Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิตระหว่างสงคราม ๔/๒ ติดต่อทีมงาน

ย้อนอดีต

ชีวิตระหว่างสงคราม

ตอนที่ ๔/๒

วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๔๘๖ แม่บันทึกย้ำเรื่องภัยทางอากาศอีกครั้งหนึ่ง

หวอมาอีกเวลา ๒๒.๓๐ น. ประมาณ ๑๐ เครื่อง ครั้งแรกทิ้งพลุแดงส่งทางเป็นระยะ ๆ ไป แล้วก็ทิ้งระเบิดเพลิงตามลงมา เกิดไฟไหม้สว่างจ้าขึ้น ๓ แห่ง แล้วกี่ลำ ๆ ก็วนทิ้งเพิ่มเติมลงอีก ไหม้ต่อ ๆ ไปเกือบสุดถนน  เช่นบางรักเป็นต้น นอกจากนี้ที่ถูกระเบิดเพลิงอีกคือ วัดตรี ตรอกวัดสามพระยา สะพานเหลือง ร.ร.การเรือนระเบิดด้าน เวลา ๓.๓๐ น.จึงกลับไป รวมเวลาที่บินวนเวียนอยู่ ๕ ชั่วโมง

หวอมาครั้งที่ ๒ นี้ ทำลายขวัญพลเมืองมาก เพราะไม่ใช่จุดสำคัญก็ถูกเผาถูกทำลาย โดยเขาทิ้งพลาดจากที่หมายไกลมาก เมื่อถูกวิทยุของเรากล่าวติเตียนว่าไม่มีศีลธรรม เขาเลยคุยและขู่ทางวิทยุเดลฮีว่า เขาเตรียมระเบิดประเทศไทยไว้ ๑๕๐๐ ตัน เขาจะทำลายพระนครให้เป็นเมืองร้างให้จงได้

ดังนั้นเมื่อวันศุกร์รุ่งขึ้น ประชาชนไม่มีแก่ใจจะไปเที่ยวดูสถานที่ถูกระเบิดอีกแล้ว รีบขนของอพยพกันทันทีทันใด โดยไม่รีรอ ทางบกทางน้ำเบียดเสียดยัดกันอัดแอ ขอแต่ให้ได้ไปให้พ้น ๆ พระนครก็แล้วกัน แถวซอยราชวิถีที่เราอยู่ เงียบเชียบเพราะเด็กและหญิงไปกันหมด เหลือชายเฝ้าบ้านละคน เราจะอยู่อย่างไรได้ ถึงคราวจำเป็นแล้ว เราก็ต้องหลบไปบ้าง เวียนปรึกษาหารือนัดแนะกันอยู่ ๑ วันจึงตกลง อพยพไปอยู่ คลอง ๒ อำเภอลาดกระบัง บ้านคุณแม่ของเพื่อนบ้านตรงข้ามซอย เราไปกัน ๔ คน คือฉัน และน้องกับลูกสองคน ออกจากบ้านโดยจีกรยานสามล้อ แล้วลงเรือจากประตูน้ำไปคลอง ๒  ถึงบ้านนั้นเวลาบ่าย ๑๓.๓๐ น. วันอาทิตย์ ๒๖ ธันว์

บ้านเขากว้างขวางขนาดบ้านเราแต่ห้องน้อย เขาปล่อยเป็นห้องใหญ่โล่ง แต่มีระเบียงและนอกชาน จึงกว้างขวางกว่าบ้านเรา เวลานี้อยู่รวมกันทั้งเจ้าบ้าน ลูกหลาน และแขกรวม ๒๕ คนแล้ว ก็ยังไม่แออัดนัก เจ้าบ้านอัธยาศัยดี เราก็สบายใจแต่แปลกที่นอนไม่หลับ คอยฟังหวอเสมอ

สุดท้ายเมื่อวันสิ้นปี  แม่บันทึกว่า พ.ศ.๒๔๘๕ กำลังจะผ่านพ้นไปวันนี้แล้ว ปีนี้เป็นปีที่เราสามคนแม่ลูกลำบากยากแค้น และเศร้าโศกมาก ได้เสียญาติและคนใกล้ชิดไป ๓ คน (พี่สาวลูกของน้า ผู้จัดการ ร.ร.ปัญญานิธิ ของแม่ และ พ่อผมที่อยู่สวนธนบุรี) ต้องจากบ้านเรือนระเหเร่ร่อน เมื่อไรจึงเป็นปกติสุขกันที ขอส่งปีเก่าด้วยความเศร้าและว้าเหว่ที่สุด ขอปีเก่าจงเก็บเอาความทุกข์ยากไปให้หมด

วันเสาร์ ๑ มกร ๘๗ วันขึ้นปีใหม่ประชาชนเขาทำบุญใส่บาตรกันทุกจังหวัดทุกหมู่บ้าน แต่เราพลัดบ้านเมืองมา ไม่ได้ทำบุญกับเขา เพราะสงบเสงี่ยมเจียมตัว กลัวจะไม่พอใช้ ที่เคยได้รับจากสวนก็ไม่ได้อีกแล้ว ที่เคยได้รับจาก ร.ร.เดือนนี้ก็ไม่มีหวัง ฉันขอต้อนรับปีใหม่ ด้วยหน้าชื่นอกตรม ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงประทานความสุขสมบูรณ์ให้ฉันบ้าง ถ้าฉันไม่มีวาสนาจะได้รับความสุขอีกแล้ว ขอจงบันดาลให้ตายไปเสียจากโลกนี้

