ความคิดเห็นที่ 1 ผ่านจุดตัดที่แยกไปสู่โรงกลั่นน้ำมันของกลุ่มบริษัท เอสโซ่ ก่อนที่จะเบนออกไปทางซ้าย ตรงไปยังประตูเข้าท่าเรือ ตอนนี้ผู้โดยสารชักจะชินกับสายตาพิศวงของบรรดาผู้ใช้รถใช้ถนนตามสองข้างทางแล้วล่ะครับ  ฮ่า... จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:44:02

ความคิดเห็นที่ 2 ขบวนรถแล่นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นประตูทางเข้าท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ตั้งอยู่ข้างหน้า ต้องขออภัยครับที่ภาพไม่ชัด ด้วยเหตุกล้องคอมแพคไปโฟกัสอัตโนมัติตรงกระจกหน้ารถไฟ  นั่นเป็นข้อด้อยที่สู้กล้องระบบ manual ซึ่งใช้ฟิล์มในสมัยเก่าไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:23:54 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:23:45 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 22:48:09 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:45:32

ความคิดเห็นที่ 3 ผ่านประตูทางเข้าท่าเรือมาแล้วครับ  มีรางด้านซ้ายแยกไปยังท่าเทียบเรือ A เป็นท่าเอนกประสงค์ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนผู้ได้ทำสัญญากับการท่าเรือฯ แหลมฉบัง ที่สูงเด่นเป็นสง่าอยู่ไกลๆ นั้น เป็นหอสังเกตการณ์เดินเรือสินค้าทุกลำที่จะเข้า-ออกหน้าท่าต่างๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:24:12 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 22:59:08 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 22:53:42 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:51:58

ความคิดเห็นที่ 4 ผ่านลานจอดรถยนต์เพื่อรอผ่านกรรมวิธีศุลกากร ก่อนขึ้นเรือ RoRo ไปส่งประเทศต่างๆ ทั่วโลก จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:58:34

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเคยเห็นกระทู้ถกประเด็นเกี่ยวกับโครงการรถยนต์แห่งชาติของรัฐบาลในอดีตว่า จะส่งออกในยี่ห้อของไทยดีไหม ? เรียกง่ายๆ ว่าเอากล่อง หรือว่าส่งออกในนามของบริษัทต่างชาติที่มาตั้งโรงงานประกอบในประเทศไทย แต่ส่งไปขายทั่วโลก ซึ่งเรียกง่ายๆ ว่า เอาเงิน ซึ่งรัฐบาลในขณะนั้นได้สรุปว่า เอาเงินดีกว่า  และกลายเป็นประเด็นที่คาใจ ถกกันไม่รู้จบด้วยสิ ใน pantip นี่แหละ ส่วนตัวผม คิดว่าเอาเงินเช่นกันครับ ดูจากบรรดารถยนต์ส่งออกนอกที่จอดเต็มลานหน้าท่า รอนำขึ้นเรือ RoRo สิ หลากยี่ห้อก็จริง แต่มีทั้งพวงมาลัยซ้าย และขวา ซึ่งรถยนต์เหล่านี้ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยหรอกครับ เพราะหลากรุ่นเกินไป ทำการตลาดได้ลำบาก เท่าที่เคยสังเกตอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ รปภ.ท่าเรือจะมาห้ามไม่ให้เข้าใกล้ เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของการท่าเรือ รถเหล่านี้จะระบุปลายทางไปยังประเทศทางยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี เนเทอร์แลนด์ ฝรั่งเศส กรีซ รัสเซีย ฯลฯ  ทางอเมริกา ก็มี เม็กซิโก คอสตาริกา ฯลฯ  แม้แต่อัฟริกา และทวีปออสเตรเลียก็มี  ตามแต่ความสามารถของตัวแทนบริษัทผู้ผลิตจะบุกเบิกตลาดเข้าไปได้ แล้วใครว่ารถยนต์จากเมืองไทยคุณภาพด้อย ?  ยกเว้นกลุ่มที่มีฐานะมั่นคง ซึ่งเขาจะเลือกสั่งรถหรู ราคาแพงมาจากนอกอยู่แล้ว อ้อ...เหตุที่ รปภ.เข้ามาห้ามนั้น หากสินค้าสินค้าถึงปลายทางแล้วมีตำหนิขณะที่รอขึ้นเรือ จะถูกส่งคืนโดยการท่าเรือจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 10:11:50 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:18:48

