Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปรียบเทียบการดำเนินคดีของตำรวจ กรณีซีวิกชนรถตู้ กับเด็กขี่จักรยานชนแท็กซี่แล้วโดนจับเข้าสถานพินิจ ติดต่อทีมงาน

บอกไว้ก่อนนะครับว่า ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นตำรวจแต่ประการใด ผมเพียงแค่จะนำหัวข้อ เด็กขี่จักรยานเฉี่ยวแท็กซี่แล้วตำรวจจับส่งสถานพินิจให้ดูกัน

หัวข้อข่าวนี้ ผมไม่สามารถหาข้อมูลจากเว็บไซต์หนังสือพิมเก่าๆได้ แต่ผมมาเจอเว็บนึงเข้า เป็นเหตุการณ์ปี 2546

http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=25937

หัวข้อคนโพสคนแรกคือ
----------------------------------------------------------------------------
ได้ฟังรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกันเมื่อตอนเย็นวันนี้ว่า เมื่อเดือนกว่าที่แล้วมีเด็กอายุ 9 ขวบ ได้ขี่จักรยานไปทำธุระโดยใช้ผิวจราจรถนนรามอินทราในช่องทางซ้าย แล้วเปลี่ยนช่องทางไปช่องทางที่ 2 จะข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ขณะนั้นได้มีแท็คซี่วิ่งมาในช่องทางที่ 2 คร่อมช่องทางที่ 3 เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ชนเด็กจนสลบต้องส่งโรงพยาบาลจักรยานชำรุดเสียหาย แท็คซี่เสียหายบางส่วน ตำรวจสน.โคกคราม ร้อยเวรเจ้าของคดียศพันตำรวจโท สอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายแล้วหลังจากนั้นต่อมา เมื่ออาการเด็กดีขึ้นผู้ปกครองเด็กแจ้งว่าบริษัทประกันของรถแท็คซี่จะชดใช้ให้ 8,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่าผู้ปกครองของเด็กต้องเซ็นรับผิดว่าเด็กเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายผู้ปกครองเด็กเห็นว่าอาจจะมีปัญหาในภายหลังเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ จึงไม่เซ็น จากนั้นในวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ ตำรวจได้โทรแจ้งไปยังผู้ปกครองเด็กนำตัวเด็กมาสน.โคกครามเพื่อสอบปากคำและข้อมูล แต่เมื่อไปถึงสน.โคกครามเด็ก 9 ขวบคนนี้ซึ่งยังไร้เดียงสาเปรียบเสมือนผ้าขาวได้ถูกดำเนินคดี ส่งสถานพินิจ
ทางรายการร่วมด้วยช่วยกันโดยคุณถนอม ได้ประสานงานไปยังทนายความเพื่อขอความคิดเห็นทางด้านกฏหมายว่า ตำรวจสามารถดำเนินคดีกับเด็ก 7-18 ปีได้ โดยดูจากคดีความว่ารุนแรงขนาดไหนหากไม่รุนแรงมากสามารถส่งให้ผู้ปกครองหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลได้ ไม่จำเป็นต้องส่งสถานพินิจ
ในความเห็นส่วนตัวผมเห็นว่า การดำเนินการของตำรวจร้อยเวรลงโทษเด็กซึ่งขี่จักรยาน 2 ล้อ แล้วถูกรถชนจนสลบต้องเข้าโรพยาบาลถึงแม้ว่ารถแท็คซี่คู่กรณีจะมีส่วนเสียหายก็ตามน่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ในเรื่องค่าเสียหาย ส่วนค่ารักษาพยาบาลของเด็กก็เบิกจากพรบ. ของรถแท็คซี่ได้ไม่น่าจะมีปัญหารุนแรงถึงขนาดส่งเด็ก 9 ขวบเข้าสถานพินิจ ในเรื่องนี้ทางรายการร่วมด้วยช่วยกันจะประสานหน่วยงานต่างๆ ให้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กให้ออกจากสถานพินิจเป็นการด่วนข่าวคืบหน้าสามารถรับฟังได้จากสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน ช่วงคุณถนอม
-----------------------------------------------------------------------------
ซึ่งเหมือนจะได้ยิน (ไม่แน่ใจ) มาว่า ในตอนแรก ก่อนที่จะจับเด็กส่งสถานพินิจนั้น ไม่มีการให้การประกันตัวเด็กที่ขับรถเฉี่ยวแท็กซี่ แต่สังคมออกมากดดัน จนต้องมีการให้การประกันตัวออกมาจากสถานพินิจ

