Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง # ๑๒ จำพราก  

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ
จากเมื่อตอนที่แล้ว  
กระผม ก็ได้เล่าความ
ถึงการแต่งงาน
ของ พลายแก้ว กับ แม่ พิมพิลาไลย
ไปในลักษณะนั้น

ก็เป็นอันว่า
พระเอกของเรา
ก็ได้มีความสุข สมปรารถนา
ทั้งทาง พฤตินัย และ นิติประเพณี แล้ว

จึงไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ในชีวิตอีก . . . . .


. . . . . ถ้าไม่เพียงแต่ว่า . . . . .

เจ้าเชียงอินทร์
ผู้เป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
ซึ่งในสมัยของวรรณคดีเรื่องนี้นั้น
มิได้ เป็นข้าขัณฑสีมา ของกรุงศรีอยุธยา

เกิดโกรธ เจ้าเมืองเชียงทอง
ที่ส่งเครื่องบรรณาการ ไปขออยู่ ใต้ร่มโพธิสมภาร
ของ สมเด็จพระพันวษา
แห่งกรุงศรีอยุธยาเข้า ฉะนั้น

(มีรายละเอียดอีกมากมาย
ไปหาสาเหตุเอานะ ขอรับ)
 

เจ้าเชียงใหม่
จึงมี ราชโองการ
สั่งให้ทหารจัดทัพ
ไปตีเมืองเชียงทอง
มาไว้ในอาณาจักร
โดยพลัน


แล ณ บัดนั้น . . .

ใบบอก
จาก

เมือง เถิน
ระแหง
กำแพงเพชร

จึงถูกส่งเข้ามา
ยังกรุงศรีอยุธยา ในทันใด


ครั้น สมเด็จพระพันวษา
เจ้าชีวิตแห่งกรุงศรีอยุธยา
เมื่อได้ทรงทราบข่าว
ก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก

เพราะการกระทำของเจ้าเชียงใหม่ ในครั้งนี้
มันราวกับเป็นการ

เ ห ยี ย บ พ ร ะ น า สิ  ก

โดยตรง

จึงทรงปรารภว่า


" จำจะยกพหลมนตรี  ตีเอาเชียงทองนั้นคืนมา "



แต่ครั้น
พอตรัสหา ผู้อาสาเป็นแม่ทัพ
ก็กลับไม่มีผู้ใดกล้าอาสาเลย
แม้แต่คนเดียว . . .

จึงทรงพักพระทัยตรอง

แล ในที่สุด
ก็ทรง หวลคำนึงถึง

ขุนไกรพลพ่าย ทหารเสือเก่า

แต่ก็ได้ถึงแก่ความตายไปเสียหลายปีแล้ว
(ก็ด้วยพระราชอาญานั่นแหละ)


ในความอึดอัด แล เงียบสงบ นั้น

พอหันไปทอดพระเนตรเห็น นายขุนช้าง
ซึ่งเวลานั้น
ก็เป็นมหาดเล็ก
เฝ้าแหนอยู่ใกล้เบื้องพระยุคลบาท

จึงทรงรำลึกได้ว่า
นายขุนช้างนั้น
เป็นเพื่อนกับครอบครัวของ ขุนไกรพลพ่าย

สมเด็จพระพันวษา
จึงได้ตรัสถามนายขุนช้างว่า
รู้จักญาติของขุนไกร  บ้างหรือไม่



ครั้น นายขุนช้าง ผู้ผูกพยาบาท พลายแก้ว  
ในเรื่องแย่งคนรัก ไปแต่งงาน
ได้ฟังพระราชดำรัสดังนั้น

จึงได้โอกาส
เพ็ดทูลเจ้าชีวิตไป
ด้วยความคิดที่จะแก้แค้น

ดังนี้ ขอรับ


ครานั้นขุนช้างมหาดเล็ก          
เฝ้าแหนมาแต่เด็กพิดทูลคล่อง
คิดไปสมใจที่นึกปอง              
หมายจะครองเจ้าพิมพิลาไลย

จะทูลส่อพลายแก้วให้ไปทัพ          
แล้วจะกลับไปเกี้ยวเจ้าพิมใหม่
คิดแล้วทูลพลันทันใด              
ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา

อันบุตรขุนไกรที่วอดวาย        
ชื่อว่านายพลายแก้วแกล้วกล้า
ได้เมียอยู่สุพรรณภารา            
แต่มารดาเพื่อนอยู่กาญจน์บุรี        
                                           
อันฤทธากล้าหาญชาญชัย            
เลี้ยงภูติพรายได้เป็นถ้วนถี่  
อายุประมาณสิบเจ็ดปี              
ขอจงทราบธุลีพระบาทา ฯ



ฝ่าย สมเด็จพระพันวษา
ท่านก็ไม่ทรงทราบความนัย
แห่ง เพลิงพยาบาท
ของนายขุนช้าง
ที่มีต่อพลายแก้ว  

ถ้าเรียกภาษาชาวบ้านเรา
ก็คงว่า

ไม่ทรงรู้ อิโหน่อิเหน่
อะไรเลย
นี่แหละขอรับ


ก็จึงทรงโปรดให้
นายขุนช้าง
นำพระตำรวจหลวง
ไปเกณฑ์ พลายแก้ว
มาจากบ้าน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ในทันใด

ครั้นพอเมื่อ ขบวนเกณฑ์ทัพ
ซึ่งนำโดย นายขุนช้าง ตัวแสบ

บุกเข้าไปแจ้งความ
ยังบ้านของ พลายแก้ว แล้ว

ทุก ๆ คนที่บ้านนั้น
ก็พากัน ข้อน อก  
ไหวหวั่นไปเสียทั้งนั้น . . .