ความคิดเห็นที่ 6 อาจมีบางท่านเกิดปุจฉาว่า เรือ RoRo นั้น หน้าตาเป็นอย่างไร ? เรือ RoRo (Roll-on/Roll-off) เป็นเรือลำเลียงสินค้าแบบเอนกประสงค์เช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ รถยนต์ รถไฟฯ เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ฯลฯ สามารถนำบรรจุไว้ในลำเรือได้อย่างสบายๆ  ดูไกลๆ เมื่อเทียบกับขนาดรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าท่าแล้ว เหมือนเกาะลอยน้ำ แต่คงไม่ใหญ่เท่าเรือบรรทุกเครื่องบินกระมัง ? แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:21:28 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:28:05

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับเรือลำที่เห็นในภาพ เป็นหนึ่งในกองเรือ 78 ลำ สังกัด NYK Line Roro ชื่อ Pegasus Leader จดทะเบียนที่ประเทศปานามา เริ่มใช้งานเมื่อปี 1999  Dimension : 199,23 x 32,26 x 15,27 m. ระวางขับน้ำ 57,566 ตันกรอส ความเร็วสูงสุด 19.3 Knots สามารถบรรทุกรถยนต์ได้สูงสุดถึง 6,000 คัน โดยเจ้าของเรือ คือ บริษัท PEGASUS MATRITIME SHIPHOLDING S.A. ส่วนบริษัทผู้สร้าง คือ Shin Kurushima Dockyard ครับ อ้าวๆๆ เผลอปล่อยภาพไปแล้ว แฮ่ะๆ  เป็นวันที่เรือลำนี้นำขบวนรถไฟฟ้า Airport Rail Link ชุดแรกจำนวน 8 คัน จากท่าเรือ Bremen สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2550 มาส่งถึงท่าเรือแหลมฉบัง และมีพิธีรับมอบเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 และจับพลัดจับผลูผมมีโอกาสไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย หลังจากที่นำขบวนรถไฟฟ้าลงจากเรือไปแล้ว เรือจะรับบรรทุกบรรดารถยนต์ส่งออกทั้งหมดซึ่งจอดรออยู่ตรงหน้าท่านั่นแหละครับ ออกเดินทางไปยังยุโรป และอเมริกาต่อไป ขออนุญาตนำภาพวาดการบรรทุกสินค้าของเรือลักษณะนี้ครับ จากที่มาของ NYK Line Bulkship แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:31:46 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:37:55

ความคิดเห็นที่ 8 ไหนๆ จะดูเรือกันแล้ว ขอนำภาพด้านท้ายของเรือลำนี้มาโชว์ครับว่า รถไฟทั้งขบวน เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ที่จะนำมาโดยเรือแบบ RoRo นี้ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:41:32

ความคิดเห็นที่ 9 จวนจะถึงท่า B ซึ่งเป็นปลายเส้นทางรถไฟภายในท่าเรือนี้ เสาสีขาวที่ตระหง่านอยู่กระหนาบข้างทางรถไฟนั้น ผู้รู้บอกว่า เป็นเครื่องเอ็กซ์เรย์ตู้คอนเทนเนอร์ที่จะเข้าสู่บริเวณท่าเรือโดยกรมศุลกากร ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าอยู่หน้าจอในอาคารที่ทำการฯ ทราบได้ว่า ภายในตู้นั้น บรรจุสินค้าตรงตามที่แจ้งระบุหรือไม่ ถึงจะบรรทุกมาทางรถยนต์ ก็มีเครื่องเอ็กซ์เรย์แบบเดียวกันนี้รอดักอยู่เช่นกันครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 23:47:30 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:46:21

ความคิดเห็นที่ 10 ทางรถไฟเริ่มตีโค้งเข้าสู่บริเวณลานขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ B แล้วล่ะครับ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:49:21

ความคิดเห็นที่ 11 เตรียมผ่านประแจเข้ารางหลีกที่อยู่ข้างๆ ให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเก็บภาพบรรยากาศบริเวณท่าเรือนี้ เห็นเครนขนาดยักษ์ที่จอดอยู่ข้างๆ  ทำให้ผมรู้สึกถึงบรรยากาศหุ่นยนต์ในการ์ตูนญี่ปุ่นขึ้นมาทันที แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 23:52:32 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:51:02

