ความคิดเห็นที่ 1 เวลานานเว็บของททท.เปลี่ยน ขออภัยลืมเช็คก่อนมานึกได้ก็เลยต้องมาแก้ไขที่ตรงนี้นะคะ http://thai.tourismthailand.org/where-to-go/cities-guide/destination/nan/ การเดินทางเริ่มคืนวันที่ 6 ก.พ.52 กว่าจะออกเดินทางก็เกือบๆ สี่ทุ่มได้ มาถึงเมืองน่าน ประมาณ 7 โมงเช้าของวันที่ 7 กองทัพเดินด้วยท้องเลยต้องจัดการมื้อเช้าในตลาด มีทั้งข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง โจ๊ก ตามแต่ชอบ รวมทั้งซื้อเสบียงไปเก็บไว้ ถ่ายไว้ไม่กี่รูป (ยังไม่ตื่นจากฝันว่าได้มาน่านจริงๆ) ตลาดยามเช้า จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:19:47

ความคิดเห็นที่ 2 มีแวะไปซื้อข้าวหลามที่หน้าวัดภูมินทร์ได้ถ่ายรูปกันเล็กน้อย ข้าวหลามอร่อยมากๆ มีหลายไส้ จำได้แต่ไส้สังขยา(เพราะทานอันนี้) เพราะวันกลับจะแวะให้ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน ปรากฏว่า...อด.. เค้าเก็บร้านไปแล้ว ข้าวหลามขนาดกำลังดี จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:21:43

ความคิดเห็นที่ 3 จากนั้นก็เดินทางไปเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถสองแถว 4 คัน  เพื่อไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และแวะทำบุญช่วยเหลือโรงเรียนและเด็กนักเรียนที่โรงเรียนพนาสวรรค์ ซึ่งกิจกรรมก็มีถ่ายรูปและพิมพ์ให้เด็ก ๆ แจกของและสมทบทุนการศึกษา  ดูข่าวได้จากเวปสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาน่าน เขต 2  http://203.172.247.72/school%20nan2_news/index.php?name=news&file=readnews&id=8 หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเป็นที่พักของเรา แต่ยังก่อนเลยไปจุดชมวิวเพื่อไปชมดอกชมพูภูคา ที่มีที่นี่ที่เดียวบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดอยภูคานับเป็นบ้านแห่งสุดท้ายของต้นชมพูภูคาพันธุ์ไม้หิมาลัย ดร.ธวัชชัย สันติสุข ผู้เชี่ยวชาญพฤกษศาสตร์ป่าไม้ กรมป่าไม้ เป็นผู้สำรวจพบเป็นครั้งแรกในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532  ชมพูภูคาเป็นพันธุ์ไม้ที่เคยมีการสำรวจพบตามหุบเขาแถบมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของประเทศจีนและทางเหนือของเวียดนาม จากนั้นก็ไม่มีรายงานการค้นพบพืชชนิดนี้อีก พื้นที่ป่าดิบเขาดอยภูคาจึงอาจเป็นแหล่งกำเนิดสุดท้ายของชมพูภูคา ซึ่งเป็นไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งในโลก ต้นชมพูภูคาจะขึ้นอยู่ในป่าดิบเขาระดับสูงที่มีร่มเงาของไม้ใหญ่หนาทึบ มีอากาศหนาวเย็น มีความชุ่มชื้นสูง มีเมฆหมอกปกคลุมตลอดปี  ดังนั้นจึงถือว่าถิ่นกำเนิดหรือระบบนิเวศน์ของชมพูภูคามีความเปราะบางมาก ต้นชมพูภูคาเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ในป่าดิบภูเขาระดับสูง ต้นสูงประมาณ 30 เมตร เปลือกเรียบสีเทา ใบประกอบด้วยใบย่อย 4-9 คู่ ปลายใบแหลมยาวเรียงสลับกันเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ดอกจะออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ช่อตั้งตรงยาว 30-45 ซ.ม. ดอกสีชมพู เมื่อบานจะชิดกันแน่น ทำให้ช่อดอกเป็นพุ่มสวยงาม การสืบพันธุ์ของชมพูภูคาจะใช้เมล็ด โดยจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในป่าดิบเขาที่มีร่มเงาของไม้ใหญ่ปกคลุม แต่เนื่องจากการที่เมล็ดของชมพูภูคามีเมือกสำหรับยับยั้งการเจริญเติบโต และระบบนิเวศน์ของป่าดิบเขาเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ชมพูภูคาแพร่ขยายพันธุ์ได้ยาก และใกล้จะสูญพันธุ์ เมื่อมาถึงที่จุดชมวิวปรากฏว่า.... ยังไม่บานมีแต่ดอกตูม (มาเร็วไปเนอะ)  แต่ชีวิตไม่สิ้นหวังที่อุทยานที่พักของเรานั้น มีอยู่ 1 ต้นที่บานอยู่ จะได้ดูกันในวันพรุ่งนี้ ถ้าบานพร้อม ๆ กันคงจะสวยน่าดูเลย จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:27:17

