ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง # ๒๔ เข้าห้อง
|
|
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ ขอรับ ก่อนอื่น กระผมใคร่ขอเรียนให้ทราบล่วงหน้า สักนิดหนึ่งก่อนนะ ขอรับ ว่า ในนิทานตอนนี้ กระผมคงจะต้อง ขอยกกระบวน กลอนหลวง มาค่อนข้างมากเสียหน่อยหนึ่ง เพราะว่ากระผมว่า สำนวนกลอน ไม่ว่าจะเป็นตอน
ฟันม่าน
อันเลื่องลือ รวมทั้งตอนตัดพ้อต่อว่า หรือที่ท่านระบุไว้ในตำราภาษาไทย ที่เรียกว่าพิโรธวาทัง ในตอนนี้นั้น
เป็นผลงาน ในระดับยอดเยี่ยม ที่น่าจะคัดมาประดับเพื่อเป็นเกียรติ แก่ นิทานข้างกองฟาง ของผู้น้อยเป็นอย่างยิ่ง ขอรับ
เรื่องก็ดำเนินต่อไปดังนี้ ขอรับ
หลังจากที่ย่องออกมาจากห้อง แม่แก้วกิริยา แล้ว ขุนแผน ก็เดินหาห้อง นางวันทอง ตามที่ นางแก้วกิริยา บอกให้
จนกระทั่งมาถึง ห้องห้องหนึ่ง ซึ่งมีนางทาสหญิง นอนหลับอยู่หน้าห้อง จึงสะเดาะกลอนเข้าไปทันที
แล้ว ขุนแผน ก็ต้องตาลายวูบ
เมื่อเห็น
ม่ า น ปั ก ล า ย ล ะล า น ต า
ระดับฝีมือนั้นเรียกว่า
ปานวาด
เลยทีเดียวแหละ ขอรับ . . .
ม่านนี้ ฝีมือ วันทองทำ จำได้ ไม่ผิด นัยน์ตาพี่ เส้นไหม แม้นเขียน แนบเนียนดี สิ้นฝี มือแล้ว แต่นางเดียว
เจ้าปัก เปนป่า พนาเวศ ขอบเขต เขาคลุ้ม ชอุ่มเขียว รุกขชาติ ดาดใบ ระบัดเรียว พริ้งเพรียว ดอกดก ระดะดวง
ปักเปน มยุรา ลงรำร่อน ฝ้ายฟ้อน อยู่บนยอด ภูเขาหลวง แผ่หาง กางปีก เปนพุ่มพวง ชะนีหน่วง เหนี่ยวไม้ ชะม้อยตา
ปักเปน หิมพานต์ ตระหง่านงาม อร่าม รูปพระ สุเมรุภูผา วินันตก หัศกัน เป็นหลั่นมา การวิก อิสินธร ยุคุนธร
อากาศ คงคา ชลาสินธุ์ มุจลินทร์ ห้าแถว แนวสลอน ไกรลาส สะอาดเอี่ยม อรชร ฝูงกินนร คนธรรพ์ วิทยา ฯ
ด้วยความโกรธแค้น ขุนแผน ก็ชักฟ้าฟื้นออก ฟันม่านขาดกระจุยกระจาย
แล้วก็จึงพบม่าน อีกชั้นหนึ่ง
เจ้าปัก เปนพระลอ ดิลกโลก ถึงกาหลง ทรงโศก กำสรดสุด แสนคะนึง ถึงองค์ อนงค์นุช พระทรงเสี่ยง สายสมุทร มาเป็นลาง แสนคะนึง ถึงองค์ พระเจ้าแม่ พระลอแล น้ำแดง ดังแสงฝาง ละ ลักษณวดี ไว้โดยปรางค์ คะนึงนาง พระพี่น้อง ทั้งสององค์
ปู่เจ้า ท้าวใช้ ให้ไก่แก้ว มาล่อแล้ว พระลอไล่ เตลิดหลง ถึงสวน พระยิ่งแสน กำสรดทรง ปักเปนองค์ พระเพื่อน พระแพงทอง
