Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง # ๑๐ กลับบ้าน  

. . .  ครานั้น จึงโฉม เจ้าพลายแก้ว  
ลับพิม ไปแล้ว ตระลึงหลง
ผีรีบ พาไป ดังใจจง            
ลัดดง ข้ามทุ่ง มุ่งมา

ลอยละลิ่ว แลกลม ดังลมพัด      
หลีกลัด หนองแนว แถวท่า
เข้าเมือง กาญจน์บุรี ด้วยปรีดา    
ถึงเคหา ผีศูนย์ สว่างพลันฯ

ครับ  พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ

เมื่อท้ายตอนที่แล้ว
ก็จบความ
ตรงที่ พ่อพลายแก้ว
สัญญาว่าจะกลับบ้านแม่
ที่เขาชนไก่ กาญจนบุรี
เพื่อขอให้แม่ทองประศรี
มาสู่ขอ แม่พิม เป็นภรรยาตามประเพณี
แล้วก็ออกเดินทาง
จากบ้านที่สุพรรณของแม่พิม
ด้วยวิธีพิลึกพิศดาร  
ตั้งแต่ตอนใกล้รุ่ง พระเคาะระฆัง นั้นเอง

แต่ด้วยความเร็วประดุจเครื่อง"คองคอร์ด"
สายการบิน"ปีศาจแอร์ไลน์"
ก็ได้พา พ่อ พลายแก้ว
มาบรรลุถึงบ้านแม่ที่เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี  
เมื่อตอนฟ้าเพิ่งเริ่มจะสว่างเท่านั้นเอง  


พอก้าวเท้าขึ้นบ้าน
ก็เห็น แม่ทองประศรี พอดี
แม่ลูกก็ได้แต่ตระลึง
แล้วก็กอดกันคร่ำครวญ
ให้สมกับที่จากกันไปนานหนักหนา
โดยมิได้ส่งข่าวคราวอันใดมาเลย

พอสร่างโศก
แม่ทองประศรี ก็ถึงได้ถามว่า
ไปยังไงมายังไงเล่าลูกเอ๋ย  
หายไปเสียนาน
โถ . . . สึกเณรเสียแล้ว
แล้วไปทำมาหากินอะไรกันเล่า  
มีเงินทองเดินทางกลับมาบ้านได้อย่างไร

ลูกชายก็ฟูมฟายระบายความทุกข์ให้แม่ฟังว่า
ตนไปอยู่ที่สุพรรณบุรี
ได้ผูกสมัครรักใคร่
กับแม่พิมพิลาไลย
ลูกสาวยายศรีประจัน
เพื่อนของแม่นั่นแหละ
แต่เงินทองก็ไม่มี

ได้แม่พิมเขาเจียดให้เป็นค่าเดินทางกลับมาบ้าน ตั้งห้าชั่ง
ก็กะจะกลับมา
ให้แม่ช่วยไปสู่ขอแม่พิมให้ลูกด้วยเถิด ขอรับ

แม่ทองประศรีได้ฟังดังนั้น
ถึงกับอึ้งไป  
แล้วก็ลูบหลังบอกลูกชายไป
ตามความในฉบับหลวง ว่า



ทองประศรี ว่ากรรม เอ๋ยกรรมแล้ว  
พ่อแก้ว แก้วตา ของแม่เอ๋ย
บวชก่อน เถิดอย่า เพ่อมีเมียเลย        
แม่จะได้ ชมเชย ชายจีวร                        

พ่อเจ้า เขาก็ตาย ไปนานแล้ว  
ลูกแก้ว จงโปรด แกเสียก่อน
บวชสักสอง พรรษา อย่าอาวรณ์        
สึกมา แม่จะผ่อน ให้มีเมีย                                                                  
                 
