ความคิดเห็นที่ 1 ภาพต่อมาชื่อ คู่ชีวิต สองตัว ลอยเอื่อย ๆ มาแบบน้ำก็ไม่กระเพื่อม จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 05:01:56

ความคิดเห็นที่ 2 ถัดไปเป็นเรือพายเข้าคลองมาช้า ๆ ให้ชื่อว่า กลับบ้าน จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 05:04:33

ความคิดเห็นที่ 3 และสุดท้ายคือ สองเรา ซึ่งเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 05:07:02

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอสะพานรถไฟอยู่ใกล้แค่นี้เอง ภาพทั้งหมดนั้นอยู่ทางฝั่งซ้ายหรือขวาของสะพานนี้ ก็จำไม่ได้แล้ว ข้างหนึ่งคือ วัดวิมุต ฯ อีกข้างหนึ่งเป็นโรงไฟฟ้ายันฮีนี่เอง จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 05:13:35

ความคิดเห็นที่ 5 สะพานพระรามหก ข้อมูลจาก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมระหว่างแขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กับแขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ข้อมูลตัวสะพาน สะพานสร้างตามแบบ Cantilever ประกอบด้วยสะพานเหล็ก 5 ช่วง ส่วนหนึ่งเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กให้รถยนต์ทุกชนิดผ่าน อีกส่วนหนึ่งเป็นทางรถไฟ พร้อมทางเดินเท้า 2 ด้าน ตัวสะพานมีความยาว 442.08 เมตร กว้าง 10 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 10 เมตร ดังนั้นเรือขนาดธรรมดาสามารถลอดผ่านได้ ปัจจุบันสะพานพระราม 6 ปิดการจราจรส่วนที่เป็นถนน เมื่อมีการก่อสร้าง สะพานพระราม 7 ขึ้นเป็นสะพานคู่ขนาน แล้วนำส่วนที่เคยเป็นถนนแปรสภาพเป็นทางรถไฟ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทางคู่ช่วง ชุมทางบางซื่อ - นครปฐม สำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2546 แม้กระนั้นก็ตาม เวลาใช้งานจริงต้องให้รถไฟแล่นผ่านไปครั้งละขบวน เพื่อป้องกันไม่ให้สะพานทะลายลงมาเพราะรับน้ำหนักเกินพิกัด จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 05:19:49

ความคิดเห็นที่ 6 ประวัติ สะพานพระราม 6 เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสะพานแรกของประเทศไทย ลงนามในสัญญาก่อสร้าง เมื่อ เมษายน พ.ศ. 2465 เริ่มการก่อสร้างเมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2465 วางหีบพระฤกษ์เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2466 โดย กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเชื่อมทางรถไฟฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดต่อกัน โดยให้บริษัท เล เอตาบริดจ์มองต์ ไตเต ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้รับเหมา เนื่องจากชนะการประมูลโดยอาศัยค่าเงินฟรังก์ฝรั่งเศสที่อ่อนตัว (1 บาทแลกได้ 5 ฟรังก์) เมื่อเปรียบเทียบกับเงินปอนด์อังกฤษที่ผูกติดกับทองคำ (1 ปอนด์แลกได้ 11 บาท) ในเวลานั้นเงินบาทสยามผูกติดกับเงินปอนด์อังกฤษด้วย โดยค่าก่อสร้างเท่ากับ 2,714,113.30 บาท สะพานสร้างเสร็จในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2469 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าสะพานพระราม 6 ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 และโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีเปิดสะพานให้ขบวนรถไฟเดินผ่านข้ามเป็นปฐมฤกษ์ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2469 (นับอย่างปัจจุบันต้องปี พ.ศ. 2470 แล้ว) ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้รถจักรไอน้ำ " บอลด์วิน " ล้อแบบแปซิฟิก หมายเลข 226 ทำขบวนเสด็จ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานได้ถูกกองทัพสหรัฐและอังกฤษทิ้งระเบิดอย่างหนัก ในที่สุดช่วงกลางสะพานขาดเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 และได้ซ่อมแซมใหม่โดยบริษัทดอร์แมนลอง (ผู้รับเหมาจากประเทศอังกฤษที่เคยประมูลการก่อสร้างสะพานพระราม 6 แต่แพ้การประมูลเพราะค่าเงินปอนด์แข็งเกินไป) และบริษัทคริสเตียนนี แอนด์ นีลเส็น (ไทย) จำกัด (ผู้รับเหมาเดนมาร์กที่ภายหลังได้เป็นผู้รับเหมาไทยเต็มตัวเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพราะย้ายฐานมาเมืองไทย มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นสำคัญ) ในระหว่าง พ.ศ. 2493 - 2496 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานพระราม 6 หลังจากซ่อมแซมแล้ว เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2496 โดยใช้รถจักรดีเซลไฟฟ้า " ซูลเซอร์ " หมายเลข 562 ทำขบวนเสด็จ ############# จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 05:22:41