ความคิดเห็นที่ 12 ดูเจ้า T Rex กำลังงับตู้คอนเทนเนอร์วางใส่รถบรรทุกหางพ่วงที่จอดรออยู่  ยอมรับในฝีมือครับว่า ผู้บังคับรถนั้น มือฉมังจริงๆ  55555 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:54:52

ความคิดเห็นที่ 13 บรรยากาศที่ลานกองคอนเทนเนอร์ครับ ผมคิดว่า มีปริมาณตู้สินค้าน้อยไปหน่อย หรือว่าอาจเป็นช่วงวันหยุดก็ได้ สุดทางรถไฟแล้วครับ ถัดจากนั้นจะเป็นรางตัน พร้อมประแจให้รถจักรนำขบวนกลับไปยังท้ายขบวนเพื่อเตรียมทำขบวนกลับ เมื่อการขนถ่ายเสร็จสิ้น ซึ่งรวดเร็วมากทีเดียว เห็นพี่ พขร.และพนักงานห้ามล้อเปรยๆ อยู่เหมือนกันว่า เพิ่งมีโอกาสเข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบังจนได้เห็นอย่างใกล้ชิดก็คราวนี้แหละ คิดแบบใจตรงกันได้ยังไงก็ไม่รู้สิ ?  ฮ่า... แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:26:34 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 00:02:23 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 23:57:28

ความคิดเห็นที่ 14 จะว่าไปแล้ว บริเวณท่าเรือแห่งนี้ พร้อมทั้งขบวนรถไฟที่คณะนักท่องเที่ยวนั่งมาด้วย จะอยู่ในบริเวณพื้นที่เคยเป็นทะเลมาก่อนครับ จนกระทั่งมีการถมทะเลเพื่อก่อสร้างท่าเรือแห่งนี้ขึ้นมา จนไม่เห็นร่องรอยเดิมแม้แต่น้อย ถัดจากท่า B ยังมีท่า C และท่า D  ต่อไปอีกครับ ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนฯ ซึ่งทำสัญญากับการท่าเรือฯ เช่นกัน แต่ไม่มีรางรถไฟวางไปถึง ก็ ไม่มีโอกาสได้เห็น เท่านั้นเอง... แหะๆ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:08:28

ความคิดเห็นที่ 15 ยังติดใจกลุ่มรถเครนยักษ์อยู่ครับ  ขอเก็บภาพทิ้งท้าย  ก่อนที่รถไฟจะเคลื่อนขบวนกลับออกมาจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:11:24

ความคิดเห็นที่ 16 พอกลับมาถึงสถานีแหลมฉบัง บรรดาลูกทัวร์ต่างกระโดดลงไปแบบไม่รอช้าล่ะครับ เพื่อรอเก็บภาพรถจักรดีเซล General Electric สีสวยเจ้าเดิม ซึ่งขณะนี้ได้เข้าไปพ่วงกับขบวนรถ (เปล่า) บรรทุกน้ำมันดิบ ออกจากบริเวณโรงกลั่นน้ำมัน กลับไปยังสถานีบึงพระ จ.พิษณุโลก ไม่มีวันหยุด สำหรับผู้ปฏิบัติงานรถไฟ... จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:15:36

ความคิดเห็นที่ 17 ขบวนรถไฟพิเศษต้องจอดรอทางอยู่ที่สถานีแหลมฉบังครับ เพื่อให้ขบวนรถ(เปล่า) บรรทุกน้ำมันดิบออกไปถึงชุมทางศรีราชาให้เรียบร้อยก่อน ทำให้เป็นโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการสัมผัสบรรยากาศที่นี่ให้เต็มอิ่ม ก่อนที่จะเดินทางออกไปยังเส้นทางสายใหญ่ต่อไป จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:19:59

ความคิดเห็นที่ 18 มุมมองระหว่างเส้นทางช่วงชุมทางศรีราชา - แหลมฉบัง ที่คิดว่า หากมีโอกาสได้มาอีกครั้งหนึ่ง คงไม่เหมือนเดิม จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:21:54

ความคิดเห็นที่ 19 จากชุมทางศรีราชา ขบวนรถพิเศษ กลับเข้าสู่เส้นทางสายใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีจุดแวะพักที่สถานีบ้านพลูตาหลวงครับ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกทัวร์ไปเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ของกองทัพเรือ และบรรยากาศบริเวณท่าเรือน้ำลึกสัตหีบ หรือท่าจุกเสม็ด กันต่อไป ขอพักยกก่อนครับ... แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 53 22:33:37 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 00:27:52 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:27:27

