ความคิดเห็นที่ 1 จู่ๆทิ้งให้แบงค์ยึดไปเลย คุณก็ยังมีสิทธิ์เป็นหนี้ต่อนะ -*- จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 22:02:46

ความคิดเห็นที่ 2 บ้าน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ปล่อยยึด ไม่น่าจะต้องเป็นหนี้ต่อนะครับ จากคุณ : PheakEngi เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 22:12:56

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท อันดับแรกใจเย็นๆก่อนนะคะ ตั้งสติคะ แยกปัญหาเรื่องบ้านกับครอบครัวออกจากกันก่อน การปล่อยแบงค์ยึดบ้านไปเลยไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแน่นอน 1. ไปเจรจาขอพักชำระหนี้กับธนาคาร 2. หางานทำคะ ไม่ว่าจะงานพิเศษ หรืองานประจำ คุณต้องหางานทำให้ได้ จะเงินมากเงินน้อยไม่เกี่ยวแต่ต้องคุ้มค่าความเหนื่อย 3. ให้ญาติพี่น้องมาช่วยดูแลลูก หรือจำใจต้องให้พ่อแม่ช่วยดูแลสักพัก จนกว่าคุณจะตั้งหลักได้ เพราะตอนนี้ จขกท เป๋มากเลยคะ 4. ประกาศขายบ้านในราคาเท่ากับตอนที่ซื้อมา ไม่ต้องรวมค่าตกแต่ง ให้ที่ตกแต่งไปเป็นของแถมคะ    หรือให้คุณประกาศให้เช่าเป็นห้องๆไปคะ(แล้วเก็บค่าทำความสะอาดส่วนกลาง) อย่าไปให้เช่ารวม ถ้าเช่ารวมไม่มีใครไหวหรอกคะ บ้านหลังใหญ่ การปล่อยเช่าเป็นห้องๆแบบนี้ อาจจะได้รับความสนใจ ไม่ลองไม่รู้นะคะ(เคยเห็นอเมริกาเคยทำกับพวกนักศึกษาคะ บ้านเ็ป็นหลังแต่แบ่งเช่้าเป็นห้อง) จับเข่าคุยกับสามี ตามนี้     เราเป็นผัวเป็นเมียจนมีลูก เราต่างมีทำถูกทำผิดทำพลาด เธอพร้อมจะอยู่เป็นกำลังใจ เป็นกำลังกาย พร้อมไหมที่จะฝ่าฟันไปกับฉัน บ้านหลังนี้ฉันยังอยากเอาไว้ และไม่ใช่สิ่งถูกต้องถ้าจะปล่อยให้โดนยึดไปดื้อๆ     หรือเธอคิดว่า ฉันล้ม ฉันหาเงินไม่ได้ เพราะไม่เชื่อฟังเธอ เธอจะไม่พร้อมที่จะลำบากไปกับฉันอีกแล้ว? เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะได้วางแผนต่อไปว่าจะทำอย่างไร และจะไม่หวัง ไม่รอเธออีก ขอให้พูดมาตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม     ฉันเชื่อว่าถ้าเธอยังรักฉันอยู่ และครอบครัวเรายังเป็นครอบครัวเหมือนที่ฉันเข้าใจ เธอคงพร้อมที่จะลำบากไปกับฉัน ผลสรุปเป็นยังไงมาบอกด้วยนะคะ เวลาคุยให้คุยเป็นกิจจะลักษณะ ไปเลย เหมือนคุยเรื่องงานคะ จากคุณ : พญาอินทรีย์น้อยทำรังแต่พอตัว (แมวปัง) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 22:13:17

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนนี้พยายามจะแก้ปัญหาทีละเรื่องค่ะ ไม่ อยากเครียดถึงลูก กับแฟนก็ยังมีปัญหากันเพราะเค้าชอบซ้ำเติมค่ะ ตอนร้านดีก็คุยกีบคนอื่นเหมือนว่าตัวเป็นคนทำได้ แต่พอแย่ขึ้นมากลับบอกว่าเตือนแล้วไม่ฟังยังรั้นจะทำ ตอนนี้พยายามขาย-เช่า. และหางานทำค่ะ จากคุณ : เก๋กุ๊บกิ้บ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 22:35:28

