Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง # ๑ พ่อตายเพราะควายเตลิด  

(ตอนที่ ๒ น่ะครับ เขียนหัวผิด แฮะ . . . แฮะ . . .)

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ
มาฟังเหตุการณ์นิดเดียว
ที่พลิกผันชะตาของครอบครัวธรรมดา ๆ ครอบครัวหนึ่ง
ให้ต้องตกระกำลำบากยากเข็ญนานาประการสิครับ
กระผมจะเล่าให้ฟัง

ขุนไกรพลพ่าย ผู้ซึ่ง มีสง่าอยู่ในเมืองสุพรรณ นั้น
อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีใบบอกจากในกรุงว่า
สมเด็จพระพันวษา จะเสด็จประพาสป่าเมืองสุพรรณ
และจะทรงมาล่าควายป่า ที่ชุกชุมอยู่ในแถบนั้นด้วย
ขอให้ขุนไกรจัดเตรียมพลับพลาที่ประทับ
และพะเนียดล้อมควายไว้ให้พร้อม

ขุนไกร พลพ่ายก็น้อมรับพระราชโองการ
และเตรียมการดังกล่าว โดยทุกสิ้นทุกประการ

ครั้นถึงวันเสด็จพระราชดำเนิน
สมเด็จพระพันวษาก็ทรงกระบวนเสด็จพยุหยาตราทางสถลมารค
อย่าง . . . . . งาม . . . . .

กระผมว่าจะเล่าให้ฟังเองแล้วแหละครับ
แต่ฉบับหลวงท่านว่าความไว้ . . . งาม . . .
เสียจน กระผมต้องยกมาให้ท่านฟังทั้งกระบวน ดังนี้


         ครั้นรุ่งเช้าฝ่ายเจ้าพนักงาน
         เตรียมการโดยกระบวนถ้วนถี่
         กรมช้างจัดช้างที่ตัวดี
         คนขี่ครบทั่วตัวคชา

         จ่าดาบขวาซ้ายก็จ่ายเครื่อง
         ขนเนื่องมาวางไว้ข้างหน้า
         กรมช้างพลางผูกมิทันช้า
         เบาะอานพานหน้าดาราราย

         สองหูพู่จามรีกรอง
         ปกตะพองทองพร้อยห้อยตาข่าย
         แต่ล้วนช้างพระที่นั่งทั้งพังพลาย
         หลากหลายเข้ากระบวนส่วนคชา

         พระที่นั่งพุดตาลสำหรับเสด็จ
         ผูกเสร็จทอดพระแสงแสนสง่า
         นายทรงบาศเป็นควาญชำนาญมา
         ใส่ครุยกรองนุ่งผ้าสมปักลาย

         ผูกทั้งพระที่นั่งกระโจมทอง
         วงพระสูตรรูดคล้องเป็นสองสาย
         เบาะปักหักทองขวางสล้างลาย
         เขนยอิงพิงฝ่ายปฤษฎางค์

         ผูกทั้งพระที่นั่งเถลิงศอ
         พระยี่ภู่ปูคอกันกระด้าง
         พระที่นั่งประพาสโถงแรมทาง
         ต่างต่างแลล้วนละกลกัน ฯ


งามไหมครับท่าน
กระผมว่างามละเมียดละไม
งามทั้งกระบวนเสด็จ
และงามทั้งกระบวนกลอน !


ครั้นเสด็จถึงเมืองสุพรรณบุรี ในพื้นที่รับผิดชอบของขุนไกรพลพ่าย
ท่านขุน ฯ ก็ได้จัดเตรียมการรับเสด็จ อย่างมิได้ขาดตกบกพร่อง

แต่....ความซวย หรือชะตากรรม ก็แล้วแต่จะว่ากันไป
ก็บันดาลให้ฝูงควายป่า ซึ่งถูกไล่ราวมาเข้าพะเนียดนั้น
ฮือกันเข้ามาทางที่ประทับ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด . . .

ด้วยความที่เกรงว่าฝูงควายเตลิดนั้น
จะเป็นอันตรายกับพระเจ้าอยู่หัว
ขุนไกรจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวฉับพลัน
คว้าหอกประจำตัวโดดขึ้นม้า
กระตุ้นเข้าหาฝูงควายป่านั้นเพียง ตัวคนเดียว
เข้าไล่แทงสกัดกั้นฝูงควาย
จนควายเหล่านั้นตายลงต่อหน้าพระที่นั่งมากมาย
แต่พระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพ้นอันตรายมาได้

แต่.....วีรกรรมอันห้าวหาญของขุนไกรนั้น
ก็กลับกลายเป็นทำคุณบูชาโทษไปจนได้
สมเด็จพระพันวษากลับทรงพระพิโรธ
เพราะกลับทรงเห็นไปว่า
พระองค์ท่านได้มอบหมายให้ ขุนไกร
ต้อนควายมาให้พระองค์ล่า
แต่ขุนไกรกลับละเมิดพระราชโองการ
ด้วยการมาแทงควาย หรือล่าควาย ต่อเบื้องพระพักตร์
ในพระอารมณ์นั้น
จึงมีพระราชดำริว่า
ลูกน้องอย่างนี้เอาไว้ไม่ได้
และในพระอารมณ์เดียวกัน
จึงทรงลงพระราชอาญาให้ประหารขุนไกรพลพ่าย
ให้ตายตกไปตามควาย !

เมื่อได้ยินดังนั้น
ในวินาทีแรก ขุนไกรพลพ่ายทหารใหญ่แห่งเมืองสุพรรณ
ก็แทบบ้าเอาเลยทีเดียว
ดังในฉบับหลวงท่านว่าไว้อย่างน่าเห็นใจ ดังนี้


         ครานั้นฝ่ายว่าตาขุนไกร
         ตกใจดังจะยับเป็นผุยผง
         ตัวสั่นขวัญหนีเหมือนผีลง
         จะดำรงกายนั้นก็เต็มที

         หน้าซีดผาดเผือดจนเลือดหาย
         ภูติพรายในตัวก็หลีกหนี
         สิ้นสติตัวสั่นขวัญไม่มี
         ดังจะดับชีวีในทันใด ฯ


ครับ....ดวงคนเราจะถึงฆาตนี่
ต่อให้มีวิชาอาคมขลัง ขนาดผูกจิตให้ผีมารับใช้ได้
ผีนั้นก็ยังไม่อยู่คุ้มครองเลย

แต่ขุนไกรก็สมกับเป็นผู้มีการศึกษา และมีสติ
จึงระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับตอนแรก

เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่เขานำตัวไป เข้าหลักประหารนั้น
ท่านบรรยายไว้ ดังนี้ ขอรับ


         ค่อยระงับดับความโศกา
         ภาวนาประนมมือถือมั่น
         คิดถึงคุณพระพุทธพระธรรมนั้น
         อภิวันท์พระสงฆ์ทรงศีลา

         ทั้งคุณบิดามาตุเรศ
         บังเกิดเกศก่อเกล้าเกศา
         ขออำนาจประกาศแก่เทวา
         ให้ทราบทั่วฟากฟ้าสุธาธาร

         ด้วยตัวข้าขุนไกรกระทำผิด
         ถึงชีวิตจะม้วยสังขาร
         จะตายด้วยความสัตย์ปฏิญาณ
         อย่างพงศ์พลายฝ่ายทหารอันชาญชัย

         ปากว่าตาปิดจิตปลง
         ระงับลงไม่พรั่นหวั่นไหว
         ก้มหน้าหลับตาภาวนาไป
         ได้ที่ให้นิ้วเขาฟันลง

         เพชฌฆาตฟาดด้วยดาบอันคมกล้า
         ขุนไกรชีวาเป็นผุยผง
         ดวงจิตพอระงับดับลง
         ทำมะรงเอาศพไปเสียบไว้ ฯ


นับว่าสมศักดิ์ศรีจริง ๆ นะขอรับ
เพราะการประหารในสมัยโบราณนั้น
ต้องผูกตานักโทษเพื่อไม่ให้เห็นการรำดาบ
และยังแถมด้วยต้องเอาดินเหนียวอุดหู
เพื่อไม่ให้นักโทษ ได้ยินเสียงฝีเท้าของเพชฌฆาต
ที่กำลังวิ่งเข้ามาฟันคอ

แต่นี่ขุนไกรพลพ่าย
นอกจาก ดูเหมือนจะไม่ได้ผูกตาแล้ว
ยัง ให้นิ้ว
คือเป็นคนออกคำสั่งให้ลงดาบตัวเองด้วยซ้ำ
นับว่าเป็นผู้มีมรณานุสติจนวินาทีสุดท้าย
และมีจิตใจเด็ดเดี่ยวมั่นคง
เรียกว่าตายอย่างชาติเสือแท้


และนับจากนั้น
ความเดือดร้อนทั้งหลาย
ก็เริ่มจู่โจมเข้าหาครอบครัวของขุนไกร แทบจะทันที
ทั้งนี้เพราะโดยบทพระอัยการในสมัยนั้น
ได้ระบุไว้ว่า