ความคิดเห็นที่ 4 อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 1080 สายน่าน-ปัว ระยะทาง 60 กม. จากนั้นใช้เส้นทางปัว-บ่อเกลืออีกประมาณ 25 กม. ถึงที่ทำการอุทยานซึ่งตั้งอยู่บนเนิน (กม. ที่ 24-25) อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ป่าต้นน้ำ ป่าดึกดำบรรพ์ปลายทางหิมาลัย ขุนเขาใต้ทะเล อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีพื้นที่ประมาณ 1,680 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอ ได้แก่ ท่าวังผา ปัว เชียงกลาง ทุ่งช้าง บ่อเกลือ สันติสุข และแม่จริม เทือกเขาดอยภูคาประกอบด้วยแนวภูเขาสูงสลับซับซ้อน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของปลายเทือกเขาหิมาลัย โดยมียอดภูคาเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดน่าน สูงถึง 1,980 เมตร ดอยภูคาเป็นต้นแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำน่าน ลำน้ำปัว บริเวณนี้เดิมเคยเป็นทะเลมาก่อน ก่อนจะเกิดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินสองผืนใต้ทะเลเข้าหากัน ทำให้แผ่นดินโก่งตัวขึ้น น้ำทะเลใต้ดินระเหยไปเหลือเพียงสินแร่เกลือ ดังที่พบในเขตอำเภอบ่อเกลือ และการค้นพบสุสานหอยทะเลอายุประมาณ 200 ล้านปี บนดอยภูแวที่บ้านค้างฮ่อ ตำบลสะกาด อำเภอปัว ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ประกอบด้วยป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ทุ่งหญ้า และ ป่าสนธรรมชาติ เป็นแหล่งของพันธุ์ไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ ได้แก่ ชมพูภูคา ในเขตป่าดิบเป็นแหล่งต้นเต่าร้างยักษ์ ปาล์มดึกดำบรรพ์ เมเปิ้ลใบ 5 แฉก ต่างจากเมเปิ้ลที่อื่นซึ่งมี 3 แฉก และยังเป็นแหล่งนกเฉพาะถิ่นที่หายากสองชนิด คือ นกมุ่นรกคอแดง และนกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย   สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มีหลายแห่ง เช่น  ถ้ำผาแดง ถ้ำผาผึ้ง  ถ้ำผาฆ้อง น้ำตกต้นตอง  น้ำตกศิลาเพชร น้ำตกตาดหลวง ล่องแก่งน้ำว้าตอนกลาง(ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่งอยู่ระหว่างเดือน ส.ค.-ธ.ค.) ยอดดอยภูแว สุสานหอย และเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมพูภูคา แต่ละที่อยู่ห่างกันบางที่ก็ต้องเดินเท้าเข้าไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว คือ ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ อุณหภูมิ 15-27 องสาเซลเซียส และฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายนซึ่งมีอากาศเย็นสบาย ดูรายละเอียดของแต่ละที่ได้ที่เวปของททท.   ลิงค์ตอนที่เก็บข้อมูลครั้งแรก http://thai.tourismthailand.org/attraction/nan-55-459-1.html  ตอนนี้ไม่อยู่แล้วเปลี่ยนเป็นอันนี้แทน http://thai.tourismthailand.org/where-to-go/cities-guide/attractions/info-page/destination/nan/cat/33/attraction/4299/parent/1105/lang/2/?subcat_id=33&cHash=4a93315e1c ที่พัก จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:37:11

ความคิดเห็นที่ 5 เช้าขึ้นไปถ่ายพระอาทิตย์ที่จุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง(จุดสูงสุดบนดอยภูคา) รอร้อรอ ตั้งแต่หกโมงเช้า นึกว่าไม่มาตามนัดซะแล้ว แต่...ในที่สุด 7 โมงเช้าก็ได้ถ่าย แต่ไม่ใช่มุมที่รอครั้งแรก นึกว่าไม่มาก็เดินไปถ่ายเรื่อยเปื่อย ได้มาแค่นี้ แล้วจะรู้มั้ยเนี่ยว่าถ่ายที่ดอยภูคา จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:40:11

ความคิดเห็นที่ 6 จากนั้นก็เตรียมกลับเข้าเมืองน่าน  แวะชมชมพูภูคาก่อน แต่ต้องเดินไป 1.2 ก.ม. ไหนๆก็มาแล้ว แล้วก็บานช่วงนี้เท่านั้น แถมมีที่นี่ที่เดียว (ย้ำเหลือเกิน) ก็เลยไป ทางเดินไม่ลำบากเพราะมีทำทางไว้ให้แต่เป็นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไป กว่าจะถึงจุดหมายใช้เวลาประมาณ 45 นาที แล้วก็..... อยู่ไกลพอสมควร มีแค่ 70-300 ถ่ายหลายรูปแต่ดูแล้วครอปมาได้แค่นี้ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:41:33

ความคิดเห็นที่ 7 เส้นทางเดินที่เป็นสีแดงค่ะ ดูเหมือนไม่ไกลแต่...เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน(สงสัยจะเริ่มเป็นสว.) จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:50:49

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ก็ได้เจอต้นเมเปิ้ลใบ 5 แฉกด้วยนะคะ (ต่างจากเมเปิ้ลที่อื่นซึ่งมี 3 แฉก) จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 04:53:54

ความคิดเห็นที่ 9 ระหว่างทางเข้าเมืองน่านเราก็แวะที่หอศิลป์ริมน่าน หอศิลป์ริมน่าน ก่อตั้งและดำเนินการโดยศิลปินชาวน่าน วินัย ปราบริปู ตั้งอยู่ที่ 122 หมู่ 2 ต.บ่อ ถนนสายน่าน-ท่าวังผา (กม.20) ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกติดแม่น้ำน่าน ในพื้นที่ประกอบด้วยสตูดิโอ บ้านพักรับรอง และอาคารหอศิลป์ ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น รวมพื้นที่ 13 ไร่ ผู้ก่อตั้งมีจุดมุ่งหมายที่จะรวบรวมผลงานศิลปะของศิลปินไทยร่วมสมัยที่มีผลงานการสร้างสรรค์และรูปแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่ยอมรับกัน โดยจัดนิทรรศการประจำปีในรูปแบบกึ่งถาวร ขณะนี้มีผลงานงานจิตรกรรมและประติมากรรมของผู้ก่อตั้ง ประมาณ 200 ชิ้น           เปิดบริการ เวลา 09.00 น.- 17.00 น. ปิดทุกวันพุธ เว็บไซต์  http://www.nanartgallery.com ช่วงที่ไปมีงานแสดงผลงานภาพต้นฉบับการ์ตูนจากศิลปินอาชีพกลุ่ม “ไทคอมิค” ในเครือ สนพ.วิบูลย์กิจ ซึ่งจัดแสดงตั้งแต่ 23 ก.พ.-31 มี.ค. 52 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:05:31