ความคิดเห็นที่ 5 คห.3 คุณ แมวปัง ชอบบทสนทนาจับเข่าคุยกับสามีของคุณจัง เวลาทะเลาะกับสามี ขอยืมบางประโยคไปใช้หน่อยนะคะ....อิ อิ ++ เรื่องบ้าน  มีหลายท่านแนะนำไปแล้วขอพูดเรื่องสามีคุณละกัน ความคิดเห็นส่วนตัวดิฉัน ว่าสามีจขกท.ไม่เขี้ยวหรอก เขาเป็นคนที่รอบคอบ มองคนออก  เขาก็ทำถูกแล้วที่ไม่เห็นด้วยเรื่องคนที่คุณทำธุรกิจด้วย และเรื่อง ซื้อบ้าน  ทำธุรกิจน่ะโลกสวยมากไม่ได้ เพราะไม่ใช่องค์กรการกุศล ส่วนเรื่อง ซื้อบ้านเขาคงคิดว่ามันใหญ่เกินฐานะ และความจำเป็นหรือเปล่า  ที่เขาบอกให้ คุณปล่อยบ้านให้ โดนยึดไป เขาคงไม่อยากให้คุณยื้อไว้เพราะคงผ่อนไม่ได้แน่ๆ ที่เขาไม่ช่วยผ่อน ก็คงจะดัดนิสัยคุณนั่นแหละ.....ดิฉันว่าเขาคงไม่ได้ซ้ำเติมหรอก ทะเลาะกันเวลาโมโหก็พูดๆไม่คิด ใครก็เป็น ใจเย็นๆ... แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 22:48:47 จากคุณ : หยางกุ้ยเฝย เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 22:43:37

ความคิดเห็นที่ 6 ถูกตามที่คุณหยางกุุ้ยเฟยพูดค่ะ เป็นเราที่ผิดเอง. ตอนนี้พยายามแก้ไขค่ะ จากคุณ : เก๋กุ๊บกิ้บ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 22:52:53

ความคิดเห็นที่ 7 แบงค์เค้าไม่ยึดบ้านง่ายๆ หรอกครับ เค้าจะต้องรอให้ จขกท ขาดส่ง จนดอกเบี้ยปรับขึ้นชนเพดาน จากนั้นมูลหนี้ก้อจะเพิ่มขึ้นเพราะดอกเบี้ยทบต้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อแบงค์เห็นว่ามูลหนี้สูงพอแล้ว ก้อจะฟ้องยึดเอามาขายทอดตลาดในราคาถูกๅ มาใช้หนี้แบงค์ เหลือหนี้คงค้างอยู่เท่าไหร่ ก้อฟ้องยึดทรัพย์เอาจาก จขกท เช่น สมมุติว่าบ้านราคา 5 ล้าน ผ่อนไปแล้วเหลือ 3 ล้าน พอ จขกท หยุดส่ง และไม่ไปติดต่อแบงค์ ดอกเบี้ยก้อจะถูกปรับเป็นอัตราผิดนัดชำระ(คุ้นๆ ว่า 14% ไม่แน่ใจ) จากนั้นแบงค์ก้อจะทิ้งไว้ซักห้าหกปี จนหนี้อาจจะเพิ่มเป็นซัก 6 ล้าน (หนี้ที่เกิดจาการจำนองจะไม่มีวันหมดอายุความ และอย่าลืมว่าเป็นดอกเบี้ยทบต้น) จากนั้นก้อฟ้องยึดเอามาขายทอดตลาด ซึ่งถ้า จขกท ยังไม่สนใจอีก แบงค์ก้ออาจจะปล่อยบ้านได้ซัก 3 ล้าน เพราะไม่มีใครมายื่นคำค้าน ว่าราคาประมูลต่ำเกินไป เหลือส่วนต่างอีก 3 ล้าน ที่ จขกท ยังเป็นหนี้อยู่ ก้อมาฟ้องยึดทรัพย์อื่นๆ จาก จขกท เพื่อมาใช้หนี้ทีี่่ยังค้างอยู่อีก 3 ล้าน แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 23:44:21 จากคุณ : nat1234 เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 23:31:04

