บันทึกของผู้เฒ่า (๑๐๕) พิพิธภัณฑ์
|
|
บันทึกของผู้เฒ่า (๑๐๕)
พิพิธภัณฑ์
เรื่องของพิพิธภัณฑ์นั้น เราเข้ามาเกี่ยวข้องโดยบังเอิญ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อได้ผ่านการศึกษาแล้ว จึงได้รู้ว่า ความจริงเราเป็นคนที่รักประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะเราชอบเก็บสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นของใช้หรือของเล่นเอาไว้มากมาย ทั้ง ๆ ที่ควรจะทิ้ง โดยไม่ได้เจตนาจะให้เป็นวัตถุพิพิธภัณฑ์ในภายหลัง
เราเก็บเปลตาข่ายที่ลูกชายสองคน เคยนอนตั้งแต่เล็กไว้ จนถึงเวลาที่เขาจบชั้นมัธยม สมัยเรียนหนังสือ เรามีกระดานชนวนและดินสอหินในชั้นประถม ขวดหมึกเขียวแดงในชั้นมัธยม บัตรประจำตัวตั้งแต่เริ่มทำงาน พ.ศ.๒๔๘๙ จนถึง พ.ศ.๒๕๓๓ ก็เก็บไว้หมด
และชอบถ่ายรูปเรื่องราวหรือสถานที่ของกรุงเทพ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ เช่นงานเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ที่ท้องสนามหลวง หรือโรงภาพยนต์เฉลิมไทย เมื่อฉายภาพยนต์รอบสุดท้าย ก่อนที่จะทุบทิ้ง เป็นต้น รวมทั้งของกระจุกกระจิกต่าง ๆ ที่แม่เก็บไว้ตั้งแต่ครั้งโบราณ ก่อนเราเกิดอีกมาก ที่เมื่อมาถึงยุคเราแล้ว ก็ยังเก็บไว้เป็นอย่างดี หลังจากที่กระจัดพลัดพรายไปบ้าง เมื่อสมัยน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.๒๔๘๕ ซึ่งเรายังมีอายุเพียงสิบกว่าขวบ ครั้นถึง พ.ศ.๒๕๓๔ เราจึงได้ทราบเรื่องการริเริ่มจัดพิพิธภัณฑ์เด็ก ของสมาคมกิจวัฒนธรรม และศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสะพานผ่านฟ้า ซึ่งได้ร่วมกันจัดนิทรรศการ อวดของจากวัยเด็ก ขึ้นเมื่อ ๙ - ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๔ เราจึงได้เริ่มส่งของในวัยเด็กของเรา ไปร่วมงานในนามของลูกชายหลายชิ้น เช่นกระดานชนวน ขวดหมึก ภาพซิกาแรต ไพ่ รูปถ่ายวัยเด็กของเรา เปรียบเทียบกับวัยเด็กของลูกชาย แต่สิ่งที่ขึ้นหน้าขึ้นตาและได้รับความสนใจจากผู้ชม ก็คือเปลตาข่ายนั่นเอง
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.พ. 54 09:05:11
|
|
|
|