ความคิดเห็นที่ 1 1. พ่อแม่ ไม่เซ็นเอกสารใดๆให้เลย จะให้ได้แค่สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน แล้วหนูควรทำอย่างไรดีค่ะ >>> เซ็นเองไปเลยครับ.... [พวกสำเนาถูกต้องอะไรพวกนี้] พอไปขั้นตอนท้ายๆจะต้องมีคนค้ำ..ก็หาใครซักคนมาเซ็นค้ำให้ก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่ 2. หนูไม่ได้อยู่ในจังหวัดตามทะเบียนบ้านค่ะ ทะเบียนบ้านอยู่ที่นครศรีฯ แต่หนูโตที่กระบี่ค่ะ อย่างนี้จะมีปัญหาไหมค่ะ >>> ไม่เป็นไร... เอกสารก็เขียนตามทะเบียนบ้านเป้นหลัก 3. เห็นว่าการกู้ยืมจะต้องมีพวกกำนันหรือผู้ว่าอะไรประมาณนี้เซ็น (ไม่แน่ใจค่ะ) แต่หนูก็เข้าหาท่านๆไม่ถูกน่ะค่ะ คือง่ายๆว่าหนูตัวคนเดีญว อยากเรียนต้องดิ้นรนเรียนเอง จัดการเอง แล้วอย่างนี้ พอจะมีวิธีไหน ที่จะทำให้เด็กโง่ๆ ไม่ณรู้เรื่องอะไรเลย จะสามารถกู้ยืมเงิน กยศ. มาเรียนได้บ้างค่ะ >>> อาจารย์ที่ปรึกษา.... ลองไปขอความช่วยเหลือดู หรือไปที่บ้านพ่อแม่ตัวเองอยู่แล้วก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านด้วยตัวเองเลย ป.ล. ผิดพลาดประการใดก็อภัยด้วยนะจ้ะ...^^ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 53 21:26:34 จากคุณ : เฟืองเหนือ เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:24:56

