ความคิดเห็นที่ 1 จริงคะ จากคุณ : หนูอยากรวยด้วยคนคะ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:10:26

ความคิดเห็นที่ 2 คุณ หนูอยากรวยด้วยคนคะ ขอความเห็นสนับสนุนคำอธิบายด้วยจร้า จากคุณ : จขกท (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:15:00

ความคิดเห็นที่ 3 จริง .... ด้วยอีกคนหนึ่งครับ .... เคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาหลายครั้งเหมือนกันครับ ... จากคุณ : ปีกไก่ย่างทอด เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:15:21 A:49.49.25.153 X: TicketID:335213

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นคำพูดปลอบใจตัวเองค่ะ .......... มีคนจะขายที่+บ้าน  ขายถูกมากๆ ค่ะ 2 วันต่อมาเราตัดสินใจซื้อ เจ้าของบอกว่าไม่ขายแล้ว ที่วันนั้นพูดว่าขาย คืออารมณ์นั้น แต่มาคิดดูอีกทีไม่ขายดีกว่า ไม่ร้อนเงินด้วย อยากเก็บไว้ ........... " อะไรที่มันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็เป็นของเรา ถึงถ้าไม่ใช่ของเรา มันก็ต้องหลุดมือไปอยู่ดี" เสียดายมากกกกกกกกกกกก เป็นคำปลอบใจตัวเอง ที่เราทำได้ตอนนั้น จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:15:30

ความคิดเห็นที่ 5 คำพูดนี้ ผมว่ามันพิสูจน์ได้ยากนะว่าจริงไม่จริง  แต่ที่แน่ๆก็คือ ทำตัวให้พร้อมไว้ก่อน  เปอร์เซ็นจะสำเร็จย่อมมาตาม  หากที่สุดของเราแล้ว ไม่สำเร็จจริงๆค่อยเอาประโยคนี้มาปลอบใจ จะได้ไม่จมทุกข์นานเกินไป จากคุณ : อรพิน เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:17:41

ความคิดเห็นที่ 6 ^_^ คห.5 เป็นความคิดดีจิงๆคะ รอท่านอื่นๆต่อคะ จากคุณ : พญาอินทรีย์น้อยทำรังแต่พอตัว (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:20:46

ความคิดเห็นที่ 7 มีเงินแต่ไม่ไ้ด้ของที่อยากได้ก็เยอะไปนะ ล่าสุดที่เจอมีคนจับได้คิวที่ 1 เพื่อจองคอนโดแห่งหนึ่ง ถึงเวลาเรียกคิวแรก(และ 2-5 เข้าพร้อมกันมีเจ้าหน้าที่รับ5คน) เขาลังเลไม่ตัดสินใจ ในนาทีแรกที่ถึงเวลาเลือกห้อง (มีเวลาดูก่อนตัดสินใจเป็นอาทิตย์) พอจะตัดสินใจห้องที่ต้องการโดนสอยไปซะแล้ว เขาก็โวยวายว่าทำไมเขาได้คิวแรก ไม่ได้เลือกก่อน เขาคงเข้าใจว่าเขาได้คิวแรก ต้องให้เขาเลือกจนพอใจ คิวอื่นๆอีกหลายสิบคิวรอไปก่อนได้ แต่ระบบคอมฯมันไม่เป็นเช่นนั้น 1 ใน 4 ที่เข้าไปพร้อมกัน ตัดสินใจก่อนได้ไปก่อนเพราะเขาลังเลเอง กำเงินอยู่ในมือ คิวแรกก็ได้แล้ว แต่อด จากคุณ : umibozu เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:30:59

ความคิดเห็นที่ 8 เราเห็นด้วยค่ะ ว่าอะไรที่เป็นของเราย่อมเป็นของเราเมื่อถึงเวลา ตอนเราซื้อบ้านเราใช้เวลาดูแค่2เสาร์ เสาร์ที่3ก็ทำสัญญา บ้านเราเป็นโครงการที่สร้างเสร็จก่อนขาย สามารถเดินเข้าดูได้ทั้งบ้าน ช่วงที่เราไปดูบ้านจะรู้สึกสบายใจ พอถึงเวลายื่นกู้ แฟนเรากู้คนเดียวเงินเดือนหลักหมื่นกลางๆ ธนาคารกดเครื่องคิดเลขให้ว่ากู้ได้4.2 ที่เหลือคุณปู่ออกให้ เราเลยมีบ้านภายใน3สัปดาห์ หลังจากครบ3ปี ธนาคารเดิมลดดอกเบี้ยให้. พอมาปีนี้ครบ6ปีธนาคารเดิมโทรมาตามไปเซ็นซอฟท์โลนได้อีก5ปี ทำให้เราจะผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นมาก ของๆเราต้องเป็นของเราจริงๆค่ะ จากคุณ : นานนุนนอน เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:38:39

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะครับ ตอนที่ผมกำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดอยู่นั้น มีตัวเลือกเหลืออยู่ 4 ห้อง เป็นห้องแบบเดียวกัน แต่คนละชั้น(สมมติ A B C D) วนไปดูห้องตัวอย่างอยู่ 2 รอบ กลับมาบ้านนั่งคิด ปรึกษากันกับแฟนอยู่ 2 อาทิตย์ จนตัดสินใจได้ว่าเลือกห้อง B แล้วกัน ก็เลยลองโทรไปเช็คกับทางโครงการดูอีกทีว่าห้องที่เหลือ ยังเหมือนเดิมมั้ย ปรากฏว่า ห้อง A C D ขายไปแล้ว เหลือห้อง B สุดท้าย วันนั้นตาลีตาเหลือก รีบออกไปวางเงินจองทันทีเลย กลัวฟาล์วครับ กลับมายังคิดอยู่ในใจเล่นๆเลยครับว่ามีอะไรดลใจให้คนอื่นเค้าไปเลือกอีก 3 ห้องนั้นหรือเปล่า แล้วห้องที่เหลือนี้เพื่อรอเราอยู่หรือเปล่าน้า แหะ แหะ..อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ ไม่มีเหตุผลอะไรอธิบายประกอบได้ทั้งนั้น จากคุณ : FRISKIE เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:06:10

