"ลุงแอ็ด"..เล่าให้ฟัง (2) ....เธอเป็นญาติกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?...
|
 |
ในชีวิตหนึ่ง คนเราก็เกิดมาแล้ว ก็ต้องยึดการงานหนึ่งเป็นอาชีพ เพื่อดำรง
ชีพ เพื่อใช้ในการทำมาหากิน อย่างมีเพื่อนลุงแอ็ดคนหนึ่ง เวลาใครถาม
หรือต้องกรอกในแบบฟอร์มอะไร แกมักจะกรอกว่า อาชีพ นักพูด.....ซึ่ง
ก็มักเป็นที่สงสัยของผู้คนเป็นอย่างยิ่งว่า ไอ้การเป็น นักพูด นี่มันจะยึด
เป็นการทำมาหากิน เป็นอาชีพได้จริงๆ หรือ ต่อมาพอแกเข้ามาในวงการ
เมือง แกก็เปลี่ยนอาชีพเป็น นักการเมือง และตอนนี้พอเลิกเล่นการเมือง
แล้ว อาชีพก็เปลี่ยนเป็น ตกงาน ซึ่งจริงๆ แล้วแกไม่ได้ตกงานหรอก
เพียงแต่ไม่ได้ทำการทำงานให้เป็นหลักแหล่ง วันหนึ่งก็มีคนเชิญให้ไปพูดที่
นั่นที ที่นี่ที เนื้อหาสาระก็แตกต่างกันไปแล้วแต่วัตถุประสงค์ว่าจะให้แกพูด
เรื่องอะไร แกพูดได้ทุกเรื่อง เพื่อนของลุงแอ็ดคนนี้ ชื่อ อาจารย์ทินวัฒ
น์ มฤคพิทักษ์ นักทอคโชว์ที่โด่งดังของเมืองไทยคนแรกนั่นเอง
ลุงแอ็ดก็ยึดอาชีพ การพูด เป็นหลักเหมือนกัน แต่การพูดของลุงแอ็ดไม่
ธรรมดา คือพูดแล้ว คนฟังจะต้องเสียเงินด้วย เสียเงินแล้วก็ได้ประโยชน์
หรือได้ความสุขกลับไป และในที่สุดด้วยการบริการที่เป็นเลิศ ทำให้ลุง
แอ็ดมีเพื่อนฝูงมากมาย เป็นที่รักของบุคคลทั่วไป (หมายเหตุ : ที่เขียน
อย่างนี้ก็เพราะ ไม่ใช่ต้องการให้ผู้อ่านหมั่นไส้เล่น แต่เพื่อให้แตกต่างกับ
อาจารย์ทินวัฒน์ เท่านั้นเอง)
เวลาเขาถามว่าลุงแอ็ดมีอาชีพอะไร ในอดีต ปี พ.ศ. 2507 ลุงแอ็ดก็ต้อง
ตอบว่า อาชีพ พนักงานขาย ครับ.....อ้าว ก็เรามีหน้าที่ขาย มีหน้าที่ออก
ไปหาคนซื้อ แล้วไปพูดให้เขาซื้อ ถ้าไม่มีซื้อวันนี้เพราะยังไม่มีความจำ
เป็น หรือยังไม่มีเงิน ลุงแอ็ดก็จะขอคำแนะนำจากเขาว่า คุณพี่ พอจะ
กรุณาแนะนำให้ผมได้รู้จักเพื่อนของคุณพี่ ผู้ซึ่งกำลัง หรือคล้ายๆ กับกำลัง
จะมีความต้องการสินค้าที่ผมเอามาเสนอคุณพี่นี่บ้างไหมครับ.....ซึ่งส่วน
มากก็มักจะได้รับความกรุณาจากท่านผู้จะเป็นลูกค้าเหล่านั้นเมตตาสงสาร
แนะนำลูกค้ารายต่อไปให้เสมอมา..................................................
พอในปี พ.ศ. 2512 เขาก็เปลี่ยนตำแหน่งเราใหม่เป็น Sales
Representative หรือ ผู้แทนขาย ซึ่งฟังดูๆ แล้วก็คล้ายกัน แต่นัยว่า
เพื่อให้โก้เก๋ยิ่งขึ้น ฟังดูแล้วน่าซื้อยิ่งขึ้น ให้มันมีลูก..อะไร...ที่ออก ถีบ...
