ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง # ๓๐ ) ปลาหมอตายเพราะปาก
|
|
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ ขอรับ
คนเรานี่ บางคน มักจะมีนิสัยแปลกอยู่อย่างหนึ่งนะ ขอรับ คือได้หนึ่ง ก็จะเอาสอง ได้สอง ก็จะเอาสาม อยู่เรื่อยไป อย่างนี้ภาษาพระท่านเรียกว่า โลภ น่ะ ขอรับ
อย่างเช่น พ่อยอดชาย นายขุนแผน ของเรา เป็นต้น ชนะความ ได้แม่วันทองมาครอง แล้วยังแถมด้วย แม่แก้วกิริยา ที่ แม่วันทอง เอง ก็ไม่ได้หึงหวง หวงห้าม อะไรแล้ว ก็ยังไม่พอใจ ยังอุตส่าห์ไพล่ไปคิดถึง แม่ลาวทอง ที่ติดอยู่ในวัง จนได้
พระพายพัด บุปผชาติ สะอาดกลิ่น รวยริน รสต้อง ละอองอ่อน ขุนแผนตื่น ฟื้นตัว ที่เตียงนอน ให้อาวรณ์ คิดคะนึง ถึงลาวทอง
โอ้เพื่อนยาก จากเมือ งมาอยู่ใต้ มาจำใจ พลัดพราก ไปจากห้อง วันทอง แก้วกิริยา ก็มาครอง สงสารน้อง ประหนึ่งพี่ ไม่อีนัง
พลัดผัว ตัวต้อง ไปลำบาก ตรำตราก ตรอมใจ ในเขตขัง ถ้ารู้ข่าว เช้าไป ถึงในวัง เห็นจะตั้ง ตาคอย ให้ไปรับ ฯ
แล้วก็จึง คิดห่าม ๆ ขึ้นมา
. . . จำจะต้อง ทูลขอ ต่อทรงชัย ครั้นคิดไป ให้เกรง จะราคี
พระองค์ ก็ยกโทษ โปรดแล้ว จะกล้าแกล้ว ทูลกวน ไม่ควรที่ ถ้าพระองค์ ไม่ทรง พระปรานี ก็จะเสีย ความดี ที่มีมา
แต่ . . .
จะละเมีย เสียเล่า อนาถใจ คิดไป ให้สงสาร เปนหนักหนา แต่เวียนคิด จนแจ้ง แสงสุริยา ล้างหน้า แล้วก็ลุก จากห้องใน ฯ
เนี่ยนะ . . . . . คนเรา กรรมมันบังตา แท้ ๆ ทีเดียว . . . . .
รู้ก็ทั้งรู้ คิดก็คิดแล้วคิดอีก หลายต่อ หลายตลบ . . . แต่ก็ยังทำ . . . จนได้
แล้วก็จึงมาไหว้วอนขอร้อง ท่านจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช ( เจ้าเก่า ) ให้ช่วยเพ็ดทูล ขอแม่ลาวทอง ออกมาจากวัง ให้ด้วย
ฝ่ายว่า ท่านจมื่นศรี ฯ ได้ยินความคิดที่ ห่าม บ้าเลือด ดังนั้นแล้ว ก็ต้องรีบ เบรค เอาไว้ก่อนเลย ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ที่มองเห็นการณ์ไกล ในเบื้องหน้า