ความคิดเห็นที่ 10 ขอมีส่วนร่วมด้วยคนนะคะ พอดี เพิ่งพิมพ์คำนั้นลงกระทู้ไปเมื่อช่วงบ่ายพอดีเลยคะ่ ^^ จากประสบการณ์โดยตรงเลยคือ ตัวเองเป็นคนที่ลางสังหรณ์ค่อนข้างที่จะมีความเป็นไปได้เกิน 50% จากหลายๆ เรื่องที่ตนเองได้สัมผัสนะค่ะ เริ่มด้วยต้องการซื้อคอนโดค่ะ ราคาไม่ถึงล้าน มุมสงบ เิดินทางสะดวก ซึ่งคิดว่าไม่มีแน่นอน แต่ในใจลึกๆ เหมือนแบบ มีน่ะ แต่ยังหาไม่เจอ แล้วจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีโอกาสได้ซื้อคอนโดค่ะ ในสเปคที่ใช่ ที่ตามหา พอเจอเรื่องกู้ ก็ใจฝ่อนิดนึงค่ะ เพราะเงินเก็บตัวเองมีน้อย ไม่ถึงแสน แต่ความปรารถนาค่อนข้างสูงค่ะ ก็เหมือนเป็นคำ "ปลอบใจ" ตัวเองมากกว่าค่ะ ว่า ถ้ามันเป็นของเรา ยังไงก็เป็นของเราค่ะ ก็เหมือนเตรียมใจไว้ด้วยว่า ต้องเผื่อใจไว้ หากไม่ได้ เราจะได้ไม่เสียดายจนเกินไป ^___^ แต่มันก็ได้ค่ะ ด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ว่าเงินเดือนก็โอ ภาระหนี้ไม่มี ยังไงก็ได้ล่ะว๊าาา 5555 ยังไงก็น่าจะผ่าน แม้ว่าจะมีสะดุดเล็กๆน้อยๆ แต่ตอนนี้ ก็ได้เป็นหนี้สมบูรณ์แบบแล้วค่ะ ของอย่างนี้ เจ้าของกระทู้ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ค่ะ แต่เอาไว้เป็นคำปลอบใจ ให้เราไม่ต้องหวังสูงก็ได้ค่ะ เหมือนเป็นการให้กำลังใจตัวเองเล็กๆ ^___^ ส่วนเรื่องของคำพูดคนสมัยก่อน อันนี้ ตอบไม่ได้เหมือนกันคะ่ เอาเป็นว่า รอคอมเม้นท์ต่อไป ^__^ (ช่วยไรเค้าได้บ้างมั๊ยเนี่ยยยยย) จากคุณ : น้องยุ่น กะ พี่แปะ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:27:17

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 5 นะคะ ว่า เราต้องทำตัวให้พร้อมไว้ก่อน เมื่อเราพบบ้านที่เราต้องการ จะได้ไม่มีอุปสรรคเรื่องการซื้อ แต่เราก็มีความเชื่อเรื่อง บ้านรอเจ้าของเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เจ้าของแล้วมักจะมีปัญหาหรือเปลี่ยนใจไม่ซื้อได้เสมอ เราเห็นตัวอย่างบ้านติดกับเรานี่เอง เป็นบ้านในโครงการนะคะ มีคนมาดูไม่รู้กี่คน ดูแล้วก็ไป บางคนบอกว่าเป็นทางสามแพร่ง บางคนบอกว่ามีเสาไฟอยู่ตรงข้ามบ้าน และตรงกับประตูหน้าบ้าน ฮวงจุ้ยไม่ดี เวียนดูกันอยู่หลายคน ในที่สุด เจ้าของบ้านตัวจริงก็มา มาดู 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 วางเงินจอง อีกสองอาทิตย์ทำสัญญา ครบเดือนโอน ไม่สนใจฮวงจุ้ย ไม่สนใจเสาไฟ ไม่สนใจทางสามแพร่ง บอกกับเราว่า หนูดูครั้งแรกก็ชอบ ครั้งที่สองพาสามีมาดูสามีก็ชอบ ก็เลยจองเลย  เราก็เลยคิดว่า ถ้าบ้านเป็นของเรา มันก็รอให้เรามาซื้อ แต่ถ้าไม่ใช่ ให้ชอบแค่ไหน ก็คงได้แต่ชอบเท่านั้น คงไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของแน่ จากคุณ : อมริสสา เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:31:28

ความคิดเห็นที่ 12 ใช้ไม่ได้กับนักกินเมืองครับ นักกินเมืองต้องใช้คำว่า "อะไรที่มันไม่ใช่ของเรา ถ้าเราอยากได้ ยังไงมันก็เป็นของเรา" "เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็ทุจริตได้มาเรื่อยๆ" จากคุณ : Rapter เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:55:20

ความคิดเห็นที่ 13 อะไรที่จะเป็นของเรา ถ้าเราไม่มีความเพียรพยายามเอามา สิ่งนั้นก็เป็นของคนอื่น เหมือนตอนเราเจอคนที่ถูกใจ แต่ไม่กล้าไปพูดคุยทำความรู้จัก จนคนอื่นมาคว้าไปแล้ว ก็ต้องรอคนต่อไป รอไปเรื่อยหาไปเรื่อย กว่าจะรู้ตัว อ้าว 40 กว่าแล้วเว้ย  ไปไหนมีแต่คนเรียกพี่เรียกน้าแล้วตอนนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับลางสังหรณ์ บุญกรรมอะไรหรอก อยู่ที่ตัวเราทำตัวเองแท้ๆ  อันนี้ยกตัวอย่าง คงพอใช้ได้กับเรื่องซื้อบ้านซื้อรถเหมือนกัน จากคุณ : Coolzero เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:58:04

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องจริงสำหรับที่บ้านผม สมัยก่อนญาติกันจะขายที่นาแถวฉะเชิงเทรา ให้คุณแม่ 7 ไร่ ขายแค่ 3-4 พันบาท แต่ครอบครัวเราอยู่กรุงเทพฯ คุณแม่อุตส่าห์เอาทองไปขาย(สมัยนั้นทองบาทละ 400 ) ยายทักว่าจะเอามาทำอะไร ที่นิดเดียว สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ ผ่านมาอีกเป็นสิบปี ญาติคนนั้นก็เอามาขายอีก คราวนี้ราคาขึ้นไปเป็น 4 หมื่น คราวนี่แม่ซื้อครับ เพราะญาติคนนี้บอกไม่ขายให้คนอื่นเด็ดขาด ทั้งที่คนแถวนั้นเค้าก็อยากได้ ปัจจุบันไร่ละ 6.5 แสนครับ นี่แหละถ้ามันเป็นของเรา ยังไงก็เป็นของเรา จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 20:11:43