ถีบ.... อยู่บ้าง ซึ่งฟังสำเนียงเป็นฝรั่งดี แต่หน้าที่ของลุงก็คือ พูดให้คน
ซื้อ อยู่นั่นเอง ชื่อเปลี่ยน แต่งานไม่เปลี่ยน............................
เรื่องการขาย นี่มันมีอะไรแปลกๆ ตลกๆ มาเล่าสู่กันฟังมากมาย บางเรื่องก็
เป็นตลกแบบฝืดๆ คือ จะตลกก็ไม่เชิง จะว่าดีก็ไม่ใช่.....ดังเรื่องที่ลุงจะ
เล่าให้ฟังต่อไปนี้
วันหนึ่ง ลุงเดิน Knock Door หมายถึง เดินเคาะประตู ตามบริษัท หรือห้าง
ใหญ่ ที่เขาพอมีปัญญาจะซื้อเครื่องบวกเลขราคาแพงของลุงได้ ลุงก็เดิน
เรื่อยเปื่อยไปจนถึง วังบูรพา ซึ่ง ขณะนั้น ยังมีโรงหนัง คิงส์ ควีนส์ แก
รนด์ สามโรงตั้งเรียงแถวกันอยู่ ตั้งใจว่าเข้าหาบริษัทใหญ่ ซึ่งอยู่ต่อหน้านี้
เป็นรายสุดท้าย เสร็จแล้ว คงจะได้เวลาแวบเข้าไปดูหนังรอบบ่ายซึ่งกำลัง
ฉาย เรื่อง G. I. Blue ซึ่งมี Elvis Presley เป็นดาราแสดงนำอยู่พอดี ค่าดูก็
12.50 บาท เท่านั้นเอง ........................
สวัสดีครับ คุณพี่.......ลุงเรียกลูกค้าทุกคนว่า คุณพี่ จนติดปาก
ว่าไงจ๊ะ........แหม เสียงคุณพี่ Operator ซึ่งมีหน้าที่หมุนแป้นโทรศัพท์
หันมายิ้มและทักทายอย่างอารมณ์ดี
ครือ....ผมอยากเรียนถามว่า ที่บริษัทนี้ มีเครื่องบวกเลขใช้บ้างแล้วยังครับ
มันเป็นยังไงละ..เจ้าเครื่องบวกเลขของเธอนะ.......คุณพี่เสียงขี้เล่นถาม
ด้วยความอยากรู้ เพราะสมัยนั้น เครื่องบวกเลขมันใหม่มาก ใหม่เหมือนกับ
ไอพ็อดจะออกรุ่น ท่องอวกาศ ในเร็ววันนี้นั่นแหละ
มันทำให้ลุงต้องเปิดกระเป๋าเจมส์บอน หยิบเอาแค้ตตาล็อกที่บริษัทเขาให้ไว้
แจกลูกค้า เอามาให้เธอดู พอเธอเห็นเข้า ก็ทำตาโต........
เหมือนเครื่องของโอลีเวตตี้จังนะ...... เธอเอ่ยปากบอกยี่ห้อคู่แข่งขึ้นมา
พอดี
คุณพี่เคยเห็นที่ไหนหรือครับ ลุงถามด้วยความสงสัย
เปล่าหรอก....พี่เห็นมีเซลส์คนหนึ่งเขายกมาให้สมุห์บัญชีใหญ่ดูเมื่อวานนี้
เอง.....
....โอ พระเจ้า.....เพิ่งยกมาเมื่อวานนี้เอง........แสดงว่า เขาคงอาจจะยังไม่
ได้สั่งซื้อนะซี........
ของผมก็มีครับ คุณพี่ บริษัทของผมจำหน่ายยี่ห้อเบอร์โร่ส์ ทำ
จากอเมริกาครับ บริษัท ยิบอินซอย นะครับ...
อ้าว....จากบริษัท ยิบอินซอย หรือ สมุห์บัญชีเพิ่งจะบอกให้พี่โทรหา
บริษัท ยิบอินซอยให้ส่งเซลส์มาเสนอเครื่องบวกเลขเมื่อตะกี่นี้เอง......เอ้า
เธอมาก็ดีแล้ว...... เดี๊ยวพี่จะติดต่อให้.........
แล้วเธอก็รับสาย ต่อสาย อะไรต่อมิอะไรของเธอวุ่นวาย พูดกับคนโน้นที่
คนนั้นที.....จนกระทั่งมาถึงคิวลุง.............