มันผู้ใด แม้จักเป็นขุนนาง
หากถูกพระราชอาญาถึงประหารชีวิตแล้วไซร้
ท่านว่าให้ริบราชบาทว์
คือริบข้าวของให้เป็นของหลวง
และริบบ่าวไพร่ตลอดจนลูกเมีย
ให้เป็นทาสหลวงเสียโดยทั้งสิ้นด้วย

พลายแก้วจึงต้องระหกระเหิน
จากบ้านที่มีสง่าอยู่ในเมืองสุพรรณ ตั้งแต่บัดนั้น

และเพราะก่อนที่ขุนไกรจะถูกประหารนั้น
ได้ฝากความกับ หลวงฤทธานนท์ ผู้เพื่อนเกลอ
ให้นำความไปบอก นางทองประศรี ผู้ภรรยา
ให้หอบลูกหนีไปเสียให้ไกล ๆ
ก่อนที่กรมการเมืองเขาจะมากุมตัว

นางทองประศรี จึงอุ้ม พลายแก้ว ลูกน้อยเข้าสะเอว
และหนีเล็ดลอดหูตากรมการเมืองสุพรรณ
ที่มาตั้งกองขนาดสุมไฟล้อมจับ ได้ทันเวลา

แต่ต่อจากนั้น
ก็ลำบากลำบนพอสมควรอยู่เหมือนกัน
ฟังกลอนฉบับหลวงแล้ว
กระผมก็เห็นใจในความถ้อยทีถ้อยอาศัย
ของแม่ลูกผู้ตกระกำลำบากคู่นี้ ยิ่งนัก


         พลายแก้วเดินหลังรั้งเอวแม่
         ห้อแห้หน้านิ่วหิวกระหาย
         ร้อนเท้าเจ้าเดินเหยียบกรวดทราย
         เจ้าพลายเหนื่อยอ่อนวอนมารดา

         แม่ขาสุดปัญญาของลูกนี้
         เหลือที่จะล้าเลื่อยเหนื่อยหนักหนา
         คอแห้งคร่องแคร่งแข็งใจมา
         แม่เดินช้าช้าอย่าให้เร็ว

         ลูกก้าวยาวนักก็จักล้ม
         เจ็บระบมตีนแตกจนแหลกเหลว
         แผ่นดินร้อนเหลือใจดังไฟเปลว
         แม่ก็อุ้มใส่สะอวต่องแต่งมา

         เหนื่อยนักยักให้ขึ้นขี่หลัง
         เอากระบุงถือบังไปข้างหน้า
         ครั้นเมื่อยเข้าก็เอาขึ้นบนบ่า
         มือหนึ่งจับขาลูกยาไว้

         เท้านางพุพองค่อยย่องเดิน
         ครั้นเมินสะดุดเหเซไถล
         ลูกพลัดจากบ่าผวาไป
         ล้มกลิ้งอยู่ในพนาลี

         เจ้าพลายลุกขึ้นยังมึนหน้า
         ร้องว่าลูกแทบจะเป็นผี
         เจ็บขัดแข้งขาข้าสิ้นที
         ทีนี้แม่ขาอย่าอุ้มเลย ฯ


จนกระทั่ง
หลังจากที่แม่ลูกได้ล้มลุกคลุกคลานเสียหลายเพลา
ก็บรรลุถึง เมืองกาญจนบุรี ที่นางทองประศรีมุ่งหน้ามา
เพราะทราบว่า
มีญาติของขุนไกรผู้สามี อยู่ที่ดอนเขาชนไก่

เมื่อมีที่อยู่อาศัยแล้ว
นางจึงเริ่มกัดฟัน สร้างหลักฐานอยู่ที่เมืองกาญจน์นั้น
โดย อยู่กับลูกชายมาหลายปี


คราวนี้
ท่านผู้ฟังนิทานข้างกองฟางที่กำลังรอลุ้นอยู่
ก็คงจะถอนหายใจกันได้เฮือกใหญ่ทีเดียว
เพราะพระเอกของเรารอดตายแล้ว . . .

ส่วนว่า . . . อีกกี่ปีจะได้เป็นคุณพระสุรินท ฯ นั้น
ก็คงจะต้องติดตามกันต่อไป
แถว ๆ ข้างกองฟางนี้แหละครับ.

แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 16:43:41

จากคุณ : พจนารถ๓๒๒
เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 16:13:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com