|
ความคิดเห็นที่ 6 |
Project REDLIGHT ทดสอบการฝึกบิน UFO ซึ่งอยู่ใน Area 51 และอีกที่นึงที่ Dreamland และในที่นี้ก็เป็นที่แลกปลี่ยน เทคโนโลยี่ ยุธโธปกรณ์ ต่างๆกับ GRAYS
ต่อมาในปี 1955 ทางรัฐบาลสหรัฐได้พบว่า GRAYS ได้ละเมิดสนธิสัญญา คือเรื่องการนำมนุษย์และสัตว์ไปศึกษา พบว่เสียชีวิตบ้าง พิการบ้าง ผิดปกติบ้าง เพราะมีการพบเจอซากเหล่านี้ทั่วไป และทุกครั้งก็ไม่ได้รับการรายงานแต่อย่างใดจาก GRAYS นอกเหนือไปจากนั้น ก็ทราบมาอีกว่า GRAYS ได้ทำสนธิสัญญากับประเทศโซเวียต ด้วย และไดมีการติดต่อกับGRAYS ก็ยอมรับว่าละเมิดสัญญาจริง และยังได้มีการทดลองกับ มนุษย์ที่มากไปกว่านั้น อีก คือ ใช้เวทมนต์ ศาสนา และการบูชาซาตาน( They stated that they had manipulated the human race through religion, satanism, witchcraft, magic, and the occult. )
และหลังจากนั้น-Air Force ได้ทำสงครามกับ GRAYS ปรากฎว่าเป็นที่ประจักษ์ว่าอาวุธเราสู้GRAYS ไม่ได้เลย
จากนั้น จึงมีคิดค้นคว้าอาวุธที่ทันสมัยขึ้นโดย 35 คน จาก CFR
และหลังจากนั้นอีก ก็พบว่า GRAYS ได้ทำการทดลองเปลี่ยนยีนส์มนุษย์และสัตว์ ต่างๆอีกมากมายเพื่อการรักษาเผ่าพันธ์ของตนเองไว้ (เพราะGRAYS ไม่สามารถสืบพันธ์ได้ หลังแพ้สงครามกับ Reptilians ก็ได้ถูกพวกนี้เปลี่ยนยีนส์ไป)
แต่ mj12 ก็ไม่ได้เชื่อถือในคำพูดของGRAYS มากนัก แต่ก็จำยอมให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไป เพราะยังอาศัยเทคโนโลยี่ จากGRAYS
และอีกด้านก็ได้มีการร่วมมือกับ โซเวียต และประเทศอื่นๆด้วย จึงเป็นกำเนิดของ Projects JOSHUA and EXCALIBUR.
Projects JOSHUA นั้นเป็นเทคโนโลยี่ของ NAZI คือใช้เสียงในการทำลาย ประสิทธิภาพสามารถทำลายเกราะโลหะที่มีความหนา 4 นิ้ว ได้ในระยะ 3 กิโลเมตร และเชื่อว่าอาวุธชนิดนี้สามารถยิง UFOได้
EXCALIBUR คือ อาวุธนิวเคลียร์ สามารถทำลาย ฐาน ของ alien ไต้ผิวโลกในพื้นผิวที่แข็ง ในระยะทางลึก 1 กิโลเมตรได้
หลายปีที่มีการติดต่อกับ GRAYS นั้น เทคโนโลยี่ได้พัฒณาขึ้นมาก เช่น antigravity-type craft ซึ่งสามารถเดินทางไป the Moon, the planets Mars and Venus, ได้ รัฐบาลนั้นยังปิดบังโกหกต่อสาธาระณะชน อย่างมากในเรื่องพวกนี้
เช่นความจริงที่ว่า บนดวงจันทร์ มีต้นไม้และพืช เติบโตที่นั่น และสามารถเปลี่ยนสีได้ตามฟดูกาล และมีก้อนเมฆ ด้วย(ด้านมืดของดวงจันทร์) และสามารถเดินได้บนดวงจันทร์โดยมีแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับโลก
Quote There are areas on the Moon where plant life grows and even changes color with the seasons. This seasonal effect is because the Moon does not, as claimed, always present the exact same side to the Earth or the Sun. The Moon has several man-made lakes and ponds upon its surface, and clouds have been observed and filmed in its atmosphere.