จะขอให้ เป็นลูกเขย เจ้าพระยา      
ฟังคำ แม่ว่า จงทิ้งเสีย
อย่างอีพิม ไม่น่า มาเป็นเมีย          
กระปลกกระเปลี้ย ปลอบลูก พิไรไป
               
งามเท่า พิมนี้ ก็มีมั่ง                
ฤาจะเอา ชาววัง จะขอให้
ถวายจาน เงินทอง ต้องพระทัย        
ก็จะได้ นางใน ที่ชื่นตา ฯ


                   
ในที่นี้ กระผมผู้เล่านิทาน
อยากจะขออนุญาต
เดาความรู้สึกของ แม่ทองประศรี ในวินาทีนั้น ว่า
การที่ แม่ทองประศรี
ไม่อยากให้พลายแก้ว
ได้กับ แม่พิมพิลาไลย ลูกแม่ศรีประจัน นั้น

เพราะความจริงแล้ว แม่ทองประศรี เอง
ซึ่งเป็นเพื่อนกับ แม่ศรีประจัน มาแต่นาน
ก็คงจะพอรู้นิสัย แม่ศรีประจัน อยู่ว่า
ค่อนข้างเป็นคนโลเล

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ
แม่ทองประศรีเอง
ก็คงจะได้ข่าวอยู่บ้างว่า

นายขุนช้าง นั้น
ได้เพียรพยายามมาสู่ขอ แม่พิม
อยู่อย่างน้อย ก็สองครั้ง

แล้วถ้าจะไป ตีปลาหน้าไซ
ขอเอามาให้ลูกชายของตนอย่างนี้

หาก แม่ศรีประจัน ยอมยกลูกสาวให้
ก็ยังพออาศัย  

แต่ถ้าถูกปฏิเสธมาละก้อ . . .

คนที่จะเสียหน้านี้
ก็ไม่ใช่เอ็งหรอก . . .

แต่เป็น หัวหงอก แม่เอ็งนี้ ต่างหาก . . . . .


และอีกประการหนึ่ง
ที่แม่ทองประศรีออกจะหวาด ๆ อยู่ ก็คือ

หากแม่ศรีประจัน
ยอมตกลงปลงใจ
ที่จะยกลูกสาวให้พลายแก้วจริง ๆ แล้ว

ศัตรูหมายเลขหนึ่งของพลายแก้ว
ก็คือ ขุนช้าง นี่แหละ

เพราะ นายขุนช้างในเวลานั้น
ก็แทบจะเรียกได้ว่า
เป็นเจ้าพ่อเมืองสุพรรณไปแล้ว  

(เพียงแต่ยังไม่ได้สร้างหอนาฬิกา เท่านั้นเอง)

ซึ่ง ถ้าแม่ทองประศรี
มีแนวความคิด
คล้าย ๆ กับที่กระผมคิด ในเชิงวรรณกรรม  ดังนั้นแล้ว
ก็นับว่าค่อนข้างจะแม่นทีเดียวแหละขอรับ

แต่พลายแก้วก็ก็ยังกอดขาแม่
ร้องไห้อ้อนวอนต่อไปอีกว่า


                 
เจ้าพลายแก้ว ฟังแล้ว กราบตีนพลัน  
นางสวรรค์ ลูกก็ไม่ ปรารถนา
นางใน งามแต่ กิริยา                
จะเปรียบพิม แก้วตา เห็นเต็มที
               
งามประเสริฐ เลิศล้ำ ทั้งขำคม        
งามหน้า งามนม เนื้อสองสี
ไม่เทียมทัน ทั้งสุพรรณ บุรี            
เห็นไม่มี ใครสู้ ดูงดงาม
               
เจ้าประคุณ ทูนหัว ของลูกแก้ว          
มีเมียแล้ว บวชได้ ดอกไม่ห้าม
แม่อย่า ทานทัด ขัดความ              
แม้มิตาม ใจลูก คงมรณา ฯ



นี่แหละขอรับ
ที่บุราณท่านว่า
ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน

อู๋ย . . .
อะไร ๆ ก็ดีไปหมด

แต่ถ้าพ่อแม่พี่น้อง
จะลองติดตาม
ฟังนิทานที่กระผมเล่าไปเรื่อย ๆ สิ ขอรับ  
ท่านอาจจะถึงกับต้องรำพึงออกมาว่า

เออหนอ
ชีวิตของอีตาพลายแก้วนี่
มันวูบวาบพลิกผัน
ราวกับค่าเงินบาท หรือ ตลาดหุ้น
ทีเดียวแหละขอรับ

และอีกข้อหนึ่งที่แน่ ๆ เลยก็คือ
จนกระทั่งจบเรื่อง  
พลายแก้วก็ยังไม่ได้บวชพระ จนแล้วจนรอด !

แต่ก็เป็นอันว่า
ในที่สุดแล้ว
ด้วยความรักลูกชายเสียหนักหนา

แม่ทองประศรี ก็เสียอ้อนวอนลูกไม่ได้  
จึงได้จัดกระบวนเฒ่าแก่  
จากเมืองกาญจนบุรี
ไปยังบ้านเดิมที่สุพรรณ

แถมก่อนไป
ยังสั่งบ่าวไพร่ให้ปลูกเรือนใหม่
ไว้เป็นเรือนหอของ พลายแก้ว กับ แม่พิม รอไว้ด้วย

อาจจะเพื่อเป็นการสร้างหลักประกันว่า
จะไม่เอาลูกสาวเขามาทิ้งขว้าง ก็เป็นได้

และ ในคราวนั้น
แม่ทองประศรี
ต้องใช้จ่ายเงินไปในการนี้
ถึง สองร้อยสี่สิบบาท (สามชั่ง)เลยทีเดียว


และแล้ว
คาราวานขอลูกสาวเขา
ก็ออกเดินทางจาก กาญจนบุรี
ในเช้าวันรุ่งขึ้น

แต่คราวนี้
ไปเป็นขบวนเกวียน

จึงใช้เวลาถึง สองวันกับอีกหนึ่งคืน
จึงบรรลุถึงสุพรรณบุรี
ในเวลาใกล้ค่ำของวันที่สอง
นับจากออกเดินทาง  

แม่ทองประศรี
จึงสั่ง หยุดขบวน
ที่ตรงท้ายสวนของแม่ศรีประจัน นั้นเอง  

เพราะหากจู่ลู่เข้าไปหาเจ้าของบ้าน
ในตอนกลางค่ำกลางคืนอย่างนั้นแล้ว
เขาอาจคิดว่าเป็น พวกปล้น ก็ได้

และคืนนั้น
ด้วยความคิดถึงที่มากมาย
ท่วมท้นล้นหัวอก
ของพ่อพลายแก้ว
ก็ทำให้เกิดกรณี
เสดาะกลอนเข้าห้องเมีย
ขึ้นอีกตามเคย . . .

แหม . . . . .
กระผมละหมั่นไส้พ่อพระเอกนักรักนี่จริง ๆ เลยขอรับ
ใกล้กันละเป็นไม่ได้ทีเดียว

หนอยแน่ะ
จะอดใจรอสักคืนเดียว
พรุ่งนี้
แม่เขาก็จะพาเฒ่าแก่ไปขอเมียให้อยู่แล้ว
ก็ยังอุตส่าห์ใจร้อนจนได้ . . . . .



เอาอย่างนี้ดีกว่าขอรับ

กระผมว่า . . .
พ่อแม่พี่น้อง
ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ขอรับ

พักผ่อนเอาแรงไว้ดีกว่า  

พอคราวหน้า
จะได้มีแรงส่งใจ  
ไปรำหน้าขบวนขันหมากไงล่ะ. . . . .

ดีไหม ขอรับ.

จากคุณ : พจนารถ๓๒๒
เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 22:33:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com