ความคิดเห็นที่ 15 คงพิสูจน์ยาก แต่ผมเชื่อครับ เพราะเจอมาหลายครั้ง 1.ตอนประมาณปี 2540 ไปดูบ้านกับคุณพ่อคุณแม่ เจอหลังนึงถูกใจมากราคาสูงไปนิดแต่คิดว่าไหวเพราะธุรกิจกำลังรุ่ง คุณพ่อกับคุณแม่ก็คุยกันว่าน่าจะเอาเพราะเผื่อผมกับน้องโตขึ้นหลังเดิมคับแคบไป ก็ไปปรึกษาพระที่นับถือ ท่านบอกว่า "อย่าเลยมันไม่ใช่ของเรา ถึงเอามาก็อยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี" (จำได้แม่นตรงที่บอกว่าไม่เกินหนึ่งปี) หลังยื่นกู้เสร็จโอนแล้ว ย้ายเข้ามาอยู่ประมาณ 6 เดือน ฟองสบู่แตก ธุรกิจเจ๊งต้องขายบ้านนั้น 2.อันนี้ตอนไปเลือกซื้อบ้านเองประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซอยเพชรเกษม 71 เจอบ้านหลังนึงถูกใจมากๆ แต่ไกลจากที่ทำงานแฟนไปนิดนึง ก็คุยกันสรุปได้ว่าไม่สนใจ จะเอา ก็ยื่นกู้ไป ก่อนยื่นกู้ก็ให้เซลล์กับเจ้าหน้าที่ธนาคารดูรายได้ก็ผ่านชัวร์ เพราะตอนนั้นไม่มีหนี้สินอะไรเลย ปรากฏว่ายื่นกับธนาคารที่โครงการเสนอมาให้ ผลคือ "ไม่ผ่าน" เหตุผลเพราะผมเพิ่งย้ายที่ทำงานมาได้ 3 เดือน (ผมรับราชการหลายปีแล้ว ร่วมกับทำธุรกิจ แต่ที่เพิ่งย้ายที่ทำงานเพราะขอย้ายมารับราชการใกล้บ้าน) ทางเซลล์บอกว่าจะลองติดต่อธนาคารอื่นไหม แต่ด้วยความที่ตอนนั้นไม่มีเวลาเดินเรื่องเลยตัดสินใจไม่เอา 3.หลังที่อยู่นี่ ก็หลังจากที่พลาดจากข้อ 2 ก็ตระเวนดูบ้านเรื่อยๆ ไม่รีบไปเจอหลังนึงเซลล์บอกว่าเป็นบ้านหลุดดาวน์ แล้วก็เป็นหลังสุดท้ายปิดเฟส มีส่วนลดพร้อมของแถม บลาๆๆๆ ก็เหมือนโดนหลอกทำสัญญาในวันนั้นเลยครับ หลังจากนั้นไม่น่าเชื่อแฟนผมโดนย้ายที่ทำงานไปอยู่ใกล้บ้านมากๆๆ (ประมาณ 1 กม.ได้ครับ) ก็เลยเดินทางสะดวกเว่อร์ แล้วก็มารู้ที่หลังว่าผมซื้อได้ในราคาถูกกว่าบ้านอื่นประมาณ 2 ล้าน (แบบเดียวกันและขนาดที่ดินพอๆกัน) ซึ่งยังไม่นับของแถมอีกมากมาย 55 เลยมาคิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้บ้านข้อ 2 ครับ จากคุณ : zenario เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 20:16:47

ความคิดเห็นที่ 16 เชื่อครับ บ้างครั้งบ้านหรือสิ่งของก็เลือกเจ้าของด้วย จากประสบการณ์ชอบซื้อของเก่า จากคุณ : neural เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 20:29:50

ความคิดเห็นที่ 18 ^_^ ดีใจที่มีเพือนๆมาแชร์ทั้งประสบการณ์ ด้านความเชื่อ วาสนา และในเชิงวิทยาศาสตร์ การเงิน ความพร้อม ต่างๆ ยังรอคอมเม้นท์ต่อไปนะคะ สมัยนี้เราเติบโตมาด้วยการศึกษา และวิทยาศาสตร์ แต่บางทีของบางอย่างมันก็เกินอธิบายจริงๆ จขกท เนี่ยก็ซื้อบ้านไว้นะคะ แต่ยังไม่ได้โอน เพราะรอเรียบร้อย และรอแบงค์ที่ดอกเบี้ยงามๆคะ เลยยังไม่มีอะไรจะแชร์เพื่อนๆเลยจร้า ขอท่านถัดไประกัน จากคุณ : จขกท (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:06:55

ความคิดเห็นที่ 19 เพื่อนผม ถูกใจบ้านหลังหนึ่งที่แพงพอสมควร แต่เงินต้องเอาไปลงทุน ใจอยากได้เลยฝืนซื้อ หลายๆ คนห้ามแล้วก็ไม่ฟัง ไม่ถึงปี ต้องขายรถ ขายทอง มาอุ้มธุรกิจหลักเอาไว้ ได้บ้านแต่ธุรกิจกำลังจะไม่รอด อะไรที่มันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็เป็นของเรา เป็นคำพูดที่สอนให้เราไม่ควรฝืนโชคชะตา หรือพูดง่ายๆ อย่าทำอะไรเกินตัว จากคุณ : Kahathanan เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:29:12

ความคิดเห็นที่ 20 แชร์บ้าง ตอนกำลังหาคอนโดแถวๆที่ทำงาน หากันอยู่หลายเดือนมาก ก็ยังไม่ถูกใจ มีวันนึงหลงทางมาซอยลัดที่ไม่เคยมา ผ่านหน้าคอนโดที่นึง รู้สึกชอบมาก ตามเสปกในดวงใจ low rise ยูนิตน้อย ได้แต่มอง เพราะคิดว่าเกินเอื้อมแน่นอน จากนั้นอีกไม่นาน เจอประกาศขายที่นี่พอดี ราคาในงบ อยากจะกระโดด ดีใจ พอมาดู แฟนกลับไม่ชอบ เราก็เลยยังไม่ตัดสินใจ ดูที่อื่นต่อไป อันที่แฟนชอบ เราก็ไม่ชอบ ไปๆมาๆบอกแฟนให้คิดที่นี่อีกที เราเลยโทรไปคุยกับเจ้าของ ว่าลดได้อีกมั้ย เจ้าของใจดีมาก ลดให้ไม่พอ จ่ายค่าโอนเสร็จทุกอย่าง เลยต้องเป็นของเราสมใจจริงๆ คือ ทุกที่ก็มีบางส่วนที่ไม่ถูกใจ แต่พิจารณาหลายอย่าง ที่นี่ก็เหมาะกับสถานะเราที่สุดแล้ว อย่างนี้พอได้มั้ยคะ จากคุณ : via iPhone (not defendant) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:34:14