ความคิดเห็นที่ 2 หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา      1. เงินกู้ยืมที่จ่ายเข้าบัญชีของสถานศึกษา ได้แก้ ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา 2. เงินกู้ยืมที่จ่ายเขาบัญชีของนักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมได้แก้ ค่าครองชีพ (ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายส่วนตัว)    TOP           ขั้นตอนการขอกู้ยืม กยศ.    นักเรียน นักศึกษา ต้องดำเนินการขอกู้ยืมผ่านระบบ e-Studentloan ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ลงทะเบียนเพื่อขอรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ โดยรอผลการตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ 1 วัน 2. ผู้ที่มีรหัสผ่านแล้ว สามารถเข้าระบบไปกรอกแบบคำขอกู้ยืม 3. รอสถานศึกษาเรียกสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกผู้มีสิทธิ์กู้ยืม กยศ. โดยสถานศึกษาจะเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้ยืมเป็น รายปี ภายในกรอบวงเงินที่จัดสรรให้ 4. ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากสถานศึกษาต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารกรุงไทยสาขาใดก็ได้ เพื่อรับโอนเงินค่าครองชีพ 5. ผู้ได้รับสิทธิกู้ยืมเงินเข้ามาทำสัญญากู้ยืมเงินผ่านระบบ โดยต้องสั่งพิมพ์สัญญาจำนวน 2 ชุด (ต้นฉบับและคู่ฉบับ) ดำเนินการให้ผู้ค้ำประกัน พยาน และผู้แทนของสถานศึกษาร่วมลงนามในสัญญาทั้ง 2 ฉบับ พร้อมจัดเตรียมเอกสารประกอบสัญญาและสัญญาเพื่อส่งให้สถานศึกษา 6. ติดต่อสถานศึกษา เพื่อลงนามและตรวจสอบจำนวนเงินขอกู้ ในแบบลงทะเบียน / แบบยืนยันจำนวนเงินค่าเล่าเรียน และค่าครองชีพ โดยสถานศึกษาเป็นผู้ยืนยันความสมบูรณ์ครบถ้วนผ่านระบบ 7. นักเรียน นักศึกษา รอรับเงินค่าครองชีพเมื่อเปิดเทอม ทางบัญชีธนาคารกรุงไทย    TOP    ผู้ค้ำประกันในสัญญากู้ยืมเงิน    1. บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง 2. กรณีบิดามารดาเสียชีวิต ให้ผู้ปกครองที่รับอุปการะเลี้ยงดูลงนามแทน 3. บุคคลที่ประกอบอาชีพมีรายได้น่าเชื่อถือ 4. กรณีคู่สมรสของผู้ค้ำประกันไม่ให้ความยินยอมให้ผู้ค้ำประกันลงนามฝ่ายเดียวได้ 5. กรณีไม่มีบุคคลค้ำประกัน ให้ใช้หลักทรัพย์แทน          การลงนามค้ำประกันในสัญญากู้ยืมเงิน     ให้ผู้ค้ำประกันลงลายมือชื่อค้ำประกันในสัญญากู้ยืมต่อหน้าสถานศึกษา หากผู้ค้ำประกันมีที่อยู่ห่างไกลจากสถานศึกษาให้จัดส่งสัญญาให้ผู้ค้ำประกันลงลายมือชื่อค้ำประกันได้ และต้องให้เจ้าพนักงานทะเบียนท้องที่ (อำเภอ) หรือเจ้าพนักงานทะเบียนท้องถิ่น (เทศบาลหรือสำนักงานเขต) ในเขตพื้นที่ที่ผู้ค้ำประกันอาศัยอยู่ ลงนามรับรองลายมือชื่อของผู้ค้ำประกัน          บุคคลผู้รับรองรายได้ในสัญญากู้ยืมเงิน    1. ข้าราชการระดับ 5 ขึ้นไป หรือเทียบเท่า 2. หัวหน้าสถานศึกษา ที่ผู้ขอกู้ยืมศึกษาอยู่ 3. ผู้ปกครองท้องถิ่นระดับผู้ใหญ่บ้านขึ้นไป (ส่วนพนักงานรัฐวิสาหกิจ นายกเทศมนตรีหรือตำแหน่งอื่นที่นอกเหนือจากนี้ไม่สามารถรับรองได้)    TOP           เรื่องอื่นที่ควรถือปฏิบัติ      1. ต้องไม่ทําสัญญาเกินขอบเขตวงเงินก้ยืมที่ได้รับ 2. กรณีที่ต้อการแก้ไขแห่งใดในสัญญา สามารถทำได้โดยกลับเข้าสู่ระบบ e-Studentloan และสั่งพิมพ์ใหม่ตามขั้นตอนในการขอกู้ยืมข้างต้น 3. เอกสารทุกฉบับต้องลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง โดยเจ้าของเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อด้วยตนเอง ได้แก่ ผู้กู้ยืม บิดามารดา ผู้ปกครอง และผู้ค้ำประกัน ผู้รับรองเงินเดือนหรือรายได้ อาจารย์แนะแนวและอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นต้น 4. ผู้กู้ยืมผู้ค้ำประกันผู้แทนโดยชอบธรรม (กรณีผู้กู้ยืมยังไม่บรรลุนิติภาวะ) ต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเอง 5. ผู้กู้ยืมผู้ค้ำประกัน ผู้แทนโดยชอบธรรม (กรณีที่มิใช่บิดาหรือมารดา) ให้ใช้ทั้ง สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน และสําเนาทะเบียนบ้าน และต้องรับรองสําเนาด้วยตนเองทุกฉบับ ในกรณีที่ผ้ค้ำประกัน ผู้แทนโดยชอบธรรม เป็นบุคคลเดียวกันให้ใช้สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน และสําเนาทะเบียนบ้านเพียงชุดเดียว 6. เอกสารสัญญาจัดทำขึ้น 2 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกันโดยผู้กู้ยืมต้องจัดเก็บสัญญาก้ยืมคู่ฉบับไว้กับตนเองจนกว่าจะชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว 7. ผู้กู้ยืมต้องเก็บรักษาสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไว้กับตนเอง แม้ว่าในภายหลังจะบอกเลิกสัญญาการกู้ยืมก็ตาม และไม่ควรให้ผู้อื่นทราบรหัสบัตรเอทีเอ็มของตน 8. เพื่อสิทธิประโยชน์ในอนาคตของผู้กู้ยืม ต้องแจ้งสถานภาพกับธนาคารกรุงไทย ได้ทราบในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว (ใช้แบบฟอร์ม กยศ. 203) อันได้แก่    - การเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล    - การเปลี่ยนที่อยู่ปัจจุบัน และที่อยู่ตามภูมิลำเนา    - การย้ายสถานศึกษา    - การสำเร็จการศึกษา    - การเลิกการศึกษา หากผู้กู้ยืม ไม่ได้ขอกู้ยืมเงินหรือไม่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินต่อเนื่องในปีการศึกษาปัจจุบัน และไม่รายงานสถานภาพการศึกษาต่อคณะกรรมการกองทุนฯ จะถือว่าผู้กู้ยืมได้สำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว   ลองเข้าไปดูเพิ่มเติ่มที่ http://www.studentloan.or.th ได้ครับ จากคุณ : หน้าต่างไร้กลอน เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:31:51