ครานั้น ฝ่ายว่า พระหมื่นศรี ฟังวาที พลันตอบ ขุนแผนว่า เจ้าก็เปน คนดี มีปัญญา ช้าช้า ไว้สักปี ดีกระมัง
เหมือนดับไฟ ไม่ทัน จะสิ้นเปลว ด่วนเร็ว จะกำเริบ เมื่อภายหลัง มิใช่อยู่ อื่นไกล อยู่ในวัง ห้ามประตู กักขัง ทุกเวลา
ไม่เข้านอก ออกใน เหมือนใครอื่น จะตื่น อะไร ไปหนักหนา ชู้ผัว หาไหน ใครจะมา ช้าช้า สักหน่อย ก็เปนไร ฯ
แต่ . . . ขุนแผน ก็ยังยืนยัน ตามความคิดเดิม แล้วก็อ้อนวอน จน พระจมื่นศรี ฯ ใจอ่อน ยอมให้ ขุนแผน ตามหลัง โดยแอบฟัง ที่ ท่านจมื่น ฯ กราบทูลอยู่ ที่หลังบานประตู นั้นเอง
ครั้น สมเด็จพระพันวษา เสด็จออก ท่านจมื่นศรี ฯ พอได้ช่อง ก็กราบบังคมทูลพระกรุณา ทันที
ครานั้น จมื่นศรี เสาวรักษ์ราช ชาญฉลาด ตริตรึก ให้นึกพรั่น ครั้นได้ช่อง ทูลฉลอง ไปฉับพลัน อันชีวัน อยู่ใต้ พระบาทา
บัดนี้ ขุนแผน แสนสะท้าน ให้เกล้า กระหม่อมฉาน กราบทูลว่า ซึ่งโทษผิด ติดตัว แต่ก่อนมา ทรงพระ กรุณา ให้พ้นภัย
ยินดี พ้นที่ จะประมาณ จักขอทำ ราชการ แก้ตัวใหม่ ไปกว่า ชีวัน จะบรรลัย มิให้ ขุ่นเคือง เบื้องบาทา
ลาวทอง ต้องติด อยู่ในวัง กักขัง ช้านาน มาหนักหนา ขอพระเดช ปกเกศ จงเคลื่อนคลา จะได้มา เปนกำลัง ราชการ ฯ
กระผมเอง ก็ไม่ค่อยจักค่อยเข้าใจเหมือนกันนะ ขอรับ ว่า
ถ้าปล่อย แม่ลาวทอง ออกมาจากวังแล้ว จะเปน กำลังราชการ ได้อย่างไร
หากแต่ครั้นพอได้ทรงฟัง ดังนั้นแล้ว สมเด็จพระพันวษา ก็ทรงกริ้วขนาดหนัก
(ภาษาจิ๊กโก๋เขาว่า ฉุนขาด )
เพราะทรงพระดำริว่า อ้าย ขุนแผน นี้ ไม่ได้ไว้พระพักตร์กันเลย
ไกลตา ตกว่า ไม่ไว้ใจ มันกลัวกู นี้จะไพล่ เอาข้างหลัง ฟังมัน เจรจา ดูน่าชัง ถ้าแม้นตั้ง หน้ารับ ราชการไป
ทำดีแล้ว อย่าว่า แต่ลาวทอง อีกสักสอง สามคน กูจะให้ เห็นไม่ทำ แล้วยิ่งซ้ำ ทะนงใจ ละไว้ จะกำเริบ ทุกเวลา
ถ้าตามใจ ยอมให้ อีลาวทอง จะจองหอง เย่อหยิ่ง ขึ้นนักหนา เป็นว่าไร ไม่ขัด สักเวลา ทีหลัง จะชะล่า ไม่เกรงใคร
เฮ้ย . . . เอาตัว มันไป ส่งไว้คุก ประทุก ห้าประการหมด อย่าลดให้ เชื่อมหัว ตะปูซ้ำ ให้หนำใจ สั่งเสร็จ เสด็จใน ที่ไสยา ฯ
แฮ่ะ . . . แฮ่ . . .