ความคิดเห็นที่ 21 ขอแชร์บ้างค่ะ  เราเชื่อ เพราะมีหลายอย่างที่ทำให้เราต้องเชื่อค่ะ ก่อนหน้าที่เราจะซื้อบ้าน เราซื้อคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ตอนดูห้องตัวอย่าง มันก็สวยดี แต่พอของจริงสร้าง เราก็เข้าไปดู แต่ความรู้สึกบอกว่า ไม่อยากได้แล้ว แต่คงต้องอยู่เพราะซื้อแล้ว เราก็ผ่อนดาวน์จนครบงวด เป็นเวลา 2 ปี แต่คอนโดก็ยังสร้างไม่เสร็จ เราตัดสินใจบอกเลิกสัญญาคอนโดค่ะ หลังจากนั้น เราไปเจอหมู่บ้านนี้ เราชอบเลย แล้วเราก็ตัดสินใจซื้อภายใน 1 สัปดาห์เท่านั้น แล้วก็กู้ผ่านแบบสบายๆเลยค่ะ หมู่บ้านเราเป็นทาวน์เฮ้าส์ หลังที่เราเลือกเป็นหลังที่เหลือในซอยค่ะ เราก็แปลกใจว่า ทำไมหลังนี้ไม่มีใครซื้อ เลขที่บ้านออกจะสวย ทับ 99 หรือเพราะเป็นหลังกลางพอดี แต่เราชอบค่ะ   หลังจากที่เราย้ายเข้าอยู่บ้านหลังนี้ เราเจอแต่เรื่องดีๆค่ะ ^^ ก่อนนั้น เราไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน ตั้งแต่เราเลิกกับแฟนเก่า เราก็ไม่มีแฟนอีกเลยเป็นเวลา 5 ปีได้ และเราก็คิดว่า เราต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ แล้ววันหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งที่เราคุยผ่านอินเตอร์เน็ต ก็ขอเราแต่งงานค่ะ ^^ แล้วมันไปสอดคล้องกับเรื่องมหัศจรรย์เลขที่บ้านด้วยค่ะ เล่าต่อ...... เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว พี่ที่ทำงานเรา ที่อยู่หมู่บ้านถัดจากเราไป เค้าไปซื้อแผ่นทองมาแปะเลขที่บ้าน เราก็เลยถามว่า แปะทำไม พี่เค้าบอกว่า บ้านเลขที่เค้าลงท้ายด้วย 55 บวกกันได้ศูนย์ ทุกอย่างจะสูญหมด เค้าก็เลยแก้เคล็ดด้วยการแปะแผ่นทองที่เลข 5 หนึ่งตัวค่ะ คราวนี้ เราก็เลยลองมาบวกเลขที่บ้านเราบ้าง น่ามหัศจรรย์ที่ บ้านเลขที่เราบวกกันท้้งหมดแล้วได้ 23  ซึ่งเราจะแต่งงานวันที่ 23 ธันวาคม นี้ค่ะ (เรากำหนดวันแต่งงาน ก่อนที่จะรู้เรื่องเลขที่บ้านอีก ตามฤกษ์สะดวกค่ะ) แล้วเลขที่หลังทับ บ้านเราเป็นเลข 99 บวกกันได้ 18 บัตรประชาชนเราลงท้ายด้วย 18 น่าแปลกมั๊ย แล้วแถมในเลข 13 หลักของบัตรประชาชนเรา ยังมีตัวเลข 99 ด้วยค่ะ บ้านเลือกคนอยู่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ   มีอีกหลายเรื่องนะ แต่ไม่เล่าดีกว่า   ^^ จากคุณ : ShiNyShadoWy เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 22:51:03

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นคำพูด แบบแทงกั๊กนะครับ ออกได้สองหน้า ถ้าได้สมใจก็รีบบอกกับตัวเองทันที ว่าเห็นไหม มันเป็นของเรา       แต่ถ้าไม่ได้ด้วยประการใดๆก็ตาม แทนที่จะพิจารณาว่าเป็นเพราะอะไรที่ ทำให้พลาด กลับรีบโทษไปเลยว่ามันไม่ใช่ของเรา เสียดื้อๆ       ออกมาในทำนองศรีธนนชัย นั่นแหละครับ       อีกคำพูดหนึ่งที่ได้ยินบ่อย " ไม่มีใครอยากให้เกิด " ผมว่าเป็นคำพูดน่าชังมาก จากคุณ : Noroom nomore เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 22:58:06

ความคิดเห็นที่ 23 จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยต่างหาก สิ่งที่เรามีอยู่เพียงแค่ได้ครอบครองชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น จากคุณ : nakaraj เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 23:29:01

ความคิดเห็นที่ 24 จริงนะ เคยเจอกับตัวเอง ครั้งแรกจองบ้านโครงการเราชอบ แฟนไม่ชอบ ถอนจองไป ครั้งที่2 กู้ผ่านแล้วบ้านตรวจไม่ผ่าน โครงกาีไม่แก้ให้ ครั้งที่3 เจอบ้านมือสองสภาพดี 101 วา ต่อได้ 4 ล้านแถวลาดพร้าว จะทำสัญญาแล้ว อีกวันเจ้าของโทรมาบอกไม่ขายแล้ว ครั้งที่4 บ้านเดี่ยวมือสองของอารียาทำเลลาดพร้าว นัเจ้าของดูบ้าน ไปถึงหน้าบ้านแล้วเจ้าของออกมาพร้อมกับคนที่ไปดูบ้านที่มาก่อนเราบอกคนนี้เขามาดูแล้ววางจองทันที ครั้งที่5 จะซื้อที่ปลูกบ้าน รอเจ้าของมาจาก ตจว มาทำสัญญา อยู่ๆเจ้าของโทรมาบอกว่าร้อนเงินขายสดให้ญาติไปละ ครั้งที่ 6 ได้บ้านอย่างที่ตั้งใจ ซื้อ 3.9 ธ ประเมินได้ 4.5 กู้ได้ 4.3 ไม่ได้ดิ้นรนอะไรเลยเป็นไปตามกระบวนการของ ธ จากคุณ : รริญ (Rarin-รริญ) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 00:51:10

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านของ คห 21 แล้วขนลุกเลยอ่ะ แต่ คห 22 ก็มีเหตุผลนะคะ อยากฟังท่านอื่นๆอีกจะมีไหมนะ รอๆๆๆๆ จากคุณ : จขกท (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 08:41:03