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าบ้านถูกยึดขายทอดตลาด แล้วไม่ได้เงินพอกับหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน  คุณก็ยังเป็นหนี้อยู่ดี   ทางที่ดีพยายามขายเองให้ได้ดีกว่าครับ เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ผมไม่กล้าซื้อบ้านผ่อนแบงค์ ถ้าไม่ได้มีเงินเตรียมไว้รอผ่อนจนครบอยู่แล้ว จากคุณ : เอสคูลาปิอุส เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 23:39:30

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยตามคห 7 เพราะฉนั้นอย่าให้เกิดการผิดชำระหนี้ ควรผ่อนต่อไปก่อน หรือลองเจรจากับทางแบงค์เพื่อขอปรับลดการผ่อนชำระ และคิดถูกแล้วว่าหากรายได้น้อยกว่าเงินผ่อนชำระ ก็ควรจะขายหรือปล่อยเช่าไป หากคิดว่าขายยากจริงจริง ให้ลองเจรจากับทางแบงค์ว่ามีการแนะนำเช่นไร การโดยยึดเร็วอาจเป็นการช่วยให้ดอกเบี้ยหยุดไว้แล้วไปลุ้นตอนขายทอดตลาด แต่ขอแนะนำว่าหากจะไปฝากขายกับบริษัทให้ระวังเรื่องสัญญาผูกมัด จากคุณ : Raining Man เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 23:50:51

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าคิดอะไรง่ายๆครับ ปล่อยให้โดนยึดแล้วหักหนี้กันไป นี้คือความคิดของคนที่ขาดความรู้ เมื่อสองสามปีก่อนมีดาราตลกสูงอายุชื่อดังมาออกรายการช่องเก้า(รายการสดที่มีผู้ดำเนินรายการสามท่าน)แล้วเล่าว่าเขาทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งธุรกิจอาหาร  อาคารพานิช สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลยปล่อยให้ธนาคารยึด แต่มันไม่จบแค่นั้นเพราะหลังจากธนาคารยึดและขาดทอดตลาดแล้วหักลบเงินต้นก็ยังมีหนี้ส่วนต่างคงเหลืออยู่ ธนาคารส่งnoticไปก็เฉย สุดท้ายธนาคารฟ้องศาล ศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลลาย  ตอนแรกดาราตลกท่านนี้จะมาขอคำปรึกษากับพิธีกร แต่พอพิธีกรอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมถึงถูกฟ้อง ทั้งที่ธนาคารยึดไปแล้วยังจะมาเรียกเก็บเงินอีก ดาราตลกท่านนี้ก็เอาแต่พูดว่าไม่เป็นธรรมธนาคารเอาเปรียบ ยึดไปแล้วก็หักหนี้กันไปจะเอาอะไรอีก พิธีกรก็พยายามอธิบายซ้ำ เท่านั้นละดาราตลกก็พูดสวนกลับมาว่าก็คุณมันพวกเดียวกันเขียนกฏหมายเอาเปรียบชาวบ้าน พีธีกรก็เลยอารมณ์ขึ้นจนเกือบจะมีมวยให้ดูกลางรายการ   สรุปว่าผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดาราตลกอาวุโสท่านนี้ประกอบกิจการอะไรก็ล้มเหลว นั้นก็เพราะเขาขาดซึ่งข้อมูลรวมถึงการแสวงหาข้อมูล เขาเพียงแต่จิตนาการแล้วคิดเอาเองว่า มันควรจะเป็นแบบนี้แบบนั้น แถมยังไม่คิดจะรับฟังข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับตัวเอง อุตส่าห์อายุเยอะจนคนเรียก"ป๋า"กันแล้ว แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 00:03:05 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 00:01:25 จากคุณ : cotarozz เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:00:37