ความคิดเห็นที่ 10 ผลงานบางส่วนของคุณวินัย ปราบริปูและท่านอื่นๆ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:09:40

ความคิดเห็นที่ 11 ทีนี่มีต้นงิ้วด้วย (ถ่ายมาแต่ดอกไม้ไม่ได้ถ่ายต้น) จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:11:57

ความคิดเห็นที่ 12 .....ตาลายลงซ้ำ..... แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 53 05:14:56 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:12:55

ความคิดเห็นที่ 13 จากนั้นแวะเข้าที่พักเก็บสมบัติ และไปที่วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพระธาตุเขาน้อย องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน อยู่ในเส้นทางเดียวกันกับวัดพญาวัด เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.น่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเบาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเล  ประมาณ  240  ม.  หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค  303  ขั้น  ทางรถขึ้นถึงตัววัด องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า และวิหารสร้างในสมัยนี้เช่นกัน จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:17:15

ความคิดเห็นที่ 14 บริเวณลานชมทิวทัศน์สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ปัจจุบันประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่านซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:24:55

ความคิดเห็นที่ 15 จากนั้นแวะถ่ายวัดศรีพันต้นยามค่ำ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:27:31

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนเช้าวันที่ 9 ก.พ.ตรงกับวันมาฆบูชาพอดี ได้ไปใส่บาตรด้วย จากนั้นปล่อยอิสระใครใคร่เดินไปถ่ายวัดไหนตามสะดวก วัดแรกที่ถ่ายคือวัดศรีพันต้น ประวัติวัดแบบเป็นทางการทั้งในเวปททท. เวปจังหวัดน่าน ไม่มี วัดก็อยู่กลางเมืองนะ เขาเล่าว่าเป็นวัดที่สร้างในรัชกาลปัจจุบัน แต่จำไม่ได้ว่าสร้างหรือบูรณะในวาระฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี โดยทำตราสัญลักษณ์ไว้ที่ตรงกลางของหลังคาโบสถ์ ภายในผนังเป็นภาพจิตรกรรมประวัติศาสตร์ของเมืองน่านจนถึงสมัยพระเจ้าตากสิน และสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1- ปัจจุบัน จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:38:11

ความคิดเห็นที่ 17 ดูอีกครั้ง ภาพจิตรกรรมที่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 1 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:41:07

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อมาวัดมิ่งเมืองและเสาหลักเมืองจังหวัดน่าน วัดมิ่งเมือง  ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงศ์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2400 ลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน และในบริเวณวัดยังเป็นที่ประดิษฐาน เสาหลักเมือง ซึ่งอยู่ในศาลาจตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองสูงประมาณ 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์มีชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:42:30

ความคิดเห็นที่ 19 . จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:45:25

ความคิดเห็นที่ 20 วัดภูมินทร์ เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อตำบลในเวียงในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์เจ้าผู้ครองนครน่านได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นหลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี เมื่อ พ.ศ.2139 มีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่าเดิมชื่อ“วัดพรหมมินทร์”แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ จุดเด่นของวัดนี้คือเป็นวัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหารและพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ได้จำลองพระวิหารหลังนี้ไว้ด้วย จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:49:04

ความคิดเห็นที่ 21 . จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:52:54

ความคิดเห็นที่ 22 ตรงใจกลางพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ ประทับนั้งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกด้านประตู ทั้งสี่ทิศ เบื้องพระปฤษฎางค์ชนกัน ภายในพระอุโบสถ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:53:49

ความคิดเห็นที่ 23 มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ศิลปกรรมไทลื้อ ที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต  ภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมินทร์เป็นชาดกในพุทธศาสนาแต่ถ้าพิจารณารายละเอียดของวิถีชีวิตของคนเมืองในสมัยนั้น มีภาพที่น่าสนใจอยู่หลายภาพเช่น ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆคล้ายภาพสมัยใหม่ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:54:56

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพเขียนอื่น ๆ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:56:30

ความคิดเห็นที่ 25 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร   ตั้งอยู่ที่ ถนนสุริยพงษ์ ตรงข้ามสำนักงานเทศบาลเมืองน่าน เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤาชัย เจ้าเมืองน่านได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อ พ.ศ. 2091 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:04:17

ความคิดเห็นที่ 26 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย อาทิ เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์เจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:08:59

ความคิดเห็นที่ 27 พระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งของเมืองน่าน จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:09:46

ความคิดเห็นที่ 28 นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ภูคา เป็นผู้สร้าง เมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 1969 เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎก ใหญ่ที่สุดในประเทศ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:10:35

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีครับ เมืองน่านยังเป็นเมืองที่น่าอยุ่ ยังไม่ถูกนักท่องเที่ยว และธุรกิจการท่องเที่ยวรุกรานมากนัก เหมือนจังหวัดอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อากาศดีมาก ดอยภูคา มีต้นไม้ที่มีดอกสวยงาม เฉพาะจังหวัดน่านเพียงแห่งเดียว เคยขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ขึ้นดอยภูคา เสียดายมาก ๆ และอยากจะไปให้ถึงบ้านห้วยโก๋นชายแดนไทยลาวของจังหวัดน่าย ซึ่งมีชีวิตชนบทแบบไทย ๆ และตลาดคนไทยคนลาวมาทำมาค้าขายร่วมกัน จากคุณ : กรกฏ (Alway love you) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:11:22