ข่าวนี้เป็นข่าวเก่า ผลสรุปคือ ศาลได้กล่าวว่าตำรวจที่ดำเนินคดีได้ทำตามหน้าที่ของตำรวจอย่างถูกต้องที่มีผู้ฟ้องร้องมา ตาม Link นี้
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=29649
-----------------------------------------------------------------------------
อัยการสั่งไม่ฟ้อง"น้องเบียร์"ทุกข้อหา
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์
อัยการสั่งไม่ฟ้องน้องเบียร์ทุกข้อกล่าวหา ระบุไม่อยู่ในวิสัยและภาวะที่จะประมาทได้ เตรียมถอนฟ้องโชว์เฟอร์แท็กซี่ว่าไม่ประมาทเพราะถูกตัดหน้าระยะกระชั้นชิด สุดวิสัยที่จะเบรกได้ทัน
พร้อมทั้งเห็นว่า "พ.ต.ท.ภคพงศ์ เฉียบแหลม" อดีตพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ดำเนินการตามกฎหมายถูกต้องแล้ว เตรียมส่งความเห็นให้อัยการแก้ต่างให้เจ้าพนักงานในชั้นศาล
วันนี้ (29 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการสูงสุดว่า สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องน้องเบียร์(นามสมมติ)วัย 9 ขวบ ที่ขี่จักรยานเฉี่ยวชนกับแท็กซี่สีเขียว-เหลืองหมายเลขทะเบียน บง-5524 กทม. มีนายนคร ทาเงินเป็นคนขับในข้อหา ขี่รถจักรยานโดยประมาทจนได้รับอุบัติเหตุและทรัพย์สินเสียหาย ,ขี่จักรยานนอกเส้นทางจักรยาน และไม่ติดสัญญาณเตือนหรือกระดิ่ง ภายหลังจากนายบรม ศรีสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว สรุปความเห็นสั่งไม่ฟ้องตามลำดับให้กับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด และนายเรวัต ฉ่ำเฉลิมอัยการสูงสุดตรวจสำนวนพิจารณาใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้อง
นายใจเด็ด พรไชยา รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาในข้อเท็จจริง ที่พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับน้องเบียร์ในข้อหาขับขี่จักรยานโดยประมาทจนได้รับอุบัติเหตุและทรัพย์สินเสียหายเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ โดยน้องเบียร์มีอายุเพียง 9 ขวบนั้นเห็นว่าไม่อยู่ในวิสัยหรือภาวะที่จะขับขี่โดยประมาทได้ ในส่วนนี้อัยการได้ใช้ดุลยพินิจเกี่ยวกับความเป็นเด็ก เด็กคิดและทำอย่างเด็ก ทั้งที่จริง ๆแล้วการขี่รถจักรยานดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอันตราย แต่เด็กไม่รู้ว่าตรงนั้นเป็นอันตรายจะเอาเกณฑ์ของผู้ใหญ่ไปวัดไม่ได้
นายใจเด็ดกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วมีความเห็นว่านายนคร ทาเงินโชว์เฟอร์แท็กซี่คู่กรณีก็น่าที่จะมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเช่นกันเนื่องจากเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าแท็กซี่คันดังกล่าวขับมาในช่องทางเดินรถที่ 3 ซึ่งเป็นช่องทางเดินรถขวาสุดติดกับเกาะกลางถนน โดยช่องทางเดินรถที่ 2 ในระยะกระชั้นชิด จึงเป็นเหตุให้รถแท็กซี่ในช่องทางเดินรถที่ 3 เบรกไม่ทัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการขับรถโดยทั่วไปก็คงหยุดไม่ทันแม้พยายามเบรกแล้งก็ตาม
นายใจเด็ด กล่าวต่อไปว่าส่วนกรณีที่มีการยื่นฟ้องพ.ต.ท.ภคพงศ์ เฉียบแหลม สวส.สน.โคกคราม เป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบปลอมแปลงเอกสาร และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ที่นางบัวผัน รอดผลมารดาน้องเบียร์มอบอำนาจให้นางสุมาลี เผือกกระโทกเป็นโจทก์ ยืนฟ้องโดยมีศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้สืบเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและพ.ต.ท.ภคพงศ์แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับน้องเบียร์และส่งไปควบคุมตัวที่สถานพินิจ ในประเด็นนี้พนักงานอัยการมีความเห็นว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายถูกต้องแล้ว โดยจะส่งความเห็นไปให้อัยการที่ทำหน้าที่แก้ต่างให้เจ้าพนักงานไปประกอบการว่าความในศาล
นายใจเด็ดกล่าวถึงขั้นตอนต่อไปว่าพนักงานอัยการจะทำความเห็นสั่งไม่ฟ้องในทุกข้อหาเสนอ
พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ รักษาการในตำแหน่งผบ.ตร.ให้พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ หากเห็นตามสำนักงานอัยการสูงสุด คดีจะเป็นที่ยุติและจะทำความเห็นในกรณีที่เห็นว่านายนคร ทาเงินโชว์เฟอร์แท็กซี่ไม่น่าขับรถโดยประมาทไปให้สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงเพื่อพิจารณาถอนฟ้องในคดีดังกล่าวต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------
ถ้ามองว่าจักรยาน ก็เหมือนกับ คนขับรถซีวิค
แท็กซี่ก็เหมือนกัน คนขับรถตู้