"ท่านสมุห์บัญชีบอกให้มาพบพรุ่งนี้ 10 โมงเช้า
...........เท่านั้น ลุงก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว จะดูหนงดูหนังเป็นอันยกเลิก ไม่
ต้องดูมันแล้ว กลับไปท่องตำราดีกว่า ในสมัยก่อน การขายเครื่องบวก
เลขยากมาก ตัวละ 6,000.- บาท ซึ่งบริษัทหนึ่ง จะซื้อได้เพียงเครื่องเดียว
เท่านั้น คือ สมุห์บัญชีใหญ่ นอกนั้น จะใช้ ลูกคิด กัน อันละ 5.- บาท
ราคาต่างกันยังกะฟ้ากับดิน ดังนั้น การขายจึงต้องมีเทคนิค มีกลเม็ดเด็ด
พรายให้สมราคาของมัน ลุงกลับไปบริษัทฯ เอาเครื่องมาซ้อมสาธิต เตรียม
คำตอบที่สำคัญไว้ เผื่อลูกค้าจะถาม
วันรุ่งขึ้น ก่อน 10 โมงเช้า ลุงแต่งตัวเสียหล่อ เสื้อเชิ้ตขาว รีบเรียบ กางเกง
สีน้ำเงินเข้ม ตัดกับเนคไทสีน้ำเงินเช่นกัน ดูเป็นนักธุรกิจเต็มที่....ไปรออยู่ที่
หน้าห้องของสมุห์บัญชีใหญ่ ที่บริษัทใหญ่อันมีเสียงใหญ่โตของวังบูรพาแห่ง
นั้น
คุณอมร จากบริษัท ยิบอินซอย ที่นัดไว้ มาพบแล้วคะ เสียงเลขาฯ คน
สวย แต่หน้าดุ รายงานเข้าไปทางอินเตอร์คอม
เชิญ......เสียงเล็กๆ ตอบออกมาอินเตอร์คอมตัวเดิม เป็นสัญญาณ
ว่า วินาทีแห่งการขาย ที่น่าตื่นเต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว
เชิญคะ คุณอมร.... เสียงเลขาฯ บอกเป็นเชิงอนุญาตให้ลุงเข้าพบนาย
ของเธอได้
ลุงแอ็ด สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อให้เลือดลมมันสูบฉีดให้เต็มที่ อัน
เป็นการที่จะทำให้ความตื่นเต้นลดลงได้บ้าง
ลุงไปหยุดที่หน้าประตูห้อง ยกมือเคาะ 3 ครั้ง ตามตำรา.......................
(ใครอยากรู้ว่าทำไม จะต้องเคาะสามครั้ง ลุงจะเล่าให้ฟังในภายหลัง)
เอามือเอื้อมไปที่ลูกบิด พร้อมเสมอที่จะเปิดเข้าที่ในทันทีที่ได้รับอนุญาต
เข้ามา... เสียงค่อยๆ จากห้องนั้นดังขึ้น
ลุงหมุนลูกปิดเบา ช้า พลางท่องคาถา ขอให้ตรูขายได้ .....ขอให้ตรูขาย
ได้....ขอให้ตรูขายได้ แล้วเปิดประตูผลั๊วเข้าไป
ห้องที่ลุงเห็น เป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ มีรูปรถสปอตประดับอยู่ข้างหลัง
โต๊ะมะเกลือ สีดำมะเมื่อม ณ ที่นั้น ลุงเห็นคุณผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กำลัง
เอามือท้าวคาง กำลังจ้องมองลุงอยู่เหมือนคนที่ไม่ใช่มองคน
ลุงรีบเดินเข้าไปใกล้เธออีกนิด ใบหน้ายิ้มพราย วางกระเป๋าเจมส์บอนลงกับ
พื้น ยกมือขึ้นพนม พลางกล่าวว่า
....สวัสดีครับ คุณพี่....ผม...อมร....
ลุงแอ็ดพูดแนะนำตัวยังไม่จบประโยค รู้ไหมครับ ว่า เสียงอันแหลมคม
ของเธอก็แผดขึ้นทันใดว่า.........................
(เธอกล่าวเช่นไรกับลุงแอ็ด.....ไว้ค่อยเล่าต่อพรุ่งนี้นะครับ คืนนี้ดึกแล้ว
ขอนอนก่อน....สวัสดีครับ)
แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 54 23:49:47
จากคุณ |
:
ลุงแอ็ด
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 54 23:29:21
|
|
|
|