ความคิดเห็นที่ 30 . จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:12:58

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีค่ะคุณกรกฏ ได้แต่หวังว่าน่านจะไม่เหมือนปายที่นักท่องเที่ยวแห่กันไปเที่ยวมากมายแล้วทำให้เมืองที่เคยสงบเปลี่ยนเป็นแสงสีนะคะ ดอกไม้ชมพูภูคามีที่นี่ที่เดียวและบานช่วงเดียวประมาณเดือนก.พ.ด้วยค่ะ แต่ก็แล้วแต่ดวงว่าจะไปเจอบานพอดีหรือไม่ เสียดายที่ยังมีอีกหลายดอยที่ไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่พอค่ะ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:19:26

ความคิดเห็นที่ 32 จากนั้นแวะทานข้าวกลางวันที่ร้านขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่เกสรดอกงิ้ว ชื่อร้าน....(ลืมอีกแล้ว) แล้วไปต่อที่ วัดพระธาตุแช่แห้ง เป็นปูชนียสถานที่สำคัญของเมืองน่าน มีอายุกว่า 600 ปี ตามพงศาวดาเมืองน่านกล่าวว่า พญาการเมือง โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากเมืองสุโขทัย ระหว่างปี พ.ศ.1891-1901 สถาปัตยกรรมด้านโบสถ์ของวัดพระธาตุแช่แห้งที่สำคัญ และแสดงให้เห็น ถึงแบบอย่างสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมสกุลช่างน่าน แยกออกเป็น 2 แห่ง ได้แก่ - วิหารหลวง อยู่ทางด้านทิศใต้ขององค์พระธาตุเป็นวิหารขนาดใหญ่ 6 ห้อง ห้องกลางมีขนาด 3 ห้อง และต่อชั้นลดออกไปทางด้านหน้า 2 ห้องและด้านหลัง 1 ห้อง ดังนั้นหากดูจากภายนอกจะมองเห็นเป็นอาคารขนาดใหญ่ หลังคาลาดต่ำลงมาเป็นชั้นซ้อนด้านละ 3 ชั้น และมีชั้นลดด้านหน้า 2 ชั้น ด้านหลัง 1 ชั้น มีประตูทางด้านหน้า และด้านข้างตรงกลาง จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:22:48

ความคิดเห็นที่ 33 - วิหารพระนอน อยู่ทางด้านหน้านอกกำแพงแก้วขององค์พระธาตุ วิหารก่อสร้างตามแนวยางขององค์พระ มีประตูทางเข้าด้านหลังคือทิศใต้ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:26:21

ความคิดเห็นที่ 34 พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่า หากได้เดินทางไป “ชุธาตุ” หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุแช่แห้งได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น. จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:29:23

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วก็กลับมาเมืองน่านถ่ายวัดต่อก่อนที่จะเก็บสมบัติแล้วกลับไปเวียนเทียนที่วัดพระธาตุแช่แห้ง ก่อนกลับกทม. วัดหัวข่วง  วิหารฝีมือช่างน่าน ตั้งอยู่ใกล้หอคำ หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน มีวิหาร และเจดีย์ มีลักษณะศิลปกรรมแบบท้องถิ่นล้านนา สกุลช่างเมืองน่าน ฝีมือประณีตงดงาม วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะในราว พ.ศ. 2425  โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าเมืองน่าน และต่อมาราวปี พ.ศ.2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่าน องค์สุดท้าย   มีวิหารที่สวยงาม ปัจจุบันเป็นอาคารทรงจั่ว  เด่นที่หน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา อย่างประณีต และสวยงาม ซุ้มประตูหน้าต่าง ประดับลายปูนปั้นรูปใบผักกาด   อันเป็นศิลปะแบบตะวันตก  เป็นวิหารผีมือช่างเมืองน่าน ที่มีเอกลักษณ์ เป็นของตนเอง นอกจากนี้ในวัดยังมีหอไตรเก่าลักษณะ อาคารสี่เหลี่ยมทรงสูงใต้ถุนก่อทึบ มีทางเข้าทางเดียว มีบันใดภายใน ตัวอาคารชั้นบน ฝาทำด้วยไม้ มีหน้าต่างด้านละหนึ่งช่องยกเว้นด้านหลัง หลังคาจั่วลดชั้นแบบปั้นหยา หลังคาชั้นบน มีช่อฟ้าใบระกา เจดีย์วัดหัวข่วง เป็นเจดีย์ทรงประสาท หรือเรือนทอง อิทธิพล ศิลปะล้านนา ฐานล่างทำเป็นหน้ากระดานสี่เหลี่ยม รับฐานบัวลูกแก้ว 2 ชั้น มีชั้นหน้ากระดานคั่นกลาง ฐานบัวลูกแก้วชั้นบน ย่อเก็จรับกับเรือนธาต ุไปจรดชั้นบัวถลาใต้องค์ระฆัง ส่วนเรือนธาตุมีซุ้มจรนัม ด้านละซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริด ที่มุมผนังทั้งสองข้าง ปั้นเป็นรูปแทวดาทรงเครื่องยืนพนมมือ เหนือชั้นอัสดงตอนสุดเรือนธาตุเป็นชั้นบัวถลาซ้อนกัน 3 ชั้น องค์ระฆัง มีขนาดเล็กไม่มีบัลลังก์ ลักษณะของรูปทรง โดยส่วนรวมคล้ายกับเจดีย์วัดโลกโมลี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสร้างขึ้นระหว่าง รัชกาลพระเมืองเกษเกล้า รวม พ.ศ. 2071 แต่สวนฐานล่าง และชั้นบัวถลาของเจดีย์นี้ยึดสูงขึ้น ทำให้มีลักษณะเรียวสูงกว่า แสดงถึง พัฒนาการ ทรงรูปแบบที่ช่างเมืองน่าน ดัดแปลงนำมาใช้ในระยะหลัง ซึ่งคงมีอายุไม่เก่าไปกว่าครึ่งแรก ของพุทธศตวรรณที่ 22 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:34:18

