ความรักของปู่กับย่า.....เฮ้อ ผมเกิดช้าไปมากกกกกกกกกกกก
|
|
ผมเกิดมาในครอบครัวเก่าแก่พอประมาณครับ ญาติพี่น้องเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นโชคดีที่บรรพบุรุษขยันบันทึกประวัติของครอบครัวจึงทำให้สามารถรู้เรื่องเก่าๆได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนจนถึงรัชกาลที่หนึ่งโน้น
แต่ที่มาเขียนเรื่องของ"ปู่กับย่า" เพราะช่วงนี้ได้รับรู้ถึงการเลิกร้างหย่าขาดของญาติพี่น้องหลายๆคู่ ที่น่าเศร้าคือ ทุกคู่ที่หย่าร้างกันนั้นล้วนแต่รักกันมากเหลือเกิน เลือกกันเอง ชอบกันเอง ผู้ใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย เพราะล้วนแต่นักเรียนนอกทั้งนั้น เชื่อใครเสียที่ไหนล่ะ ในขณะที่คู่ของปู่กับย่าผมนั้นมีแต่คนอื่นจัดการทั้งสิ้นครับ....
ปู่ผมเป็นนักเรียนอังกฤษครับ ไปเมืองนอกตั้งแต่สิบกว่าขวบ ปู่เล่าให้พ่อฟังว่า ได้ยินชื่อย่าครั้งแรกจากจดหมายของคุณแม่ท่าน(ทวดผม) ผมจะลอกจดหมายมาให้อ่านนะครับ "วันนี้แม่ไปงานแซยิดเจ้าพระยา.... ได้เห็นลูกสาวคนโตของท่านที่ชื่อเยี่ยม หน้าตาสวยดี....แม่เยี่ยมเป็นคนดูแลบัญชีและงานของเจ้าคุณพ่อ...เก่งมากนะ"
ผมไม่รู้ว่าปู่ผมที่เรียนวิศวะฯอยู่ที่อังกฤษจะคิดอย่างไรกับจดหมายท่อนนี้ สักหนึ่งเดือนก่อนเรียนจบและกลับประเทศไทย จดหมายอีกฉบับหนึ่งแจ้งมาว่า..."ลูกจ๊ะ พ่อกับแม่กำลังคิดจะไปสู่ขอแม่เยี่ยมให้ลูก แม่ว่าหาใครที่ดีและเหมาะสมกว่านี้ไม่มีแล้ว ลูกจะขัดข้องหรือไม่...ส่วนผู้ใหญ่สองฝ่ายและเจ้านายของลูกท่านก็เห็นดีด้วย" เอ่อ...นี่มันคำถามหรือคำบอกเล่าครับ
สรุปว่าได้มีการสู่ขอกันเกิดขึ้นครับ และกรมพระกำแพงเพชรฯ ท่านเตรียมส่งคุณปู่และเจ้าสาวไปคุมการสร้างรถไฟสายอีสานที่บุรีรีมย์ นึกภาพอีสานเมื่อร้อยปีที่แล้วสิครับ นักเรียนอังกฤษ และลูกสาวเจ้าพระยาจะต้องไปอยู่กระท่อม ที่ไม่มีน้ำและไฟ เป็นปีๆ
ที่ผมเขียนเรื่องนี้อย่างค่อนข้างทึ่ง เพราะแปลกใจในความว่าง่ายอยู่ในโอวาทของหนุ่มสาวสมัยรัชกาลที่หกมากครับ ผู้ใหญ่สั่งให้ไปเรียนอะไรก็เรียน กลับมาจะให้ไปทำงานที่ไหน ทุรกันดารแค่ไหนก็ไม่ว่า แถมพาเจ้าสาวที่ไม่เคยรู้จักกันไปอยู่ด้วย เจ้าสาวคือย่าผมก็เตรียมตัวเมื่อรู้ว่าจะต้องไปเป็นเจ้าสาวบ้านนอก เรียนการเตรียมอาหาร การทำสบู่ การฝีมือ เพื่อจะได้ไปทำทุกอย่างเอง และดูแลผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก ได้เห็นแต่จากรูป และคำบอกเล่า คุณปู่ก็เตรียมซื้อจากเมืองนอก ตะเกียงฝรั่ง กล้องถ่ายรูป ยารักษาโรค เข็มทิศ ตำราการใช้ชีวิตในป่า การเตรียมอาหารแบบฝรั่งเช่นการทำแฮม เบคอน แยม ขนมปังเป็นต้น