ความคิดเห็นที่ 11 แฟนพี่ ห่วยใช้ได้เลยนะครับ ไม่ทราบแต่งงานจดทะเบียนกันหรือเปล่า ทำไมไม่ลองขายดาวน์ดุหละครับ ดีไม่ดีเกิดเจอคนถูกใจอาจจะได้กำไรติดกระเป๋ามาก็ได้ จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:12:08 A:27.55.14.173 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าจะปล่อยให้ธนาคารยึดไปเลย เลือกทางนี้ดีกว่าครับ 1. ประกาศขายแบบขาดทุน โดยติดป้ายที่หน้าบ้านเลย ราคาบ้าน 3 ล้าน ขาย 2.5 ล้าน (ยังเหลือเงิน 5 แสน เพราะคุณบอกส่งไปแล้ว 1 ล้าน) ข้างบ้านหรือคนแถวนั้นเห็น ต้องสนใจแน่นอน เพราะถูกกว่าตั้งเยอะ 2. ถ้าเอาไว โทรไปรายการ วีระ ธีรภัทร์ ทาง 96.5 ประกาศยกบ้านให้ฟรี ไม่กี่วันก็ไป เพราะเคยฟัง มีคน ใช้วิธีนี้ วันเดียว มีคนรับหนี้ 3. การให้ธนาคารยึดบ้าน มันไม่จบแค่นั้นครับ เมื่อธนาคารฟ้องคุณแล้ว ศาลพิพากษาให้คุณชำระหนี้+ดอกเบี้ย เมื่อคุณไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ก็จะดำเนินการให้ กรมบังคับคดี ยึดบ้านที่จำนองออกขาย ทอดตลาด ขายได้เท่าไร หักกับหนี้ทั้งหมด+ดอกเบี้ย เหลือเท่าไร ยังไม่จบแค่นั้น เช่น คุณเป็นหนี้ 1 ล้านบาท ขายบ้านได้ 8 แสนบาท หนี้ที่เหลือ 2 แสนบาท เจ้าหนี้ก็จะตามยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ของคุณ + ของสามี ที่เป็นสินสมรส (ตามยึดสินสมรสได้ เพราะตอนกู้สามีต้องเซ็นยินยอม ถือว่าผูกพันสินสมรส) ถ้าหนี้ที่คงเหลือหลังหักจากราคาขายทอดตลาดแล้ว สมมติ เค้าตามสืบทรัพย์ของ จขกท ไม่ได้ ทีนี้ธนาคารจะมีกระบวนการต่อไปครับ ถ้าหนี้น้อยก็คงไม่เป็นปัญหา เพราะเจ้าหนี้ติดตามได้เพียงสิบปี นับแต่ศาลพิพากษา ครบสิบปีแล้วก็เป็นอันจบกัน ลูกหนี้เริ่มสะสมทรัพย์สินได้ใหม่ แต่ถ้าหนี้คงเหลือมีมาก เช่น 5 แสนบาท เจ้าหนี้ยังคงคิดดอกเบี้ยได้ต่อไปในอัตราตามสัญญา สมมติ 14% ต่อปี ต้นเงิน 5 แสน ดอกเบี้ยปีละ 7 หมื่นบาท 8 ปี คิดเป็นดอกเบี้ย 560,000 บาท รวมกับหนี้ที่ยังคงค้างชำระ 500,000 บาท รวมต้นกับดอกเบี้ย 1,060,000 บาท เมื่อต้นเงิน+ดอกเบี้ย รวมกัน เกิน 1 ล้านแล้ว กระบวนการ ธนาคารก็จะสืบทรัพย์ของ ลูกหนี้ไปเรื่อย ๆ จนใกล้ครบกำหนดสิบปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษา เจ้าหนี้ก็จะฟ้องล้มละลาย เอาข้อความนี้ไปบอกสามีได้เลยนะครับ โดนร่วมกัน ไม่ใช่โดนคนเดียว จากคุณ : ขุนนนท์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:34:56