ความคิดเห็นที่ 36 . จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:37:08

ความคิดเห็นที่ 37 แถมวัดภูมินทร์ยามเย็นอีกครั้ง จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:43:18

ความคิดเห็นที่ 38 ระหว่างทางกลับไปวัดพระธาตุแช่แห้ง เพื่อถ่ายรูปการเวียนเทียน จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:47:03

ความคิดเห็นที่ 39 พิธีก่อนเวียนเทียน จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:50:18

ความคิดเห็นที่ 40 ครั้งแรกที่ถ่ายเวียนเทียน ได้แค่นี้ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:52:02

ความคิดเห็นที่ 41 หลังจากนั้นก็กลับถึงกทม. เช้าวันที่ 10 โดยสวัสดิภาพค่ะ จะลงรูปทีละรูปก็กลัวว่าจะโหลดนาน เลยใช้ตัวช่วยให้ดูครั้งเดียวได้หลายรูป ขอบคุณที่แวะมามุงกันนะคะ ขอขอบพระคุณคุณลุงเจียวต้ายและคุณอุ่นใจสำหรับกิฟท์นะคะ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 06:58:06

ความคิดเห็นที่ 42 อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหญ้าหนวดแมว เคยไปแอ่วแค่เมืองแพร่ค่ะ ขอบคุณที่พาไปแอ่วน่านนะคะ จากคุณ : อุ่นใจ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 07:09:52

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีค้าบ เห็นรูปถ่ายแล้วอยากไปเที่ยวมั่งค้าบ แง๊วววว จากคุณ : ข้าวโพดแมวติสต์แตก เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 07:38:06

ความคิดเห็นที่ 44  ตามมารำลึกความหลังค่ะ ตอนนั้นไม่ได้ค้างที่ดอยภูคา จากคุณ : ป้าเยาว์ (@NBC) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 07:44:17

ความคิดเห็นที่ 45 เคยไปเมื่องน่าน...เมื่อครั้งเป็นละอ่อนสาววัยแรกรุ่น..... โอ้ววว!!!!!!!!ผ่านมานานนักหนา....... .ขอบคุณรูปภาพสวยๆชวนรำลึกถึงอดีตค่ะ.. จากคุณ : จริงใจ.......สบายจริง เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 07:46:33

ความคิดเห็นที่ 46 ผมชอบบรรยากาศเมืองน่านอยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นเมืองที่สงบ ยังไม่มีอารยธรรมแบบเมืองท่องเที่ยวแบบไร้ทิศทางเข้าไปรุกรานครับ ตัวเมืองมีวัดต่างๆ อยู่ใกล้เคียงกันหลายวัด คล้ายๆ เชียงใหม่ สามารถเดินชมเมืองได้สะดวก  สำหรับบรรยากาศจะคึกคักในช่วงเช้า และช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงไปตลาดซื้อข้าวของ ไปเรียน หรือไปทำงานและกลับบ้าน ช่วงกลางวันก็เงียบๆ รู้สึกย้อนยุคเหมือนสมัยผมยังเด็ก ประมาณนั้น ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ จากเมืองน่านครับ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:18:05

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีค่ะ คุณพี่ หญ้าหนวดแมว สวย ทุกภาพ เลย เสียดายกิ๊ฟ ของเซียน หมดแล้ว เซียน ยังไม่เคยไปเที่ยว อยากไปเที่ยวสักครั้ง  อากาศคงจะดีมาก ๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ไข่มุกอันดามัน (siansian) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:40:13

ความคิดเห็นที่ 48 ว่าแล้ว น่าน ไง จากคุณ : monkeynumber4 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:49:31

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณคุณหญ้าหนวดแมวสำหรับภาพสวยๆและข้อมูลของแต่ละที่ ขอสารภาพว่ายังไม่เคยไปน่านค่ะ จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:53:26

ความคิดเห็นที่ 50 ผมกำลังหาข้อมูล จ.น่าน อยู่พอดี ว่าจะขับรถไปเที่ยวช่วงปลายปีกับเพื่อนๆ ขอบคุณสำหรับข้อมูล และ ภาพสวยๆครับ จากคุณ : กอไผ่สีสุก เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:43:15

ความคิดเห็นที่ 51 แล้วได้ไปเที่ยวชม " งาช้างดำ "  ของคู่เมือง เมืองน่านหรือปล่าวคะ จากคุณ : อยากเจอคนจริงใจ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:44:15

ความคิดเห็นที่ 52 ยังไม่เคยไปเลยครับ เพิ่งรู้ว่ามีที่ดีๆอยู่เยอะเหมือนกันแฮะ จากคุณ : ท่านขุนเดชา เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:55:29

ความคิดเห็นที่ 53 วันหลังจะส่งเด็กไปช่วยแบกขาตั้งกล้องนะคะ จากคุณ : ป้าเอเจ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:55:08

ความคิดเห็นที่ 54 น้องก้อยตั้งกระทู้ทั้งที     ต้องมาลงชื่อเจิม   เพื่อเป็นศิริมงคล                                   น่าน      ยังไม่เคยไปเลย       เอ๊ะ    ไม่ใช่สิ     เลย  เคยไปแล้ว         ยังไม่เคยไปน่านต่างหาก                                             ได้แต่ขับผ่านแพร่    เฉียด ๆ น่าน    เลี้ยวไปพะเยา  เชียงราย                 จากคุณ : Jiu_Bond เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 12:00:11

ความคิดเห็นที่ 55 เลยไปนอนนับดาวกันที่ดอยเสมอดาวไหมครับ จากคุณ : ห้าสิบป่าย เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 12:53:18