แต่ก็ด้วยคนละเหตุผลกัน . . .


ข้างฝ่าย แม่ยาย ศรีประจัน นั้น
ก็เป็นห่วง พลายแก้ว
ว่าจะไปรบกับเขาอย่างไรกัน
ถึงจะเป็นลูกของ ขุนไกรพลพ่าย ทหารใหญ่
ก็ตามทีเถิด

แต่ศึกสงครามนั้น
ก็น่ากลัวนัก

พูดง่าย ๆ อีกทีหนึ่ง
ก็คือ
กลัวว่าลูกสาว
จะเป็นหม้าย
ก็เท่านั้นเอง . . .


ในขณะที่ แม่พิมพิลาไลย
ภรรยาสามวัน ของ พ่อพลายแก้ว
ก็กลับไปนึกถึง
การพลัดพรากจากสามี
เป็นเรื่องใหญ่  
โดยที่
แทบจะมิได้คำนึงถึง
การเสี่ยงอันตราย ในการสงคราม ของสามีเลย

แต่นั่น
ก็อาจจะเป็นเพราะว่า
แม่พิม นั้น
รู้ฝีมือ
ในเชิง วิชาอาถรรพณ์ ของพลายแก้ว
ด้วยเจอเข้ากับตัวเองมาแล้ว
ก็อาจเป็นได้ นะฮะ


แต่
กระผมผู้เล่านิทานเรื่องนี้
กลับไป ชอบใจ
ในความรับผิดชอบ
ในแบบ "ทหารเสือศรีอยุธยา"ของพลายแก้ว
ที่ถอดแบบมาจากบิดา

ดังคำพูดของ พลายแก้ว เอง

ที่ได้กล่าวไว้ ในฉบับหลวง

ดังนี้  ขอรับ


เจ้าพลายเห็นเมียละเหี่ยไห้      
อาลัยเมียรักเป็นหนักหนา
แข็งใจจำเป็นเจรจา              
จะเดือดด่าร้องไห้ไปไยมี

อันซึ่งราชการงานทัพ
สำหรับมาแต่ครั้งบิดาพี่
ถ้าเรายกขึ้นไปคงได้ดี            
ตีได้เชียงทองสำเร็จการ ฯ


เป็นอันว่า
พลายแก้วเอง นั้น
ถึงจะอาลัยอาวรณ์ภรรยา อยู่
มากมายก่ายกอง ก็ตาม


แต่ . . .

. . . ด้วยหน้าที่ ชีวิต รับผิดชอบ
คือคำตอบ ที่รบอยู่ มิรู้สิ้น . . . . .

เหมือนอย่างที่ปรากฎอยู่ใน เนื้อเพลง

"จากยอดดอย"

นั่นแหละ ขอรับ

จึงทำให้ พลายแก้ว
ต้องตามเจ้าหน้าที่กรมพระตำรวจหลวง
กลับไปกรุงศรีอยุธยา
ใน ณ บัดนั้น
                   
ครั้นถึง
ท่าน จางวางหกเหล่า
เจ้ากรมเก่าของ ขุนไกรพลพ่าย
รีบพา พลายแก้ว
ไปเข้าเฝ้า ถวายตัว

สมเด็จพระพันวษา
ก็ทรงถามว่า

แน่ใจหรือ
ที่จะอาสาไปทัพนี้ . . .


พลายแก้ว
ก็สนองพระราชโองการนั้น
ว่า . . . . .

พลายแก้วรับสั่งบังคมทูล        
ขอเดชะนเรนทร์สูรโปรดเกศา
ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา              
ขออาสาพระองค์ผู้ทรงชัย

ตีทัพเชียงอินทร์แลเชียงทอง        
ให้สมพระทัยปองให้จงได้
ถ้าข้าพระพุทธเจ้ามิบรรลัย          
ก็มิได้ย่อท้อต่อณรงค์ ฯ

แต่พอขอพระราชานุญาต
กลับบ้าน ไปหาเมีย
ก็ละเหี่ยละห้อย . . .

ไอ้ที่จะต้องไปรบนั้น
ก็ไม่กระไรหรอก  
เพราะเชื่อในฝีมือของตัวอยู่ . . .

แต่ที่จะต้องเป็นห่วงภรรยานี้สิ
ความรู้สึกก็ค่อนข้างแย่ . . . มาก มาก . . .