ความคิดเห็นที่ 7 หวัดดีตอนเช้าๆ ค่ะ.คุณลุง.. แวะมาชมภาพ..แห่งความทรงจำค่ะ... จากคุณ : ยายภูธร เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 06:23:53

ความคิดเห็นที่ 8 สะพานพระราม 6 ถิ่นเก่าสมัยเรียน ช่างกลพระนครเหนือ นี่นา.... ขอบคุณ ภาพขาวดำ....ครับ...ชอบเลย... จากคุณ : หนุ่มเมืองพาน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 07:31:27

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีครับคุณอา สมัยเด็กๆผมกับเพื่อนๆจะไปเล่นซุงที่อยู่หน้าวัดสร้อยทอง และจะเกาะเรือโยงกลับท่าพระจันทร์ครับ จากคุณ : ตาแว่น (chanyout) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 07:53:47

ความคิดเห็นที่ 10  สวัสดีครับ คุณอาเจียวต้าย มาเห็นภาพแล้วยก  ให้ ชอบมุมมองของช่างภาพท่านนี้จริงๆ มีจินตนาการ เห็นได้จากการจัดองค์ประกอบภาพ สอดคล้องกับชื่อภาพ ปล. กีฟ หมดเสียแล้ว จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 07:59:08

ความคิดเห็นที่ 11  คุณ หนุ่มเมืองพาน ผมเป็นศิษย์สำนักเดียว เลิกเรียนเดินเที่ยวแถวนั้น สะพานพระราม 6  ตาแว่น อยู่ท่าพระจันทร์มาไกลถึงวัดสร้อยทอง ผมชอบบรรยากาศแม่น้ำ  ผมชอบเหมาเรือหางยาวที่ท่าน้ำปากเกร็ด ให้พาเที่ยวเกาะเกร็ด วนรอบแล้ว ล่องมาเรื่อยๆ ดูคนหากุ้งหาปลา แวะคุยกับเขา เขาเล่าว่ากุ้งแม่น้ำที่หาได้เอาไปขายร้านอาหารริมน้ำ  ล่องไปเรื่อยๆ ผ่านที่เก็บเรือสุพรรณหงส์ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 08:11:20

ความคิดเห็นที่ 12 คุณพี่เจียวต้ายพอจะบอกได้ไหมครับว่าใช้กล้องอะไรถ่าย... พอดีผมสนใจเรื่องกล้องมากน่ะครับ จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 08:15:30

ความคิดเห็นที่ 13 รถไฟสายใต้มาบางซื่อหัวลำโพงต้องผ่าน ผมนั่งรถไฟผ่านประจำสำหรับสะพานนี้ เคยนั่งเรือธงส้มผ่านไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เพราะเห็นว่าเคยผ่านบ่อย ภาพน่าจะเป็นศาลเจ้าริมแม่นํ้าแถวบางโพ จากคุณ : visitna เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 08:19:44

ความคิดเห็นที่ 14  ภาพ คห. 5 ถ่ายได้สวยมาก ใช้เลนซ์อะไรถ่ายครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 09:32:49

ความคิดเห็นที่ 15 ... จากคุณ : Resource of life เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 09:46:52