และ ในปี 1969 บนดวงจันทร์ได้มีการสู้รบกัน ระหว่างอเมริกา และ โซเวียต เพื่อแย่งดินแดนที่นั่น และมีคนเสียชีวิตไป 66 คน แต่หลังจากนั้นก็กลับมาจับมือกันอีกครั้ง
D.M.T. ย่อมากจากชื่อทางเคมี Dimethyltryptamine (ไดเมทธิลทริปตามีน) เป็นยาเสพติดออกฤทธิ์ประเภทหลอนประสาท พบในเม็ดพืชชนิดหนึ่งที่ขึ้นในแถบ WEST INDIES และบางส่วนของอเมริกาใต้ ชาวอินเดียในแถบนี้จะนำมาบดเป็นผง รวมทั้งชาวพื้นเมืองของประเทศไฮติ ก็นำผงจากเมล็ดพืชเหล่านี้มาใช้เวลาประกอบพิธีทางศาสนา โดยการสูดดม เรียดว่า โคเฮบา (coheba) เพราะเชื่อว่าทำให้สามารถติดต่อกับพระเจ้าของเขาได้
ผู้เสพD.M.T. จะมีอาการเพ้อคลั่งและประสาทหลอน ผู้เสพจะไม่มีอาการติดทางกายแต่จะติดทางใจ
ว่า กันว่าที่จริงแล้วสารเคมีชนิดนี้ เป็นสารเคมีที่เชื่อมต่อกัน ระหว่าง spiritual กับร่างกาย ของมนุษย์ เพราะมีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารนี้จะ มีอยู่ในสมองของมนุษย์ มากบ้าง น้อยบ้าง แต่มีกันทุกคน เพราะเหตุนี้ในระหว่างที่เราหลับเราจึงฝันไป
(แต่สารเคมีชนิดนี้ก็พบเจออยู่ในพืชได้หลายชนิดเช่นกัน)
และสารชนิดนี้ถูกทดสอบแล้วว่าเวลาคนใกล้เสียชีวิต สมองจะหลั่งสารชนิดนี้สู่กระแสเลือด จึงเป็นช่วงเวลาที่ spiritual พลังงานหลุดจากร่างกาย
ประเภท Type A: Raptilians {generic} Type B:Raptilians {Humanoids} Type C:Dracos {Royalty wings} Type D: Serpents {mixed}
และจำพวกสุดท้ายนั้นมีไม่ค่อยเยอะ พวกนี้ไม่โหดร้าย และค่อนข้างเป็นมิตรกับมนุษย์ มาจากดาว Dracones -Progressive or benolent Draconan {rare}
อยู่ในคลิปที่เคยผมให้ไปอ่ะครับ ตอนเกือบท้ายๆ http://www.youtube.c...h?v=UWR6WE4z20g
ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเหมือนกัน เอางี้ครับขอออกแนววิทยาศาสตร์หน่อยๆคงไม่ว่ากัน เพื่อความเข้าใจ เป้าหมายสุงสุดของวิทยาศาสตร์ คือการสร้างทฤษฎีที่สามารถใช้อธิบายได้ทั้งเอกภพ หรือ ค้นหา Mind of GOD แต่ นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ถูกคุกคาม ควบคุมโดย Raptiod ยกตัวอย่างเช่น ไอน์สไตน์ที่ถูก ฮิตเลอร์ โดยการคุกคามจากนาซีนี้จึงทำให้ไอน์สไตน์ละทิ้งแนวทางสันติภาพ(ประวัติเขา น่าสนใจมากเป็นนักสู้เพื่อสันติภาพคนนึง)
เฮ้อ...เข้าเรื่องดีกว่า
สสารประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐานเรียกว่าอะตอม และ แกนกลางประกอบด้วยประจุไฟฟ้าบวกและอิเล็กตรอน เรียกว่า โปรตรอนและอีกชนิดนึงคือนิวตรอน และภายในโปรตรอนนั้นยังค้นพบอนุภาคจิ๋วไปกว่านั้น คือ ควาร์ค(Quark) และยังมีการมองหาอนุภาคที่เล็กไปกว่านั้นอีก กลศาสตร์ควานตั้มบอกกะเราว่า อนุภาคทุกชนิดแท้จริงแล้วเป็นคลื่น และยิ่ง อนุภาคมีพลังงานสุง ความยาวคลื่นยิ่งสั้นลง ดังนั้นคำตอบจึงขึ้นกับว่า เรามีอนุภาคที่มีพลังงานสุงมากแค่ไหน เพราะจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะ มอง สิ่งมีขานดจิ๋วได้ขนาดใด