ความคิดเห็นที่ 3 การยื่นกู้เงินกองทุนเพื่อนการศึกษา(กยศ.)คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องง่ายยื่นเอกสารถูกต้องแล้วผ่านเลย แต่จริงๆแล้วไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มีเด็กที่ยื่นกู้ในปีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเทอมแรกผิดหวังทุกคน การเตรียมเอกสารในเบื้องต้นนอกจากพ่อแม่ต้องเซ็นต์รับทราบด้วยแล้วยังต้องให้ข้าราชการตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปหรือเทียบเท่า เซ็นต์รับรองว่าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่และรับรองให้เราด้วย ซึ่งต้องต่อสัญญาในทุกปีการศึกษา คือเมื่อจบปี 1 ก็ต้องยื่นเอกสารใหม่ เด็กที่เพิ่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในปีแรกเมื่อผ่านการตรวจเอกสารถูกต้องเสร็จแล้วจะต้องรออนุมัติและประกาศรายชื่อ 1 เดือน การชำระค่าเทอมในเทอมแรกเด็กต้องออกเงินเองทั้งหมดไม่มียกเว้น เพราะในช่วงเปิดภาคเรียนทาง กยศ.จะแบ่งสรรปันส่วนไม่ลงตัว จะได้เฉพาะเด็กที่กู้ต่อเนื่องเท่านั้น ซึ่งเด็กเหล่านี้กู้เรียนกันมาตั้งแต่ระดับชั้น ม.4-5-6 หรือระดับประกาศนีย์บัติวิชาชีพ ปวช.-ปวส. เมื่อเข้ามาศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยก็จะได้รับการอนุมัติก่อนใครเพื่อน พูดง่ายๆว่า เด็กที่เพิ่งยื่นกู้ใหม่ต้องรอไปก่อน ผลประกาศรายชื่อของเด็กที่ยื่นกู้ใหม่ ทาง กยศ.และมหาวิทยาลัยจะประกาศหลังจากที่เปิดภาคเรียนไปแล้วไม่เกือน 2 เดือน เด็กที่ได้รับการอนุมัติกู้ยืมจะต้องเข้าอบรมเพื่อศึกษากระบวนการในลำดับต่อไป ซึ่งแล้วแต่ทางมหาวิทยาลัยนั้นจะกำหนดอย่างไร ที่ผ่านมาในแทบทุกที่ เด็กที่ยื่นกู้ใหม่ในปีแรกนั้นค่อนข้างผิดหวังเกือบทั้งหมด ไม่ได้รับการอนุมัติและต้องรอจนหมดปีการศึกษาแรก ซึ่งนับเป็นความบกพร่องอย่างมากของ กยศ. พูดกันง่ายๆคือ เงินไม่พอนั่นเอง เหตุผลเด็กยื่นกู้เยอะในขณะที่มีการโฆษณาอย่างต่อเนื่องทางโทรทัศน์ ข้อแนะนำ เด็กที่ประสงค์จะยื่นกู้ กยศ.ในเบื้องต้น หลังจากที่เอกสารพร้อมแล้วรอการอนุมัติ ควรมีเงินสดสำรองเพื่อเป็นค่าเทอมให้พร้อม เพราะเงิน กยศ.ไม่ได้ออกมาให้ง่ายๆอย่างที่ใครๆคิด ในอดีตเคยมีเด็กผูกคอตายเพราะเงิน กยศ.ออกไม่ทันกำหนดมาแล้วครับ ... จากคุณ : Resource of life เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:51:47