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับ เข้ามาชมภาพและประวัติสะพานพระรามหก ผมเด็กฝั่งธนฯ แต่สนิทแนบแน่นกับสะพานพูทธฯ มากกว่า คุณตาแว่นอยู่ท่าพระจันทร์ เที่ยวไปไกลถึงวัดสร้อยทอง แวะกลางทางแถวๆ ท่าเขียวไข่กาบ้างหรือเปล่า ละครับ อิอิ จากคุณ : นายเก่าคนก่อน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:11:39

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตคุณอาครับ ตอบคุณTiny Nu ตอนยังเป็นเด็ก (12-15ปี) ผมซนมาก หลังบ้านเป็นแม่น่ำเจ้าพระยา ได้แต่เล่นน้ำ เกาะเรือโยง ทางเหนือไกลสุดก็คือวัดสร้อยทอง ทางใต้ไกลสุดก็คือสะพานกรุงเทพ บุคโลโน่นแหละครับ รวมหัวกัน 5-6 คน ว่ายน้ำไปเกาะเรือโยง แถวสะพานพระราม 6 จะมีโรงเลื่อย มีซุงผูกกันเป็นแพ ลากมาตามลำน้ำ บางครั้งซุงท่อนเดียวขึ้นไปยืน 2 คนแล้วหมุนในน้ำ ดูว่าใครยืนอยู่ได้นานกว่า (เหมือนเกมส์ที่รายการญี่ปุ่นเอามาเล่น) ผมเล่นกันตั้งแต่เด็ก ตอบพี่นานเก่า สมัยเด็กไม่รู้จัก ท่าเขียวไข่กา หรอกครับ มารู้เอาตอนเป็นหนุ่มแล้ว พวกยานเกราะต้องรู้จักดี ผมเพียงได้ยินชื่อครับ ไม่เคยพิสูจน์ซักครั้ง พอโตแล้วพวกนั้นกลายเป็นของล้าสมัยครับ.......ชวาลา...ทันสมัยกว่าเยอะ 5555555 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 10:38:39 จากคุณ : ตาแว่น (chanyout) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:35:42

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีค่ะคุณลุง จากคุณ : รัตน์แปลว่าแก้ว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:13:06

ความคิดเห็นที่ 19 อิอิ...ขำพี่ๆ เล่าเรื่อง เกาะเรือโยง ชอบเกาะเรือโยงเหมือนกันค่ะ เพราะไม่เหนื่อย ว่ายน้ำ แต่ไม่เคยไปไกลๆ แค่มัสยิดบางอ้อ ถึง สะพานกรุงธน ก็หรูแล้ว .. ว่ายน้ำกลับมาไม่ทัน ยายหวดก้นลาย แถมถ้าครูมาเห็น..จะโดนทำโทษที่โรงเรียนอีก ภาพสะพานพระรามหก สวยงามมากเลยค่ะคุณอา.. ลำคลองสมัยนั้น ผักบุ้งแม่น้ำ ต้นอวบ.. ทำแกงคั่วผักบุ้ง ใส่ปลาโอ อร่อยมาก บ้านเราทานผักบุ้งแม่น้ำ ไม่ทานผักบุ้งนาต้นเล็กแดงๆ ยางเยอะ สมัยเด็กแถว สามเสน จะมีการเลี้ยงแพะ รีดน้ำนมกันเป็นจำนวนมาก ทางบางอ้อ ถึง วัดวิมุติยาราม เป็นที่ของแขก มุสลิม ตระกูลใหญ่คือ โยธาสมุทร ส่วนบางพลัดลงมาถึงสะพานกรุงธนจะเป็นที่ของคนไทย   ได้ทานน้ำนมแพะ กุระหม่าแพะ โรตี มะตะบะ เพราะ แขกแพ แถวบางอ้อ ที่นำมาให้คุณยายค่ะ จากคุณ : nupvs เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:45:12

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะ ชอบดูภาพเก่า สภาพบ้านเมืองแต่เก่าก่อน บ้านริมน้ำถึงจะดูน่าอยู่ แต่คงไม่ได้เป็นตัวเลือก ว่ายน้ำไม่เป็นหนึ่ง ถึงคราวหน้าน้ำคงยิ่งหนักหนาสาหัส ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:47:09

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีครับ คุณ อา   ตามมาชม  ครับ จากคุณ : ป่าเหนือ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 13:15:21