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบเรือโนอาห์ครับ ใหญ่ดีจัง จากคุณ : น้องแนนแฟนคลับลำดับที่หนึ่ง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 02:10:14

ความคิดเห็นที่ 21 ตามมาดูต่อค่ะ "พื้นความเห็นนี้เป็นสีเขียว" ลืมเปลี่ยนสี อิอิ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 03:59:35 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 03:57:58

ความคิดเห็นที่ 22 ตามมาดูเรือยักษ์..ครับท่าน... จากคุณ : หนุ่มเมืองพาน เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 06:50:11

ความคิดเห็นที่ 23 น้องแนนแฟนคลับลำดับที่หนึ่ง ....... แถมภาพข้างในเรืออีกสักนิด ดีไหมครับ ? หญ้าหนวดแมว ....... เปลี่ยนสี แต่มิเปลี่ยนใจกระมัง ?  ฮ่าๆๆ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:33:25 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 08:54:25

ความคิดเห็นที่ 24 หนุ่มเมืองพาน ....... ครับ ลุงหนุ่ม  เทียบขนาดระวางใต้ท้องเรือกับรถไฟฟ้า Airport Rail Link แล้ว  รถไฟฟ้าดูเล็กกระจ้อยร่อย กลายเป็นของเด็กเล่นไปถนัดตา แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 13:35:55 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 08:56:41

ความคิดเห็นที่ 25  ขอบคุณ จขกท ที่นำเรื่องราวดีๆ เป็นประโยชน์มาฝาก ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 09:39:09

ความคิดเห็นที่ 26 ตามไปเที่ยวและเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคนนะคะ เที่ยวแบบนี้ดีจัง  สตังค์อยู่ครบ อิอิ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : nawaporn169 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 10:59:26

ความคิดเห็นที่ 27 ตามไปเที่ยวอีก (ชอบนัก  เรื่องไปเที่ยวนี่) อ้อ  ที่ถามว่า - จากภาพในตอนแรก รถทัวร์คงโดนหินจากเทือกเขาแอนดีสตกใส่กระมัง ? ขอตอบว่า  ไม่ใช่รถทัวร์ค่ะ แต่เป็นรถเมล์โดยสารข้ามประเทศ จาก Quito ถึง Lima  ใช้เวลาประมาณ 40  ชั่วโมง รถคันนี้น่ะค่ะ จอดที่ตรงพรมแดนระหว่าง เอกวาดอร์ และ เปรู  รอให้ผู้โดยสารเอาเอกสารไปผ่านด่าน จากคุณ : Mochica เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 19:07:00

ความคิดเห็นที่ 28 nawaporn169 ....... ขอบคุณคุณครูมากครับ ที่ติดตามแวะชม Mochica ....... ขอบคุณมากๆ ครับ ที่แวะเข้ามาแถลงไข แต่ผมว่า ใช้ระยะเวลาวิ่งค่อนข้างนานครับ เกือบ 2 วันเต็มทีเดียว คิดว่า รถประจำทางคันในภาพ จะค่อนข้างยาวกว่าในเมืองไทยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 13:02:04 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 20:42:11 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 20:41:48

ความคิดเห็นที่ 29 แถลงต่อ นานจริง ๆ ค่ะ   รถออกจาก กิโต้, เอกวาดอร์  ตอน ห้าทุ่ม ห้าทุ่มของวันต่อมา  ถึงด่านแห่งหนึ่ง ในความมืดของ เปรู มีทหารมาตรวจ เอกสาร มีหมาของทหารมาดมหาของต้องห้าม วันต่อมา  ประมาณ บ่ายสอง โมง  เริ่มเข้าเขตเมือง ลิม่า กว่ารถจะถึงสถานีของเขา  ต้องผ่านการจราจรที่หนืด ๆ อีกพักใหญ่ กว่าจะลงจากรถ  กว่าจะหายมึน หายเมื่อย  กว่าจะถึงที่พัก  มืดพอดี จากคุณ : Mochica เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 21:59:47

ความคิดเห็นที่ 30 ทรหดมากครับ ขนาดรถทัวร์บ้านเรา ไกลสุดจากพิษณุโลกไปเกาะสมุย ยังวิ่งไม่นานเท่านี้เลย เหอๆๆ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 23:09:21

ความคิดเห็นที่ 31 เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 4 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 23:14:33