Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
:-:-:-:-:-: >>>>..... ที่มาของ " แซ่ " นามสกุลของคนจีน ......<<<< :-:-:-:-:-: ติดต่อทีมงาน

คน ไทยเรานั้น นอกจาก  “ชื่อ” แล้ว  ยังต้องมี  “นามสกุล” กำกับอยู่ด้วยเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า
ตนถือกำเนิดขึ้นในตระกูลใด คนจีนก็เช่นเดียวกัน คือต้องมี “แซ่” หรือนามสกุล
ซึ่งเริ่มใช้กันมาตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน   ตามพระบัญชาของจักรพรรดิ   จึงถือว่าเป็น
ชนชาติแรกที่มีนามสกุล  ใช้กันอย่างเป็นทางการ


แต่ เดิมคนจีนมีเพียงชื่อที่ใช้เรียก  เพื่อบ่งบอกตัวบุคคล ต่อมาเมื่อสังคมจีนขยายตัว
จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ชื่อที่ใช้เรียกตัวบุคคล  จึงซ้ำไปซ้ำมาเป็นจำนวนมาก
จนเกิดความสับสน ในการระบุตัวบุคคล   ประกอบกับบรรดา  ขุนศึก  ขุนนาง  และชนชั้นสูงใ
นสังคมจีนยุคจ้านกว๋อ   หรือยุคเลียดก๊ก (พ.ศ.66 - 321) ต้องการสะสมกำลังคนเพื่อ
สร้างฐานอำนาจให้กับตนเอง   จึงตั้งชื่อตระกูลหรือ “แซ่” ขึ้น แล้วรวบรวมผู้คนเข้ามาอยู่ใน
แซ่เดียวกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์  ที่แนบแน่นขึ้นกว่าการ  เป็นนายและบ่าวแบบเดิม


จาก นั้นก็เริ่มมีการใช้แซ่กันอย่างแพร่หลายขึ้น จนกระทั่งในรัชสมัย “สมเด็จพระจักรพรรดิฮั่นเกาจู”
(พ.ศ.337 - 348) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนทุกคนมีแซ่ตระกูล
ประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ขุนนาง พ่อค้า ไปจนถึงไพร่สามัญชน  โดยให้แซ่ถ่ายทอดจาก
ฝ่ายบิดาลงมาสู่บุตร  ตั้งแต่นั้นประเทศจีน  จึงมีการใช้แซ่ขึ้นอย่างเป็นทางการ
และสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน


แม้ คนจีนทุกคนจะมีแซ่ใช้กันอย่างเป็นทางการ  มาตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีก่อน แต่จำนวนแซ่กลับ
มีอยู่ไม่มาก  เพราะไม่ตั้งกันขึ้นมาอย่างพร่ำเพรื่อ  แต่ใช้การสืบทอดต่อๆ กันมานานนับพันปี
จากการสืบค้นทางประวัติศาสตร์  พบว่าในอดีตเคยมีแซ่อยู่ประมาณ 24,000 แซ่
แต่ปัจจุบันหายสาบสูญไปมาก  เหลือที่ใช้กันจริงอยู่ประมาณ 5,000 แซ่ แต่แซ่ที่พบเห็นได้บ่อยๆ
มีอยู่เพียงประมาณ 2,000 แซ่เท่านั้น  ในขณะที่คนจีนมีอยู่มากถึง 1 ใน 4 ของประชากรโลก
ทำให้หนึ่งแซ่หรือหนึ่งตระกูลของคนจีน  มีจำนวนสมาชิกอยู่มากมายมหาศาล


เมื่อ ปี พ.ศ.2550 รัฐบาลจีนได้ทำสำรวจแซ่ตระกูลจีน  ที่มีมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
พบว่า แซ่ที่มีการใช้มากที่สุด 3 อันดับแรกในประเทศจีนคือ  แซ่หวัง (เฮ้ง), หลี่ (หลี)
และจาง (เตีย) ซึ่งมีผู้ใช้รวมกันเกือบ 300 ล้านคน   หรือประมาณแซ่ละ 100 ล้านคน
ซึ่งเพียงแค่แซ่เดียวก็มากเกือบเป็นสองเท่า  ของประชากรไทยทั้งประเทศแล้ว


10 อันดับแซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศจีน ได้แก่

1. หวัง (เฮ้ง) 王

2. หลี่ (หลี) 李

3. จาง (เตีย) 张

4. หลิว (เล่า) 刘

5. เฉิน (ตั้ง) 陈

6. หยาง (เอี๊ย) 杨

7. หวง (อึ๊ง) 黄

8. จ้าว (เตี๋ย) 赵

9. อู๋ (โง้ว) 吴

10. โจว (จิว) 周

โดยแต่ละแซ่มีผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคน

ส่วนคนจีนในประเทศไทย  หรือชาวไทยเชื้อสายจีน  ที่ยังคงใช้แซ่ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยเมื่อปี พ.ศ.2535 มีการสำรวจพบว่า  แซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุด 3 อันดับแรกในประเทศไทย
คือ แซ่เฉิน (ตั้ง), หลิน (ลิ้ม) ประมาณแซ่ละ 80,000 คน และแซ่หลี่ (หลี) ประมาณ 50,000 คน

ส่วนอันดับต่อมาอีก 7 อันดับ มีผู้ใช้อยู่ในหลักหมื่นคน

10 อันดับแซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่

1. เฉิน (ตั้ง) 陈

2. หลิน (ลิ้ม) 林

3. หลี่ (หลี) 李

4. หวง (อึ๊ง) 黄

5. อู๋ (โง้ว) 吴

6. สวี่ (โค้ว) 徐

7. จาง (เตีย) 张

8. เจิ้ง (แต้) 郑

9. หลิว (เล่า) 刘

10. หวัง (เฮ้ง) 王

ปัจจุบัน ชาวไทยเชื้อสายจีน จำนวนมากได้แปลงแซ่มาเป็น นามสกุล ตามภาษาไทย
เพื่อให้กลมกลืนกับคนไทยมากขึ้น  แต่บางนามสกุล  ก็ยังพอที่จะสืบไปถึงแซ่เดิมได้อยู่
เช่น “ป๋วย อึ๊งภากรณ์” มีแซ่เดิมคือ “หวง” (อึ๊ง) ก็ใช้การเติมคำไทยต่อท้ายแซ่
กลายเป็น “อึ๊งภากรณ์” หรือ “สนธิ ลิ้มทองกุล” มีแซ่เดิมคือ “หลิน” (ลิ้ม)
ก็กลายเป็น “ลิ้มทองกุล”


นอก จากนั้นยังใช้การแปลความหมายของแซ่เป็นภาษาไทย แล้วตั้งเป็นนามสกุลใหม่
เช่น “บรรหาร ศิลปอาชา” แซ่เดิมคือ “หม่า” (เบ๊) ที่แปลว่าม้า (อาชา) จึงแปลงเป็น
นามสกุลไทยว่า “ศิลปอาชา” หรือนามสกุล “อัศวเหม” ที่แปลว่าม้าทองคำ
ก็มาจากแซ่ “หม่า” (เบ๊) เช่นเดียวกัน

เซียน ขอขอบพระคุณ จาก Bluesmile Fwdder.com
เซียน ขอขอบพระคุณ คุณ perm.howdy ( อากู๋เพิ่ม )
อีกครั้ง มาณ. ที่กระทู้นี้อีกครั้งนะคะ..ลูกสาว

 
 

จากคุณ : siansian
เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 53 10:24:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com