จักรยานชนแท็กซี่ก็เหมือนกับ ขับรถเล็กชนรถใหญ่ เหมือนกับ ซีวิค ชนกับรถตู้ ต่างกันตรงที่ นอกจากจะเสียทรัพสินแล้ว ยังเสียชีวิตด้วย

ถ้าตามที่ พนักงานอัยการมีความเห็นว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย กับเด็กขี่จักรถูกต้องแล้ว (เมื่อปี 2546) มันก็น่าจะนำมาใช้เปรียบเทียบในการดำเนินคดีกับ สาวซีวิคคนนั้นได้สิครับ นั้นก็คือ ผมเห็นว่า ถ้ามีผู้ฟ้องร้องกับสาวซีวิค เหมือนกับ ที่ฟ้องร้อง เด็กขี่จักรยาน ตำรวจก็ควรจะทำเรื่องส่งสาวซีวิคคนนั้นเข้าไปในสถานพินิจเหมือนกับเด็กขี่จักรยานเช่นกัน (และไม่มีการให้ประกันตัวเหมือนกับเด็กขี่จักรยานด้วย)

นี่เป็นความคิดเห็นของผมครับ เพราะผมคิดว่าคดีมันน่าจะนำมาเปรียบเทียบกันได้

อยากจะให้เพื่อนๆได้นำมาเปรียบเทียบดูครับกับคดีสาวซีวิกว่า ถ้าพรุ่งนี้ ตำรวจสรุปว่า สาวซีวิกผิดจริง ตำรวจจะดำเนินคดีตามหน้าที่เหมือนกับเด็กขี่จักรยานคนนี้มั้ยครับ นี่น่าจะเป็นสิ่งเปรียบเทียบกันได้ระหว่างเด็กขี่จักรยานที่ไม่มีนามสกุลดังซึ่งตำรวจจับส่งสถานพินิจ ตามที่มีผู้ฟ้องร้องมา (บ.ประกัน) กับสาวซีวิกที่มีนามสกุลดัง ว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร

ปล. โดยส่วนตัวผมเห็นใจสาวซีวิก ที่สังคมออกมาลงโทษและประนามอย่างรุนแรง แต่อีกมุมนึง ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องจริง ที่มีการใช้อำนาจของคนที่ร่ำรวยกว่ามีอิทธิพลมากกว่า สามารถที่จะรับโทษ น้อยกว่า คนที่ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจเลยจริงๆ

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 17:47:09

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 17:45:03

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 01:26:47

 
 

จากคุณ : chet9762
เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 01:23:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com