ความคิดเห็นที่ 4 ม.ของรัฐใน กทม. รายใหม่ส่วนใหญ่ได้ทุกคนนะ.... ผมลองถามเพื่อนๆหลายๆ ม. ดูก็พูดตรงกัน "ได้หมด" จากคุณ : เฟืองเหนือ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 07:08:30

ความคิดเห็นที่ 5 คุณเฟืองเหนือ เชื่อว่าเด็กที่ยื่นกู้รายใหม่ได้รับอนุมัติทุกคนจริงหากเอกสารและหลักฐานที่ยื่นสมบูรณ์ แต่ได้ตอนขึ้นระดับชั้นปีที่ 2  ปีแรกร้องไห้ เหตุผลเพราะทาง กยศ.ไม่มีเงินพอ ที่มหาวิทยาลัยไหนๆก็เหมือนกันครับ โควต้าของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังยังต้องรอเลย ... จากคุณ : Resource of life เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 07:42:23

ความคิดเห็นที่ 6  ข้อแนะนำตามข้างบนสมบูรณ์แล้วค่ะ ค่อยๆ อ่านและศึกษาดูแนวปฏิบัติ พ่อแม่ ไม่เซ็นเอกสารใดๆให้เลย จะให้ได้แค่สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน แล้วหนูควรทำอย่างไรดีค่ะ >>> คนอื่นสามารถค้ำประกันแทนพ่อแม่ได้นะคะ  แต่ ..การค้ำประกัน คือ การกู้ร่วม  ตรงนี้อาจลำบากในการหาผู้ค้ำประกันค่ะ เพราะเขาอาจมองว่า พ่อแม่ยังไม่มาเซ็นค้ำให้เลย >>> กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือข้าราชการระดับ 5 ขึ้นไป ทำหน้าที่รับรองรายได้ของผู้ปกครอง ที่ไม่เกินปีละ ๒ แสนบาท >>>  การจัดสรรโควตาการให้กู้ยืม  ส่วนใหญ่เขาพิจารณาผู้กู้รายเก่าก่อนค่ะ  ยกเว้นว่าผู้กู้รายเก่าไม่ประสงค์จะกู้ต่อ  ซึ่งมีน้อยมาก แล้วจึงเอาเงินที่เหลือมาพิจารณาจัดสรรให้กับรายใหม่ >>>  หากน้องมีความประสงค์จะยื่นกู้จริงๆ แนะนำให้ไปพบผู้ประสานงานโครงการ กยศ. ของ มสธ. เพื่อชี้แจงความจำเป็นและขอคำแนะนำค่ะ จากคุณ : nawaporn169 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 11:19:45

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 6 รายละเอียดการเซ็นค้ำประกัน...ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่นะครับ... แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 16:04:13 จากคุณ : เฟืองเหนือ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 16:01:14

ความคิดเห็นที่ 8  คห.๗  เราเข้าใจตรงกันแล้วค่ะ จากคุณ : nawaporn169 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 20:53:53