ความคิดเห็นที่ 22 มาตามชมครับ จากคุณ : Magicianred_01 เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 13:37:07

ความคิดเห็นที่ 23 โอ้โห....มีแต่หนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ทั้งนั้นเลยแฮะ วัยละอ่อน (ปวกเปียก) อย่างเราไม่รู้่จะคุยอะไร ก็อยากจะบอกว่า เรื่องเรือโยงเนี่ยยอดฮิตเลย   ท่าเขียวไข่กาของคุณตาแว่นฯ  เลยบ้านผมไปหน่อยเดียวเองขอรับ ผมชอบไปวิ่งเล่นแถวนั้นเป็นประจำเลยละขอรับ ก่อนจะโดดน้ำเกาะเรือโยง มักจะไปรับจ้างคุณนู๋แถวนั้นซื้อโอเลี้ยงเป็นประจำ ได้ตังค์เอาใส่กระเป๋าเอาหนังกะติ๊กรัดซะแน่นหนา ขึ้นจากน้ำมา เหลือแต่หนังกะติ๊ก  กระเป๋ามันขาดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตอนนั้นสะพานกรุงธน (ซังฮี้) กำลังก่อสร้าง  วันไหนไปเกาะเรือโยง มักจะโผเข้าฝั่ง ไปดูเค้าทำสะพาน ชอบดูเวลาเค้าตอกหมุด เคยเห็นหมุดที่เป็นตุ่มๆตามโครงสร้างสะพานมั้ยครับ ทั้งพระราม 6 สะพานพุทธฯ ทำเหมือนกันหมด   เวลาช่างเค้าตอกหมุดรู้สึกสนุกแฮะ   ก่อนที่เค้าจะตอก  หมุดเหล็กนี่เค้าต้องเผาไฟก่อน มีเตาเผาอยู่ข้างล่าง เผาจนหมุดแดงโร่เลยเชียวแหละครับ พอมันแดงได้ที่ คนที่อยู่ข้างล่าง ก็จะเอาคีมด้ามยาวๆ คีบหมุึด แล้วโยนขึ้นไป ที่คนรับด้านบน  คนรับนี่ใส่ถุงมือกันความร้อน อันเบ้อเหิ้มเลย ใหญ่กว่าถุงรับเบสบอลอีก  พอรับได้ปุ๊บ  เอาคีบจับยัดใส่รูปั๊บ  คนที่มีหน้าที่ตอก ก็ซัดเป้ง จมรูมิดเลย สนุกอีตรงที่ดูเค้าโยน เค้ารับกันนี่แหละ คอยลุ้นว่ามันจะพลาดเข้าหน้าไอ่่เจ้าคนรับมั่งมั้ย แต่ไม่ยักเห็นแฮะ ทุกวันนี้ขับรถผ่านสะพานพวกนี้ เป็นต้องเหลียวมองเจ้า่ปุ่มปมที่เห็นเป็นแถวเป็นแนว ตามโครงสะพานทุกครั้งไป กว่าจะทำได้แต่ละ่ตัวยืนยงมาถึงทุกวันนี้ได้   ฝีมือล้วนๆ โดยไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีใดๆ...!! จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:33:19

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบชื่อที่คุณลุงเจียวต้านตั้งชื่อให้กัยรูปทุกรูปเลยค่ะ จากคุณ : ขอพบในฝัน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:47:38