ดั้งนั้นองค์ประกอบของทุกสิ่งในโลกรวมทั้งมนุษย์ก็มาจากสิ่งเดียวกัน
เราคือพลังงาน
คำ นี้ measurement problem เป็นคำที่นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายกลัวถุกถามมากที่สุด ในการวัดขานดของอะตอม เพราะอะตอมนั้นเคลื่อนที่อยู่เสมอ สามารถเกิดขึ้นและแตกตัวได้เองในบางสภาวะ
ถ้าเรามองจาก Velativity theory , quantum theory นั้นไม่มีสิ่งไดเลยที่มีความหนาแน่น
และ ถ้ามองลึกไปกว่านั้นการมองของเราหรือ vision จะเปลี่ยนหรือแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะอนุภาคต่างๆเหล่านี้คือ electron โดยการรวมของโมเลกุล+อะตอม ถ้ามองลึกกว่านั้นไปอีก คือไม่มีแม้แต่อนุภาค จะมีแตความเชื่อมโยงกันของพลังงานทั้งหมด
project holographic
สมองของเรานั้นรับสัญญาณมากมาย และเชื่อมโยงสัญญาณภาพเข้าด้วยกันและแปลความหมายมองเห็นเป็นภาพ 3 มิติและสร้างสิ่งที่จับต้องได้
ถ้ามองลงไปใน quantum จะเห็นได้ว่าทุกอนุภาคนั้นเชื่อมโยงกัน
และถ้ามองย้อนเวลาไปที่จุดเริ่มต้น ต้นกำเนิดอนุภาคต่างๆ สุดท้ายแล้วมีขนาดเล็กลง เล็กที่สุด จนหายไป จนเหลือแต่พลังงาน electron นั้นเชื่อมโยงกันแบบไหน พลังงานก็เชื่อมโยงกันแบบนั้น
ดูลิ้งนี้ไปก่อนนะครับยังมีต่ออีกยาว คลิกเลยครับ
The Quantum Apocalypse of The Holographic Universe
Holographic Universe (Part 1 of 2 ) its all illusion. (โลกที่มองเห็นเป็นโลกสมมุติ)
Holographic Universe ( Part 2 0f 2 ) its all illusion
เปิดความลับสุดยอดของมนุษย์
ต่อมไพเนียล(Pineal grand) อยู่ตรงกลางระหว่างสมองส่วนเซรีบรัม (Cereblum) ซ้ายและขวา ผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า เมลาโทนิน (Melatonin)
melatonin เมลาโธนิน เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมโพเนียล (pineal gland) ฮอร์โมนนี้มีผลคล้ายยานอนหลับ คนแก่ที่นอนไม่หลับจะหลั่งเมลาโธนินน้อยกว่าคนหนุ่มสาว เมลาโธนินมีความสำคัญดังต่อไปนี้
-ช่วยให้หลับสนิท
-ลดอาการสับสนในเรื่องเวลาของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น อาการออ่อนเพลียเมื่อเดินทาง
-เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสื่อมของเซลล์และของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
(แต่ศักยภาพมันมีมากกว่านั้นมหาศาล)
ลักษณะของ Pineal grand คล้ายดวงตา ห่อหุ้มด้วยน้ำ เพียงแต่ไม่มีเลนส์เหมือนดวงตา ฉนั้นเอง จึงเปรียบเสมือนดวงตาดวงที่3 ของมนุษย์
และมีบางศาสนาที่กล่าวถึงการถอดจิตโดยการนั่งสมาธิ แต่แท้จริงแล้ว Pineal grand นี่เองที่ทำหน้าที่หลังจากที่เราหลับตาลง หรือเวลานอน
Pineal grand หรือตาดวงที่3 ก็จะเปิดออก และเชื่อมสัญญาณของเราเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง ที่มองเห็นด้วยตาดวงที่ 3 ของเรา