ขออภัย ขอรับกระผม
ที่กระผมเติม จุด จุด จุด ขึ้นมาเอง ที่ในเสียงพระสีหนาท ของ สมเด็จพระพันวษา นั้น ก็เพื่อเพิ่มบรรยากาศ เท่านั้นแหละ ขอรับ ของต้นฉบับเดิมนั้น ท่านหามีไม่ดอก ขอรับ
กลับมาเข้าเรื่องต่อนะ ขอรับ
ว่า
ประ ทุกห้าประการ นั้น ก็คือ ขื่อคา ขอรับ คอ หนึ่ง ข้อมือ สอง และ ข้อเท้า สอง นั้นเอง ขอรับ
เรียกว่า พอ ครบดังกล่าวแล้ว ก็แทบไม่ต้องกระดิกตัวไปไหนกันแหละ ขอรับ
ท่านจมื่นศรี ครั้นไดัฟังพระราชโองการดังนั้นแล้ว ก็ตกใจเป็นที่ยิ่ง
รีบไปบอกภรรยาทั้งสองของ ขุนแผน ให้ทราบความ โดยด่วน
ทั้งสองนาง ก็ตกใจกันยกใหญ่ รีบไปหาผัวในที่จองจำ โดยทันที
ฝ่าย แม่แก้วกิริยา นั้น ก็เรียกว่า เหาะ ได้ ก็แทบจะเหาะไปแหละ ขอรับ
ส่วน แม่วันทอง นั้น ก็ออกจะช้า อุ้ยอ้ายไปสักหน่อย เพราะว่าท้องแก่ใกล้จะคลอดแล้ว
ครานั้น วันทอง แก้วกิริยา ฟังว่า ดังอก จักแตกฉาน ให้อัดอั้น ตันใจ อาลัยลาน ไม่ควรการ เลยมาด่วน ให้ควรเป็น
ค่อยเป็นสุข แล้วมาทุกข์ ไปอีกเล่า ชะรอยเขา คนนี้ นี่ตัวเข็ญ จึงพิกล ดลใจ มิให้เย็น ไม่เคยเห็น จะอยู่ ด้วยกันนาน
ตั้งแต่เริ่ม ไปประเดิม ก็ไม่ดี ปีละ ร้อยเรือน เดือนละร้อยบ้าน จนนอนเวร เกณฑ์ขาด ราชการ ยังทะยาน ปีนข้าม กำแพงไป
นางลาว สาวน้อย คนนี้เอ๋ย เมื่อไรเลย พ่อจะตัด เสียขาดได้ ทั้งทุกข์ ทั้งแค้น แน่นหัวใจ สะอื้นไห้ โศกเศร้า เฝ้าคร่ำครวญ ฯ
ที่ เฝ้าคร่ำครวญ ดังยกมาในกลอนสำนวนนี้นั้น กระผมคิดว่า น่าจะเป็นคำคร่ำครวญฟูมฟาย ของแม่วันทองเขาเสียละมากกว่า เพราะเคยมี คดี ขนาดจะเคย ตบล้างน้ำ กับ แม่ลาวทอง กันมาแล้ว
ส่วน แม่แก้วกิริยา นั้น เธอค่อนข้างที่จะเสงี่ยมเจียมตัว มาตั้งแตไหนแต่ไรมาแล้ว ว่าไหมล่ะขอรับ พ่อแม่พี่น้อง
พ่อขุนแผน ตะแกก็ว่า คราวนี้พลาดจริง ๆ น้องเอ๋ย จะทำอย่างไรได้
และถึงมีวิชาขลังอย่างไร พี่ก็คงไม่คิดหนีหาย
เพราะถึงอย่างไร พี่ก็ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแล้ว ก็คงจะต้องก้มหน้ารับกรรมไปตามเวรแหละจ้ะ
มิได้นึก ว่าพระองค์ จะทรงโกรธ ให้จองจำ ทำโทษ ถึงมหันต์ ครั้งนี้ ตายเป็น เห็นเท่ากัน ด้วยโทษทัณฑ์ แทบพ้น จะทนไป
อันเครื่อง พันธนา ที่จำลอง อีกสักสอง เท่านี้ ก็หนีได้ จะเสียสัตย์ ขัดสน จึงจนใจ หนีไป ใครจะนับ ว่าเป็นชาย
เสมือนหนึ่ง บิดา ท่านทำโทษ แม้นมิโปรด ตามที ไม่หนีหาย จะทนไป ให้ตลอด ตามวอดวาย สู้ตาย ตามแต่ พระอาญา ฯ
พอว่ามาถึงตรงนี้ กระผมก็ยัง นับถือน้ำใจ พ่อขุนแผน อยู่อย่างหนึ่ง นะ ขอรับ
ในความเป็น ข้าทหาร ที่ยัง จงรักภักดี ต่อ สถาบัน พระมหากษัตริย์ ยิ่งชีวิต
และ ไม่เคยคิดแม้แต่สักนิดเดียว ที่จะ โกรธขึ้ง สมเด็จพระพันวษา ที่ทรงมีพระราชโองการ ลงโทษตนเอง ขนาดนั้น
. . . เสมือนหนึ่ง บิดา ท่านลงโทษ . . .