ความคิดเห็นที่ 25 ผมจำได้ที่เขาว่า ภาพเพียงภาพเดียวมีค่ามากกว่าคำพูดพันคำครับ ภาพนี้มีอายุกว่า ๕๐ ปี แต่ช่วยให้ผมนึกถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องได้มากกว่าพันคำครับ แหมคุณ หนุ่มเมืองพาน ภาพโคมลอยขาวดำนี่ ทำท่าจะสวยกว่าสีแดงนะครับ ขอบคุณที่ส่งไปให้ครับ ขอบคุณมากครับ ผมว่ายน้ำเป็นตั้งแต่ปีที่น้ำท่วม ๒๔๘๕ ครับคุณตาแว่น (chanyout) แต่เรื่องแม่น้ำนี่ไม่กล้าโผล่หัวออกไปเลยครับ แค่ปากคลองบางซื่อก็ต้องเกาะไม้ไผ่สองลำว่ายออกไปครับ ขอบคุณคุณTinyNu กี๊ฟหมดก็ไม่เป็นไรครับ คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กันก็ดีแล้วครับ ผมนี่เขาว่าเป็นธาตุน้ำ ชอบแม่น้ำลำคลองมากครับ ก่อนมีเรืองหางยาว ผมกับเพื่อนชุดที่ไปเชียงใหม่ เคยว่าเรือจ้างแจวขึ้นไปถึงเมืองนนท์วันลอยกระทง แต่ไม่มีกระทง กินเหล้าอย่างเดียวครับ เพราะชอบน้ำครับ คุณหมู4X อย่าลืมว่าภาพชุดนี้ถ่ายเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ นะครับ หลังภาพบันทึกไว้ว่า กล้องโวคแลนเดอร์ ๓๕ ม.ม. ฟิล์ม โกดัก ไทร เอ็กซ์ หน้ากล้อง F 11 ความเร็ว 1/100 เวลา ๑๔.๓๐ น. ฟิลเตอร์เหลือง ผมไม่ค่อยคุ้นกับภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำตอนเหนือกรุงเทพครับ คุณvisitna ถนัดแต่ท่าปิ่นเกล้าถึงท่าสาทร เพราะไปบ่อยครับ คห.๕ ไม่ได้บันทึกอะไรไว้เลย น่าจะเป็นกล้องเดียวกับที่ตอบคุณหมู4X ไปน่ะครับ คุณนายเก่าคนก่อน กับคุณตาแว่น นี่ ใครจะรู้จักท่าเขียวไข่กาก่อนกันครับ แกงคั่วผักบุ้ง ผมชอบใส่หัวปลาเค็มครับ คุณ nupvs เก่งนะครับเกาะซุงในแม่น้ำมาได้ไกลทีเดียว เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ย่านนั้นหรือครับ ความจริงบ้านอยู่ริมแม่น้ำ ไม่น่าจะถูกน้ำท่วมนะครับ คุณป้าหนาสองนิ้ว เพราะรู้ระดับน้ำสูงสุดก่อนที่จะปลูกบ้านอยู่แล้ว เว้นแต่สมัยนี้น้ำไม่ได้มาตามธรรมชาติ แต่ผมคิดว่ายกพื้นหนีก็น่าจะแก้ได้นะครับ สะพานกรุงธนก่อสร้าง พ.ศ.๒๕๐๐ ผมเคยไต่โครงเหล็กก่อนที่จะทำพื้นผิวจราจร เพื่อไปถ่ายรูปขบวนเรือพยุหยาตรางานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ มองลงไปใจหวิว ต้องนอนถ่ายครับ แต่ไม่เคยเห็นการตอกหมุดเลย กว่าจะครบหลายพันตัวไม่มีพลาดเลยหรือครับ ขอบคุณ คุณ Resource of life คุณรัตน์แปลว่าแก้ว คุณป่าเหนือ คุณ Magicianred_01 และคุณลุงอ่ำด้วยครับ. จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:22:30

ความคิดเห็นที่ 26    ย อ ด เ ยี่ ย ม  ทุกรูปเลยค่ะ จากคุณ : หนูออน (Oncidium.) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:56:47

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ.. อ่านรายละเอียดการถ่ายภาพแล้วทราบเลยว่าท่านผู้ถ่ายเป็นนักถ่ายภาพที่เอาจริงเอาจังมาก กล้องวอกแลนเดอร์เป็นกล้องเยอรมันที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ปัจจุบันถือเป็นกล้องสะสมตัวหนึ่งไปแล้ว... ยินดีที่ได้เห็นภาพจากกล้องตัวนี้ครับ... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:58:31

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณคำชมของคุณหนูออน (Oncidium.) ครับ ขณะนั้นเป็นเวลาที่กำลังศึกษาเรื่องการถ่ายภาพครับคุณหมู4X เปิดตำราถ่ายแล้วก็จดรายละเอียดไว้เปรียบเทียบกับชุดต่อ ๆ ไปครับ. จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:12:07