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีค่ะ พี่หญ้าหนวดแมว เห็นดอกงิ้ว จะนึกถึงเพื่อน ที่ดอยภูคา จะเก็บดอกงิ้วตากแห้ง มาให้ ไว้ทำน้ำเงี้ยว ใส่ดอกงิ้ว ชอบมากเลยค่ะ และมีมะแขว่น เดือน พย - กพ จะได้มะแขว่นสด ใส่ลาบเนื้อ อร่อยมากๆค่ะ และมะแขว่น ตำสด ทำไก่ย่างมะแขว่น  อร่อยรสชาด แปลกๆ ร้านข้าวซอยต้นน้ำ ทำน้ำเงี้ยว อร่อยค่ะ ทุกวันนี้ เพื่อนคนนี้ ยังส่ง ดอกงิ้ว กับมะแขว่นแห้ง มาทางไปรษณีย์ และกำชับว่า ที่ดิน ราคาสูงขึ้นอีกแล้วนะ... ต้องบอกไปว่า ที่ได้ราคาอยากขายก็ขาย พร้อมส่งปลาเกลือ เนื้อเค็ม ส้งกลับไปให้... เคยตะลุยจากน่าน ไป หลวงพระบาง เข้าทางด่านห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ ผ่านด่านเมืองเงิน -ลาว ไปข้ามแพขนานยนต์ ท่าปากแคน บ้านปากแบง-ไปแขวงอุดมชัย เพื่อไปทำบุญประจำปีที่หลวงพระบาง ได้เพื่อนที่น่าน ติดต่อ ตม ทั้งไทย และลาว เส้นทาง สะดวก แต่ เส้นทางคมนาคม ไม่สะดวก ไก่เอย วัว ควาย ให้วีดว้ายกระตู้วู้ไป ตลอดทาง แถมอ่านป้าย เมืองลาว ไม่ออกกันอีก .. พูดได้ อ่านไม่ออก นึกแล้วยังขำ...พี่หญ้าหนวดแมวใช้เส้นทางน่าน หลวงพระ บาง จะสนุกไปอีกแบบ จะมีสองเส้นนะคะ ไปเส้น กลับเส้นก็ได้ ค่ะ แต่ที่ไป ไปกลับเส้นเดียวกัน เพราะเขาบอกว่า อีกเส้นทางหนึ่งสั้นกว่า แต่ไม่สะดวก และไม่ปลอดภัย สำหรับคนที่ขับรถเลนขวา ฝั่งลาวใช้เลนซ้ายค่ะ ถนนฝั่งลาว จากคุณ : nupvs เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 13:13:36

ความคิดเห็นที่ 57 ตามมาเที่ยวน่านด้วยคนค่ะพี่ก้อย ภาพสวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่เสียใจเลยเวลาป้าเช่อไปเที่ยวไหนแล้วถ่ายภาพมาไม่สวย เพราะมีตากล้องมือฉมังอย่างพี่ก้อยอยู่แล้ว อิอิ โยนกันเห็นๆ นะคะเนี่ย ปล.ไม่เคยแวะเที่ยวน่านอย่างเจาะลึกเลย มีแต่ผ่าน เคยได้ิยินความสวยงามของที่นี่นานแล้ว ซักวันค่ะคงมีโอกาส จากคุณ : ชากีร่า เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 15:20:08

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ  ไม่เคยไปเลย  สวยดี ออกความเห็น      ก่อนขึ้นไปอ่านอีกรอบ จากคุณ : หน้าต่างไร้กลอน เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 16:41:41

ความคิดเห็นที่ 59 มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่ที่นั่น (ย้ายไปจากลำปาง) สักวันหนึ่งเราต้องได้ไปเที่ยวน่านแน่นอน ที่โรงเรียนเก่าสมัยประถม+มัธยมต้น มีต้นงิ้วใหญ่มาก เวลาพักเที่ยงชอบไปเล่นที่นั่น แย่งกันเก็บดอกงิ้วด้วย เอาแต่เกสรกลับไปฝากแม่ ตากแห้งเก็บไว้ใส่น้ำเงี้ยวและแกงแค ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 17:18:10

ความคิดเห็นที่ 60 จากคุณ : ..แว่นจิ๊ดริด.. เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 17:37:25

ความคิดเห็นที่ 61 การ์ดสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 17:51:19

ความคิดเห็นที่ 62 ภาพสวยมาก เรื่องราวเยี่ยม (ฝีมือ) ขอบคุณครับ จากคุณ : นฤรัตน์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 18:40:44

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆๆ ค่ะ ไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองน่านมาก่อนเลย มีบรรยากาศเหมือนต่างจังหวัดสมัยที่ยายยังเป็นเด็ก น่าเที่ยวจัง ได้ตัวแล้ว  ถ้ายายมาเมืองไทย  จะบังคับให้เป็นไก้ด์ ;-)) รูปใน คห. 25  ดูแล้ว  เหงา ๆ อย่างสงบแทรกเศร้า ๆ อย่างไรไม่ทราบ  สวยค่ะ หอไตร ใน คห. 35  ชอบ  ชอบ  ชอบ  อยากเห็น detail ของลายแกะสลักด้วยตาสักครั้ง (เป็นคนชอบของโบราณค่ะ) จิตรกรรมฝาผนังก็ถูกใจมาก   สีที่เขาใช้  เป็นสีจากธรรมชาติทั้งนั้นใช่หรือเปล่าหนอ ขอขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับกระทู้นี้...อีกครั้งหนึ่งค่ะ จากคุณ : Mochica เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 02:44:51