ศักดิ์ศรี แห่ง ทหารเสือ ศรีอยุธยา ที่แท้ ก็ วัดกันได้ ในประโยคนี้แหละ ขอรับ
แล้วก็สั่งเสียนางวันทอง ให้อุตส่าห์ฝากเนื้อฝากตัวกับท่านจมื่นศรี ฯ ให้จงดี
ส่วนแม่แก้ว ก็ให้ช่วยไปหาข้าวของเครื่องใช้ มาอยู่กันตามประสายากเถิด
ที่ว่า อยู่กัน นั้น คือ ดังนี้ ขอรับ
ครั้นถึง สองนาง ย่ างเข้าห้อง จัดแจง ข้าวของ หาช้าไม่ หมากบุหรี่ ผ้าผ่อน ท่อนสะไบ ที่นอน หมอนมุ้งได้ ไปตามมี
เหลือมือ ถือแบก ไปไม่ไหว ก็ไหว้วาน ข้าไท พระหมื่นศรี ส่งถึง คุกพลัน ทันที พัศดี นายตรวจ ก็เอ็นดู
ให้คนโทษ ในคุก ช่วยปลูกทับ ที่นอกหับ เผยให้ นางแก้วอยู่ ครั้นสิ้นแสง พระอาทิตย์ ปิดประตู ร้อยลั่น แหล่งคู่ กันทั่วไป ฯ
เป็นอันว่า แม่แก้วกิริยา ก็ได้มาปรนนิบัติสามี อยู่ที่หน้าคุก ซึ่งตรงตามที่ กระผมเคยบอกกับ พ่อแม่พี่น้องแล้ว ว่านี่แหละ เมียคู่ทุกข์คู่ยาก ตัวจริง
แต่ครั้นแย่ในคุกมา จำขื่อคาห้าประการ ก็ให้ขัดใจ ว่าตนเอง ก็เป็นคนที่เรืองวิชาศักดาเดชอยู่ ที่ยอมติดคุกนี่ ก็เพราะถือคำสัตย์ เท่านั้น จำจะต้องให้ อ้ายพวกผู้คุม มันเห็นฤทธิ์พ่อเสียบ้าง ท่าจะดี
เพียงถือสัตย์ สุจริต ไม่คิดหนี แต่เท่านี้ ก็พอ ะเป็นผล ไม่คิดคด ต่อเจ้า ข้าวแดงตน ก็เป็นคน เลิศโลก ย่อมฦาชา
คิดแล้ว จึงเสดาะ ด้วยฤทธิ์มนตร์ ตรวนหล่น คนหลับ สนิทหน้า ร่วงกราว เท้ามือ ทั้งขื่อคา ก็ล่องหน ออกมา จากคุกพลัน ฯ
จะไปไหน . . . ก็ไปหาเมียที่ หน้าทับหับเผย น่ะสิ ขอรับ
ฝ่ายผู้คุม พอได้เวลาตรวจเวรยาม ขานชื่อให้นักโทษรับ ก็เห็นผิดปกติ ที่ขุนแผนไม่ตอบ จึงจุดคบดู แล้วก็ได้ความว่า คนไม่อยู่ อยู่แต่โซ่ตรวน ระเนระนาดไปหมด
ก็ให้เอะอะโวยวายกัน
แล้วก็พบว่า ขุนแผน ก็อยู่ที่กระท่อมทับของนางแก้วกิริยา นั่นเอง
เห็นขุนแผน กับแก้ว กิริยา ร้องบอก กันมา ว่าอยู่อยู่ ทำมะรง ขัดใจ ไม่บอกกู ฉวยขุนแผน ลากถู ครู่ออกมา
ขุนแผน ลุกโลด โดดคำราม อ้ายส่ำสาม ข่มเหง พ่อหนักหนา ฉุดกระชาก ลากปล้ำ ทำนานา หน้ากู นี้จะหนี เอ็งฤๅไร
พัศดี ทำมะรง ตรงเข้ามา ต่างคน ด่าว่า หากลัวไม่ เฆี่ยนให้ หลังพัง ฟังมันไย เข้าไป กลุ้มรุม จะคุมมา ฯ