สู่สวน พิสวาส ประพาสโฉม พระลอโลม เสพสุข ประสมสอง พี่เลี้ยง เคียงข้าง คอยประคอง นางรื่น นางโรยรอง บาทบงสุ์ ฯ
ดาบ ฟ้าฟื้น ที่กำแน่นในมือ ก็ฟาดฟันฉัวะฉะไปอีก ด้วยแรงแค้น
จนกระทั่ง มาถึงฉากม่าน อีกด่านหนึ่ง
ถึงม่าน ชั้นสาม ดูงามพริ้ม ฝีมือพิม เจ้าทำ พี่จำได้ ยืนพิศ ม่านน้อง ต้องติดใจ ฉลาดนัก ปักไว้ เปนคาวี
จรดล ดั้นด้น อรัญเวศ ถึงกรุง จันตประเทศ บุรีศรี สังหาร ผลาญหมู่ สกุณี เลือดอินทรี แดงสาด ลงดาดดิน ปักเปน ลงเล่น ในคงคา กับโฉม จันทร์สุดา อันเฉิดฉิน ลอยเส้น เกศา ในวาริน หอมกลิ่น ผมตรลบ ผะอบทอง
ปักเป็นเฒ่า ทัศประสาท ใจกล้า มาลวงพา นางพราก ไปจากห้อง ถวายเมือง ท้าวอื่นใ ห้ชื่นครอง กระทบเรื่อง วันทอง ให้เคืองใจ ฯ
ก็ทำไมจะไม่กระทบเล่า ขอรับ ก็ยายเฒ่า ทัศประสาท ในเรื่องคาวี นั่นน่ะ มันก็ยังกะ แม่ยายมหาภัย ศรีประจัน นั่นแหละ
ม่านสวย ๆ เก๊าะเลยต้องถูกฟาดฟัน ป่นปี้ไปอีกผืนหนึ่ง
คราวนี้ ก็พบของจริง
ก็คือ นางวันทอง กับ ขุนช้าง กำลังนอนเคียงกันอยู่ ก็เกิดโมโหเดือด จะเข้าฟาดฟัน ให้ตายดับ ไปตามม่าน ทั้ง ๆ ที่ยังหลับอยู่ . . .
แต่กุมารทอง ที่ติดตามไปด้วย ก็ห้ามไว้ แล้วก็เตือนสติว่า
พ่อจ๋า อย่าให้เรื่องมันถึงอาญาแผ่นดินเลย
แต่ ขุนแผน ก็ยังฮึดอัดอยู่
กุมารทอง ก็เลยแนะนำว่า เราเล่นมันแค่แสบ ๆ คัน ๆ ก็พอ นะพ่อนะ
ขุนแผน จึงเพิ่งได้สติ แต่ก็ปรายตามอง แล้วก็อดปลงสังเวชไม่ได้
ขุนแผน คลายโกรธ พิโรธจิต ยืนพิศ วันทอง แล้วใจหาย มืดมิด ช่างไม่คิด เสียดายกาย อายบ้าง ก็ไม่มี เท่าขี้เล็บ
ลอยหน้า มาอยู่ กับชู้ช้าง กระเบนกราง หน้าผาก ไม่อยากเจ็บ ปักม่าน เท้าแขน แอ่นเอวเย็บ ซ่อนตะเข็บ น้อยน้อย น่าเอ็นดู
สมรูป เจ้าแล้ว ฤาไรนั่น พัวพัน ช่างไม่พิศ ดูหัวหู ชอบใจ ใหม่แล้ว มาลืมกู เคียงคู่ ชะควร กันสุดใจ
จะดูแก้ม แก้มก็หมอง ไปหมดสิ้น นวลขมิ้น ดอกนวลเนื้อ หามีไม่ จะดูนม นมก็น่วม หลวมทรวงไป จะหาไต แต่สักนิด ไม่มีเลย
เสียงาม ไปกว่าก่อน นางงอนรถ สุดจะอด แล้วนะเจ้า วันทองเอ๋ย ถ้ามิว่า จะชะล่า ชะเลยเคย ขยับเงย เงื้อดาบ สะดุดพราย
ฮึดฮัด วัดเหวี่ยง กุมารทอง อย่าปิดป้อง กูจะฆ่า ให้ Shipหาย กุมารยึด ดาบง้าง ไม่วางวาย คิดเสียดาย ทิ้งดาบ กระเดื่องใจ ฯ
ปากจัดเอาการเหมือนกันนะ ขอรับ พ่อแม่พี่น้อง . . . ผู้ชายคนนี้ . . .