ความคิดเห็นที่ 13 ลองให้คุณสามีอ่านตามลิ้งข้างล่างนี้ดูครับ ว่าถ้าปล่อยให้แบงค์ยึดแล้วจะเป็นยังไง http://www.skidlaw.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1259671 http://www.sukadee.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&No=1452476 จากคุณ : nat1234 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:57:39

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับ คห.อื่นๆค่ะ อย่าให้แบงค์ยึดเด็ดขาดค่ะ จากคุณ : mini_milk เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:47:27

ความคิดเห็นที่ 15 สู้ๆนะคะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:56:18

ความคิดเห็นที่ 16 ลองประกาศแบบเชิญชวนกว่านี้ เขียนไปเลย ขายขาดทุน ด่วน ร้อนเงิน เทียบราคาเลยว่าราคาจริงเท่าไหร เราขายแค่เท่าไหร บ้านดูดีอยู่แล้วคนน่าจะสนใจเข้่ามาดูมากขึ้นคะ  ลองลงประกาศกับเวปหลายหลายเวป จะได้เข้าถึงผู้ซื้อมากขึ้น  ลองพิมดูคำว่า บ้าน ระยอง ดูเวปไหนขึ้นอันดับต้นต้น เราก็ไปลงเวปนั้น  ฝากเอเย่นขายก็เปนอีกทางคะ อีกอย่าง ต้องทำใจ ตัดใจ ขายขาดทุนให้ได้เพราะถ้ายังยื้อต่อไป อาจจะสายเกินไป โดนแบ้งยึด จะปวดหัวกว่านี้  เป็นกำลังใจให้นะคะ  ของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้คะ จากคุณ : Pudgy the Dog เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 02:53:31

ความคิดเห็นที่ 17 สามี ไม่ช่วยออก แถมบอกให้ปล่อยให้ธนาคารยึด มีสามีแบบนี้คงเพลียไปตลอดชีวิต อาจจะอยู่บ้านเช่าไปจนวันตาย คนเราเค้าดิ้นรนอยากจะมีอสังหากันแทบจะทั้งโลก จากคุณ : บ่ายสี่โมง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 04:12:00

ความคิดเห็นที่ 18 บางคน ประกาศยกบ้านให้ฟรีเลย ให้ไปผ่อนต่อ จะได้หมดหนี้สิน จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 06:44:15

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นส่วนตัวดิฉัน ว่าสามีจขกท.ไม่เขี้ยวหรอก เขาเป็นคนที่รอบคอบ มองคนออก  เขาก็ทำถูกแล้วที่ไม่เห็นด้วยเรื่องคนที่คุณทำธุรกิจด้วย และเรื่อง ซื้อบ้าน  ทำธุรกิจน่ะโลกสวยมากไม่ได้ เพราะไม่ใช่องค์กรการกุศล ส่วนเรื่อง ซื้อบ้านเขาคงคิดว่ามันใหญ่เกินฐานะ และความจำเป็นหรือเปล่า  ที่เขาบอกให้ คุณปล่อยบ้านให้ โดนยึดไป เขาคงไม่อยากให้คุณยื้อไว้เพราะคงผ่อนไม่ได้แน่ๆ ที่เขาไม่ช่วยผ่อน ก็คงจะดัดนิสัยคุณนั่นแหละ.....ดิฉันว่าเขาคงไม่ได้ซ้ำเติมหรอก ทะเลาะกันเวลาโมโหก็พูดๆไม่คิด ใครก็เป็น ใจเย็นๆ... แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 22:48:47 จากคุณ : หยางกุ้ยเฝย เห็นด้วยกับคุณ ความเห็นที่ ๕ ค่ะ ได้ออกความเห็นแทนไปแล้ว เพิ่มเติม จขกท. ทำอะไรไม่ปรึกษาสามี เป็นคนที่ชอบแอบทำไม่ปรึกษาสามีเรื่องในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน และไปไม่รอด... ออกจะรั้น คิดว่าทำได้ จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 07:51:53