พวก Raptiod ควบคุม มนุษย์ได้อย่างไร
1)ควบ คุม Pineal grand ของเราโดยทางอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดที่มีส่วนผสมของFluoride ,aspartame ,และอาหารที่ผ่านกระบวนการ ฟอกสี ขัดเกลา กลั่น สกัด (refine)ที่ส่งผลให้เกิดแคลเซี่ยมเกาะ Pineal grand
จึงทำให้ตาดวงที่ 3 ของเราบอดสนิท และทำให้มองเห็นโลกในความเป็นจริงไม่ได้
2) ควบคุมโดยทางความเชื่อ (Manipulation)
3)ควบคุมโดยใช้สนามพลังงาน (Earth energy grid)โดยการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในจุดที่มีสนามพลังงานหนาแน่นเหล่านี้เพื่อ ควบคุมเรา
4)ใช้เสียงที่มีพลังงานด้านลบ โดยผ่านเสียงที่มีความถี่ต่างกัน
5)ใช้ ภาพสามมิติ {holographic}
สงคราม(ที่มองไม่เห็น)ต้องมีรู้เขาและรู้เราจึงจะชนะ
เมื่อเรารู้เขาและอาวุธของเขาแล้วก็มารู้เราบ้างและอาวุธของเราบ้าง
--รู้เรา--
-เราเป็นสิ่งที่ถูกสร้างมาสมบูรณ์แบบมาก และพลังงานที่มีอยู่ในเรานั้นมีศักยภาพมหาศาล
ใน 100 % เรานำมันมาใช้แค่ มากสุดแค่5% นี่เป็นสิ่งที่
-พลังงานในมนุษย์เราถูกสร้างจากพลังงานต้นแบบ และพลังงานของมนุษย์ทุกคนมาจากที่เดียวกัน
เป็น 1เดียวกัน แยกออกจากกันไม่ได้ เป็นเหมือนอนุภาคต่างที่มากจากที่เดียวกันแยกจากกันไม่ได้
แต่ การที่ pineal gland หรือตาดวงที่3 เราเปิดออก ก็ยังไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าใจหรือใช้ศักยภาพที่เรามีอยู่ได้เลย มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเปิดหน้าต่างในโลกแห่งความเป็นจริงออก แค่นั้นเอง นี่แหละจึงเป็นสิ่งที่ Andromeda อยากจะสอนให้เราเข้าใจและใช้พลังงานนี้ เพื่อที่เราจะเป็นอิสระ จากพวก Reptilians หรือGrays
และ พลังงานของมนุษย์นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เรียกว่าความรัก (เช่นเดียวกับufo ufo ที่ใช้น้ำเป็นตัวขับเคลื่อนในการเดินทางได้หลาย dimension )
แต่ก็ยังเป็นระดับ physical class ไม่สามารถเดินทางได้ไกลกว่านั้น (ระดับพลังงาน มี12 ระดับหรืออาจมากกว่านั้น) แต่พลังงานที่เรียกว่าความรักนั้น มันมีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์เพียงแต่เราไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน แต่พวก Reptilians หรือGrays ไม่เข้าใจในพลังงานนี้เลย
พลังงานความรักนี้ สามารถนำเราให้เดินทางไปถึงในระดับ 12 ได้ แต่ก็ไม่มีทางไปได้ไกลกว่าพลังงานต้นแบบ เพราะมันสิ้นสุดที่นั่น
แม้ แต่ญาติ พี่น้อง ของเราจากดาว Lyrae เองก็ใชพลังงานนี้ในการเดินทางและอยู่ได้ด้วยพลังงานนี้ (นี่แค่ระดับ 4 เองนะครับ) พวกเขายังเรียนรู้ที่จะไปให้ไกลกว่านั้น
ตัวอย่างหน้าตาญาติ พี่น้อง เราครับ
จากคุณ |
:
Mr.Terran
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ธ.ค. 52 18:17:27
|
|
|
|
|