แม่บันทึกต่อไปว่า ระหว่างที่อยู่คลอง ๒ แห่งลาดกระบังนี้ มีอาชีพทางรับจ้างทำใบตองห่อข้าวหมาก ราคา ๑๐๐๐ ต่อ ๑ บาท หรือร้อยละ ๑๐ ส.ต. เราทำได้อย่างมากคนละ ๑๕๐ ราคา ๑๕ ส.ต. พอเป็นค่าขนมประจำวัน ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ อาจได้วันละ ๓๐๐ แต่นี่ทำเฉพาะกลางวัน กลางคืนยุงชุมมากทนไม่ไหว  ถ้าใครอาบน้ำค่ำ ๆ ต้องเต้นระบำทุกคน เวลา ๑๘ น. ยังไม่ทันมืดพวกเรากางมุ้งกันแล้ว และต่างก็เข้าไปนอนคุยกันในมุ้ง

วันศุกร์ ๗ มกร ๘๗ เรา ๔ คนลงเรือ “ดิน กอง ทราย” เวลา ๑๑ น. มุ่งไปขึ้นประตูน้ำสระปทุม มีคนเต็มเรือ แต่เข้าไปขึ้นพระโขนงเสีย ๓/๔ ถึงประตูน้ำราวบ่าย ๓ โมง รวมเวลาเรือยนต์แล่น ๔ ชั่วโมง ถ้าเรือแจว ๕ ชั่วโมง เพราะไม่แวะที่ไหน ถ้ารถไฟชั่วโมงครึ่ง เราขึ้นจักรยานสามล้อ ๒ คันจากประตูน้ำราคาคันละ ๕ สลึง เมื่อไปคันละ ๓ บาท นับว่าดีขึ้น

เมื่อถึงบ้านเห็นประตูรั้วไม่มีกุญแจ ประตูเรือนมีกุญแจของบ้านอื่นใส่อยู่ ได้ความว่าเมื่อตอนกลางคืนฝนตกถูกคนงัด  เช้าขึ้นเพื่อนบ้านเขาหากุญแจมาใส่ให้ ตกลงกุญแจหายไป ๑ ดอก ถูกงัดเสียทิ้งอยู่ ๑ ดอก  ของอื่นไม่มีหาย

วันจันทร์ ๑๐ มกร ๘๗ หวอมาเวลา ๔ ทุ่ม ๑๐ นาที เรามาถึงบ้าน ๔ วัน ก็ได้ยินเสียงหวอเทียวนะ เมื่อเราอยู่ลาดกระบัง ๑๒ วัน มันไม่มาเสียให้พอ  คราวนี้มันไม่ต้องทิ้งไฟแดงเพราะเดือนหงาย  แต่วนเวียนหาจุดอยู่บนหัวเราตั้งนาน จึงทิ้งระเบิดเพลิงลงที่ ร.พัน.๙ ประมาณตั้ง ๑๐๐ ลูก เขารีบดับเกือบหมด เหลือลูกเดียวที่ติดไฟไหม้ขึ้นที่คลังสัมภาระ ขณะนั้นพอดีเครื่องบินข้าศึกกลับมา มันเห็นแสงสว่างจึงทิ้งระเบิดทำลายลงตั้งแต่ชิงสะพานวชิราวุธ เรื่อยมาถึงโรงรถ ร.พัน.๙ นับไม่ถ้วนว่ากี่ลูก ถูกสถานที่พัง ๓ แห่ง ถนนพัง ๑ แห่ง ก๊อกประปาพัง ๑ แห่ง  ระเบิดในที่ว่างอีก ๒ แห่ง แล้วเลยเงียบไปเลย

คราวนี้ชาวราชวิถีหรือชาวสวนอ้อยหอบของวิ่งกันใหญ่ เพราะใกล้เหลือเกิน (สวนอ้อยกับ ร.พัน.๙ มีถนนนครราชสีมาแคบ ๆ คั่นนิดเดียว) แต่เดชะบุญมันไม่ย้อนกลับมาอีก  (วิ่งไปหลบอยู่ที่วัดส้มเกลี้ยง วัดราชผาติการาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา)  เวลา ๒ น.หวูดขึ้นบอกหมดอันตราย ต่างหิ้วของกลับบ้านเดินคออ่อน เหนื่อยเหลือเกิน เมื่อเวลาไปไม่ยักเหนื่อย ความรีบหนีภัยเรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้

วันพุธ ๑๒ มกร ๘๗ หวอมาอีกเวลา ๒๑ น. เครื่องบินข้าศึกมา ๔ ลำ ของเราขึ้น ๓ ลำ คืนนี้มันไปทิ้งสถานีหัวลำโพง ตลอดจนบางรักไปจรดที่ถูกระเบิดเก่า มันทิ้งระเบิดเพลิงก่อน วกกลับมาอีกเที่ยวจึงทิ้งระเบิดทำลาย เกิดมาพึ่งเคยเห็นรบกันบนอากาศ และบนหัวเราด้วย ปืนกลปืนใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหว น่าสนุกและน่าขวัญหาย ฉันใจสั่นเสียงสั่นเหมือนเป็นไข้

เวลา ๒๔ น.หมดอันตราย เครื่องบินของเราตก ๑ เครื่อง เขาว่าเครื่องบินข้าศึกไม่กลับฐานทัพ ๒ เครื่อง แถวหัวลำโพงคนตายมาก  เขาว่าเหม็นเขียวศพที่ถูกไฟไหม้คลุ้งไปหมด

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 05:49:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com