|
ขอบคุณครับ คุณแพรวซ่าส์
จะเข้ามากี่รอบ...ลุงก็ยินดีเสมอครับ และเป็นการดีเสียอีกที่ได้มีเพื่อนคุย วันเสาร์-
อาทิตย์ ไม่ว่าง ติดภาระต้องเรียนมาเกือบ 4 ปี ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไปเรียนอีกแล้ว แต่ละ
คนก็แยกย้ายกันไปตามทิศทางของแต่ละคน เพราะเกือบทุกคน มีงานทำหรืออยู่ใน
ระหว่างการทำงาน ที่เขามาเรียน ก็เพื่อเพิ่มวุฒิให้ตนเอง แต่สำหรับลุง ก็ไม่รู้จะไป
เพิ่มอะไรให้ตนเอง เพราะทุกอย่างได้ทำไปจนหมดสิ้นแล้ว แต่ต้องการเรียนเพื่อเรียนรู้
เท่านั้น (Learn to Leared)
ลุงคงขอพักอีกซัก 6 เดือน เพื่ออ่านหนังสือที่ซื้อมาพะเนินเทอนทึก เพื่อต้องการที่จะ
เรียนรู้ต่อไปว่าจะเรียนต่ออะไรดี ลุงอาจจะไม่ต่อโทที่ราชภัฎ แต่อยากหาประสบการณ์
ที่อื่นดูบ้าง แต่ไม่ว่าโทที่นิด้า หรือเกษตร หรือที่ศสินทร์ ค่าเทอมคงแพงเป็นแสนๆ
บาท โดยเฉพาะการเรียนภาคพิเศษ เพราะป. โท ต้องใช้คนระดับ ดร. สอน แล้วคุณก็
รู้อยู่ว่า ดร. ในบ้านเราค่าตัวเท่าไหร่ คุณอาจจจะสงสัยว่า ทำไมลุงต้องเรียนภาค
พิเศษด้วย เรียนวันธรรมดาไม่ได้หรือ ก็เพราะลุงยังต้องไปเป็นวิทยากร ซึ่งลุงทำมา
นานกว่า 30 ปีแล้ว และก็ได้งานตรงนี้แหละเลี้ยงชีพมาตลอด เป็นงานที่ไม่มีวันตาย
ไปพูดแล้วสนุกกับการบรรยาย ให้ความรู้แก่นักขายทั้งหลาย โดยลุงใช้ประสบการณ์
กว่า 40 ปี ผสมกับวิชาการ ทำให้คนชอบ อย่างปีนี้ ก็มีคนจองบรรยายไว้แล้วตั้งแต่ต้นปี
48 คอสเฉลี่ยเดือนละ 4 คอส ซึ่งหากนับขาจรอีก ก็คงจะ
มีประมาณ 50 - 60 คอสต่อปี ก็ได้สตังค์มาหลายอยู่เหมือนกัน
อีกอย่างหนึ่ง คือ ลุงไม่อยากเครียดมาก ที่มาเรียนราชภัฎนี่ก็เพราะมันเรียนง่าย และ
ไม่เป็นภาระแก่วัยคนแก่อย่างลุง แต่ตอนนี้ลุงอายุ 65 ย่างเข้า 66 ปี ถ้าจะเรียนโท
อย่างน้อยอายุเข้าปาเข้าไป 67 - 68 ปี สังขารของคนเรา ก็ย่อมแก่ตัวไปเป็นธรรมดา
สมองย่อมล้าไปตามอายุไข ดังนั้น หากจะเสียเงินอีกสัก 2 - 3 แสนเพื่อเรียนโทต่อ ก็
ต้องคิดดูว่ามันคุ้มกันหรือไม่ เพราะลุงได้รับประกาศนียบัตรมา ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
กับมัน นอกจากเรียนเอามันส์กันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องปรึกษาสปอนเซอร์ก่อน....เพราะตอนนี้กำลังมีปัญหากับสปอนเซอร์
เรื่องเงินโบนัส คือตอนที่ลูกสาวลุงเรียนป.ตรีอยู่ที่รังสิต เขาค่อนข้างจะติดโรค
ไฮโซโลว์มันนี่ เขามาขอลุงเพื่อซื้อกระเป๋าหลุยส์ ลุงก็ไม่ให้ เพราะมันแพงดับจิต มาขอ
ซื้อนาฬิกาออยเออร์ ลุงก็ไม่ให้ แต่เพื่อไม่ให้ลูกต้องเสียใจ ลุงก็ต้องมีของแลก
เปลี่ยน คือ ถ้าสอบวิชาไหนได้ A ลุงจะให้ 4,000.- วิชาไหนได้ B ลุงจะให้ 3,000.-
ต่ำกว่า B อด ความที่อยากได้ของที่ตนเองรัก เขาก็ขยันขึ้น ทำ A ได้หลายตัว B ก็ได้
หลายตัว ตอนหลังมี B+ ลุงก็ให้ 3,500.- เมื่อเขาเก็บเงินได้ครบ เขาจะไปซื้ออะไรก็
ตามใจเขา ถือเป็น Win - Win ทั้งคู่ คือเขาก็ได้ของที่อยากได้....เราก็ได้ลูกที่เรียน
เก่งขึ้น
ตอนนี้ ถึงตาลุง ลุงก็เอาแบบที่เคยให้เขาบ้าง เขาก็รับปาก แล้วตอนนี้ คุณแพรว
ซ่าส์ลองนับดูซิครับว่า ลุงได้ A มากี่ตัวแล้ว B กี่ตัว และ B+ กี่ตัว....ตอนตกลงกัน
ใหม่ๆ เธอคิดว่าพ่อคงทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ พอลุงจะจบ ลุงก็ขอตกเบิก A ได้ 16 ตัว ตัว
ละ 4,000.- เป็นเงิน 64,000.- B+ ได้ 4 ตัว เป็นเงิน 14,000.- และ B อีก 2 ตัว เป็น
เงิน 6,000.- บาท รวมเป็นเงิน 84,000.- (ยังไม่รวมเทอมนี้และฝึกงานซึ่งลุงคิดว่า A
แหงๆ อีกหลายตัวอยู่แล้ว) ทั้ง 2 พี่น้องชักอิดออด เพราะมันหลายสตางค์อยู่ ขอให้
ลดราคาลง ลุงบอกไม่ได้ เพราะที่พ่อส่งลูกตอน ป.ตรี นั้น มันพ.ศ. อะไร แล้วนี่มัน พ.
ศ. อะไร ค่าครองชีพมันขึ้นไปที่เท่าแล้ว พ่อไม่คิดค่าครองชีพบวกเข้าไปด้วยปราณีถม
ไปแล้ว ....นี่สปอนเซอร์ 2 คนพี่น้องเขากำลังปรึกษากันอยู่ ว่าจะทำอย่างไรก้บเงิน
ก้อนนี้ดี........ใครจะแชร์กันเท่าไหร่
อย่างน้อย ถ้าลุงได้มาสัก 8 - 9 หมื่น จะได้เป็นทุนรอนทำ ป. โท ต่อไป หรือคุณ
แพรวซ่าส์ จะว่าอย่างไร?
จากคุณ |
:
ลุงแอ็ด
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.พ. 54 21:08:54
|
|
|
|
|