ความคิดเห็นที่ 20 ยกบ้านให้คนอื่นผ่อนต่อฟรีๆ ครับ อย่างน้อยคุณไม่ต้องใช้หนี้อะไรอีกแล้ว สามีคุณทำถูกแล้ว เขามองแล้ว เกินฐานะ เกินความจำเป็น นกน้อย ทำรังแต่พอตัวครับ ถ้าสามียังช่วยเหลือคุณในการหาเงินมาผ่อนบ้านต่อ เท่ากับแบกรับภาระ ที่เกินความจำเป็นต่อไป สู้ปล่อยทิ้งไป แล้วเริ่มต้นใหม่ ในเมื่อคุณยอมรับแล้วว่า ทำพลาดในชีวิต อยากจะเริ่มต้นใหม่ คุณก็ไม่ควรจะหวงในสิ่งที่เคยได้มา ยอมรับว่าพลาด แล้วปล่อยทุกอย่างไป อยู่บ้านเช่า ไม่ใช่เรื่องน่าอาย สิ่งที่น่าอายมากกว่า คือไม่มีเงินแล้วดิ้นร้นไปซื้อบ้านครับ จากคุณ : เจ้าชายใจเย็น เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:24:22

ความคิดเห็นที่ 21 บ้านสวยด้วยครับ เสียดาย จากคุณ : Magic Matt เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:24:58

ความคิดเห็นที่ 22 ทบทวนอดีต เป็นบทเรียน แต่ตอนนี้ให้คิดไปข้างหน้า หนี้บ้าน คือปัญหาใหญ่ 1. ต้องเช็คยอดหนี้ กับธนาคารว่า ปัจจุบันมีอยู่เท่าไร (จากใบเสร็จก็ได้) 2. เทียบยอดหนี้กับ ทรัพย์ที่มีว่าคุ้มกันไหม ถ้าราคาทรัพย์มากกว่า ส่วนต่างยังเป็นของคุณ ให้ขายดาวน์ หรือขายทั้งหมดแล้วแต่ผู้ซื้อ..คุณก็จะได้ส่วนต่าง ให้รีบดำเนินการ เพราะ การอยุดส่ง ดอก ธนาคาร จะสูงมาก 3 ถ้าเกินกำลังอย่าเสียดาย เลยครับ โอกาสข้างหน้ายังมีอีกเยอะ ให้กำลังใจครับ และอยากจะบอกว่า การที่ทำธุรกิจผิดพลาด แม้จะขาดทุนเงิน แต่คุณก็ได้บทเรียนที่มีค่า ทุกปัญหามีทางออก โชคดีครับ จากคุณ : ช่างใหม่ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:35:16 A:125.24.132.187 X: TicketID:382887

ความคิดเห็นที่ 23 ประกาศขาย ช่วงนี้ผมว่าน่าจะขายได้ง่ายนะ หมู่บ้านพรธนา ใกล้ๆกับบ้านสวนวลีแลนด์2 หรือเปล่าครับ ถ้าขายแล้วหมดภาระ ขายเถอะครับ พร้อมเมื่อไรก็ค่อยมองหาใหม่ สำหรับครั้งนี้ก็ถือเป็นบทเรียน จากคุณ : ก้าวผ่าน เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:20:00

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ จากคุณ : เก๋กุ๊บกิ้บ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:22:04

ความคิดเห็นที่ 25 จขกท ว่าไว้ ก่อนหน้านี้เราไปลงทุนค้าขายกับคนรู้จัก ( โดยที่แฟนไม่เห็นด้วย ) ตอนแรกๆรายได้ดีมากๆ เราก็เลยตัดสินใจไปซื้อบ้าน ( โดยที่แฟนไม่เห็นด้วยอีกตามเคย-เค้าเป็นคนค่อนข้างเคี่ยว ) จกขท ปรึกษาสามีแล้วนะ ไม่อย่างนั้น คงไม่ทราบว่าสามีไม่เห็นด้วย จากคุณ : Pidchayut เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 11:15:25