แล้วตะแกก็เกิดอารมณ์ขัน หรือ ฟิต อะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ
จัดแจง เมคอัพ ให้ขุนช้างเสียงามหรู ดังนี้ ขอรับ
จับหัว ขุนช้างขอด ตลอดขวัญ หยิกควั่น หยอกหยอย เหมือยหอยขม น้ำมัน ปั้นปีก จำเปาะกลม ดูเป็นร่ม ระย้า พระยามอญ
จับรวม มันเข้า จะเกล้าจุก อ้ายขี้คุก กลางโล่ง ออกล่อนจ้อน หวีไว้ ไปล่ปลิว เปนปีกงอน เอาแหนบถอน ไรจุก เข้าสองนิ้ว
เอาไม้ ม้วนสำลี เข้าหวีโหย่ง อ้ายตายโหง โล่งเปล่า อ้ายเหาหิว เอามินหม้อ ล่อทา เปนปลาซิว เขียนกริว ขึ้นขี่ ที่ต้นคอ
ที่ต้นขา เขียนปลา เทโพผุด เขียนเขียน แล้วก็หยุด ยืนหัวร่อ ถีบตก เตียงคว่ำ ดำมอซอ เอาหม้อ ผูกคอ เข้าสองใบ ฯ
สรุปความว่า ถึงโมโหเดือด แต่ก็ยังมี อารมณ์ขัน
ขนาดจับเส้นผม ที่มีอยู่เล็กน้อย ของ ขุนช้าง ขดเป็นวง ๆ จับผมข้าง ๆ เกล้าจุก หวีปลายเป็นปีก เอามินหม้อ หรือ ดินหม้อ ทากลางศีรษะ ให้ดำราวกับหัวปลาซิว ที่ต้นคอเขียนรูปเต่า (กริว) ขึ้นขี่ แล้วยังเอาหม้อ (ดิน) ผูกคอไว้สองใบ แล้วก็ถีบขุนช้าง ตกเตียงลงไปกลิ้งทูด . . .
กระผมชอบอยู่คำหนึ่ง ขอรับ คือคำว่า อ้ายเหาหิว
คือหมายถึง ผู้ที่ไร้เส้นผม เสียจน เหา บนศีรษะ ไม่มีที่หากินนั่นเอง
แหม . . .
คนโบราณนี่ ท่านช่างเปรียบเทียบ เหลือประมาณจริง ๆ นะ ขอรับ
แล้ว ขุนแผน ก็สะกิดนางวันทอง ที่กำลังฝันร้ายอยู่ พอดี โดยฝันว่า มีไฟไหม้มุ้ง ไหม้ตนเอง และ ขุนช้าง จนเป็นแผลพุพองเต็มไปหมด
นางวันทอง ก็ลุกขึ้นเขย่าตัวคนข้าง ๆ ด้วยสำคัญว่า เป็นขุนช้าง ให้ช่วยทำนายฝันให้ด้วย
ขุนแผน รู้สึกหมั่นไส้ จึงแกล้งประชดให้ว่า
ฝันนี้ ดีนักแล จะมี มิตรเก่า มาเยือน
นางวันทอง ก็นึกสะดุ้งใจ ในความมืด ว่า เสียงก็ผิดแปลกไป คลำเนื้อตัว ก็ดูแบบบาง แถมหอมกลิ่นกระแจะจันทร์
ก็ผวาตื่นขึ้นมา เห็นผัวหัวล้าน ลงไปนอนกลิ้งอยู่ข้างเตียง เจ้าผัวหัวดี กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจร้องไห้โฮ
ขุนแผน เห็นดังนั้น ก็น้อยใจ จึงตัดพ้อต่อว่าเสียพอแรง
นิจจาเจ้า วันทอง น้องพี่อา พี่จำหน้า เนื้อน้อง ได้ทุกแห่ง นิจจาใจ ช่างกระไร มาแปลกแปลง เอามือคลำ แล้วยังแคลง อยู่คลับคล้าย *เจ้าลืมนอน ซ่อนพุ่ม กระทุ่มต่ำ เด็ดใบบอน ช้อนน้ำ ที่ไร่ฝ้าย พี่เคี้ยวหมาก เจ้าอยาก พี่ยังคาย แขนซ้าย คอดแล้ว เพราะหนุนนอน ฯ *
ฟังคารมของ พ่อขุนแผน สิ ขอรับ
เ เ ข น ซ้ า ย ค อ ด เ เ ล้ ว เ พ ร า ะ ห นุ น น อ น . . .
ดูรึ . . . ว่าเสียดแทง แลชวนรำลึกถึง ความสัมพันธ์ เก่า เก่า ที่ลึกซึ้งได้ ขนาดไหน
และต่อไปนี้ ก็จะเป็นการ ประชันกระบวนกลอน
พิโรธวาทัง
ดังที่กระผมได้กล่าวเกริ่นไว้ ในตอนต้น อย่างถึงพริกถึงขิงทีเดียวแหละ ขอรับ.
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 08:24:30
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 08:22:22
จากคุณ |
:
พจนารถ๓๒๒
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 53 23:24:28
|
|
|
|