ความคิดเห็นที่ 26 เชื่อมั้ยว่า ชีวิตถูกลิขิตมาแล้ว ว่าจะได้อะไร แบบไหน รถคันไหน บ้านที่ไหน แฟนแบบไหน ทำงานที่ไหน  อย่างอื่นก็คล้ายๆ กัน สรุป เราเชื่อนะ ว่า อะไรที่เป็นของเรา ยังไงก็เป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ ฝืนยังไงก็ไม่ได้ หรือได้ ก็แค่แป๊บเดียว 555 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 10:05:17 จากคุณ : Flash_over เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 10:03:50

ความคิดเห็นที่ 27 จริงคับ ครอบครัวผมตระเวณดูบ้านมาเป็นสิบๆโครงการ แต่ผมชอบคอนโดมากกว่าเพราะเดินทางสะดวก ผมเลยออกแนวต่อต้านเล็กๆไม่ค่อยอยากได้หากทำเลไม่ดีจริงๆ ที่ไปดูก็มีแต่อยู่ลึกๆ บ้านเล็กๆ รถเมล์ยังไม่ผ่านบ้าง ซอยเปลี่ยวบ้าง ชุมชนไม่น่าอยู่บ้าง ติดโรงงานสารเคมีบ้าง ใกล้ขยะบ้าง ไอ้ผมก็เป็นพวกรายได้ต่ำแต่รสนิยมสูงอยู่แล้ว อะไรนิดอะไรหน่อย ผมอิกนอร์อย่างเดียว รายได้ก็จำกัด เงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่น แต่ดันอยากได้บ้านเดี่ยว ราคานี้ก็ต้องอยู่หลืบๆสิคับ ไปดูมาหลายที่มากๆ ประมาณ 1 ปี คิดว่าคงได้อยู่คอนโดเหมือนเดิมต่อไปชาตินี้ ก็ไปเจอหมู่บ้านนึง ทำเลดีมากติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน ตรงข้ามเป็นห้างสรรพสินค้า ด้านหลังสวนสาธารณะ ทำเลรถไฟฟ้าอนาคต รถเมล์ฟรียังผ่านแถมขึ้นทางด่วนอีกต่างหาก แต่ติดที่ราคาเกินงบไปมาก แถมทั้งโครงการขายเกือบหมดไปแล้ว อุปสรรคเยอะมาก ถึงมีเหลือให้ซื้อก็ใช่ว่าจะซื้อได้ เพราะว่าอาจจะกู้ไม่ผ่าน ผมก็อยากได้มาก ลองเข้าไปดูในหมู่บ้าน วันนั้นแดดแรงจำได้ แต่เข้าไปดูรู้สึกเย็นๆบอกไม่ถูก ไหว้บ้าน ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง บอกว่าขอให้กู้ผ่าน และถ้ามีบุญก็ขอให้ผมได้อยู่ที่นี่ด้วย เหลือเชื่อมาก กู้ผ่านครับ กลายเป็นเด็กอายุ 23 เป็นเจ้าของบ้านหลังละหลายล้าน ทางผู้ใหญ่เชิญพ่อปู่มาทำพิธี ท่านบอกว่าคนที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้จะต้องมีบุญวาสนามาก และที่ดินแปลงนี้มีเทพสถิตอยู่ก่อนบ้านจะสร้าง มีคนจะซื้อหลังนี้มาก่อนผมหลายคน แต่กู้ไม่ผ่าน หรือบางคนที่กู้ผ่าน อะไรผ่านแล้ว แต่ติดขัดเรื่องต่างๆ ไม่สามารถมาอยู่ที่นี่ได้ บางคนเคยจองหลังนี้ไปแล้ว แต่ก็มีอันได้เปลี่ยนใจไปซื้อหลังอื่นแทน พูดแล้วก็ขนลุก ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ไม่หลบหลู่ เพราะผมก็มีเซ้นซ์พวกนี้ตั้งแต่เด็ก เลยค่อนข้างเชื่อครับ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 10:37:27 จากคุณ : treser[*_-] เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 10:31:31

ความคิดเห็นที่ 28 เกลเชื่อค่ะ และเห็นด้วยกับ คห 16 เพราะเป็นคนชอบซื้อของเก่าเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ด้วยสองมือ (ด้วยสองมือ) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 11:30:33

ความคิดเห็นที่ 29 จริงครับ แต่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ต้องเจอเองกับตัวถึงจะรู้ว่ามันจริง จากคุณ : f_u_n เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 17:25:52

ความคิดเห็นที่ 30 เราเชื่อนะคะ  เราซื้อทาวเฮ้าส์หลังนึงไว้ให้เช่า  เวลาขึ้นไปบนชั้น 2  มองลงมาจะเห็นบ้านแฝดชั้นเดียวหลังตรงข้าม  รู้สึกชอบมาก  เจ้าของเดิมเค้าตกแต่งไว้ถูกใจไม่เหมือนบ้านแฝดหลังอื่นๆในแถวเดียวกัน   บอกตัวเองว่า  ถ้าเค้าขายก็ดีสินะ   แต่ก็คงแพง  ไม่รู้จะซื้อไหวมั้ย   ปรากฎว่าอยู่ดีๆเจ้าของเค้าก็ประกาศขาย  ราคาอยู่ในงบประมาณที่เราน่าจะไหว   ตอนนี้ทำสัญญาแล้วกำลังจะยื่นกู้   ก็รอดูอยู่ว่าจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของจริงๆรึเปล่าค่ะ จากคุณ : SWEET TOFFY เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 18:12:22

ความคิดเห็นที่ 31 เชื่อค่ะแต่ไม่งมงายเพราะตัวเองก็เจอ จากคุณ : ไรท์โปรเจ็ค เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 19:11:03