ความคิดเห็นที่ 26 ลองไปดูกระทู้เก่าๆ วิกฤติปี 40 ปล่อยแบงค์ยึดบ้านไปกันเพียบ คิดว่าเรื่องจบ(คิดเองเออเอง) อีกสิบปีถัดมา เริ่มลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ซื้อบ้านใหม่ แต่บ้านเดิมเพิ่งประมูลได้ ส่วนต่างแบงค์ฟ้องหนี้คงค้าง ***บ้านใหม่จะโดนยึด เพราะปล่อยบ้านเก่าทิ้งไว้ เพราะคิดว่าเรื่องจบด้วยคำว่าให้แบงค์ยึดไปเนี่ยแหละครับ จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 11:35:16

ความคิดเห็นที่ 27 บ้านตัวอย่างหลังนั้นนี่เอง มีต่อเติมไปเยอะแล้วนี่นา หมู่บ้านเดียวกันค่ะ  : ) เราว่าหมู่บ้านนี้ น่าจะมีคนสนใจไม่น้อยนะคะ ถ้าประกาศขาย ยอมขาดทุนนิดหน่อย ดีกว่าปล่อยให้แบงค์ยึด แล้วเสียประวัติน้า ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 12:50:24 จากคุณ : ++lelapin++ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 12:48:19

ความคิดเห็นที่ 28 อย่าให้แบงค์ยึดเลย ยอมขายขาดทุนเถอะ ค่อยซื้อใหม่เมื่อมีโอกาส เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องผ่านไปด้วยดีค่ะ จากคุณ : จิตใสใจสบาย เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 13:24:33

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นใจ จขกท เป็นอย่าง คุยกะสามีเป็นไงบ้างก็เล่าต่อนะคะ อย่างน้อยมาคุยในนี้ หลายคนหลายความคิด จะได้ช่วยกันคิดคะ จะได้ไม่โดดเดี่ยวนะคะ จากคุณ : พญาอินทรีย์น้อยทำรังแต่พอตัว (แมวปัง) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 14:00:49

ความคิดเห็นที่ 30 อย่าให้ธนาคารยึดเป็นอันขาดค่ะ...เรื่องมันไม่จบแค่แบล็คลิสต์ มันจะเกี่ยวพันโยงใยกับเครดิตตลอดชีวิตและมีสิทธิที่จะถูกฟ้องล้มละลาย เราเข้าใจหัวอกจขกท.นะ  เราก็เป็นอย่างจขกท.แต่บ้านเราราคาไม่สูงมากขนาดนี้ และเรากู้ธนาคารสร้างบ้าน พ่อแม่ช่วยในส่วนที่เราหมุนเงินไม่ทัน  ลูกเราฝากพ่อกับแม่เราเลี้ยง และเรายังทำงานมีเงินเดือนทุกเดือน  ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะน้อยแต่ก็มีตังค์ให้ที่ทำงานหักส่งธนาคารค่ะ การเลี้ยงเด็กในโรงเหล็กไม่ได้หรอก มลพิษเยอะมากๆ  ฝุ่นขนาดเล็กจะสะสมในปอด ยิ่งเป็นฝุ่นเหล็กยิ่งอันตราย  ผู้ใหญ่ไม่เท่าไหร่ แต่เด็กเล็กๆภูมิต้านทานเค้าน้อย  ไม่คุ้มกับการเสี่ยงให้ลูกอยู่ที่นั่น....เราเห็นด้วยที่จขกท.ซื้อบ้าน  แต่ตอนนี้ปัญหาเรื่องการเงินไม่คล่องตัวแบบนี้คงต้องคุยกับแฟนแล้วค่ะ จับเข่าคุยกัน...ช่วงนี้อาจจะประกาศขายหลังนี้หรือประกาศให้เช่าบ้านไปก่อน  หากทำได้หลังจากนี้ค่อยซื้อบ้านที่ขนาดเล็กลงมาอีกหน่อยน่าจะดีกว่า หากสามียืนยันที่จะไม่ช่วยเหลือ  ส่งผลให้คุณติดแบล็คลิสต์...ลองทบทวนดูใหม่อีกทีว่าจะอยู่กับเค้าต่อไปไหวหรือเปล่า อีกวิธีนึงลองปรึกษาพ่อกับแม่ดูอีกทางค่ะ จากคุณ : occ26 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 15:38:07