ความคิดเห็นที่ 64 สวัสดีค่ะคุณอุ่นใจ กลับกันค่ะเมืองแพร่ยังไม่เคยไปค่ะ ไม่เห็นข้าวโพดนานเลย ว่าง ๆ ก็ไปเที่ยวนะคะ วัดสวย ๆ เยอะเลย ขอบคุณค่ะป้าเยาว์ และป้าหนิง จริงใจ.......สบายจริง อีกหน่อยถ้ามีใครลงเรื่องน่าน ก็ต้องไปร่วมรำลึกความมหลังเช่นกันค่ะ ขอบคุณค่ะคุณowl2 ตามนั้นเลยค่ะ วัดแต่ละวัดไม่ไกลกัน สมารถเดินไปได้ ได้แต่หวังว่าให้คงแบบเดิมไว้ อย่าเปลี่ยนแปลงมีแสงสีเอาใจนักท่องเที่ยว ขอบคุณค่ะน้องเซียน ไม่ได้กิฟท์ไม่เป็นไรค่ะ แค่เพียงมาทักทายหรือแปะชื่อไว้เฉย ๆ ก็ดีใจแล้วค่ะ (กลัวตั้งทู้แล้วไม่มีใครเข้า) ขอบคุณค่ะคุณmonkeynumber4 ก็น่านน่ะสิ ขอบคุณค่ะคุณtintila  ถ้ามีโอกาสได้ไปรีบไปเลยนะคะ ไปแล้วก็ยังอยากไปอีกค่ะ (มีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไปค่ะ) ขอบคุณค่ะคุณกอไผ่สีสุก ยังไงตอนไปก็เช็คเว็บททท.อีกทีนะคะ ไปช่วงปลายปีอย่าลืมเสื้อหนาวนะคะ ขอบคุณค่ะคุณอยากเจอคนจริงใจ  "งาช้างดำ" ยังไม่ได้ไปชมค่ะช่วงที่ไปพิพิธภัณฑ์ปิดค่ะ ยังมีอีกหลายวัด อุทยานอื่นๆ ถ้ำ น้ำตก ก็ยังไม่ได้ไปค่ะ ขอบคุณค่ะท่านขุน ลองไปดูนะคะแล้วจะติดใจ อยากไปอีกค่ะ ขอบคุณค่ะป้าเอเจ แล้วพี่จะโดนข้อหาใช้แรงงานเด็กมั้ยล่ะเนี่ย  อ้อถ้าส่งมาอย่าลืมส่งเสบียงมาด้วยนะคะ กลัวเด็กผอม อิอิ ขอบคุณค่ะพี่จิว แบบนี้เดี๋ยวตั้งกระทู้ให้มาเจิมอีก(ยังมีของดองที่ยังไม่ได้ที่อีกหลายขนาน อิอิ) ยังไม่เคยไป "เลย" ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณห้าสิบป่าย ยังไม่เคยไปดอยเสมอดาวค่ะ เห็นเค้าว่าดาวอยู่ใกล้จนจะเอื้อมถึง ขอบคุณค่ะป้าหน่อย nupvs  ขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่เกสรดอกงิ้วอร่อยดีค่ะ ไม่รู้จักมะแขว่นค่ะ  หลวงพระบางเคยไปทางหนองคายค่ะ ตอนที่ไปไก่ก็ทำหวาดเสียวบางทีก็มาเดินบนถนน คนขับต้องกดแตรไล่ บางคันเบรคไม่ทันมีชนไปก็มีค่ะ   ขอบคุณค่ะป้าเช่อ ที่โยนมานี่กว่าจะได้ดูเป็นปี ๆ เลยนะคะ เรายังไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันซะทีนะ ว่าแต่ช่วงนี้ไม่ไปไหนหรือคะ ก่อนโน้นไปนั่นไปนี่ตามดูรูปไม่ทันเลย ขอบคุณค่ะคุณหน้าต่างไร้กลอน ไปอ่านอีกรอบแล้วจะมาตอบอีกรอบมั้ยคะ ขอบคุณค่ะป้าหนา ต้นงิ้วก็มาเห็นที่นี่ค่ะ ขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่เกสรดอกงิ้วก็ได้ลิ้มลองที่นี่ (เวลาพิมพ์ต้องตั้งใจพิมพ์ถ้าพิมพ์ผิดแบบกระทู้ฮา ๆ ล่ะก็แย่เลย) ขอบคุณค่ะน้อง..แว่นจิ๊ดริด.. ขอบคุณค่ะป้าซิ่ง มีบางรูปไปทำโปสการ์ดส่งตอนปีใหม่ 2553 เหมือนกันคะ่ ขอบคุณค่ะคุณนฤรัตน์ ตอนไล่อ่านมาเรื่อย ๆ ยังไม่เจอชื่อคุณนฤรัตน์กำลังจะส่งเทียบมาชวนไปเที่ยวน่านอยู่พอดีค่ะ ขอบพระคุณค่ะคุณยาย กำลังไล่ตอบอยู่ก่อนจะส่งกด f5 อีกครั้ง เจอคุณยายมาเงียบ ๆ ถ้าคุณยายมาจริง ๆ ก็ได้เลยค่ะ จะได้ไปเก็บตกอีกรอบ กลัวแต่ว่าพอคุณยายมาเมืองน่านจะเปลี่ยนไป เพราะหลัง ๆ มานี่คนเริ่มไปเที่ยวกันมากขึ้น กลัวจะมีแสงสีมากเกินไปทำให้เมืองเปลี่ยนค่ะ (แบบปาย) เรื่องสีของภาพจิตรกรรมที่วัดภูมินทร์น่าจะใช้สีจากธรรมชาติ เพราะมีไม่กี่สีแล้วก็เป็นวัดที่สร้างมานานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2139  แต่ถ้าเป็นวัดศรีพันต้นน่าจะเป็นสีที่ใช้ปัจจุบันเพราะดูเหมือนใหม่ ๆ และมีหลายสี ลงให้ดูอีกภาพนะคะ ส่วนหอไตรแว่ว ๆ ว่าถ่ายเดี่ยวไว้ด้วย ไปขุดกรุมาแล้วมีจริง ๆ ด้วยค่ะ เดี๋ยวไปย่อแล้วนำมาลงในคห.ต่อไปนะคะ   ขอบคุณสำหรับกิฟท์นะคะ :- ข้าวโพดแมวติสต์แตก nupvs ชากีร่า ป้าหนาสองนิ้ว Mochica ห้าสิบป่าย @NBC tintila ..แว่นจิ๊ดริด.. ภาพจิตรกรรมวัดศรีพันต้น น่าจะเป็นสีรุ่นปัจจุบัน จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 03:35:26