ความคิดเห็นที่ 32 ส่วนตัวเชื่อ อะไรที่เป็นของเราก็ต้องเป็นของเรา  อันไหนไม่ใช่ดิ้นรนยังไงก็ต้องหลุดมือ  แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า  นั่งรอนอนรอแล้วมันก็มาเองนะคะ  เพราะก่อนเราจะตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง  ตัวเราเองก็ต้องพร้อมแล้วและคิดว่าถึงเวลาที่เราจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วนะ  ไม่ใช่อยากซื้อบ้านแต่ไม่มีเงินเก็บ หนีสินรุงรัง เงินเดือนใช้จ่ายแต่ละเดือนยังไม่พอ อย่างนี้เค้าเรียกว่าฝันกลางวัน ประสบการณ์ซื้อบ้านเหมือนกัน  เรากับแฟนไปเลือกซื้อบ้านด้วยกัน  แฟนพาไปดูโครงการ A แต่เราไม่ชอบ  เราอยากได้สไตร์โมเดินกว่านี้  แต่แฟนชอบโครงการ A มาก  เราขอไปดูโครงการอื่น  ก็ไปดูโครงการ B  ถูกใจเรามากที่สุด  บ้านสวยทันสมัย  แฟนเราก็เลยตามใจ  ไปคุยกับเซล วางเงินจองไว้ 5000 อีก 3 วันนัดทำสัญญาพร้อมเงินดาวน์   วางเงินจองแล้ว เซลพาไปเลือกกระเบื้อง/สุขภัณฑ์ ฯลฯ แล้วนัดเวลา 16.00 น.จะเข้ามาทำสัญญา+เงินดาวน์  ระหว่างรอเวลา (3วัน) แฟนเราก็บ่นถึงโครงการ A ว่าเค้าชอบนะ  ไอ้โน้นก็ดี  ไอ้นี่ก็สวย  แต่ติดที่เราไม่ชอบ  แต่โครงการ B เค้าก็พอใจแต่ไม่เท่าโครงการ A  เราก็ อุ๊ย...พูดอยู่ได้  ก็เลยพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า...ขอให้บ้านที่เราซื้ออยู่แล้วมีแต่ความสุข โครงการไหนก็ได้ พอครบกำหนดวันทำสัญญา+วางเงินดาวน์  ตอนเที่ยงโทรไปหาเซลย้ำเวลาเป็นมั่นเหมาะ  เซลก็เดี๋ยวเจอกันนะคะ  เราไปถึงโครงการก่อนเวลานิดหน่อย  ไปถึงก็รีบไปพบเซล  ปรากฏว่า  เซลขอให้เลือกบ้านหลังใหม่  แล้วบอกว่าบ้านหลังที่เราจองไว้มีลูกค้าอีกรายมาดู แล้วชอบจะซื้อเงินสดนัดโอนบ้านแล้วอาทิตย์หน้า  เรากับแฟนก็ งง อึ้ง เซลก็รีบบอกแต่มีอีกหลังนะคะหลังโน้นดีกว่าหลังนี้อีก  โน้มน้าวเราต่างๆ นาๆ   ใจเราชอบโครงการนี้ก็ยอมเปลี่ยนหลัง  แต่แฟนไม่ค่อยพอใจ  ก็เลยยังไม่ทำสัญญา+วางเงินดาวน์  แล้วก็บอกอีก 3 วันจะมาทำสัญญาใหม่ เพราะวันนี้เย็นแล้วบ้านก็ยังไม่มีไฟ  ดูรายละเอียดไม่ค่อยเห็นชัดเจน  ขอนัดอีก 3 วัน เวลา 13.00 น. ระหว่างขับรถกลับ  แฟนก็พูดว่าระยะเวลา 3 วัน  ขอไปดูโครงการ A อีกทีได้มั๊ย  เราด้วยความเซ็งก็เลยตามใจเค้า  วันรุ่งขึ้นไปดูโครงการ A ได้รับการตอนรับที่ดี  ไปดูบ้านหลังที่แฟนเราชอบอีกครั้ง ก็ยังไม่มีใครมาจองมีแต่มาดูๆ ถามๆ   พอเราเข้าไปดู เอ...ก็ดูดีเหมือนกันนะ  เริ่มเปิดใจกับโครงการ A ก็คิดในใจเหมือนกันว่า จะ A หรือ B จะหลังไหนก็ได้ แต่ขอเป็นหลังที่เราอยู่แล้วชีวิตพบแต่สิ่งดีดี มีความสุข  อยู่แล้วส่งเสริมให้เรากับแฟนเจริญๆ ขึ้น  ตอนนั้นคิดอย่างนั้นจริงๆ  จนครบกำหนด 3 วัน เช้าเซลโครงการ B โทรมาแต่เช้าเลย  ถามเราว่าตกลงพี่จะเข้ามามั๊ยค่ะ  เนี๊ยมีลูกค้าสนใจหลังที่พี่จองอีกแล้ว  ถ้าพี่มาเกินเวลา 13.00 น.หนูไม่รอนะ  จะรับทำสัญญาเจ้าอื่นเลย  เราก็ค่ะๆ ไปค่ะ  แล้วก็วางสาย  ตอนนั้นก็คิด  อะไรว้า...ยังไม่ทันได้อยู่เลยปัญหาเยอะจัง  หลังแรกเราก็ไปก่อนเวลาแต่ดันขายให้คนอื่นไปก่อนเราก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะ  พอหลังสองจะมาโน้นนี่อีก ก็เลยตัดสินใจบอกแฟนว่าวันนี้แวะไปดูโครงการ A  ก่อน  ถ้าบ้านหลังที่เราไปดูยังอยู่ แสดงว่าหลังนี้แหล่ะที่เหมาะกับเรา  ปรากฏว่าบ้าน A ก็ยังรอเราอยู่  เราเลยทิ้งเงินจองโครงการ B มาตกลงซื้อโครงการ A ดีกว่า ปัจจุบันอยู่บ้านหลังนี้มา 10 กว่าปีแล้ว  เรายอมรับเลยว่าบ้านหลังนี้เหมาะกับเราและแฟนจริงๆ  ชีวิตมีแต่สิ่งดีดีเข้ามา  อาจจะพบปัญหาบ้างแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพื่อนบ้านก็ดี มีความเกรงอกเกรงใจกัน  ถ้อยทีถ้อยอาศัย ยาวหน่อยนะคะ...แต่ว่าถ้าส่วนตัว จขกท.ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้  ต่อให้มีคนมาเล่าเป็นร้อยคน  ก็คงเปลี่ยนใจ จขกท.ให้เชื่อไม่ได้หรอก  ของยังงี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้ จากคุณ : น้องแมวกะโปรงม่วง เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 21:15:46

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ น้องแมวกะโปรงม่วง ไม่ยาวหรอกคะชอบฟังคะ อยากจะเชื่อเพราะเป็นคนค้าขาย อยากอยู่บ้านที่อยู่แล้วเจริญยิ่งขึ้นและมีความสุข แต่เมือมีวิทยาศาสตร์เข้ามาในชีวิตมากมายก็อาจะทำให้เกิดความสงสัย อยากทราบเพิ่ม ทำไมยอมทิ้งเงินจองหล่ะคะ เพราะการที่เค้าเอาบ้านที่จองไปให้คนอื่น แถมไม่เก็บบ้านกลังที่2 ให้อีก จขกท ว่าควรจะคืนเงินจองคะ โครงการนั้นไม่น่ารักเลย จากคุณ : จขกท (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 21:55:28