หลังแต่งงานได้สองเดือนก็ออกเดินทางไปอยู่บุรีรัมย์ในฐานะนายช่างรถไฟและคุณนาย เพิ่งรุ้จักกันได้สองสามเดือนนะครับ สำหรับผมมันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก อัศจรรย์ในความเคารพเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ การรู้หน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูก ของข้าราชการ ของสามี ของภรรยา....สิ่งเหล่านี้ทำให้กลไกทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่ติดขัด ความรักเกิดจากการเห็นอกเห็นใจกัน การร่วมแรงร่วมใจ ความผูกพัน คุณปู่คุณย่าอยู่"บุรีรัมย์ตำน้ำกิน"นานถึงหกปี ถึงได้ย้ายกลับกรุงเทพ คุณย่าเล่าว่าที่เรียกว่าตำน้ำกินเพราะกว่าจะกินได้ต้องเอาน้ำมาทิ้งไว้ให้ขี้โคลนนอนก้นแล้วกรองเอามาได้ครึ่งเดียวที่เหลือเป็นตะกอนและโคลน
ส่วนอาหารการกินกลางคืนหลังเลิกงานคุณปู่จะแปลตำราฝรั่งเช่นไส้กรอกตับบดให้คุณย่าจด แล้วตุณย่าก็จะใช้ความสามารถและทรัพยากรที่หาได้มาดัดแปลงให้คุณปู่ทาน ลองนึกภาพตามสิครับ น่ารักเหลือเกิน!!! คุณย่าเล่าว่าพอหน้าหนาวคุณย่าจะทำพายที่เรียกว่าพอร์คพาย เพราะอากาศหนาวจะทำให้ใส้พายเป็นเยลลี่อย่างที่คุณปู่เคยทานที่อังกฤษ เค๊กก็ทำได้ โดยคุณย่าออกแบบเตาอบเองแล้วสั่งให้คนงานลองทำ ใช้วิธีวางถ่นไฟแดงๆด้านบนเตาเพื่อให้เค๊กสุกทั่ว เฮ้อ คนสมัยก่อนนี้เก่งจัง คุณปู่เลยมีทั้งขนมปัง พาย และเค๊กรวมถึงใส้กรอกเบค่อนกินทั้งๆที่อยู่กลางป่าบุรีรัมย์เมื่อร้อยปีมาแล้ว!!!!!!!
เฮ้อ เขียนๆมาแล้วก็ให้สงสารตัวเอง ถ้าเกิดสมัยโน้นคงมีคนหาเจ้าสาวดีๆให้นิ แงๆๆๆ
ปล.รูปคุณย่ากับคุณลุงลูกชายคนแรกที่เกิดที่บุรีรัมย์ ด้านหลังคือกระท่อมที่อยู่ของนายช่างรถไฟและครอบครัวครับ เฮ้อ นับถือจริงๆ
ปู่กับย่ามีลูกสิบคน ย่าบอกว่าไม่เคยทะเลาะกันเลย รักกันจนวันสุดท้าย ขอโทษนะครับ วันนี้อยากเล่าเรื่องโบราณๆนะครับ
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 20:22:36
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 20:13:05
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 20:09:21
จากคุณ |
:
ผู้ชายซอยสิบ
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ค. 53 20:08:27
|
|
|
|