ความคิดเห็นที่ 65 หอไตรวัดหัวข่วง (คห.35) ถ่ายมาแบบเห็นอะไรก็ถ่ายไว้ก่อนแล้วค่อยมาเปิดโพยเทียบว่าคืออะไร รูปที่ถ่ายมาก็เลยเยอะ พอถึงเวลาที่จะมาเลือกรูปก็เลยตาลายทำให้มีของดองมากมายค่ะ (ข้อแก้ตัว อิอิ)   คุณยายพอจะดูจากรูปนี้ไปก่อน แล้วค่อยไปดูจริง ๆ อีกทีนะคะ มาแก้ไขเติมข้อความจะได้ไม่ต้องเลื่อนไปอ่านข้างบนค่ะ หอไตรเก่าลักษณะ อาคารสี่เหลี่ยมทรงสูงใต้ถุนก่อทึบ มีทางเข้าทางเดียว มีบันใดภายใน ตัวอาคารชั้นบน ฝาทำด้วยไม้ มีหน้าต่างด้านละหนึ่งช่องยกเว้นด้านหลัง หลังคาจั่วลดชั้นแบบปั้นหยา หลังคาชั้นบน มีช่อฟ้าใบระกา แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 53 04:01:05 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 03:47:03

ความคิดเห็นที่ 66 ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์อีกภาพ สีซีด ๆ น่าจะเป็นของเก่า สีส้มสด ๆ น่าจะเป็นของใหม่ที่มาซ่อม ตอนที่เข้าไปข้างในนี้จะมีน้องนักเรียนเป็นไกด์อยู่ค่ะ ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่แว่ว ๆ ว่าน้องเค้าพูดเรื่องมีการซ่อมสีอยู่ด้วย จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 03:58:45

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ จากคุณ : Mochica เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 04:20:32

ความคิดเห็นที่ 68 กำลังจะเดินทางช่วงวันพ่อนี้คะ ... ต้องขอข้อมูลจากทางคุณก้อยด้วยนะคะ   ขอบคุณมากคะที่พาไปเที่ยว ... จากคุณ : ยายปุก เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 11:11:06

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพสวยๆ  สถานที่น่าไปเที่ยวมากๆค่ะ จากคุณ : ตองเจ็ด เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 18:45:30

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณค่ะคุณยายปุก ด้วยความยินดีค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ต๋อย  ถ้าพี่ต๋อยไปได้ภาพสวย ๆๆๆๆ กว่านี้แน่นอนค่ะ จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 21:03:21

ความคิดเห็นที่ 71 ตามมาเที่ยว สุดท้ายเพื่อนเลย ได้รู้ว่า..เมืองน่าน มีของดี(ศิลปะวัฒนธรรม) ให้ชมเยอะเชียว ขอบคุณ ภาพสวยงาม และ เรื่องเล่า ค่ะ น้องก้อย ยังไม่เคยไปเลย  ค่ะ เคยแต่ได้ของฝาก เป็นผ้าไหมลายน้ำไหล จากเมืองน่าน เจอภาพ ผ้า ที่เคยถ่ายไว้พอดี.. แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 10:23:35 จากคุณ : samranjai เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 10:22:35

ความคิดเห็นที่ 72 กระทู้นี้ โหลดอยู่ 3 วัน 3 คืน ภาพเยอะจัด (แอบงอน โหลดยาก) ภาพสวยเหมือนเดิมเลยค่ะ ป.ล.ถ้าพี่ก้อยตอบกระทู้ ช่วยตอบหลังไมค์นะคะ ที่บ้านเนตเต่าค่ะ เข้ากระทู้ลำบากกกกกกกก จากคุณ : เพลิดเพลิน เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 00:37:43

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณค่ะป้าศรี มายังไม่สุดท้ายค่ะ มาช้าก็ขอให้มาเถอะค่ะ ยังมีป้าเพลิดมาต่อท้าย ลายผ้าสวยจังค่ะ ไม่ได้ไปแหล่งซื้อของมัวแต่เดินถ่ายรูปตามวัด ส่วนใหญ่ถ้าไปกับทริปถ่ายรูปมักจะไม่ค่อยได้แวะสักเท่าไร เพราะจะมีกำหนดเวลาว่าควรจะไปถึงที่นั้น ๆ ตอนช่วงไหน ไม่งั้นแสงหมดอดถ่ายค่ะ (แต่บางทีก็ถ่าย อิอิ) ขอบคุณกิฟท์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะป้าเพลิด นี่ลงน้อยแล้วนา เอาไปแปะรวมกันตั้งหลายรูป โหลดนาน 3 วัน 3 คืน มิน่าถึงไม่เห็นป้าเพลิดมา เพราะทุกทีจะเห็นชื่อมาเป็นขาประจำ(แอบโมเมเอาเอง อิอิ) สงสัยโครงการเราคงต้องเลื่อนไปอีกหน่อยนะคะ เพราะดูท่าแล้วจะแว้บยาก วันที่ 3 เย็นกลับมา 6 ก็มีไปอีกทริปแล้ว คงต้องเตรียมงานของวันที่ 7 ก่อนม่ายงั้นกลับมาก็ต้องมาทำต่อแต่กว่าจะกลับตามโพยบอก 22:30 แต่คาดว่าน่าจะเลย เพราะเป็นช่วงหยุดยาวด้วย จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 06:23:02