ความคิดเห็นที่ 34 คุณจขกท อาจไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ หลังไมค์ไปอยากให้เกลมาเล่าที่หน้ากระทู้ เกลขอเล่าแบบนี้ค่ะ มีของอย่างหนึ่งเป็นของเก่าเกลเจอที่ร้านขายของเก่า อยากได้มากค่ะ แต่ไม่มีเงินซื้อของชิ้นนั่นเจอที่ กทม แล้วพอดีได้ทุนไปเรียนที่เมกา อยู่ที่นั่นก็ยังอยากได้แต่ใจก็คิดว่า ถ้ามันเป็นของของเรามันก็เป็นของเรา นานจนลืม กลับมาได้มีโอกาสรู้จักลูกค้าท่านหนึ่ง สามีท่านเล่นของเก่า สามีท่านไหว้วานให้ไปดูของที่ท่านสะสมไว้ที่ภูเก็ต ด้วยความที่เป็นคนคอเดียวกัน ชอบของเก่าเหมือนกันแต่เกลกับท่านห่างกันมากทางด้านฐานะและอายุ เพียงแต่ของบางอย่างเกลอาจบอกได้ว่าใหม่รึเก่า รีของทำเลียนแบบ แล้วเลียนแบบเทคนิคอย่างไร ได้เข้าไปดูของที่ท่านสะสมไว้คุยกันไปมา จนมาถึงของชิ้นที่ตอนนี้มาอยู่ที่บ้านเกลไม่ขอบอกนะค่ะว่าคืออะไร จนได้รู้ว่าท่านเป็นคนซื้อมาจากร้านนั่นซี่งมันผ่านมา2-3ปีแล้ว ก่อนกลับท่านออกปากยกให้เกลๆดีใจมากแต่บอกท่านว่าเกลนั่งเครื่องมาเกลคงเอาไปไม่ได้ ท่านบอกว่าพี่จะเก็บไว้ให้ หลังจากนั่นเกลคงไป-มา กทม-ภูเก็ตจนมีรถขับไปแล้วได้ของชิ้นนั่นใส่รถกลับมา เรื่องนี้คงพออธิบายคุณ จขกท ได้นะค่ะ ว่าของอะไรที่ไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ ใครจะรู้ว่าของชิ้นนั่นได้มาอยู่กับเกล มันอาจจะไม่มีข้อพิสูจน์ได้ แล้วแต่คุณค่ะ  สำหรับความคิดนี้ คุณอยากให้เกลตอบหน้ากระทู้เกลก็ตอบให้ค่ะ ที่เหลือแล้วแต่คุณค่ะ จากคุณ : ด้วยสองมือ (ด้วยสองมือ) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 22:07:18

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าอะไรจะเป็นของเรา มันก็ต้องเป็นของเราครับ         บ้านหลังปัจจุบัน ผมกับแฟนตัดสินซื้อหลังมาดูได้เพียง 3 วัน แต่บ้านหลังนี้มีคนวางเงินจองไปแล้ว แต่กู้ไม่ผ่านไป 3 แบงค์แล้ว กำลังรอแบงค์ที่ 4 ผมก็บอกว่าถ้าเค้ากู้ไม่ผ่านให้โทรบอกด้วย เพราะสนใจมาก         คนที่จองก่อนผมกู้ไม่ผ่าน (คนที่จองคนนี้พยายามซื้อบ้านหลังนี้มา 2-3 ครั้ง แต่ติดปัญหาทุกครั้ง)  ผมวางเงินจองเลย ทั้งที่ตอนนั้นเงินเก็บของผมกับแฟน ยังมีไม่ถึง 100,000        วางเงินจองเสร็จก็มานั่งคิดว่าจะกู้ผ่านไหม เพราะฐานเงินเดือนแฟนสูง แต่เงินเก็บต่ำ  1 อาทิตย์หลังจากจองแบงค์ก็อนุมัตพร้อมกัน 3 แบงค์ ทำสัญญาซื้อขายเสร็จ คนข้างบ้านหลังนั้นบอกว่าจะซื้อเหมือนกันแต่สามีไปต่างประเทศกลับมาไม่ทัน เลยซื้อไม่ทันผม       บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ถือว่าทไเลค่อนข้างดี คืออยู่ริมถนนกาญจนาภิเษก และอยู่ห่างจากที่ทำงานผมไม่เกิน 2 กม. ซึ่งผมขับรถผ่านบ่อยมากในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ทำงานที่นี  แต่ไม่รู้มาก่อนว่ามีบ้านขายจนกระทั่งมาตั้งใจหาบ้าน       ส่วนราคาก็แพงกว่าบ้านข้าง 500,000 บาท แต่ได้พื้นที่เพิ่มขึ้น  48 ตร.วา คงหาราคานี้ไม่ได้อีกแล้วหล่ะครับ เพราะราคาที่ผมซื้อเป็นราคาที่คนจองคนเก่าต่อรองไว้ ผมมาสวมสิทธิ โดยความช่วยเหลือของเซลล์ ไม่งั้นต้องจ่ายเพิ่มอีก 1.5 ล้าน แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 23:20:05 จากคุณ : พบรักณ เมืองจีน เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 23:19:03

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบ .คห.33  ที่ จขกท.ถามนะคะ โครงการ B เค้าคงไม่คืนเงินให้เราหรอกค่ะ  เพราะเราผิดสัญญาไม่ไปตามนัดหนที่ 2 เอง  และผิดที่เราเองอยากได้บ้านโครงการ B มากจนยอมคล้อยตามคำพูดของเซลล์ที่อ้างหลังที่ 2 ดีกว่าหลังที่1 อย่างงั้นอย่างงี้ และพอเรามาดูบ้านโครงการ A ตามที่เล่าว่าวันที่จะไปทำสัญญา B หลังที่ 2 ถ้าบ้าน A หลังนี้ยังไม่มีใครจอง  แสดงว่าบ้านนี้แหล่ะคือบ้านของเรา  แล้วบ้าน A ก็รอเราจริงๆ   เราเลยตัดสินใจเองว่าจะไม่ติดต่อโครงการ B อีกต่อไป   ไม่อยากอารมณ์เสีย  5000 ช่างมันถือว่าเป็นส่วนที่ทำให้เราเจอกับบ้านที่ดีที่สุด จากคุณ : น้องแมวกะโปรงม่วง เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 23:50:30

