ความคิดเห็นที่ 1 เขาคงเป็นพวกไบเซ็กช่วล คือรักได้ทั้งหญิงและชาย มีอะไรได้กับทั้งสองเพศ เป็นเกย์นะ ไม่ได้เป็นหวัดจะได้เป็นๆหายๆ เข้าใจซะใหม่ด้วย อาจจะหายได้ในบางคนและบางกรณี ถ้าได้รับการบำบัดจากจิตเพทย์ เพราะเขาอาจจะเป็นด้วยสภาพแวดล้อม และความกดดันหรือไม่ชอบอะไรบางอย่าง หรืออาจจะได้ลองแล้วติดใจในรสเพศ เปรียบเทียบเหมือนข้าวกับก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ ที่เราอาจจะกินได้ทั้งสองอย่าง แต่มันจะมีอาหารจานนึงที่เป็นอาหารหลัก และจานนึงเป็นอาหารรอง เขาอาจจะชอบทั้งสองอย่าง แต่เขาจะเป็นคนเลือกเอง ว่าอาหารจานหลักเขาเป็นแบบไหน เขาจะเลือกกินอะไรมากกว่ากัน เดี๋ยวนี้ไบหลายๆคน(ทั้งไบที่เป็นผู้หญิงและผู้ชาย) ถือคติที่ว่า "หญิงก็ได้ ชายดีกว่า" ครับ จากคุณ : เดเมลซ่าแมวแม่มด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:18:31

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีครับ....จขกท....กรณีนี้มายืนยันครับว่า เขาเป็นไบเซ็กส์ช่วล คือมีเพศสัมพันธ์ได้ทั้งสองเพศ เรื่องถามว่าจะกลับมารักเพศหญิงได้ไหมรักได้...แต่มันก้ำกึ่งครับ จะไม่สมบูรณ์ เหมือนชายที่เต็มร้อยน่ะครับ อ่านที่น้องยุ่งอธิบายนะครับ.... แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 22:31:09 จากคุณ : ขวัญชัยอิศรา (kwanchaiisra) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:27:53

ความคิดเห็นที่ 3 ขออณุญาตลงรูปเกย์คู่นี้ น่ารักมากทั้งคู่เลย จากคุณ : เดเมลซ่าแมวแม่มด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:32:42

ความคิดเห็นที่ 4 ^ น่ารักจัง จากคุณ : กระดาษเกาเหลา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:55:37

ความคิดเห็นที่ 5 ในความคิดผมคิดว่าน่าจะกลับมารักผู้หญิงได้ แต่มันเปนเรื่องของเวลามากกว่าคับ แต่บางคนที่ผมรุ้จัก เค้ายืนหยัดที่จะชอบผุ้ชายต่อไปคับ จากคุณ : war_whnnz เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:04:23

ความคิดเห็นที่ 6 น่าจะยังพอกลับมารักผู้หญิงได้นะครับ ผมอาจตอบไม่ตรงกับคำถามนะครับ แต่อยากบอกว่ารักร่วมเพศไม่ใช่เรื่องน่าอายครับ เพราะมันเป็นเรื่องของรสนิยมครับ หาใช่ความผิดปกติทางร่างกายแต่อย่างใด ในสมัยก่อนนั้น ผู้คนมักมองกันว่า การเป็นรักร่วมเพศเป็นเรื่องผิดปกติ นั่นเป็นเพราะมนุษย์ดันไปนิยามกันเองว่า โลกนี้มีแค่ 2 เพศ คือชาย กับ หญิง เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นดอกครับ การที่ผู้คนเข้าใจว่ารักร่วมเพศคือความผิดปกติ เพราะในตอนแรกองค์การอนามัยโลกได้บัญญัติเอาไว้ โดยกำหนดให้ "รักร่วมเพศ" ถือเป็นความผิดปกติของมนุษย์ และได้ใส่มันไว้ใน ICD หรือ International Classification Disease มันคือ "บัญชีการจำแนกโรค" ของ WHO เขาครับ ผู้คนก็เลยเชื่อไปว่ามันคือความผิดปกติ แต่พอเวลาผ่านไป โลกเรามันโลกาภิวัฒน์มากขึ้น WHO ได้พิจารณาถอดรักร่วมเพศออกจาบัญชี เพราะตระหนักแล้วว่ามันคือรสนิยมส่วนบุคคลอย่างแท้จริง ที่สำคัฐมันมีมาตั้งแต่ยุคสมัยไหนแล้วก็ไม่รู้ ขนาดวรรณกรรมของแต่ละชาติ ก็ยังมีเรื่องของรักร่วมเพศไว้ให้ได้ศึกษากันเลย เห้นกันชัดไกคือ "สามก๊ก" ที่มีเหล่าขุนนางขันที ซึ่งทรงอิทธิพลในราชสำนักถึงขนาดชี้เป็นชี้ตายได้เลย หรือแม้แต่ปกรนัมโบราณของพวกกรีก ก็ยังมีเรื่องราวของรักร่วมเพศมาเป็นพันๆปีแล้ว "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" เป็นเทพที่เป็นเกย์ครับ แรกเริ่มเดิมทีเขาก็เป็น "แมน" ตามปกตินี่แหละ เขาเป็นลูกชายของเทพเฮอร์เมส กับ เทพีวีนัส ทั้งพ่อและแม่เป็นคนที่หน้าตาดีมาก และได้ถ่ายทอดความสง่างามมายังลูก "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" จึงเป้นที่หมายปองของนางอัปสรทั้งหลาย หนึ่งในนั้นคือเทพอัปสรแห่งน้ำพุ ที่ชอบ "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" มาก และได้ไปอษิฐานขอพรให้ร่างของนางรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา จนกระทั่งวันหนึ่ง "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" ก็พลาดท่า เพราะเขาได้ไปอาบน้ำพุที่เป็นน่ำพุที่เธอดูแลอยู่ และเธอได้หลมอร่างของเธอรวมไปกับ "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" จนทำให้เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอวัยวะเพศตามปกติ แต่มีหน้าอก และเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของความเป็นหญิงทันที !!!! "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" จึงกลายมาเป็นชื่อทางการแพทย์ ที่เรียกกันว่า "เฮอร์มาโฟรไดรท์" ที่แปลว่า "รักร่วมเพศ" ครับ เรื่องแบบนี้มันมีกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับมันว่าเป็น "อาการป่วย" หรือ "รสนิยม" ผมไม่ได้เป็นเกย์นะครับ...ผมแมนทั้งแท่งเลย.. แต่ผมมองว่าการเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 08:08:13