. . . ข้างฝ่ายแม่พิมพิลาไลย
ก็ช่างกระไรเลย
แทนที่จะให้กำลังใจสามี  
ก็กลับคร่ำครวญเสียมากมาย . . .
                   
แต่ อย่างไรก็ตาม
สำนวนกลอนในฉบับหลวง ตรงนี้  
ก็ เป็นความงาม
ขนาดที่บูรพาจารย์ทางดนตรีไทย
ท่านชอบใจ
ถึงกับเอาไปบรรจุไว้ในเพลง



ดังต่อไปนี้
ขอรับ



                 
โอ้พ่อพลายสายสวาทของน้องเอ๋ย  
ไม่เคยเลยจะห่างเหสเน่หา
มานอนหอด้วยน้องสองเวลา        
พ่อเคยพาพิมพูดพิไรวอน

นั่นนี่ซี้ซิกสัพยอก                  
ยั่วหยอกมิให้ใคร่ไปไกลหมอน
แขนซ้ายเคยให้เมียหนุนนอน        
เห็นเมียร้อนพ่อก็พัดกระพือลม

พูดพลอดกอดจูบมิใคร่นอน        
ช้อนคางเมียเชยแล้วเสยผม
พอรุ่งรางสางสายไม่วายชม        
แสนภิรมย์รักน้องไม่นอนไกล

ไม่พลิกกายบ่ายหน้าออกไปจาก      
จะออกปากว่าเหนื่อยนิดหามีไม่
แนบนางข้างเดียวด้วยเจือใจ        
พ่อไปใครจะกอดให้พิมนอน
                 
จะกินข้าวนั่งเคล้าอยู่คอยท่า      
ให้พิมมานั่งกินด้วยกันก่อน
ครั้นเมียไม่กินพร้อมพ่อยอมวอน      
ปั้นป้อนปลอบปลื้มประโลมใจ

เห็นเขาเป็นผัวเมียกันมาหนัก        
จะรักเหมือนพ่อรักพิมหามีไม่
พ่อมาต้องเด็ดรักหักไป            
ทำไมจะได้ของรักไปเชยชม ฯ


แต่
ก็ด้วย ศักดิ์ศรี แห่งลูกทหารใหญ่กรุงศรีอยุธยา
รวมทั้ง ศักดิ์ศรี แห่งวิชาการ
ที่ได้ร่ำเรียนมา

จึงทำให้ พลายแก้ว ต้องตัดใจ . . .

ปลดแขนออกจากมือ
และปลดใจออกจาก . . . น้ำตาของเมีย

ไปรับพระราชการสงคราม ที่เชียงทอง จนได้


โดยฝากเมียไว้
กับแม่ยายศรีประจัน
ดังนี้ ขอรับ


ลูกเป็นห่วง ด้วยเจ้าพิม พิลาไลย    
เมื่อไร จะเสร็จ สงครามกลับ
เนื้อแท้ วาสนา ลูกอาภัพ            
นับได้ สามวัน มาอยู่เรือน

พรุ่งนี้ เช้าตรู่ จะจู่จาก            
ได้ยาก ระทมทุกข์ ไปในเถื่อน
อย่านับวัน มั่นแล้ว จะนับเดือน        
ใครจะเพื่อน เจ้าพิม พิลาไลย

คิดคิด แล้วแค้น ขุนช้างนัก        
มันรัก เจ้าพิม มาแต่ไหนไหน
มันหมายจะ เชยชม ให้สมใจ        
จึงแคะไค้ ค่อนทูล พระทรงธรรม์

ด้วยหมายว่า ไปแล้ว ก็คงตาย        
แยบคาย ลิ้นลม มันคมสัน
คอยจะชิง เอาเจ้าพิม นิ่มนวลจันทร์    
แม่นมั่น ลูกคิด ไม่ผิดใจ

อันตัว เจ้าพิม พิลาไลย          
ดังดวงใจ ของลูก อย่าลืมหลง
รักษา ป้องกัน ให้มั่นคง              
กว่าจะได้ กลับลง มาพารา ฯ



               
น้อยหรือ
ความอาภัพของ
พลายแก้ว

พอแต่งงานได้แล้ว เพียงสามวัน
ท่านก็มีหมายเกณฑ์ให้ไปรบเสียแล้ว . . . . .

แต่ . . .

เรื่องทั้งหมดนี้

ก็เริ่มต้น
จากการเพ็ดทูลของ
ขุนช้าง ผู้มีความริษยา
โดยอาศัย เจ้าเหนือหัว เป็นเครื่องมือ

ในการบ่อนทำลาย
เพื่อนน้ำมิตร
นั้นเอง . . . . .

และ
ลางสังหรณ์ของ พลายแก้ว
ที่อุตส่าห์สั่งเสีย
ฝากเมีย ไว้กับแม่ยาย นั้น . . . . .

ก็กลับเป็นความจริง ขึ้นมาเสียด้วย !


พบกันคราวหน้าตามเคย
ขอรับ กระผม.

จากคุณ : พจนารถ๓๒๒
เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 53 02:58:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com