ความคิดเห็นที่ 37 เรามีความคิดประมาณว่าเป็นเรื่องของโอกาส จังหวะ บวกความตั้งใจหลายๆอย่างประกอบกันนะ เพราะชีวิตคนๆเดียวไม่ได้โลดแล่นไปบนดวงชะตาของตัวเองคนเดียวหรอก มีคนในโลกเป็นล้านๆ อยู่ร่วมกัน คล้ายๆทุกคนเป็นฟันเฟืองในเครื่องจักร เคลื่อนตัวไปด้วยกัน ตอนเราปลูกบ้าน ที่ดินแปลงนั้นมีเจ้าของ 2 เจ้า เป็นญาติทั้งคู่ เราตั้งใจซื้อทั้งแปลง ตอนแรกคุยกันอย่างดีว่าจะขายทั้งคู่ ไปๆมา อีกคนนึงเกิดเปลี่ยนใจไม่ขายซะงั้น ทำให้เราได้ที่แค่ครึ่งเดียว แบบบ้านอะไรต้องเปลี่ยนหมด เพราะที่หน้าแคบ ก็พยายามกัดฟันสู้จนปลูกบ้านเสร็จ หลังจากนั้น เจ้าของที่ข้างๆก็มาบอกว่าจะขายให้ ซึ่งแน่นอนเราก็ซื้อไม่ได้แล้ว เพราะหมดเงินไปกับการปลูกบ้าน ตอนนี้บ้านก็อยู่มาหลายปีแล้ว แต่ที่ข้างๆก็ยังไม่ได้ขายใคร เราเองก็หวังว่าที่นั้นจะเป็นที่ของเราซักวันหนึ่ง ^^! จากคุณ : สุปศิกาล เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 11:49:01

ความคิดเห็นที่ 38 ของผมซื้อที่ 2.3 ไร่กว่า ราคาล้านบาท พี่ที่มีที่อยู่ติดกันบอกว่า (แกรวยด้วย เรื่องเงินไม่มีปัญหา) เมื่อก่อนเขาจะขายให้แก ในราคาแค่ 7 แสน(แกมีที่อยู่ติดกัน1.5 ไร่แล้ว) แกก็ตกลงจะซื้อ แกบอกว่าลูกสาวซึ่งทำงานอยู่แบงค์ที่เชียงใหม่ วันดีคืนดีก็ไม่เคยทักท้วง ไม่เคยมาดู แต่ครั้งนี้มาเยี่ยม แล้วมาดูที่กัน ลูกบอกมีที่อยู่แล้ว1.5 ไร่ก็พอแล้ว และที่ที่อื่นยังมีอีกมาก ตรงนี้อยู่ไกลด้วย  แกก็เลยไม่ได้ซื้อ ตอนผมซื้อ ก็ยังมัดจำกันหลายเดือน ทำเรื่องกู้สหกรณ์หลายเดือน กว่าจะโอนได้ซื้อขายกันได้ ผมเกรงใจเจ้าของที่ กลัวเขาจะหาว่าเราเรื่องมาก คงไม่มีเงิน หรือจะยกเลิกบ้าง แต่สุดท้ายก็ได้ที่แปลงนี้มา เดี๋ยวนี้ซื้อขายกันไร่เป็นล้านกว่าบาทแล้ว แกเห็นผมถมดิน ถามว่าจะทำอะไร ผมบอกจะสร้างบ้าน แกบอกงั้นดีแล้วมีเพื่อบ้าน แกก็จะสร้างบ้านด้วย แต่ติดปัญหา ของแก1.5 ไร่ แกว่ามันเล็กไป แกเลยต้องซื้อที่ของอีกเจ้าหนึ่ง 1.5 ไร่ ราคา 7 แสนบาท รวมได้ 3 ไร่ สร้างบ้านหลังใหญ่มากเป็นไม้ทั้งหลัง สร้างเกือบเสร็จแล้ว แกเป็นพูดกับผมเองว่าในทำนองแบบนี้แหละว่า "ที่เลือกคน หรือใครจะเป็นเจ้าของยังไงก็ได้เป็น ส่วนใครที่ไม่ใช่ก็ยังไงก็ไม่ได้" ปล.พี่เขาเสียไปแล้วเมื่อต้นปี  ภรรยากับลูกก็รับช่วงสร้างต่อเกือบเสร็จแล้ว  ผมกับที่เขาก็พึ่งพากันดี สงสารพี่เขาด้วย ไปสู่สุคตินะพี่ จากคุณ : ต้นทำเสา เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 12:44:04

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยกับทุกความเห็น โดยเฉพาะความเห็นที่ 37 "เรามีความคิดประมาณว่าเป็นเรื่องของโอกาส จังหวะ บวกความตั้งใจหลายๆอย่างประกอบกันนะ เพราะชีวิตคนๆเดียวไม่ได้โลดแล่นไปบนดวงชะตาของตัวเองคนเดียวหรอก มีคนในโลกเป็นล้านๆ อยู่ร่วมกัน" จากคุณ : ต้นทำเสา เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 13:00:38

ความคิดเห็นที่ 40 แนวปลงๆ แล้วมั้งค่ะ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ จากคุณ : หมีเฉย เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 16:47:44

ความคิดเห็นที่ 41 ^_^ ดีใจที่ยังมีคนเข้ามาแชร์อีกคะ จากคุณ : พญาอินทรีย์น้อยทำรังแต่พอตัว (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 55 09:10:08

ความคิดเห็นที่ 42 จริงครับ มันเป็นเหตุปัจจัยในอดีต รวมกับ ที่ คห ๕ บอก คือต้องมีเหตุปัจจัยพร้อมในเวลาที่จะได้นั้นด้วยครับ ที่ว่าเจอคนถูกใจแล้วไม่พูด คงไม่ถูกใจจริงมากกว่าครับ ถ้าเหตุปัจจัยพร้อม มีคนไม่ถูกใจมาอยู่ตรงหน้าคงไม่มีใครพูด แต่ถ้าถูกใจคงเปลี่ยนเป็นคนละคน เห็นเยอะที่เป็นแบบนี้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมคนที่เคยเหลวไหลสามารถกลับหลังมือเป็นหน้ามือได้เพราะคนๆเดียว ทั้งๆที่เจอคนมาเป็นร้อย จากคุณ : จริง เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 15:24:20 A:129.78.32.22 X: TicketID:222737