตามมา 3) หากไม่มั่นใจในตัวสาขา ให้คอยสอบถามไปทางสำนักงานใหญ่อยู่เสมอ หรือเปลี่ยนสาขาที่ยื่นเรื่องไปเลย ถ้าพบเหตุการณ์ที่ไม่ดี เช่น การให้บริการของผู้ช่วยฯ สาขาคนนี้ เพื่อความแน่นอน 4) สุดท้าย ถ้าพบเหตุการณ์แบบนี้ ให้ลองติดต่อขอความช่วยเหลือกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างในกรณีนี้ ธปท. หรือ สคบ. ได้ตอบอีเมลกลับมาอย่างรวดเร็วมาก (เร็วกว่าที่ทาง ธ.กสิกร ติดต่อกลับมาอีก ... ซึ่งผมต้องเป็นฝ่ายคอยติดต่อไปหาเสมอ T-T ) รวมทั้งให้คำแนะนำในการยื่นเรื่อง เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างดี รวมถึงมีจดหมายทางการแจ้งกลับมาว่า "กำลังดำเนินการติดตามเรื่องให้อยู่" ครับ 5) อย่าเชื่อเพียงเพราะว่า ธนาคารมีภาพลักษณ์ และโฆษณชวนเชื่อที่ดีต่อลูกค้า โดยส่วนตัว ชื่นชอบธนาคารแห่งนี้มาก แต่ต้องมาเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์นี้มากๆ ยังไงก่อนทำธุรกรรมกับธนาคารใด ควรหาข้อมูลให้มากๆ แล้วรอบคอบมากที่สุดครับ
สุดท้าย อยากสอบถามว่า ทุกๆ ท่านคิดเห็นยังไงกับเหตุการณ์นี้ แล้วผมควรจะทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ หรือใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้ มาแชร์กันนะครับ น้อมรับทุกความเห็นครับ
ขอบคุณมากครับ
จากคุณ |
:
ViRus_Max
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ต.ค. 55 22:00:56
|
|
|
| |