ขุนแผน ก็เลยแสดงฤทธิ์ให้เห็นกันเสียเลย
ขุนแผน ตวาด อำนาจครุฑ มือหลุด หัวคะมำ เข้าตำฝา เข้าจับกุม วุ่นวาย เปนหลายครา ขุนแผน ร้องว่า อย่าทำกู
นี่นึกว่า จะเอา กูเข้ากรึง หน้ามืง ฤๅจะจำ กูไว้อยู่ ไม่เชื่อยัง คะนอง ก็ลองดู เอาคาสวม ท่วมหู ทั้งโซ่ตรวน
ขุนแผน บริกรรม ซ้ำสะเดาะ หลุดเผลาะ กองกลิ้ง ทุกสิ่งถ้วน ลูกโซ่ โย้เย้ เปรปรวน พยักชวน เฮ้ยออเจ้า เข้ามาจำ ฯ
ในที่นี้ พ่อแม่พี่น้อง ช่วยสังเกตนิดหนึ่งนะ ขอรับ ว่า
ฉบับหลวงนี้ ใช้คำว่า เสดาะ กับ สะเดาะ สองครั้งใกล้ ๆ กัน ไม่เหมือนกัน เลยไม่ทราบว่า ควรจะ สะกดอย่างไรแน่ ถึงจะถูกต้อง
ก็มาว่าต่อว่า ผู้คุมเห็นดังนั้น ก็ตาเหลือก ยอมซูฮก ขุนแผน แต่โดยดี แถมยังมีการสาธิต การ อึดใจหายตัว ให้ชมฟรีอีกต่างหาก
แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น ก็แห่กันไปฟ้อง พระยายมราช
(ราชทินนามของอธิบดีกรมราชทัณฑ์นะขอรับ ไม่ใช่ชื่อเทวดาที่รักษานรกภูมิ แต่อย่างใด)
กันเป็นการใหญ่
ท่านเจ้าคุณยมราช ได้ฟัง ก็จึงให้ไปเรียกขุนแผนมา ถามกันซึ่ง ๆ หน้าเลยว่า
เฮ้ย . . .เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาแล้ว เอ็งจะเอายังไงกะกู ประเดี๋ยวถ้าความล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณแล้วละก็ จะพลอยหัวขาดกันไปหมด รวมทั้งกูด้วย แล้งเอ็ง จะว่าอย่างไร
ขุนแผนก็ว่า กระผมรำคาญขื่อคาขอรับ พระคุณ
แต่ กระผม ขอสัญญา ขอรับ ว่าจะถือคำสัตย์ ไม่คิดหลบหนี และจะไม่ให้เจ้าคุณต้องระคายเคืองด้วยโทษกรณ์อันใดด้วย
ท่านพระยายมราช ก็เลยอนุโลมตามใจ บอกพัสดีว่า มันมีวิชาถึงขนาดนี้แล้ว จะจองจำขื่อคาไปก็ไม่มีประโยชน์ดอก ปล่อยให้มันเดินเล่นในคุกนี้เฉย ๆ ดีกว่า
. . . . .
ก็เป็นอันว่า อยู่ดีไม่ว่าดี ปากพาจน หาเรื่องติดคุก
แล้วการติดคุกครั้งนี้ ยังเป็นชนวน ให้ลุกลามไปถึง ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ หลายประการทีเดียวแหละ ขอรับ
พบกันคราวหน้า ขอรับ.
จากคุณ |
:
พจนารถ๓๒๒
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ย. 53 03:37:57
|
|
|
|